Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มีผื่นคันเพราะเครียด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เราเคยเครียดมากจนปวดท้องมาก ไปโรงพยาบาลหมอบอกว่าเราไม่เป็นอะไร ให้น้ำเกลือและกลับบ้านได้ ส่วนเพื่อนเราตอนกลางคืนกล้ามเนื้อจะเกร็งรวมกันเป็นก้อน เหมือนเป็นตะคิว นอนปวดทั้งคืน เราหาข้อมูลทางเน็ต ปรากฏว่า เราและเพื่อนมีความเครียดสะสม (เรากับเพื่อนอยู่โรงเรียนประจำน่ะ ก็เลยเครียด โรงเรียนประจำที่เราอยู่ไม่ให้ความรู้สึกสะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน) เราไปเจอบทความเกี่ยวกับผื่นคันที่เกิดจากความเครียดเลยเอามาฝาก

โรคผื่นผิวหนังเครียด จากการเครียด หรือแพ้ยา ?
ผมสังเกตว่าเพื่อน มีอาการผื่นผิวหนัง คัน ต่มแดงกันมาก ซึ่งอาจเกิตจากการแพ้ยา ภาวะร่างกายที่ CD4 ต่ำๆ และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ ภาวะผิวหนังเครียด ซึ่งไม่ทราบสาเหตุการเกิด จึงนำความรู้มาให้อ่านกันครับ

โรคผิวหนังเครียด
อาการ
- เป็นผื่นแดง เป็นขุยที่หน้าตา หัวคิ้ว หลังหู ไรผม เรียกว่า " Sepderm"
- ผื่นคล้ายลมพิษหลังทำงาน หรือหลังการออกำลังกาย หรือมีประจำเดือน
- มีผื่นตามตัวในช่วงดึก หรือเครียดจัด
- เป็นแล้วก็หาย แล้วกลับมาเป็นซ้ำอีก ไม่หายขาดสักที
ภาวะเครียดตามร่างดาย
- เครียดลงผิว = ผื่นแดง ตุ่ม
- เครียดลงข้อ = ปวดข้อ กล้ามเนื้อแขนขา
- เครยดลงอวัยวะเพศ = โรคเริม
การรักษาและป้องกัน
1. ฆ่าความเครียดต่างๆ ออกจากร่างกาย
2. นอนให้เพียงพอ วันละ 8-10 ชั่วโมง
3. ดื่มน่ำเปล่ามากๆ เพื่อล้างความเครียดออกไป
4. ออกกำลังกายวันละ 30 นาที เพื่อไล่ธาตุความเครียดที่เกาะตามผิวหนัง
5. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น เพราะจะกระตุ้นให้ผื่นแดงง่าย
6. ทาน Vitamin C เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
7. ทานอาหารที่มีธาตุร่าเริง เช่น ข้าวโพดเหลือง ปลาทุกชนิด มะเขือเทศ

ดูแลร่างกายเท่านี้ก็ไม่เป็นโรคเครียดที่ผิวหนังแล้วครับ แล้วยังทำให้ CD4 สูงขึ้นด้วยครับ

หลายคนคงเคยมีอาการผื่นคันเป็นปื้นหนาตามผิวหนัง อย่างปัจจุบันทันด่วนโดยไม่รู้ตัวที่เรารู้จักกันเรียกว่า "เป็นลมพิษ" บางครั้งมีอาการคันร่วมด้วย ยิ่งเกาก็ยิ่งมันคันจนเป็นผื่นแดง ลุกลามเพิ่มขึ้น ยาที่นิยมนำมาใช้บรรเทาอาการดังกล่าวคือ คาลาไมน์โลชั่น (Calamine lotion) ที่มีส่วนผสมของ Menthol และ Phenol ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการคันได้ หรืออาจต้องรับประทานยาแก้แพ้ (Antihistamine) ด้วย แต่ทางที่ดีต้องพยายามทบทวนค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวให้ได้


สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเป็นลมพิษ อาจมีตั้งแต่ ความวิตกกังวล การสัมผัสกับสารเคมีเครื่องสำอาง ยา หรือแม้แต่อาหารจำพวกอาหารทะเล อาหารกระป๋อง อาหารผสมสี อาหารถั่ว อาหารหมักดอง รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือมีความผิดปกติของร่างกาย เช่น ฟันผุ หูหนวก ไซนัสอักเสบ หรือความผิดปกติของระบบน้ำดี เป็นต้น

"ยุง" นอกจากจะเป็นพาหะนำโรคร้าย เช่น มาลาเรีย และไข้เลือดออกแล้ว ทำให้ผิวหนังเกิดเป็นตุ่มหรือเม็ดผื่นคัน อาจมีหนองเมื่อเกาหรือมีรอยดำไม่หายขาด โดยเฉพาะเด็กเล็ก แม้แต่ผู้ใหญ่บางคนอาจมีอาการแพ้น้ำลายยุงได้เช่นเดียวกัน ยาทาตุ่มคันได้แก่ Steroid Cream เช่น Prednisolone cream ทาบางๆ วันละ 2-3 ครั้ง บางครั้งต้องรับประทานยาแก้แพ้ หรือถ้ามีหนองต้องทาและรับประทานยาปฏิชีวนะด้วย

นอกจากนี้ยังมีโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ (Infection) ได้แก่ เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย และพาราไซท์ ซึ่งมีการใช้ยาแตกต่างกันดังนี้

เชื้อรา (Superficial Fungal Infection) ได้แก่

เกลื้อนดอกหมาก (Tenia Versicolor) มีอาการเริ่มด้วยจุดเล็กๆ มีขุยบางๆ ที่รูขุมขนหรือกระจายทั่วไปตามผิวหนัง ต่อมาจะค่อยๆ ขยายโตขึ้นเป็นวงใหญ่หลายๆ วงติดกัน หรืออาจรวมเป็นวงใหญ่ ภายในวงจะมีสีจางกว่าสีผิวหนังปกติ บางครั้งอาจมีสีคล้ำเป็นสีแดง หรือสีน้ำตาลไม่คันแต่ลามกว้างไม่มีขอบเขตแน่นอน เกิดจากเชื้อ Malassezia Furfur ที่ชอบขึ้นตามไขมันบนผิวหนังของคนที่มีภูมิต้านทาน ของร่างกายน้อย เช่น คนขาดอาหาร นอนดึก มีโรคประจำตัวเรื้อรัง มีเหงื่อมาก โรคโลหิตจาง เนื่องจากได้รับ steroid คนดื่มสุรา และเป็นกรรมพันธุ์ด้วย ยาที่ใช้รักษา มีดังนี้

1.ทาด้วยโซเดียมไทโอซัลเฟต 20-25% ที่เตรียมใหม่ๆ วันละ 2 ครั้ง แล้วทาตามด้วย Acetic Acid 3% เช่น ยาทาเกลื้อน
2.ทาด้วย Selsun (Selenium Sulfide) หลังอาบน้ำทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก ทาทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง
3.ถ้าเป็นน้อยใช้ Clotriazole (Canesten) หรือ Miconazole (Daktarin) หรือ Isoconazole (Travogen) หรือ Econazole (Pevaryl) ทาวันละ 3 ครั้ง
4.Whitefield Ointment

ถ้าหายแล้วผิวหนังยังอาจมีสีจางอยู่ให้ทายาดังกล่าวต่อไปอีก วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกัน 2 วัน

การติดเชื้อราอีกพวกหนึ่ง (Dermatophytic infection) ตามบริเวณผิวหนัง ผม เล็บ มี 3 ชนิด คือ Trichophyton Microspore และ Epidermophyton มีลักษณะเป็นกลากมีขอบเป็นวงเห็นชัด ประกอบด้วยจุดแดงหรือตุ่มแดงเล็กนูนแข็ง บางครั้งมีน้ำอยู่ข้างใน อาจมีหลายวง และอาจรวมกันเป็นวงใหญ่ ผิวตรงกลางมักเ่ยวย่น นานๆ จะแห้งเป็นสะเก็ด ที่พบมากมีตั้งแต่ กลากตามตัว ตามขาหนีบ ตามง่ามเท้า หรือ ฮ่องกงฟุต ตามเล็บมือเล็บเท้า หนังศีรษะ ตามใบหน้าและแก้ม ตามลำดับ ควรใช้ยาฆ่าเชื้อรา ตัวอย่างดังต่อไปนี้ ถึงแม้ว่าจะทายาไปเพียงไม่กี่วันแล้ว รู้สึกว่าอาการจะดีขึ้น แต่เชื้อราอาจยังตายไม่หมดก็ได้ จึงต้องทายาต่อไปอีก 15-30 วัน

1.โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) เช่น คาเนสเทนใช้ทา วันละ 2-3 ครั้ง ห้ามทาบริเวณใกล้ตา อาจทำให้ผิวหน้าแดง เจ็บคัน เป็นตุ่มพอง หน้าลอก บวม และเป็นลมพิษได้
2.ไมโคนาโซล (Miconazole) เช่น ดาคทาริน ใช้ทารักษาเชื้อราที่ผิวหนัง ผม เล็บ โดยบีบครีมยาว 1 ซม. ทาบริเวณที่บางๆ วันละ 1-2 ครั้ง และเมื่อหายแล้วต้องทาต่ออีก 10 วัน ถ้าเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง ให้ทาวันละ 2 ครั้ง 2-4 สัปดาห์ ถ้าติดเชื้อที่เล็บให้ใช้ชนิดทิงเจอร์ทาวันละ 2 ครั้ง จนกว่าเล็บใหม่จะขึ้น
3.โทนาฟเทต ชนิดขี้ผึ้ง 1% ถ้าชนิดน้ำยาจะมีตัวยาเมธิลซาลิซัยเลท 0.25% ด้วยใช้ทาเชื้อราชนิด Dermatophytic วันละ 2-3 ครั้ง
4.ไมโคนาโซล ไนเตรท 20 mg/g ใช้ทาเชื้อราชนิด Dermatophytic และติดเชื้อ Candidial วันละ 2 ครั้ง 2-4 สัปดาห์

สำหรับโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส (Viral infection) ที่พบบ่อยคือ เริม (Herpes Simplex) หรือ ไข่งู (Cold Sore) มีอาการเป็นเม็ดผื่นแดงที่ริมฝีปาก และอวัยวะสืบพันธุ์ และมีเม็ดน้ำอยู่ตรงกลางรอบๆ เป็นผื่นแดง อาจเกิดขึ้นหลายตุ่ม หรือเป็นกลุ่มอยู่ด้วยกัน มีอาการปวดแสบ ปวดร้อนเหมือนน้ำร้อนลวก และอาจมีอาการคันด้วย อาการเหล่านี้ถ้าเกิดกับใครแล้ว มักจะเกิดขึ้นอีกเมื่อร่างกายขาดภูมิต้านทานแต่จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก เช่น ขณะหญิงมีประจำเดือน อารมณ์เครียด คิดมาก ดื่มสุรา หรือกำลังเจ็บป่วย นอนน้อยไปหรือถูกความร้อนและแสงแดดจ้า

ยาทาที่ใช้ทั่วไป คือ Acyclovir ทาวันละ 5 ครั้ง ทุก 3-4 ชั่วโมง ซึ่งต้องใช้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเป็นจึงจะให้ผลดี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะมักจะทราบว่าตัวเองเป็นเริมในระยะหลังแล้ว ทำให้รักษาไม่หายขาด ต้องรักษาตามอาการ เช่น รับประทานยาแก้ปวดแอสไพริน หรือพาราเซตามอล และทำความสะอาดแผลให้หายเร็วขึ้น สำหรับโรคผิวหนังชนิด Herpes Simplex นี้ห้ามใช้ยาทาพวกครีมเพรดนิโซโลนเด็ดขาด

ความจริงแล้วโรคเริมนี้จะหายเอง เพราะเชื้อไวรัส เป็น Self-Limited คือ หลังจากร่างกายได้รับเชื้อระยะหนึ่ง แล้วจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เรียกว่า interferon เข้าไปต่อสู้ทำลาย ปฏิกิริยาของเชื้อไวรัส แต่เชื้อก็จะยังอยู่ที่ปมประสาท เมื่อใดที่ร่างกายมีภูมิต้านทานลดลง ก็จะแสดงอาการได้อีก ดังนั้นการป้องกันโรคเริมไม่ให้กลับมาอีก ก็ต้องปฏิบัติตัวให้มีสุขภาพแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ งดสุรา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด เป็นต้น

โรคผิวหนังจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Infection) ส่วนใหญ่คือเชื้อ Streptococcus หรือ Staphylococcus ที่พบบ่อยคือ Impetigo contagiosa ในเด็กเล็กมีอาการเริ่มเป็นจุดผื่นเล็กๆ ตามหน้า แขน ขา จะขยายออกไปเร็วมาก เกิดเป็นตุ่มแดงพอง มีน้ำอยู่ข้างใน คล้ายน้ำร้อนลวก หรือบุหรี่จี้ ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกออก ตกสะเก็ดติดอยู่ ถ้าน้ำที่แตกออกไปเลอะเปื้อนที่ใดก็จะเป็นตุ่มขึ้นมาใหม่อีก แผลเปิดอื่นๆ เช่น มีดบาด ผิวถลอก ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก มีโอกาสเกิดอาการติดเชื้อนี้ได้และอาจมีอาการรุนแรง เป็นไข้ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะแก้อักเสบ จำพวกเพนิซิลลิน

ยาที่ใช้คือครีมปฏิชีวนะ เช่น Gentamycin cream และปิดแผลด้วยผ้าตาข่ายยาซึ่งต้องชำระล้างแผลให้สะอาดด้วย NSS หรือ Hydrogen peroxide solution และดูแลแผลไม่ให้ถูกจ้ำ เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ หรือ Betadine รอบๆ แผลด้วย

โรคผิวหนังจากพาราไซท์ พวกหิด (Scabiasis) เกิดจากเชื้อ Sarcoptes มีอาการเป็นเม็ดผื่นคันอาจเป็นหนอง ที่รอยเกาพอง ตามซอกง่ามนิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก รักแร้ และจะคันมากตอนกลางคืน ถ้าใครในครอบครัวเป็นแล้ว ก็จะเป็นกันหลายคน ผู้ชายมักเป็นตามอวัยวะเพศ เช่น ลูกอัณฑะ ผู้หญิงจะเป็นตามฐานนมและสะดือ จึงต้องรักษาความสะอาดร่างกาย และเสื้อผ้าให้สะอาด และใช้ยาทาชนิดเดียวกับยาฆ่าเหา

โรคผิวหนังที่เกิดจากพาราไซท์อีกพวกหนึ่งคือ เหาและโลน (Pediculosis) ต้องสระผมให้สะอาด ห้ามเกาหนังศีรษะ เช็ดให้แห้ง แล้วทาด้วย Jacutin gel ขยี้ให้ทั่ว ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 วัน แล้วจึงสระผมให้สะอาดอีก ถ้ายังมีเหาอีก ให้ทาซ้ำอีกครั้งหลังจากใช้ครั้งแรก 8-10 วัน เพื่อให้ไข่เหาหลุดแล้ว อาจล้างด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชู 6% 1 ส่วนในน้ำ 2 ส่วน แล้วสางด้วยหวีละเอียดให้ไข่หลุด

ถ้าเป็นโลน ต้องโกนขนบริเวณที่เป็นออกให้หมดก่อน จะทำให้หายเร็วขึ้น

ยาที่ใช้ได้แก่ ครีมฆ่าเหา Hexin หรือ 1% Camma Benzene Herxachloride หรือใช้ครีม Lorexan ทาหลังอาบน้ำเสร็จทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง ทำซ้ำติดต่อกัน 3-7 วัน หรือใช้ยาทา 25% Benzyl Benzoate lotion หรือยาทา Cromamiton และถ้าคันต้องรับประทานยาแก้แพ้ (Antihistamine) และถ้ามีการติดเชื้อซ้อนต้องรับประทานยาปฏิชีวนะด้วย


PS.  รอยยิ้มช่วยรักษาทุกอย่าง กำลังใจมีให้เสมอ

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

เหงาใจ 22 ต.ค. 57 เวลา 23:55 น. 4

ผื่นคัน มาดูการรักษาเกี่ยวกับโรคผิวหนังแบบใหม่ดูลองศึกษาข้อมูลดูสอ
การฟื้นฟูรักษาด้วยชีวะโมเลกุล สำหรับการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ปัจจุบันนี้คนเราเกิดภาวะตรึงเครียดเนื่องด้วยหลายๆสาเหตุ และปัจจัย ทำให้ร่างกายและจิตใจของเกิดโรคต่างๆขึ้นมากมาย แต่พวกเรายังโชคดีที่ว่ามีการค้นพบการป้องกันสภาพที่เสื่อมโทรมนี้
โดยปรัชญาเบื้องต้น สิ่งที่สำคัญพื้นฐานสำหรับการมีสุขภาพที่ดีคือ แสงแดด, ออกซิเจน, น้ำ, การได้รับสารอาหารที่สมดุล และ การออกกำลังกายที่เพียงพอ
การวิจัยใหม่ค้นพบว่าห้าข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต แต่เนื่องด้วยชีวิตปัจจุบันทำให้สิ่งต่างๆ สารอาหาร น้ำดื่ม อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ การได้รับแสงแดดที่ไม่เพียงพอหรือผิดช่วงเวลา ทำให้เราได้รับสิ่งไม่มีคุณภาพเพียงพอเราจึงต้องอาศัยตัวช่วยเพื่อให้ได้รับสิ่งสำคัญที่เพียงพอ

ผลของการบำบัดด้วยเซลล์ :
-ต่อต้านความชราและการแก่ก่อนวัยอันควรที่เกิดจากความเหนื่อยล้าทั้งทางร่ายกายและจิตใจ
-ฮอร์โมนไม่สมดุลและไม่มีประสิทธิภาพของต่อมไร้ท่อ
-ปัญหาเรื่องความเจ็บป่วยทางอารมณ์และจิตใจ, ความเจ็บป่วยเนื่องจากความเครียด
-อาการอ่อนล้าเรื้อรัง(Chronic Fatigue Syndrome CFS)
-การพักฟื้นหลังจากโรคหรืออุบัติเหตุ
-กระดูกสันหลังและไขข้อเสื่อม
-ความบกพร่องของกล้ามเนื้อและระบบประสาทบางประเภท
-โรคเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเนื้อเยื้อเรื้อรัง
-ปัญหาระบบหมุนเวียน
-โรคเกี่ยวกับระบบย่อย
-ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมสภาพและการติดเชื้อ
-การสร้างเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะขึ้นมาใหม่
-ภูมิคุ้มกัน สารต่อต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งการอักเสบ
-การควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ
-โปรโมทและบำรุงรักษาการหมุนเวียนเลือด
-เพื่อให้มั่นใจการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการรักษาบาดแผล
-การเพิ่มประสิทธิภาพของการฟื้นฟูระบบประสาท
-ควบคุมความสมดุลของระบบฮอร์โมน
-ปรับปรุงระบบทางเดินอาหารที่จะนำไปสู่การกำจัดอาการท้องผูก
-เพิ่มความยืดหยุ่นที่ข้อต่อและหมอนรองกระดูก
-ปรับปรุงการรับรู้และการตื่นตัวของสมองและเสริมสร้างความชุ่มชื้นของผิวหนังชั้นนอกซึ่งนำไปสู่ผิวที่กระชับ สดใสและเรียบเนียน
-เพิ่มความหนาแน่นของชั้นหนังแท้โดยการเร่งคอลลาเจน
อย่าเคลียดมากเดวเป็นเยอะกว่าเดิมนะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

kelvin adams 26 ต.ค. 60 เวลา 19:00 น. 6

โปรดอ่าน เริม ของฉันรักษา

ฉันวินิจฉัยเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2015 และพบว่าฉันเป็นโรค เริม ในเชิงบวกฉันกลัวเพราะไม่มีวิธีรักษาไวรัสเฮอร์เป้ซิมเพล็กซ์ แต่ในปัจจุบันนี้บางคนยังไม่เชื่อว่ามีการรักษาไวรัสเฮอร์เป้ซิมเล่อร์ไวรัสซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ รากและสมุนไพรแอฟริกันและ

แพทย์ของเราที่นี่ในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับยาสมุนไพรแอฟริกันสามารถรักษา ไวรัสเริม แต่พวกเขาเลือกที่จะซ่อนมันจากเราเพียงเพื่อให้การขายของสมุนไพรเฮิร์ตซ์ ฉันได้ค้นคว้าหาทางออนไลน์เพื่อกำจัดโรคของฉันฉันเห็นความคิดเห็นเกี่ยวกับแพทย์ทางสมุนไพรในอินเทอร์เน็ตชื่อ คุณหมอ หมอโมฮัมเหม็ด ที่รักษาโรคต่างๆด้วยยาสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพของเขาฉันได้ติดต่อเขาเกี่ยวกับ whats-app สนทนากับเขาอธิบาย ตัวของตัวเองกับเขาเขาบอกว่าเขาสามารถรักษา ไวรัสเริม ได้อย่างสมบูรณ์แบบเขาให้ฉันคำขอของเขาที่ฉันส่งให้เขา ภายใน 5 วันเขาส่งฉันยาสมุนไพรผ่านอัพจัดส่งบริการส่งและบอกฉันว่าจะใช้ยาเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้หายฉันได้สำหรับ 3 สัปดาห์ภายใน 3 สัปดาห์นี้ฉันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่มากในสุขภาพของฉันและฉัน ใหม่บางสิ่งที่ดีเกิดขึ้นแล้วฉันไปยืนยันผลของฉันมันเป็นอย่าง Negative.The แพทย์ที่ใหม่ฉันเป็น เริม บวกถามฉันว่ามาฉันเป็นลบสิ่งที่ได้เอาการรักษาและได้ฉันได้รับยานี้จาก และฉันได้กำจัดมันฉันบอกเขาทุกสิ่งเกี่ยวกับยาสมุนไพรที่รักษาฉัน จินตนาการแพทย์บอกฉันไม่ให้ใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันไม่ได้ช็อก แต่ฉันรู้ว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับการรักษาด้วยสมุนไพร แต่เลือกที่จะซ่อนไว้ในอื่น ๆ เพื่อทำยอดขายในสมุนไพรเฮิร์ตซ์ ไม่ต้องทิ้งไว้ข้างหลังหากคุณอ่านรายชื่อนี้ดร. โมฮัมเหม็ดเมื่อ herbalcure12@gmail.com หรือ whapsapp / โทร + 2349036036397 นอกจากนี้ยังสามารถรักษาหลายโรคเพียงติดต่อเขา

0
หอดหัก 17 ก.ค. 61 เวลา 02:52 น. 7

ผมเป็นผื่นคันตามหน้าอก รำคอ ลักแล้ เข่า ซอก ก้น ้ป็นมานานมากแล้วยิ่งเหงื่อออก ยิ่งคันมาก เกิดจากอะไรและวิธีแก้ไข ช่วยแนะนำผมเถอะพับ

0