Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ถนนที่หาดูที่ไหนไม่ได้ มีที่เมืองไทย หนึ่งเดียวในโลก สวยมาก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่





ใน เชียงใหม่มีถนนสายเล็กๆที่แสนจะพิเศษอยู่เส้นหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นมายาวนานนับร้อยปี ด้วยทัศนียภาพที่ไม่เหมือนถนนสายอื่นๆ ประกอบกับอยู่ในเมืองที่สุดจะโรแมนติกอย่างเชียงใหม่ และการที่ได้ปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ตามความรู้สึกของผม ถนนเชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า) น่าจะเป็นถนนที่มีคนคิดถึงที่สุดในประเทศไทย
ผมเห็นถนนสายนี้เป็นครั้งแรกเมื่อครั้งที่เค้าปรากฏอยู่ในโฆษณา Coffee Mate ทาง ทีวีเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีเพลงประกอบซึ้งๆจากคุณอัญชลี จงคดีกิจ ผมจำนักแสดงไม่ได้แล้ว และก็จำไม่ได้ด้วยว่า พระเอกขี่มอเตอร์ไซต์หรือจักรยาน แต่ภาพที่ออกมาติดตาและตรึงใจมาก ผมตั้งใจไว้ว่าจะเลียนแบบพระเอกให้ได้ซักครั้งในชีวิต และผมจะขี่ Vespa สีฟ้า
ในปัจจุบันผมรู้สึกเคืองเจ้าคนหา location อยู่นิดหน่อย เก่งชะมัดญาติ ตลอดเวลา 5 ปี ที่อยู่เชียงใหม่ ผมแวะไปเยี่ยมเยือนถนนเชียงใหม่-ลำพูนหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้พบ location ตามในโฆษณา
เนื่องจากไม่ได้คิดจะเล่าประวัติของถนน ผมก็คงบอกเพียงสั้นๆว่า ก่อนหน้าที่เราจะมีถนหมายเลข 11 เป็น เส้นทางคมนาคมระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ที่สะดวกสะบายอย่างในปัจจุบัน ถนนสายต้นยางนี้เป็นทางหลักที่คนในสองจังหวัดนี้ไปมาหาสู่กัน แม้กระทั่งทุกวันนี้ชาวบ้านในอำเภอสารภีก็ยังมีโอกาสชมวิวสวยๆทุกๆเช้าและ เย็นจากการที่พวกเค้าต้องเข้ามาทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่การที่ถนนค่อนข้างจะคับแคบ ดังนั้นในวันทำงานถนนเส้นนี้ก็วุ่นวายพอสมควร  
ถนน เชียงใหม่-ลำพูนเริ่มต้นจากเชิงสะพานนวรัฐฝั่งตะวันออกนะครับ เป็นถนนหมายเลขอะไรก็ไม่ทราบ เพราะหลักถนนทุกต้นมีการทาสีขาวทับหมด ตัวเลขบนหน้าของมันไม่ถูกต้องแล้ว ผ่านค่ายกาวิละ ตลาดหนองหอย ผ่านอำเภอสารภี และเข้าสู่เขตจังหวัดลำพูน ในทางทฤษฎีหรือความตั้งใจของผู้สร้าง ถนนจะต้องเลียบแม่น้ำปิงไปตลอด แต่แม่น้ำมีการเปลี่ยนเส้นทาง ดังนั้นหลังจากตลาดหนองหอยแล้วถนนก็ไม่ได้พบกับแม่น้ำปิงในปัจจุบันอีกเลย
สัญลักษณ์หรือจริงๆแล้วต้องเรียกว่าอัตลักษณ์ (Identity) ของ ถนนเส้นนี้คือต้นยาง ซึ่งเจ้าพระยาสุรสีห์วิศิษฐ์ศักดิ์ ข้าหลวงคนแรกของมณฑลพายัพ ริเริ่มนำมาปลูกไว้ตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน อ่านรายละเอียดอ่านได้จาก http://www.oknation.net/blog/akom/2008/03/11/entry-1  นะครับ ในปัจจุบันมีต้นยางเหลืออยู่ประมาณ 900  ต้น (ไม่แน่ใจว่าคนสุดท้ายที่นับจำนวนไปทำเมื่อไหร่ เพราะมีตัวเลขที่แตกต่างกันพอสมควร) ส่วนใหญ่ในอยู่เขตอำเภอสารภี  ถนนเส้นนี้ไปสิ้นสุดที่จังหวัดลำพูน พอเข้าเขตลำพูนก็จะเปลี่ยนเป็นปลูกต้นขี้เหล็กแทนนะครับ J ชาวลำพูนคงน้อยใจแย่เลย
หา คุณขับรถจากเชียงใหม่ไปทางลำพูนโดยใช้ถนนสายนี้ เมื่อข้ามลำเหมืองพญาคำ ก็จะพบต้นยางสูงชะลูดอยู่ทางซ้ายมือเป็นต้นแรก แต่จะเป็นต้นแรกที่มีการปลูกหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบนะครับ ที่ต้นมีป้ายโลหะสีฟ้าติดอยู่เขียนว่า 1 เริ่มใจชื้นขึ้น ต้นต่อไปเป็นหมายเลข 2 อืมม์ก็น่าจะใช่นะครับ พอต้นที่สามความโรแมนติกก็กระเจิงเพราะเป็นหมายเลข 105  และแปะอยู่บนต้นก้ามปู ไม่รู้ว่าตัวเลขนี้หมายถึงอะไรกันแน่??? ยางต้นสุดท้ายอยู่ห่างจากต้นแรกประมาณ 14 กิโลเมตร ภาพนี้ถ่ายตรงแถวๆการไฟฟ้าหนองหอย เป็นต้นยางที่ 10 กว่าๆถ้านับแบบป้ายสีฟ้า




ต้น ยางบนถนนเส้นนี้ทุกต้นจะมีหมายเลขเฉพาะ ต้นยางที่อยู่ทางฝั่งตลาดหนองหอยจะติดป้ายสีฟ้าและมีวิธีการนับแปลกๆ ส่วนที่อยู่ทางตอนใต้เกือบ 1,000 ต้น (ตามหมายเลข) จะมีป้ายสีน้ำตาล นับ count down ลงไปจนถึงหมายเลข 1 ที่รอยต่อจังหวัดลำพูน สมัยนี้คงมีฐานข้อมูลเก็บตำแหน่งทาง GPS ของต้นยางทุกต้นไว้หมดแล้ว เผื่อมีคนเล่นตลกทำให้ต้นไม้หายไปซักต้น  แต่ถ้ายังไม่มีใครทำและผมอยู่ว่างๆ ซักวันหนึ่งผมจะทำให้ครับ  นอกจาก หมายเลขแล้วก็จะมีธงชาติและธงสัญลักษณ์ของในหลวง และส่วนใหญ่ก็จะมีผ้าเหลืองคล้ายๆจีวรพันรอบๆด้วย เพื่อเป็นการคารวะและขอชีวิตผู้ที่ผ่านไปมา ที่จะขาดไม่ได้อีกอย่างคือแผ่นสะท้อนแสงติดให้รถที่ผ่านไปมาทราบว่า พ้นแนวถนนแล้ว ระวังชนต้นยางนะ บางต้นยังมีคนเอากล้วยไม้มาเกาะ เวลาออกดอกก็สวยดีแต่ไม่รู้จะทำให้ต้นไม้ที่มันเกาะตายเร็วกว่าเดิมหรือ เปล่า ตามภาพเป็นหมายเลข 915 อยู่ใกล้ๆทางเข้าเวียงกุมกาม





คนที่ตั้งบ้านเรือนอยู๋ริมถนนนี่ก็เสียวเหมือนกันนะ เวลามีพายุใหญ่เข้าบางครั้งก็มีข่าวต้นยางล้มทับบ้านคน ที่บ่อยกว่าคือกิ่งไม้หัก หากมองจากระยะไกลเข้ามา จะพบว่าต้นไม้ดูโหรงเหรงพอสมควร เนื่องจากเค้าอายุมากแล้ว มีโรคและแมลงหรือหักโค่นจากภัยธรรมชาติ  หาก ทางการไม่หัวโบราณจนเกินไปผมก็อยากให้ปลูกต้นยางแบบเดียวกันขึ้นทดแทน เอาเมล็ดพันธุ์จากต้นที่ยังไม่ตายมาปลูก คนรุ่นหลังจะได้มีดูกัน ไม่น่าจะใช้เงินมาก และให้ชาวบ้านช่วยรดน้ำพรวนดินต้นยางปลูกใหม่หน้าบ้านตัวเอง ฝากคุณเพ็ญ (http://www.oknation.net/blog/pen) และทีมงานไปช่วยผลักดันโครงการนี้ด้วยนะครับ


ช่วง นี้เป็นฤดูขยายพันธุ์ของต้นยาง เค้าก็จะมีลูกสีแดงห้อยอยู่เต็มต้น ลูกยางจะมีปีกนะครับเวลาหล่นจากต้นและมีลมช่วยก็จะไปได้ไกลที่เดียว แต่ลูกนี้หล่นอยู่ใต้ต้น พื้นเป็นหินแข็ง มองดูรอบๆไม่มีต้นยางเกิดใหม่ซักต้น ดังนั้นลูกยางลูกนี้ก็คงไม่มีโอกาสงอก  จะเอากลับไปปลูกที่บ้านแต่พอนึกถึงต้นยางสูง 40 เมตรขึ้นอยู่หลังบ้าน ก็เลยไม่เอาดีกว่า ขณะที่ผมถ่ายภาพนี้มีคนมาสะกิดว่า ให้ระวังกิ่งไม้แห้งหล่นลงมา แสดงว่าเกิดขึ้นบ่อยพอสมควร


โคนต้นของ 905 ขนาด วงรอบและพื้นผิวเปลือกไม้แสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่ของเค้า ถ้าผมมีนางแบบมาด้วยจะให้ทำท่าโอบต้นไม้ทำหน้าตารักมากไม่อยากให้ใครเอาไป แต่บังเอิญไม่มี จะไปจ้างชาวบ้านแบบ National Geographic ก็คงจะเกินไปหน่อย อีกอย่าง ไม่แน่ใจว่าชาวบ้านจะรักต้นไม้ยักษ์นี่กันทุกคนหรือเปล่า


ส่วนเจ้า 911 คง ไม่มีอยู่ในรายชื่อของต้นยางที่น่าเศร้า ดังเช่นหมายเลขที่ติดบนต้น เนื่องจากเค้ายืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าฌาปนสถานแห่งหนึ่งหรือที่คนทางเหนือ เรียกว่าสุสาน ที่เผาศพของคนเชียงใหม่โดยเฉพาะรอบนอกจะไม่อยู่ในวัดนะครับ  เค้าจะแยกออกมาให้ห่างไกลชุมชน ดังนั้นบรรยากาศจึงวังเวงมาก ไม่แน่ว่า 911 อาจจะเป็นต้นยางต้นสุดท้ายที่จะยืดหยัดอยู่บนถนนเก่าแก่เส้นนี้  ต้น ยางทุกต้นถ้ามีตา ก็ลืมตาดูโลกก่อนทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในเชียงใหม่ แต่เป็นที่เชื่อได้ว่า ต้นยางต้นสุดท้ายจะจากไปก่อนชาวเชียงใหม่คนสุดท้ายที่ลืมตาดูโลกในปีนี้


ลำต้นของ 917 ยังดูแข็งแรงอยู่มาก อาจจะเป็นเพราะเค้าอยู่หน้าสุสานเหมือนกับ 911 จึงไม่มีใครมาราวี  หมายเลขของต้นยางจะติดอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 180 cm นะครับ หมายเลขในฝั่งเดียวกันไม่เรียงกัน อาจจะนับต้นยางที่อยู่ลึกเข้าไปจากแนวถนนด้วย


ข้ามไปที่หมายเลข 777 และเพื่อนๆ รู้สึกจะเป็นต้นที่ 3 หรือ 4 จากทางซ้าย ดูแข็งแรงกันทุกต้น รถยนต์เหลือคันนิดเดียวเมื่อเทียบกับต้นไม้


777 ในอีกมุมหนึ่ง….



การไปดูต้นไม้ที่ถนนเชียงใหม่-ลำพูนใช้เวลานานกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย ภาพทั้งหมดถ่ายในวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2551 ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้น 700 กว่าลงไปจะเป็นยังไง  อากาศ ร้อนมากเลยครับ ผมเองก็เป็นไข้หวัดมาหลายวันแล้ว จึงถ่ายทำไม่เสร็จในวันเดียว กะว่าจะมาต่อเช้าวันอาทิตย์ แต่เรื่องคงจะลงราวๆปลายสัปดาห์ ปัญหาที่ต้องขบคือต้องหาเรื่องเล่าต่อ และทำยังไงให้ต้นยางที่เหลือมีหน้าตาแตกต่างออกไปครับ เพราะวิวแต่ละจุดคล้ายๆกันมาก

โดย rabbitzilla
 
ตอนพระอาทิตย์จะตกก็สวยดี แต่ไม่มีที่จอดรถ และยังไงๆวิวจากอากาศก็สวยกว่า  



ถ้าคุณมาจากต่างจังหวัด ต้องการจะชมถนนสายนี้ ก็จับรถสีน้ำเงินที่ตรงเชิงสะพานเหล็กฝั่งตะวันออกได้เลยครับ ไม่ทราบค่าโดยสาร แต่เชียงใหม่ไม่ค่อยมีอะไรแพงนอกจากที่ดินในเมือง รถหน้าตาแบบนี้ในเชียงใหม่ที่เป็นสีอื่นๆจะหวานเย็นหน่อยนะครับ แต่รถสีนี้วิ่งเร็วพอใช้ อาจะเป็นเพราะถนนมันบังคับ  พอถึงต้นยางต้นสุดท้าย (หมายเลย 1 ตามป้ายสีน้ำตาล) ก็ลง ไหว้ศาลเจ้าพ่อซักนิดนึง แล้วก็ข้ามถนนมาจับรถหน้าตาเหมือนกันเพื่อกลับเชียงใหม่ ขอเดาว่าคุณจะใช้เวลาไปทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง



กล้วยไม้ (ที่คุณ dogstar บอกว่ามันเรียกว่า เอื้อง) ดอกสีเหลืองสดใสที่เกาะอยู่บนต้นยางหมายเลข 322 ฤดู นี้เค้าออกดอกกันพร้อมเพรียงกันทั้งถนน การขับรถยนต์มาตระเวณหาที่ถ่ายรูปนี้ ผิดมหันต์ นอกจากจะเปลืองน้ำมันแล้ว เรายังขับช้าไม่ได้เพราะมีตามมาเป็นอีกขบวน เห็นอะไรดีๆก็หยุดรถตามใจฉันไม่ได้ สงสัยต้องไปหา Vespa หรือ Fino มาใช้งานซักคันตามที่ตั้งใจไว้ แต่ผมก็ขับมอเตอร์ไซต์ไม่ค่อยเก่ง ล้มลุกคลุกคลานไปก็อาจจะไม่คุ้มหนักกว่าเดิม




การ ขับรถของคนลำพูนเป็นเรื่องตลกขบขันของคนเชียงใหม่ ตอนที่เพิ่งจะผมมาถึง เพื่อนร่วมงานก็บอกว่า อย่าไปขับตามรถทะเบียนลำพูนนะ ถ้าเจอล่ะก็หลบไปให้ไกลๆเลย เพราะว่าขับชักช้าน่ารำคาญ จะเลี้ยวจะหยุดก็ไม่มีปี่มีขลุ่ย และเป็นกันทั้งจังหวัด แต่ผมว่าแนวคิดแบบ Stereotype นี้ เป็นความคิดเชิงดูถูกดูแคลนที่ไร้สาระ ผมซึ่งอยู่กรุงเทพร่วม 10 ปี ยังรู้สึกว่า คนเชียงใหม่ขับรถช้า และไม่มีระเบียบเหมือนกัน ไฟจราจรไม่ค่อยจะเชื่อฟัง ถ้าผมไปขับที่เยอรมันที่นั่นก็จะว่าผมช้า เงอะงะ ไม่เจริญ ถูกด่ากันเป็นทอดๆแบบนี้ ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวบังเอิญมาเห็นชาวโลกขับรถก็น่าจะถูกด่ากันทั้งดาวแน่นอน :) ผมอธิบายได้ง่ายๆว่า เวลาของคนแต่ละถิ่นมีค่าไม่เหมือนกัน  เวลา ในเมืองเล็กย่อมเดินช้ากว่าเวลาในเมืองใหญ่เป็นธรรมดา ความเร่งรีบเพื่อประหยัดเวลาจึงมีไม่เท่ากัน ลองเข้าไปที่ตัวเมืองลำพูนซิครับ เมืองเค้าเล็กและเงียบสงบ จะให้รีบไปไหน เวลาที่ลำพูนช้ากว่าเชียงใหม่จริงๆ แต่เวลาในเชียงใหม่ช้าก็กว่าเวลาในกรุงเทพ 30% ตามที่ผมเคยพูดไว้ ทำให้เวลาทำงานผมอยากจะบีบคอน้องๆ วันละ 2-3 หน เมื่อก่อนนี้


บริเวณ ตัวอำเภอสารภี อาจจะเป็นจุดที่ต้นยางหายไปมากที่สุดบนถนนสายนี้ เพราะเป็นชุมชนใหญ่ ถนนฝั่งตะวันตกหน้าที่ทำการอำเภอ ต้นไม้หายไปเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร แต่เมื่อผ่านจุดนี้ไป ก็กลายเป็นช่วงที่สวยที่สุด และมีรถวิ่งน้อย เพราะคนที่มาจากเชียงใหม่ก็จะสิ้นสุดการเดินทางที่สารภี ไม่ได้ไปต่อลำพูน  ชื่อ อำเภอสารภีนี้ผมชอบมาก คล้ายๆเป็นชื่อหญิงสาวบ้านนอกจริงใจใสชื่อ บรรยากาศทั่วไปเมื่อออกห่างจากชุมชนก็จะเป็นแบบตามรูปข้างล่าง ผมพบอีกอย่างว่า สถานีรถไฟสารภีน่ารักมาก วันหลังจะพาไปชมครับ


หลักถนนที่คอยบอกทาง ผมเคยทักไปในตอนแรกว่าถนนสายนี้แปลก ไม่มีหลักถนนที่ใช้การได้เลยซักต้น มาเจอต้นนี้อยู่แล้วๆยางต้นที่ 200 บอกเราว่าอีก 15 กิโล จะถึงลำพูน ไม่รู้จริงหรือเปล่า มีเรื่องตลกอย่างหนึ่งคือหลักถนนต้นแรกที่อยู่ในเขตจังหวัดลำพูนทาสีขาว ใหม่ๆทั้งต้น ตัวหนังสือชัดเจน ผิดกันลิบลับกับฝั่งเชียงใหม่


อีก มุมหนึ่งของหมู่ต้นยางที่แน่นขนัดอยู่หน้าโรงพยาบาลสารภี มีต้นยางจำนวนมากที่มีศาลเตี้ยๆ มีถ้วยอาหาร และดอกไม้ที่ชาวบ้านทำมาสักการะต้นไม้ หรืออาจจะเป็นผู้เสียชีวิตก็เป็นได้ ผมถ่ายรูปไปก็ขนลุกไป โดยเฉพาะตอนใกล้โพล้เพล้



จุดนี้ถ่ายแถวๆวัดสารภี ครับ ก็เป็นวัดที่สวยอีกแห่งหนึ่ง แต่ผมขอถ่ายถนนนะครับ เรื่องวัดอาจจะมีมาในวันหลัง  ในยามโพล้เพล้เป็นถนนที่น่าเกรงขามปนน่ากลัวมาก และในยามฝนตกก็น่าจะเป็นถนนที่น่าอันตรายมากเช่นกัน ผมได้ทราบจากคุณพี่ Dogstar (http://www.oknation.net/blog/dogstar) ว่จะมีการขยายถนนเป็น 20-30 ผม เชื่อว่าเค้าคงไม่ตัดต้นยาง แต่จะทำเป็นถนนอีกสองเลนคร่อมต้นยางด้านหนึ่งไป ซึ่งก็จะมีการเวนคืนที่ดินจากชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าต้นยางจะยังคงอยู่ แต่จะเสื่อมโทรม และเสน่ห์ของมันคงหายไปหมด



ภาพบนสุดคือต้นยางหมายเลข 3 เป็นต้น ยางที่สามก่อนถึงเขตจังหวัดลำพูน หลังจากจุดที่ผมยืนมีต้นยางเหลือเพียงสองต้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถถ่ายหมายเลขให้ดูได้เพราะหาแผ่นป้ายไม่พบ อาจจะหลุดหายไปหรือมีผ้าพันทับไว้ ข้างๆยางต้นที่สองซึ่งเป็นรอยต่อจังหวัดพอดี มีศาลเจ้าพ่อเล็กๆที่ดูเคร่งขรึมมาก รถยนต์ที่ผ่านไปผ่านมาบีบแตรลั่นทุกคันเพื่อเป็นการคารวะ

ยอดยางที่สูงเสียดฟ้าตอนดวงอาทิตย์จะลับ ถ้าขับมอเตอร์ไซต์มาน่าจะหาจุดที่ยอดยางดูดีกว่านี้ได้อย่างมาก เพราะรถผมไม่ได้มี sunroof นะครับ พยายามอยู่ครู่ใหญ่ๆ รู้สึกอ่อนใจก็เอาตรงนี้แหละ  ภาพ นี้ถ่ายแถวหน้าโรงพยาบาลสารภี และผมก็ขอสวัสดีตอนค่ำกับถนนที่มีคนคิดถึงมากที่สุดในประเทศไทยตรงจุดนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาเยือนเธออีก แต่คำถามที่ใหญ่กว่านี้คือ เธอจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ ชาวเชียงใหม่ทุกคนควรจะช่วยกันตอบครับ







ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก http://www.oknation.net/blog/season-change-chiangmai/2008/03/22/entry-1

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 กรกฎาคม 2555 / 20:06

PS.  ทำดี คิดบวก เยาวชนสร้างชาติ

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

Ob-La-Di, Ob-La-Da 28 ก.ค. 55 เวลา 20:18 น. 1

รู้สึกดีนะคะ เวลาขับรถผ่านถนนที่มีต้นไม้อยู่ข้างทางเยอะ มันรู้สึกปลอดภัยดีอ่ะ 5555 เวลาเห็นโครงการขยายถนนแล้วใจหายอ่ะ มันต้องตัดเป็นสิบๆต้นเลยนะปลูกแทนใหม่ก็ทำไม่ได้อีก เห้ออ

0