Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ความลำบากของแฟนตาซีสงคราม] ยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้สินะ...

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เนื่องจากแต่เดิม... เราเป็นพวกไม่สนเรื่องของประวัติศาสตร์หรืออะไรเลย ยิ่งเรื่องการทหารและสงครามนี่ไม่คิดว่าจะมีเอี่ยวเข้ามาในชีวิต

จนกระทั่ง... ถูกเพื่อน (ที่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์สงครามกับการทหาร) ชักจูงให้เล่นเกม Company of heroes ตั้งแต่ต้นปีนั่นแหละค่ะ XD ประกอบกับอยากแต่งแฟนตาซีที่มีนางเอกเป็นสาวชนชั้นสูงแต่ต้องออกมาลุยโลกภายนอกเมื่อช่วงปิดเทอมฤดูร้อน จึงกลายเป็นว่าได้ออกมานอกกะลาสักที =w= เพราะพอได้อ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์โน่นนี่รวมถึงสงครามโลกทั้งสองครั้ง ก็ทำให้รู้สึกว่าเราเองก็สนใจเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน (แต่เรียนด้านนี้เลยไม่เอานะคะ ฮ่าาา) แทนที่จะมัวแต่โฟกัสถึงโลกแห่งความเป็นจริงอย่างเดียว ก็เขียนแฟนตาซีโลกใหม่ไปเลยแล้วกัน!


และพอนิยายเริ่มจะมีแววว่ามันต้องมีสงครามในเรื่องแน่ๆ ก็คิดพล็อตแบบสูตรสำเร็จนิยายแฟนตาซี(แบบผจญภัยกึ่งสงคราม มิใช่ออนไลน์)ทั่วไป ที่สงครามจบแล้วก็เฮกันถ้วนหน้า แฮปปี้เอ็นดิ้ง กลับไปใช้ชีวิตใหม่อย่างฟินๆ

แต่พอดูหนังมากขึ้นก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ นับตั้งแต่ The Lost Battalion (ยุค WWI) ที่ตามประวัติของผู้บังคับกองพันนี้มีจุดจบด้วยการฆ่าตัวตายหลังสงครามเพียงสามปี... (ถือเป็นความน่าเศร้าของสาวที่ชื่นชอบหนุ่มแว่นสุดยอด) และ Catapilla ที่เพื่อนเปิดดูเมื่อวานตอนรอเข้าเรียนที่หอ (ไปยุค WWII แล้ว เกี่ยวกับทหารญี่ปุ่นที่กลับมาบ้านในสภาพพิการ) ซึ่งเพื่อนเล่าว่าสงครามจริงๆไม่ใช่เรื่องเล่นหรอกนะ มันจะเป็นความหลอนฝังใจตามแต่สภาพจิตใจของแต่ละคนว่ารับไหวแค่ไหน ถ้าไม่ก็บ้าไปเลยล่ะค่า...

ก็จริงแฮะ... เหมือนเราจะมองสูตรสำเร็จมากไปหรือเปล่า lol ตอนนี้เลยต้องหวนคิดใหม่อีกที (แต่พระนางต้องไม่ตายนะ ต้องเก็บเอาไว้ใช้ในภาคสองอีก 555)

แต่งานแฟนตาซีไทยทั้งหลายคงจะไม่ต้องการความสมจริงถึงขนาดนั้นสินะ ;w; เดี๋ยวจะมืดมนเสียเปล่าๆ (ซึ่งเราไม่สน main stream อยู่แล้ว เขียนแต่สิ่งที่อยากเขียนแม้จะขัดใจคนอ่าน ยิ่งขัดยิ่งฟิน 555) อยากรู้จริงว่าใครจะกล้าเขียนบ้าง แนวความจริงอันโหดร้ายที่ไม่จำเป็นต้องมืดมนขนาดฆาตกรรมทำแกง ก่ออาชญากรรมหรือทำร้ายใครโต้งๆ แต่เป็นด้านหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้แบบนี้น่ะ

ซึ่งจุดประสงค์ที่ตั้งก็คือ... มนุษย์เรายังต้องศึกษาอะไรอีกเยอะ ต่อให้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันก็เถอะ! ลงไปกินข้าวแล้วค่า XD


PS.  รูปอวาตาร์รูปนี้จะดูดีก็ต่อเมื่อมันมีขนาดเล็กๆ.....

แสดงความคิดเห็น

>

21 ความคิดเห็น

เคย์เซย์ (Keisei) 30 ส.ค. 55 เวลา 19:43 น. 1

ถ้าเขียนแบบอิงความเป็นจริง อยากบอกว่า้อฟเฟคของสงครามมีเยอะมาก ทหารระดับล่างหลายนายไม่ได้ใช้ีชีวิตอย่างมีความสุข แต่หลอนถึงสงครามตลอด จำชื่อกลุ่มอาการไม่ได้แ้ล้ว แต่ถึงจะได้รับการบำบัดแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาย ในตลาดไทยชอบอะไรที่มันฟินๆ แฮ้ปปี้ๆ กัน ถ้าจะเขียนแบบนั้นต้องขยันสร้างฐานลูกค้าหน่อย เวลาพิมพ์เองจะได้ขายได้ง่ายๆ 555


PS.  บัลลังก์นี้มิเคยปรารถนา บัลลังก์นี้มิเคยคิดลุ่มหลง บัลลังก์นี้มิเคยคิดชื่นชม บัลลังก์นี้มิเคยสมสุขทรวง / ไม่มีใครปฏิเสธกรรมที่เรียกว่า "การกระทำ" ได้หรอก
0
แวะมางั้น 30 ส.ค. 55 เวลา 20:08 น. 2

"War is all Hell, and I have every intent of making it so."
- William T. Sherman

ความโหดร้ายกับสงครามเป็นของคู่กันนะ เพราะมันไม่มีสงครามไหนที่ทุกฝ่ายแฮปปี้ดี๊ด๊าหรอก แม้แต่ฝั่งที่ชนะยังสาหัสเลย

ถ้าเป็นนิยายแฟนตาซีผมว่าไม่ต้องกังวลอะไรมากนักหรอกมั้ง

เพราะสงครามในโลกแห่งความเป็นจริง(โดยเฉพาะทุกวันนี้)มีการพัฒนาทางด้านอาวุธเพื่อการสังหารที่ไม่ว่าใครก็ฆ่าใครได้ ไหนจะพวกอาวุธทำลายพิสัยไกลที่ทำให้เรารู้สึกว่าจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วย ไม่ว่าจะฝึกมาทั้งชีวิต หรือเก่งกาจแค่ไหน ทุกคนก็มีสิทธิตายไล่เลี่ยกัน มันจึงทำให้คนเราทั้งกลัวทั้งกดดัน&nbsp และที่แย่ที่สุดคือ เราทำอะไรกับมันไม่ได้เลยเนี่ยแหละ

แต่ในโลกแฟนตาซี(ขอเหมาเอาว่าเป็นยุคดาบและเวทมนต์ละกัน) ถ้าเราแข็งแกร่งทั้งร่างกายและวิชาการต่อสู้ มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตัวเอง ซึ่งมันทำให้เรายอมรับชะตากรรมตัวเองได้ดีกว่า ประมาณว่าถ้าจะตายก็ตายหลังจากได้สู้สุดกำลังแล้ว และได้ตายเพราะอีกฝ่ายเหนือกว่าจริงๆอะไรแบบนั้น

ปล. เห็นมันเท่ดีเลยเอามาแปะ

"Over the deep and the deadly sweep
The fire and the bursting shell
While the very air is a mad despair
The throes of a living hell"
— Phil Ochs, "The Men Behind The Guns"

0
cammy 30 ส.ค. 55 เวลา 20:32 น. 3

เมื่อไหร่ Company of heroes 2 จะมาหนอ


PS.  สนับสนุนฮาเร็ม ต่อต้านการเข้าวิน และบูชานิมพ์ดั่งเทพ
0
thepingman 30 ส.ค. 55 เวลา 20:37 น. 4

ของผมก็เขียนอยู่ครับ

แต่... นะ... 60 ตอนแล้ว ยอดคนอ่านยังน้อยมากเลยครับ เทียบกับนิยายเกมนอนไหล (ออนไลน์นั่นแหละ) ที่จำนวนตอนเท่าๆ กันแล้วห่างกันราวฟ้าเหวมากเลยครับ

ตอนนี้ ทั้งประเทศของพระเอก และคู่สงคราม... ผมใช้คำนี้ เพราะเรียกฝ่ายพระเอกว่าฝ่ายดีได้ไม่เต็มปากนักครับ เพราะผู้นำของทั้งสองฝ่ายกำลังเริ่มเอนเอียงไปทางความสัมพันธ์ระหว่างนาซีเยอรมนีในยุคฮิตเลอร์กับยิวแล้วครับ

ใช่... แม้แต่ประเทศที่พระเอกสังกัดก็เป็นครับ!! สรุปแล้วจะมีคนดีเหลือไหมนี่ กระผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะพล๊อตที่วางไว้แบ่งคน แบ่งตัวละครในเรื่องไว้ดังนี้...

จำใจเลว (ไม่งั้นพวกตัวเองก็ตาย) -> เลวธรรมดา -> เลวกว่า -> โคตรเลว -> อภิมหาเลว



สำหรับนิยายสงคราม จะแฟนตาซีหรือไม่ ผมก็มีคำพูดมาฝากหนึ่งประโยคครับ ของ Bertrand Russell

"War does not determine who is right, only who is left"

แปลไทย "สงครามไม่ใช่เครื่องตัดสินว่าใครถูก (หรือใครเป็นพระเอก) แต่เป็นตัวตัดสินว่าใครรอด"



ปล. ถึงความเห็นบน ผมกลัวว่าคอมผมมันจะเล่น Company of Heroes 2 ไม่ไหวอ่ะ คอมเก่ามากแล้ว ภาค 1 ยังกระตุกเวลาปูพรมด้วยปืนใหญ่เลย


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 30 สิงหาคม 2555 / 20:31


PS.  นิยายเรื่องแรกของข้าพเจ้า http://writer.dek-d.com/machaiping/writer/view.php?id=743710
0
EfFRii HarinZ 30 ส.ค. 55 เวลา 21:24 น. 5

เราก็กำลังแต่งแบบสงครามเหมือนกัน แต่ยังโยงเข้าสู่สงครามไม่ได้เลย ToT
แถมยังคิดฉากต่อสู้ไม่ค่อยออกเลย


PS.  ถึงแม้ฉันไม่อาจยืนอยู่จุดๆนั้นได้ แต่ฉันก็ไม่อาจตัดใจได้เลย
0
Sirisobhakya 30 ส.ค. 55 เวลา 21:57 น. 6
มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งภูมิหลังของตัวละคร และบทบาทของตัวละคร

คนส่วนใหญ่ที่หลอนตอนจบสงครามคือชาวบ้านตาดำๆ กับชาวบ้านตาดำๆ ที่โดนเกณฑ์ไปเป็นหทารเกณฑ์ คนเหล่านี้ได้รับความเสียหายมากกว่าทหารประจำการมาก

- พวกเขาต้องลาออกจากงาน พอจบสงครามก็ไม่มีที่ให้เขาอยู่ ในขณะที่ทหารประจำการมีอาชีพเป็นทหารอยู่แล้ว
- ไม่ได้ฝึกหรือเตรียมการสำหรับการรับความกลัวหรือกดดันในสนามรบอย่างเพียงพอ ดังนั้นจึงเกิด PTSD ได้มากกว่าทหารธรรมดา

และการอยู่แนวหลังหรือเป็นผู้บังคับบัญชาก็เครียดน้อยกว่าผู้ปฏิบัติการที่ต้องลงไปอยู่ในสนามรบอยู่แล้ว ยิ่งในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่นั่งสนามเพลาะกันเป็นปี ไม่เหมือนสงครามโลกครั้งที่สองที่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ ก็ยิ่งทำให้ทหารแนวหน้าเกิดความรู้สึกกดดันหรือบ้าได้มากขึ้น

แต่จะว่าไม่มีคนเฮเลยก็ไม่ได้ พวกผู้บังคับบัญชาของฝ่ายชนะนั่นแหละเฮ เพราะถึงบ้านเมืองเสียหายก็ได้ค่าปฏิกรรมสงคราม และส่วนใหญ่พวกนี้จะอยู่รอดปลอดภัยไม่สูญเสีย ไม่เหมือนชาวบ้านที่ต้องผจญกับความกลัวตลอดเวลา ยิ่งมีเครื่องบินทิ้งระเบิดหรือเรือเหาะทิ้งระเบิดอย่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองด้วยแล้วก็ทำให้การรบไม่ได้อยู่แค่แนวหน้า แต่ขยายไปยังชาวบ้านธรรมดาด้วย

ดังนั้นจะเขียนให้เฮมันก็ไม่เชิงว่าผิดธรรมชาติอะไร แต่แค่ตัวละครต้องเป็นผบ. ระดับสูงหน่อย และประสบความสำเร็จในการนำทัพเท่านั้นเอง


PS.  หากเพียงฉันสามารถเอื้อมมือเข้าไปถึงในใจของเธอภายในอกที่ปิดกั้นฉันเรื่อยมา เธอจะคิดถึงฉันบ้างไหมหนา หรือว่าฉันคงไม่มีวันจะสมหวัง.....
0
Lady Miyacatz 30 ส.ค. 55 เวลา 22:47 น. 7

เอ...เท่าที่คุยกับเพื่อน ผู้บังคับบัญชาเองก็อภิมหาเครียดได้เหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะถ้าหน่วยตัวเองละลายไปเยอะเหนือกว่าที่คาด...  (น่าจะมีทั้งปลงไปแล้ว หรือไม่ก็เสียใจแทนลูกน้องทั้งหลายที่พลีชีพโดยทิ้งคนข้างหลังไว้ให้ลำบาก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานแต่ละคนอยู่ดี)

ว่าแต่มีคนรอ Company of Heroes 2 เหมือนกันหรือเนี่ย!!! ตั้งใจไว้ว่าภาคนี้จะซื้อแผ่นแท้แล้วค่า XD (หลังจากโหลดมาทั้งภาคหลักและ Tale of Valors ...อุ๊บส์!!)


PS.  รูปอวาตาร์รูปนี้จะดูดีก็ต่อเมื่อมันมีขนาดเล็กๆ.....
0
MARION (ROMA) 30 ส.ค. 55 เวลา 23:01 น. 8

อ่านทู้แล้วนึกถึง The Hunger Games ตอนจบน่ะค่ะ
ที่ถึงสงครามจะสงบ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ นางเอกจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่งงาน มีลูก แต่ไม่เคยมีความสุขจริง ๆ เลยทั้งปีทั้งชาติ ทั้งนางเอกและพระเอกต้องเผชิญกับฝันร้าย อาการจิตหลอน ความตึงเครียดไปตลอด
เราเองตอนที่อายุน้อยกว่านี้ก็เคยแต่งแฟนตาซีสงครามค่ะ ลงในเว็บ สนพ.สีม่วงอ่อน แต่งไปแต่งมาแป๊บเดียวก็ออกทะเลจนต้องลบทิ้งไป พอย้อนกลับไปมองนิยายของตัวเองอีกทีก็ไม่ประทับใจเอาเสียเลย บางที "สงคราม" จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรแค่ฟันกันโช้งเช้ง ๆ ยิงกัน ชนะ คิดแผนแล้วยืนเท่ ความลึกลับซับซ้อนของมันยังมีอีกเยอะ บางทีสถานการณ์ก็สร้างวีรบุรุษ บางทีก็มีแต่ผู้ชนะเท่านั้นที่มีสิทธิ์เขียนว่าตัวเองถูก เขียนว่าสงครามคืออะไรที่เลิศเลอ คือคุณพ่อเป็นคนชอบดูหนังสงครามมาก ๆ น่ะค่ะ แล้วตัวเราก็อยากจะเข้าเรียนเอกประวัติศาสตร์ด้วย ก็เลยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน พอรู้จักมันมากเข้า ๆ ก็เลยรู้ว่า จริง ๆ แล้วสงครามเนี่ย มันเป็นอะไรที่เรียกว่า "แย่" ได้เต็มปากเต็มคำเลยแหละ ถึงจะมีฝ่ายชนะ ถึงจะมีฝ่ายที่มีความสุข มันก็ไม่น่าจะเป็นความสุขจริง ๆ ถ้าเทียบกับว่าเขาต้องเสียอะไรไปบ้างกว่าจะชนะหรือมีความสุข หรือถ้าเทียบกับว่าเขายืนชนะอยู่บนความสูญเสียของคนอื่น
โอเค เพ้อเยอะไปละ ไปแล้วค่ะ สู้ๆ นะ จขกท.


PS.  ขอให้พรุ่งนี้ไม่มีโชคร้าย.
0
Doggiebiz 31 ส.ค. 55 เวลา 00:03 น. 9

ความจริงเคยอ่านผ่าน ๆ การวิจัยของเดนมาร์กเกี่ยวกับทหารที่เคยไปรบที่อิรักหรืออัฟกันนี่ล่ะ  ซึ่งการวิจัยบันทึกข้อมูลตั้งแต่ก่อนไปรบ  ระหว่างรบ  และตอนกลับมาแล้ว  เห็นผลการวิจัยแสดงว่าคนที่มีโอกาสเป็น PTSD นั้นส่วนใหญ่เป็นคนที่มีปัญหาหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว  ซึ่งสงครามอาจไม่ใช่เป็นเหตุผลหลักของ PTSD ก็ได้ 

http://www.sciencedaily.com/releases/2012/08/120817135532.htm 

ซึ่งอันนี้ก็เป็นความรู้ใหม่ที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปนะ

โดยส่วนตัวอยากลองเขียนแนวทำสงครามทั้งรอยยิ้มจัง 

บุกเมืองไป  ปล้มสะดม  ฆ่า ข่มขืนไป  แต่ก็ยังทำด้วยรอยยิ้มราวกับกำลังเล่นกีฬากระชับมิตรกัน




PS.  แกมันปีศาจชัด ๆ !!
0
Lady Miyacatz 31 ส.ค. 55 เวลา 00:18 น. 10

จะให้บุกปล้นสะดมแบบมีรอยยิ้มคงจะไม่ไหวมั้งคะท่านด็อกกี้... อันนั้นเข้าข่ายเครียดจนบ้าแล้วมั้งคะ 5555

แต่ถ้าจะให้รบกันแบบเกรียนๆ (เช่นเข้าตีเลทไปห้านาทีเพราะผู้พันมัวเขียนรายงานฉบับด่วนส่งกองพล) มีโชคช่วยบ้าง (เช่นกระทะบินใส่ข้าศึก) หรือเข้าตีเสร็จแล้วผู้บังคับบัญชาดันแอบไปงีบหลับแล้วทหารหาไม่เจอ (เอ่อ...) อันนี้ก็พอไหวอยู่นะคะ XD

ซึ่งในเรื่องที่เขียนนั้นมีมุกเยอะมาก แต่ใส่ในนิยายหมดไม่ได้แน่ๆ (เดี๋ยวออกทะเล) ทำเป็นโดจินสี่ช่องสปินออฟแทนละกัน ;w;


PS.  รูปอวาตาร์รูปนี้จะดูดีก็ต่อเมื่อมันมีขนาดเล็กๆ.....
0
thepingman 31 ส.ค. 55 เวลา 12:20 น. 11

ผู้บังคับบัญชาจะเครียดหรือไม่ แล้วแต่ครับ

ตัวอย่าง... จากหนังเรื่อง Braveheart

Longshanks: Archers. 
English Commander: I beg your pardon sire, but... won't we hit our own troops? 
Longshanks: (pretending surprise) ...Yes. But we'll hit theirs as well. We have Reserve. Attack!

พวกนี้ไม่มีทางเครียดกับทหารที่ตายไปหรอกครับ เชื่อผมเหอะ... หากเป็นผู้บังคับบัญชาที่ชอบยุทธวิธี "ทำให้ข้าศึกจมเลือดของฝ่ายเราจนตาย" แล้วยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ


ปล. ทำไม Shogun 2 ภาค The Last Samurai มันถึงได้ Crash ตลอดแบบนี้เนี่ย เล่นไม่ได้เลยอ่ะ...


PS.  นิยายเรื่องแรกของข้าพเจ้า http://writer.dek-d.com/machaiping/writer/view.php?id=743710
0
scarletpride 31 ส.ค. 55 เวลา 22:03 น. 13

ยกมือว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่เขียนเรื่องสงครามให้จบแบบทรูเอ็นน่ะค่ะ ตอนแรกนี่กะจะเขียนให้พระเอกตายหรืออะไรสักอย่างที่ใกล้เคียงกับแบดเอ็นแต่โดนเพื่อนท้วงไว้เพราะรู้สึกสงสารพระเอกเรื่องราวน์มาก (ชีวิตมันดูผ่านอะไรมาเยอะ) เลยกลายเป็นแฮปปี้เอ็นกลายๆแทน...

0
หนอนใส่แว่น 1 ก.ย. 55 เวลา 06:10 น. 15

พล๊อตเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นแหละมหากาฬสุดแล้ว มีแบ่งฝ่ายเป็น 2 ฝ่ายระหว่างพันธมิตร กับอัคษะ ประเทศเล็กแบบญี่ปุ่นกล้าไปถล่มอเมริกาที่ใหญ่เป็นทวีป ฮิตเลอร์จอมคนผู้เกรียดชาวยิวเพราะเรื่องฝังใจในอดีต ....ถ้าผมจะแต่งนิยายผมจะเอาแนวการดำเนินเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอนเรื่องจริงมันยังสุดยอดขนาดนี้เลย ผมอ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ทีไร ขนลุกทุกทีเลย

0
Sb.kit กวีผู้นอบน้อม 1 ก.ย. 55 เวลา 13:52 น. 17

มายกมือ ว่าเป็นอีกคนที่เขียนแฟนตาซีสงคราม
แล้วก็เป็นแนวเรียลลิสติคด้วย แต่ค่อนไปทางย้อนยุคนะครับ
แต่ในเรื่องของผม จะไม่ใช่แค่สงครามบนโลกอย่างเดียว
ผมอิงความเชื่อเรื่องสงครามระหว่างเทพเจ้าเข้าไปด้วย
ก็เป็นนิยายที่ไม่ค่อยมีอะไรฟินๆเหมือนกัน แต่ถ้าเนื้อหาเรื่อง
ราวของเราสร้างมาสมจริง มันก็ทำให้เนื้อเรื่องมีน้ำหนัก
แต่คงเป็นเฉพาะคนที่ชอบอ่าน อะไรจริงจังหน่อย นะครับ
ถ้าเป็นเว็บนี้ มีแต่เด็กๆ เค้ามักจะชอบอะไรที่ดูเป็นการ์ตูน
จะได้รับความนิยมมากกว่า อะไรที่ดูสมจริง มีเหตุมีผลเป็นหลัก
ทำให้คนอ่านมักผิดหวัง เพราะความจริงคือความจริง ถ้ากองทัพ
ข้าศึกมากันเป็นหมื่่นเป็นแสน แล้วเรามีกองกำลังแค่หยิบมือเดียว
ต่อให้เทพเจ้าเข้าข้าง ก็ยังแพ้ศึกอยู่ดี แต่ความน่าสนใจของนิยาย
สงครามมันไม่ได้อยู่ที่ยุทธวิธี หรือกลศึกอย่างเดียว จริงๆมันอยู่ที่
แม้ตัวเอกจะเห็นอยู่ข้างหน้าว่าสู้ไปก็มีแต่ตายกับตาย แต่ก็ยังสู้
ไม่ใช่เพราะไม่กลัวตาย แต่เหตุผลที่ต้องปกป้องมันสำคัญกว่าตัว
เรามากนักต่างหาก...


PS.  เราจะถมทะเลให้เต็มได้อย่างไร เราจะเติมเต็มชีวิตได้อย่างไร ถ้าใจไร้รัก
0
Lady Miyacatz 1 ก.ย. 55 เวลา 15:30 น. 18

ยอมรับว่าทีแรกอยากแต่งยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นะคะ แต่เพราะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มันเล่นเรื่องการเมืองการปกครองได้เยอะกว่า ก็เลยเอามาเขียนซะ XD (ไว้ค่อยแต่งภาคสองในรุ่นลูกแล้วกัน 5555)

แต่ของเรามันแฟนตาซีกว่าตรงที่งัดเอาสิ่งมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติมาเป็นยุทโธปกรณ์นั่นแหละค่ะ =w= ทั้งคริสตัลพลังเวทและสัตว์ในตำนานต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเอามาเล่นได้!


PS.  รูปอวาตาร์รูปนี้จะดูดีก็ต่อเมื่อมันมีขนาดเล็กๆ.....
0
Deta 2 ก.ย. 55 เวลา 05:57 น. 19

ขออิงจากที่พี่หยงเคยลงไว้ในเฟซนะ?

เพราะรู้สึกว่ามันก็เป็นอีกมุมหนึ่งเหมือนกัน

คือเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในภาวะสงคราม ครอบครัวแตกกระเซ็นไปคนละทิศ จนเขาต้องเข้าร่วมเป็นหน่วยรบตั้งแต่เล็ก ได้รับการปลูกฝังผ่านสื่อ (เปิดหนังให้ดู) ผ่านการสอน การบอกเล่า ฝึกจับอาวุธ มีกัญชาเพื่อให้ตื่นตัว
และอื่นๆ

ถึงเวลาออกรบจริง มันกลายเป็นว่า ฆ่าเพื่อเอาชนะ ฆ่าได้ตัวเองก็รอด ฆ่าได้ก็เป็นฮีโร่ ฆ่าศัตรูได้เยอะยิ่งเจ๋ง ความคิดในด้านอื่นๆละลายหายไปหมดจากการล้างสมองของค่ายฝึกนั่น

พอจบสงคราม เขาต้องเข้ารับการบำบัด ผ่านการบำบัดยาวนาน แล้วค่อยๆหลอมกลับมาเป็นเด็กปกติที่ถูกทำให้คิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อสงคราม

ประมาณนั้น...

แต่นี่มันทหารเด็กนี่นะ...


PS.  [สถานะ:: มันเป็นเรื่องของโชคชะตา...]// กฎหมาย...ถ้าคนไม่เคารพ มันก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ // It's our "Destiny" // อ๊างงงค์~~~
0
๐ ก ลั ว น้ า ม ๐ 2 ก.ย. 55 เวลา 16:59 น. 20

ถ้าสงครามละก็ ทำให้เรานึกถึง กันดั้ม ขึ้นมาทันทีเลย 

อยากแนะนำให้ เจ้าของกระทู้ลองไปดู แต่ถ้าไม่ชอบหุ่นยนต์ก็ไม่เป็นไรค่ะ


PS.  ค น แ ร ก ข อ ง หั ว ใ จ อ า จ ไ ม่ ใ ช่ ค น สุ ด ท้ า ย ข อ ง ชี วิ ต เ พี ย ง แ ค่ เ ร า อ ย่ า ยึ ด ติ ด แ ล้ ว ชี วิ ต จ ะ ดี เ อ ง
0