Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากรู้จุดเด่น/จุดด้อยของเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หน่อยครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากรู้จุดเด่น/จุดด้อยของเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หน่อยครับ

คือกำลังจะสมัคโควต้า วิศวะยานยนต์ แต่ยังไม่ค่อยรู้จัก

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

OSK1xx 6 ก.ย. 55 เวลา 21:58 น. 1

จุดด้อยคือจบมาแล้วไม่มีสังคมครับ

เวลาทำงานถึงแม้จะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีสังคม ไม่มีคนหนุน ก็ก้าวไปข้างหน้าได้ยากครับ

0
8041 7 ก.ย. 55 เวลา 06:40 น. 2

ข้อดี จาก http://th.wikipedia.org/wiki/สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น

1. ผลิตนักศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติตามแนวคิด (物作り monozukuri) ทำให้นักศึกษามีความรู้ความสามารถตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน

2. ฝึกงานจริงในสถานประกอบการ จบแล้วมีโอกาสได้งานทำทันที นักศึกษามีโอกาสได้เลือกฝึกงานในสถานประกอบการในส่วนที่ตนเองถนัด และสนใจเป็นเวลา 1 ภาคเรียน ทำให้มีประสบการณ์ในการทำงาน และมีโอกาสที่จะได้รับการว่าจ้างงานต่อในบริษัทนั้นๆเมื่อเรียนจบ

3. เน้นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับชาวต่างประเทศ และทางสถาบันได้มีการมุ่งเน้นไปที่บริษัทญี่ปุ่น จึงมีการเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชาบังคับอีกหนึ่งภาษา นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ

4. มีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ทางสถาบันได้มีการทำสัญญาร่วมมือทางการศึกษา (MOU) กับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น นักศึกษาจะมีโอกาสไปศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่น

5. นักศึกษาของสถาบันส่วนใหญ่ได้รับทุนการศึกษาสนับสนุนจากองค์กรและบริษัทต่างๆ สถาบันได้รับการสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์ สถานที่ฝึกงาน และเงินทุนจากองค์กรและบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่น มากกว่า200องค์กร

Japanese Partner Institutions

1. Chiba Institute of Technology
2. Daido University
3. Kyushu University
4. Nagoya Institute of Technology
5. Osaka Institute of Technology
6. Shibaura Institute of Technology
7. Tokyo University of Agriculture and Technology
8. Tohoku University
9. Tohoku Institute of Technology
10. Toyoda Institute of Technology, etc.

ข้อเสีย

1. มีนักศึกษาน้อย (1500-2000 คน) ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในสังคม
2. สถาบันเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน (2549) ทำให้ไม่ค่อยมีรุ่นพี่รุ่นน้องที่จะช่วยขยายเครือข่ายในอนาคต
3. อนาคตไม่แน่นอน เนื่องจากเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน และมีนักศึกษาน้อย หากในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเงินสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ มีความเป็นไปได้ที่สุถาบันอาจประสบภาวะขาดทุนในอนาคตและต้องปิดตัวลง แต่เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับสถาบันการศึกษาของรัฐบาล เพราะมหาลัยรัฐบาลจะได้รับงบประมาณจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี
4. อนาคตการทำงานถูกจำกัด เนื่องจากสถาบันการศึกษานี้เป็นที่รู้จักกันเฉพาะในวงแคบ เฉพาะในกลุ่มผู้สนับสนุนสถาบัน ดังนั้นผู้ที่จบมาก็อาจจะเสียเปรียบคนอื่นๆ ที่จบการศึกษามาจากมหาลัยทั่วๆ ไป ที่เก่าแก่กว่า มีศิษย์เก่าเยอะกว่า
5. ประสบการณ์ คุณวุฒิการศึกษา ของอาจารย์ถ้าเทียบกับคณะวิศวฯ มหาลัยอื่นๆ แล้วก็ถือว่ายังด้อยกว่ามาก เท่าที่ดูรายละเอียดมีอาจารย์ที่มีคุณวุฒิปริญญาเอกอยู่ไม่ถึง 10% ตำแหน่งทางวิชาการก็ด้อยกว่าสถาบันอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะว่ามีแต่ ผศ. ไม่มีอาจารย์ระดับ รศ. และ ศ.
6. ศักยภาพทางด้านงานวิจัยขั้นสูงของสถาบันก็ถือว่าด้อยกว่าที่อื่นๆ เพราะว่าไม่มีการเปิดสอนปริญญาเอก สาเหตุหลักคงเป็นเพราะเรื่องศักยภาพโดยรวมของสถาบัน
7. จุดประสงค์ของสถาบันดูแล้วเหมือนกับเป็นสถาบันเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตคนระดับปริญญาตรีให้เข้าไปทำงานในโรงงานในเครือข่าย โดยใช้หลักการเดียวกันกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ของเซเว่นอีเลเว่น

สรุป

เท่าที่ดูแล้ว สิ่งที่จะได้จากการเพิ่มเติมจากการไปเรียนต่อสถาบันไทย-ญี่ปุ่นนั้นไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก เพราะถ้าจบวิศวะจากสถาบันหนึ่งในนั้นก็สามารถหางานได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องภาษาก็สามารถหาความรู้เพิ่มเติมจากภายนอกได้ เรื่องการฝึกงานภายนอกก็สามารถทำได้ที่สถาบันอื่นๆ

ถ้าอยากเรียนวิศวะ แล้วทางบ้านสามารถส่งเสียค่าเล่าเรียนได้ ขอแนะนำให้เลือกสถาบันในเครือข่าย 8 เกียร์เก่าจะดีกว่า (จุฬา เกษตร ลาดกระบัง บางมด พระนครเหนือ เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา) เพราะสถาบันพวกนี้ผลิตวิศวกรออกมาทำงานมานานหลายสิบปีแล้ว มีผลลัพธ์เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม มีความเสี่ยงน้อยกว่าเลือกเรียนสถาบันที่เพิ่งตั้งใหม่และอนาคตไม่แน่นอนและเหมือนถูกจัดให้อยู่อีกระดับที่ต่ำกว่ามหาลัยของรัฐๆ ทั่วไป (หลักการในการดูว่าคณะวิศวฯ มหาลัยไหนถูกจัดให้อยู่ระดับไหน ให้ดูว่ามีเปิดระดับปริญญาเอกหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ามหาลัยนั้นมีศักยภาพทางด้าน คณาจารย์ เงินทุนสนับสนุน อุปกรณ์ ต่างๆ ผ่านหลักเกณฑ์มาตรฐานของทางราชการ)

2
Anaxarete ★ 2 ธ.ค. 62 เวลา 20:33 น. 2-1

เพิ่งได้มาอ่านคอมเมนต์นี้ ขออนุญาตตอบในฐานะศิษย์เก่านะคะ

1. นักศึกษาน้อย ทำให้ไม่เป็นที่รู้จักในสังคม

: ในอดีตอาจจะเป็นอย่างนั้นค่ะ แต่ปัจจุบันเท่าที่ทราบก็มีศิษย์เก่าไทยญี่ปุ่นได้เข้าไปทำงานบริษัทดีๆ เยอะนะคะ บางคนก็ไปทำงานต่อที่ญี่ปุ่น อย่างเพื่อนเราไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น ประธานบริษัทที่นู่นก็ชวนให้เพื่อนเรามาทำต่อหลังเรียนจบนะคะ รุ่นพี่เราบางคนก็ไปทำงานที่บ.ที่ญี่ปุ่นเลยก็มี บางคนก็ทำงานกับบริษัทฝรั่งนะคะ ส่วนเรา ปัจจุบันเราทำงานให้บริษัทสายเรือต่างชาติค่ะ จบมาก็ได้งานเลย แต่อย่างไรเราไม่รับประกันว่าทุกคนจะได้ทำงานบริษัทที่ดีหรือมีชื่อเสียง ถึงแม้สถาบันจะมีคอนเนคชั่นกับบ.ญี่ปุ่นและมี Job Fair จากบ.ญี่ปุ่นมาเปิดในมอ เราคิดว่าการหางานและการได้งานเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล, ความขวนขวายและโปรไฟล์ของแต่ละคนมากกว่าค่ะ ชื่อเสียงสถาบันช่วยได้แค่ครึ่งเดียว ในโลกทำงาน ความสามารถต้องมาก่อนค่ะ


2. คอนเนคชั่นรุ่นพี่รุ่นน้องไม่กว้างขวาง

: จากข้อ 1 มีรุ่นพี่มากมายที่ไปฝึกงานและทำงานที่ญี่ปุ่น ก็เป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆรุ่นหลังด้วยค่ะ และรุ่นพี่หลายๆ คนที่ได้เข้าไปทำงานบริษัท ถ้าฟากมีตำแหน่งว่าง ก็จะนำมาแชร์ให้น้องๆ อยู่เรื่อยๆ ค่ะ


3. อนาคตไม่แน่นอนเนื่องจากเป็นสถาบันเอกชน

: ถูกต้องค่ะ เราเป็นสถาบันเอกชน เราเองก็ไม่ทราบว่ารัฐบาลไทยให้ความสนับสนุนอย่างไรบ้าง แต่เรามั่นใจว่ารัฐบาลญี่ปุ่นรวมถึงบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ค่ะ เห็นได้ชัดเลยจากพวกช็อปวิศวะ เครื่องมือต่างๆ มาจากบริษัทญี่ปุ่นค่ะ เขาจะสนับสนุนอย่างมากในเรื่องของยานยนต์ค่ะ #เพิ่มเติมอีกนิด วิศวะมอเราเรียนศัพท์เฉพาะทางกับคนญี่ปุ่นเลย เราจึงคิดว่าน่าจะดีกว่าการออกไปศึกษาด้วยตัวเองค่ะ ส่วนเรื่องภาวะขาดทุนไม่ทราบนะคะ แต่เท่าที่เห็นตอนนี้สภาพคล่องก็น่าจะดีพอสมควร เห็นได้จากการก่อสร้างตึกเรียนสำหรับหลักสูตรอินเตอร์ค่ะ


4. อนาคตการทำงานถูกจำกัดเพราะเป็นที่รู้จักในวงแคบ

: ส่วนตัวข้อนี้ไม่ทราบ สำหรับเราเอง ตอนมาสมัครงานที่บริษัท เจ้านายเราก็รู้จักมอเรานะคะ แล้วก็มอเราอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มบริษัทไทย แต่ในญี่ปุ่น บริษัทส่วนมากจะรู้จักมอเราอยู่แล้วค่ะ เราเห็นรายชื่อ MOU ของมอกับบ.ญี่ปุ่นยาวเป็นหางว่าวเลยแต่ไม่ได้อ่าน 55555


5. ประสบการณ์ของอาจารย์ไม่เทียบเท่าที่อื่น

: ของวิศวะเราไม่ทราบนะคะ เราอยู่บริหาร แต่อาจารย์ที่เราเจอแต่ละคน ก็โหดอยู่พอสมควร บางคนเป็นอาจารย์พิเศษมาจากบางมดหรือมาจากบ.โลจิสติกส์ มาสอนเราโดยตรง ทำให้ได้ความรู้แบบเข้มข้นมากค่ะ ทุกวันนี้ที่อาจารย์สอน เราก็เอามาใช้กับงานเราค่ะ


6. ข้อนี้ไม่ทราบค่ะ ขอผ่านนะคะ


7. จุดประสงค์เหมือนสถาบันเฉพาะกิจ แนวเดียวกับปัญญาภิวัฒน์

: ก็จริงค่ะ สถาบันเรามีเป้าหมายเพื่อสร้างบัณฑิตให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมระหว่่างไทยกับญี่ปุ่น บัณฑิตที่นี่เป็นที่ยอมรับในวงการบริษัทญี่ปุ่น แต่ปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องบ.ญี่ปุ่นเท่านั้น บ.ต่างชาติอื่นๆก็เริ่มยอมรับศิษย์ไทยญี่ปุ่นแล้วค่ะ แล้วเราก็ไม่ได้ผลิตบัณฑิตเพียงแค่ไปทำงานในโรงงานค่ะ 3 คณะของเราครอบคลุมตั้งแต่บริหาร ไอที วิศวะ ซึ่งแตกแขนงแยกย่อยออกไปอีกหลายสาขา ตอนนี้มีเปิดหลักสูตรอินเตอร์ที่จะสอนในภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น และภาษาที่สี่ให้เลือกด้วยค่ะ นี่อยากเรียนมากแต่จบแล้ว 5555


: สุดท้ายนี้อยากให้ลองเปิดใจกับที่นี่ดูค่ะ โลกเปลี่ยนไปแล้ว ทางเลือกของคนรุ่นใหม่ไม่ได้มีแค่ม.รัฐแล้วค่ะ เราติดรับตรงรัฐศาสตร์จุฬา แอดติดรัฐศาสตร์ IR ของธรรมศาสตร์ เมื่อพิจารณาจากหลายอย่าง เราก็เลือกที่นี่ค่ะ และพอจบมาเราก็ไม่ผิดหวัง ยังไงก็อยากให้ลองพิจารณาสถาบันเทคโนโลยีไทยญี่ปุ่นไว้ด้วยนะคะ :)




0
ผู็เสพดราม่า 13 เม.ย. 63 เวลา 17:04 น. 2-2

นี่ก็พึ่งตัดสินใจเรียนที่นี้เหมื่อนกันค่ะ ตอนแรกไม่มั่นใจเพราะเป็นม.เอกชนบวกกับโดนคนรอบข้างบอกว่าไม่รู้จักก็ทำให้ใจหวิวๆไปเหมื่อนกัน แต่พอได้อ่านคห.นี้ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่เราเลือกนั้นถูกต้องแล้ว ก่อนหน้านี้เราติดวิทยาของบางมดค่ะ


Ps:เราอยู่วิศวะไฟฟ้าค่ะ

0
กรกนก 8 ก.ย. 55 เวลา 21:02 น. 3

ตัวอย่างนะครับ เตรียมอุดมใหญ่ กับมหิดลวิทยานุสรณ์ อดีตเตรียมใหญ่จะให้โควต้าเด็กเรียนดีระดับม.3ห้องละ 1-3คนเพื่อมาเรียนและเด็กเหล่านี้สติปัญญาดีขยันเรียนและตั้งใจอยู่แล้วสามารถพัฒนาตนเองได้ไวจาก อาจารย์ที่ดี ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
พอปี2534มหิดลวิทยานุสรณ์เปิดรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเช่นเดียวกับเตรียมอุดม แต่แย่งรับเด็กก่อนราวเดือนตุลาคมของทุกปี แต่เรียนฟรีมีทุนให้ต่อเนื่อง มีที่พักฟรีทำให้มีจุดมุ่งหมายเดียวกับเตรียมอุดมคือแย่งคนเก่งจากสถาบันอื่น ที่ตนเองไม่ได้ผลิตเองนำมาต่อยอดจนทำให้ชื่อเสียงมหิดลในปัจจุบันเทียบชั้นมาอยู่ในระดับเดียวกันแล้วและคาดว่าต่อไปน่าจะเปลี่ยนแปลงไปอีกมาก ซึ่งระยะต่อไปถ้ามีชื่อเสียงแล้ว ถึงมหิดลจะไม่ให้ทุนและแถมยังเก็บค่าเทอมระดับแพงๆ ยังมีคนไปสอบแข่งขันกันเพื่อเข้าเรียนแน่นอน เพราะเหตุผลและหลักการทำนองนี้เอง ที่มันแผนทางการบริหารที่จะทำให้สถาบันเป็นที่ยอมรับที่ต้องใช้ระยะเวลา

0
jaisungma007 20 ก.พ. 56 เวลา 11:13 น. 4

เพิ่มเติมนะครับ...monozukuri นั้นหมายถึง How to make  หรือในความหมายก้อคือเรียนแบบว่าจะผลิตอย่างไร....นั่นคือเรียนแบบแอพพลาย ไม่ได้เน้นทฤษฏีมากเหมือนของมหาลัยไทยทั้งหลายครับ และที่นี่จะเน้นให้เรียนแบบสามารถสื่อสารพูดภาษาญี่ปุ่นได้ครับ

0
Anaxarete ★ 11 ก.พ. 61 เวลา 21:45 น. 5

ข้อดีคือคอนเนคชั่นกับบริษัทญี่ปุ่นเยอะมาก ทุนเยอะมาก เพื่อนๆ เราบินไปดูงานญี่ปุ่นกันเป็นว่าเล่น จนเรารู้สึกเหมือนญี่ปุ่นอยู่แถวๆ เชียงใหม่ยังไงยังงั้น ทุนเรียนต่อ เรียนซัมเมอร์ก็มี มีโอกาสให้มากมายสำหรับคนที่ขวนขวายค่ะ


เราเรียนบริหารระหว่างประเทศ เราคิดว่าในสาขาของเราเป็นสาขาที่อิสระทางความคิดกันมาก รุ่นเราเป็นรุ่นที่กล้าทำกล้าชน ทำให้เราได้ลงมือทำอะไรใหม่ๆ ได้ออกจาก safe zone ของตัวเอง อาจารย์ที่นี่ก็เก่งนะคะ เราพัฒนาภาษาอังกฤษขึ้นมาก ภาษาญี่ปุ่นก็พัฒนาด้วยค่ะ


สถาบันเราเล็กและไม่ได้ดังเท่าม.ชั้นนำค่ะ เราติดรัฐศาสตร์จุฬากับธรรมศาสตร์แต่เราก็เลือกทีน่ีค่ะ เพื่อนเราติดแพทย์มหิดลแต่ก็เลือกที่นี่ค่ะ เพราะฉะนั้นที่นี่ไม่ได้เป็นที่รวมของเด็กไม่มีทางเลือกนะคะ แต่เป็นทางเลือกที่พวกเราเลือกกันเองค่ะ


เรื่องงบประมาณหรือเงินทุนของมหาลัย ในอดีตหรือในอนาคตเราไม่ทราบ แต่ปัจจุบันสภาพคล่องทางการเงินของมหาลัยดีมากนะคะเมื่อมองในมุมมองของสถาบันการศึกษา มีการขยายหลักสูตรภาคอินเตอร์และสร้างอาคารเรียนเพิ่มด้วยค่ะ


ข้อเสียของที่นี่คือการจัดการหลายๆ อย่างในมหาลัยยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้เราหงุดหงิดนิดหน่อยเวลาทำกิจกรรม แต่โดยรวมเราก็โอเคนะ 5555


เราเรียนมาสองปีแล้ว เคยคิดจะซิ่ว แต่ก็ไม่ไป เพราะเรารู้สึกสตรองและโตขึ้น ได้เจออะไรใหม่ๆ ได้ทำอะไรที่ข้ามลิมิตเดิมๆ ของเราไปค่ะ

2
น้องอาย^_^ 9 ต.ค. 62 เวลา 22:24 น. 5-1

ทำมัยถึงคิดจะซิ่วหรอคะ แล้วพี่พอจะมีเพื่อนๆที่อังกฤษแย่มากๆแต่ก็เรียนไหวมั้ยคะ

0
Anaxarete ★ 18 พ.ย. 62 เวลา 22:30 น. 5-2

เคยคิดจะซิ่วไปแอดนิติศาสตร์จุฬาค่ะ แต่ขี้เกียจ 5555 เพื่อนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษในสาขาก็มีค่ะ แต่พอสถานการณ์บังคับให้ต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆ ทักษะก็ดีขึ้นนะคะ ถ้าขยันขวนขวาย จบไปได้อะไรดีๆ เยอะมากค่ะ

0