Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(Review Anime) Anime Summer 2012 จบแล้ว มาบ่นไปด้วยกันเถอะ !

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

อนึ่ง กระทู้นี้เคยตั้งในบอร์ดนักเขียนมาแล้ว  แต่เห็นว่าเหมาะกับบอร์ดการ์ตูนแห่งนี้เลยเอามาลงด้วยซะเลย  หากใครสนใจความเห็นของคนอื่น ๆ ก็ลองแวะเข้าไปที่กระทู้ในบอร์ดนักเขียนได้นะครับ  โดยคลิก >> ที่นี่ << เลย

กระทู้นี้มี Spoil หรือการเผยเนื้อหาในเรื่องที่จะทำให้เสียอรรถรสในการดูนะจ๊ะ


สวัสดีครับทุกท่าน...

ช่วงนี้ก็ฝนตกทุกวี่ทุกวัน แถมยังชอบตกเวลาคนเขากลับบ้านกันอีก สงสัยว่าพระพิรุณเองก็มีเวลาตอกบัตรเข้าออกทำงานเหมือนกันแฮะ

ในที่สุดก็เข้าสู่ข่วงสุดท้ายของอนิเมซีซั่นนี้แล้ว หลายเรื่องก็ได้จบไปเป็นที่เรียบร้อย อีกหลายเรื่องเช่น Sword Art Online (หรือ อบต )อนิเมขวัญใจคนไทย (ที่ผมไม่ค่อยอวย) ก็ลากยาวต่อไปอีกซีซั่นหนึ่ง

เพื่อความสนุกของกระทู้นี้ อยากให้ทุกท่านลองไปอ่านรีวิวอนิเมต้นซีซั่นนี้ก่อนได้ >>ที่นี่<< แล้วกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกทีเพื่อเปรียบเทียบว่าความเห็นของผมตอนต้นซีซั่นกับตอนท้ายซีซั่นมันช่างต่างกันราวกับฟ้ากับเหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางเรื่องที่ผมอวยไว้อย่างดิบดีในตอนแรกกลับผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่บางเรื่องที่ด่าไว้เสียยับเยินกลับกลายเป็นเรื่องทีผมเฝ้าดูมากที่สุด

สำหรับในช่วงแรกผมจะลิสต์รายอนิเมที่ผมดูไม่จบ หรือดร็อปไปกลางทาง ส่วนช่วงถัดไปจะเป็นรีวิวคร่าว ๆ และความรู้สึกหลังจากดูจบเป็นรายอนิเมไป ตามด้วยบทส่งท้ายที่ถ้ามีอารมณ์เขียน จะขอเพ้อเรื่องตัวการ์ตูนสาวแว่นสุดยอดในใจของผมที่ตกเป็นจำเลยของสังคมในเวลานี้หน่อย และมองข้ามช็อตถึงอนิเมน่าสนใจในซีซั่นหน้า

สำหรับซีซั่นนี้ก็เหมือนกับทุกซีซั่น คือผมไม่ได้ดูครบทุกเรื่องในซีซั่นนี้ บางเรื่องที่น่าสนใจแต่ผมไม่ได้ดูก็จะเขียนไว้ในความเห็นต่อไป

ส่วนการรีวิวในกระทู้นี้ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น  เพราะฉะนั้นมันจะไม่แปลกเลยที่มันอาจจะไม่ตรงกับความเห็นของหลาย ๆ คน  แต่กระนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แต่ละคนมีรสนิยมต่างกันนั่นล่ะ  และผมยินดีเป็นอย่างยิ่งหากใครจะมาร่วมรีวิว หรือแสดงความเห็นในกระทู้นี้ ผมเองก็ไม่ได้ดูอนิเมเยอะ ดังนั้นถ้ามีคนมาร่วมรีวิวเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปจะเป็นเรื่องที่ดีมาก แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของกระทู้คือหาเพื่อนคุยนั่นล่ะ

เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราก็ไปเข้าสู่ช่วงแรกกันเถอะ !



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 ตุลาคม 2555 / 13:44
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 1 ตุลาคม 2555 / 13:49

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...

แสดงความคิดเห็น

>

23 ความคิดเห็น

Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:25 น. 1

อนิเมที่ผมดูไม่จบหรือดร็อปกลางทาง

1. Dakara Boku wa, H ga Dekinai - อนิเมที่คนแถวนี้บางคนอวยนักอวยหนาช่วงแรก ๆ (ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังอวยอยู่หรือเปล่า) สำหรับผมดูตอนแรกก็เกินพอแล้วสำหรับอนิเมขายนมเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าผมแอนตี้อนิเมขายนมนะ เพียงแต่ผมคงรู้สึกเอียนกับพล็อตแนวนี้เสียมากกว่า เสียดายเพื่อนสนิทวัยเด็กแถมเป็นสาวแว่นอีกต่างหาก

2. Oda Nobuna no Yabou - เป็นอีกเรื่องที่ผมดร็อปตั้งแต่ตอนแรกเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ทำไม่ดีนะ โปรดักชั่นเจ๋ง แอ็คชั่นเคลื่อนไหวพลิ้ว ตัวละครสาว ๆ น่ารัก แต่สุดท้ายแล้วผมก็ขี้เกียจดูอยู่ดี สงสัยว่าผมคงไม่ค่อยถูกกับเรื่องแนวเอาบุคคลในประวัติศาสตร์มาแปลงเพศสักเท่าไหร่

3. Binbougami ga! - การ์ตูนปล่อยมุกของน้ำยาล้างจานประจำซีซั่นนี้ ผมดูไปแล้วตอนแรกก็สนุกดี แต่พอขึ้นตอนสองแล้วรู้สึกหมดอารมณ์ดูไปเสียอย่างนั้น สงสัยคานะไม่เหมาะกับการพากษ์คาแร็คเตอร์แนวนี้ล่ะมั้ง


4. Natsuyuki Rendezvous - ผมแปลกใจมากสำหรับเรื่องนี้ที่ผมยังค้างเติ่งอยู่ที่ตอนที่ 7 อยู่เลย ความจริงเรื่องนี้เป็นอนิเมที่ดีมากนะ มันมีความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นธรรมชาติ คนพากษ์ก็พากษ์ได้เข้ากับอารมณ์ ฉากหลังที่เป็นร้านดอกไม้ก็สีสดใส มุมกล้องและลำดับการดำเนินเรื่องก็ทำได้เยี่ยม แล้วทำไมผมถึงยังดูค้างต่อไม่จบล่ะ ?

หากจะบอกสาเหตุมันคงเป็นการสปอยล์เนื้อหาพอสมควรเลย แต่สำหรับท่านที่ตัดสินใจเข้ามาอ่านกระทู้นี้ก็ต้องยอมรับการโดนสปอยล์ได้ในระดับหนึ่งล่ะนะ ดังนั้นผมจะพูดออกมาเลยก็แล้วกัน ถ้าใครบ่นก็กรุณากลับไปอ่านตรงต้นกระทู้ด้วย

คือผมรู้สึกเอียนช่วงเนื้อหาตอนที่พระเอกโดนอดีตสามีนางเอกชิงร่างไปน่ะ ดูแล้วทั้งอึดอัดและหงุดหงิด จนสงสัยว่าอนิเมทำดีไปมั้ง ผมเลยไม่ดูต่อแม่มเลย แต่สำหรับใครที่เรื่องที่ออกแนวรักของผู้ใหญ่ เนื้อหาลุ่มลึกแล้ว ผมก็แนะนำเรื่องนี้เลย ผมได้แต่หวังว่าจะทำใจมาดูต่อเรื่องนี้จนจบได้สักวันนะ

5. Hagure Yuusha no Estetica - ผมดูเรื่องนี้จนถึงตอนที่ 10 ครับ แล้วผมว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้ที่ผมรู้สึกในตอนแรกมันจางหายไปหมดแล้วล่ะ คือเนื้อหาก็น่าสนใจดีอยู่หรอก แต่การนำเสนอของสตูดิโอที่ทำนี่ไม่ได้เรื่องเลย ดีไซน์ตัวละครก็ไม่ถูกใจ แถมทั้งที่เป็นการ์ตูนขายนม แต่วาดนมกับรูปร่างสาว ๆ ไม่ค่อยสวยเลย สรุปคือผมแปลกใจเหลือเกินที่ยังอุตส่าห์ดูได้จนถึงตอนที่ 10 เนี่ย ไปอ่านแบบมังหงะยังถึงใจกว่าเลย


ส่วนเรื่องที่ผมไม่ได้ดูก็บอกไปในกระทู้ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้ง Kokoro Connect, Horizon II, Rinne no Lagrange






แต่ฮันเบย์อย่างแจ่ม... เอ๊ะ เราเลิกดูไปก่อนที่เธอจะเปิดตัวนี่นา

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:25 น. 2

อนิเมที่ดูข้ามไปข้ามมา ไม่ได้ดูครบทุกตอน

1. Dog Days'




หนึ่งในเรื่องที่ผมตั้งตารอคอยมากที่สุดของซีซั่นนี้ แต่เหมือนว่ามันไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังได้สักเท่าไหร่...

ความจริงผมอวยเรื่องนี้นะ เป็นผลพวงมาจากเรื่องที่ว่าเป็นสตูดิโอเดียวกับที่ผลิตนาโนฮะออกมา ทำให้ผมพยายามจะดูเรื่องนี้ให้สนุกให้ได้ ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วซีซั่นแรกมันก็ไม่ได้สนุกอะไรขนาดนั้น แต่ด้วยแรงอวยทำให้ผมดูแล้วสนุกมากกว่าที่มันควรจะเป็น... (แต่ซีซั่นแรกมันก็สนุกนะ)

กระนั้น เรื่องราวมันก็เหมือนกับราคาหุ้นของเฟสบุ๊คที่ประเมินไว้สูงเกินจริง หลังจากผมพยายามกัดฟันเค้นพลังอวยอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดผมก็ไม่อาจต่อต้านความรู้สึกที่สะสมในก้นบึ้งหัวใจได้...

คือมันน่าเบื่ออ่ะ... ปัญหาร้ายแรงที่สุดของภาคนี้ในความเห็นของผมคือมันไม่มีทิศทางเอาเสียเลย แทบไม่มีเนื้อหาหลักเหมือนภาคแรก กลับเป็นเพียงเล่นสนุกไปวัน ๆ ราวกับว่าต้องการใส่ทุกอย่างที่ภาคที่แล้วไม่มีโอกาสได้ใส่มาในภาคนี้ ไม่มีทิศทางให้รู้สึกว่าอยากจะติดตามเรื่องนี้นอกจากดูตัวละครน่ารัก ๆ ทำอะไรที่น่ารัก ๆ อย่างสบายอกสบายใจ ทุกคนเป็นคนดี ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการทรยศหักหลัง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่มันไม่มีอะไรให้รู้สึกว่าอยากจะดูตอนต่อไปนะสิ นี่ยังไม่รวมไปถึงฉากแปลงร่างอันแสนสยองขวัญของเบ็คกี้ในตอนต้นเรื่อง ยังดีที่ฉากคอนเสิร์ตขององค์หญิงทำได้ดีกว่าภาคแรก แต่กระนั้นมันก็ไม่อาจทำให้ความมั่นใจของผมที่มีต่อซีซั่นนี้มันเพิ่มขึ้นได้แม้แต่น้อย

สรุปคือผิดหวัง ดูข้าม ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากนัก คงจะดูตอนสุดท้ายพรุ่งนี้ ซึ่งก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากนี้ไปหรอก

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:26 น. 3
2. Muv-Luv Alternative: Total Eclipse



พระเอกของเรื่องนี้คือเหล่า Beta และหน้าที่ของเหล่า Beta คือจับสาว ๆ ในเรื่องมาเข้าฮาเร็ม (เขมือบ)

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ดูข้าม ๆ สองตอนแรกของเรื่องนี้ทำออกมาเรียกได้ว่าเยี่ยมยอดมาก มันดูทั้งสิ้นหวัง ทั้งสยดสยอง แสดงถึงความกดดันของเหล่ามนุษยชาติที่ต้องเผชิญหน้ากับการสูญพันธุ์ได้อย่างยอดเยี่ยม

กระนั้นหลังจากสองตอนแรก เรื่องนี้ก็ดิ่งลงเหวสู่ห้วงแห่งความหายนะในแง่ของตัวอนิเม ทั้งที่ตัววัตถุดิบของเรื่องเรียกได้ว่าแจ่มแจ้งแสนสาหัส (ซีรีย์ Muv-Luv ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน Visual Novel ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งเลย) ธีมของเรื่องที่เน้นถึงความขัดแย้งของเหล่ามนุษยชาติที่แม้ว่าภัยพิบัติกำลังเข้ามากลืนกินทั้งเผ่าพันธ์ เรื่องการเมือง การเหยียดผิว ความสิ้นหวัง แต่อนิเมกลับไม่อาจเค้นอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้ หลังจากตออนที่ 2 เป็นต้นมาเนื้อเรื่องเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก เต็มไปด้วยความกลวงโบ๋ รายละเอียดก็ทำได้แย่มาก เห็นได้ชัดถึงการขาดความใส่ใจในด้านรายละเอียดเล็กน้อยที่ทำให้เนื้อเรื่องดูไม่สมเหตุสมผล (ชอบเล่นบทพ่อแง่แม่งอนในตอนที่ไม่สมควรจะเล่นบ้าง) บทสนทนาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นชาตินิยมจนชวนสำลัก และการที่พระเอกของเรื่อง (Beta ตัวที่หม่ำเพื่อนนางเอกตอนแรก ๆ นั่นล่ะ) หายไปเกือบครึ่งเรื่องทำให้เรื่องมันยืดยาวจนไม่น่าสนใจ

สรุปคือเรื่องนี้มีวัตถุดิบที่ดี แต่คนปรุงดันปรุงได้ไม่ถึงรส ยังดีที่สาว ๆ เรื่องนี้แจ่ม ๆ ทั้งนั้น


ปางนางนอนตอนติดเกาะ

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:26 น. 4
3. Yuruyuri ♪♪





ซีซั่นแรกผมก็ดูจนจบนะ แต่ไหงมาต่อภาคสองผมดูทั้งหมดแค่ 4 ตอนเอง

มุกบางมุกก็ขำดี แต่ส่วนใหญ่ผมดูแล้วหลับปุ๋ย เนื้อเรื่องเอ่ย ๆ ปล่อยมุกแป้ก ๆ ที่ผมไม่ขำ สรุปคือดูเพราะสาวแว่นจิโตเสะ กับคู่ฮิมาวาริ x ซากุราโกะ แค่นั้นล่ะ


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:29 น. 5
4. Accel World




ภาพสวย ๆ มีแต่ของรุ่นพี่ทั้งนั้นเลย ของจิยุหายากมาก

ซีซั่นที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีทองของ เรกิ คาวาฮาระ เลยก็ว่าได้ เพราะไลท์โนเวลที่เขาเขียกลายมาเป็นอนิเมถึงสองเรื่องในเวลาไล่เรี่ยกัน โดยเรื่องแรก Accel World สร้างโดยน้ำยาล้างจาน ส่วน SAO (หรือ อบต) สร้างโดย A-1

หากเทียบกันทั้งสองเรื่องแล้ว ผมคิดว่าทางซันไรส์ดัดแปลงไลท์โนเวลเรื่อง Accel World ได้ลงตัวกว่า SAO เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่า SAO จะมีราศีมากกว่าทั้งในแง่เนื้อเรื่อง โปรดักชั่น เพลงประกอบ และความอวย แต่หลังจากดู SAO ผ่านไปครึ่งซีซั่นแล้วเอามาเปรียบเทียบ ผมให้ Accel World มีแต้มเหนือกว่า

SAO นั้นมีปัญหาอย่างร้ายกาจที่ตัววัตถุดิบเอง เพราะถึงแม้ว่าเวลาอ่านเป็นไลท์โนเวลจะไม่รู้สึกอะไร แต่พอเอามาทำเป็นอนิเมแล้วถึงได้เห็นจุดบอดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะกับเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องตัดเพื่อให้เนื้อหากระชับ และเนื้อเรื่องเสริมที่ส่วนใหญ่มักจะแยกเป็นเอกเทศ พอแบบอนิเมมาเรียงตามลำดับเวลาแล้วทำให้เนื้อหาไม่ปะติดปะต่อกัน ผิดกับ Accel World ที่ทำเนื้อหาได้ต่อเนื่องกว่า และทำให้อารมณ์ร่วมได้มากกว่า

กระนั้น Accel World เองก็มีปัญหาที่ตัววัตถุดิบเช่นกัน ซึ่งข้อเสียของเรื่องนี้ผมโยนให้กับปัญหาที่เรื้อรังในไลท์โนเวล มากกว่าเป็นปัญหาที่การดัดแปลงแบบที่เช่นปรากฎอยู่ในเรื่อง SAO

พูดง่าย ๆ คือเนื้อหาช่วงครึ่งหลังที่ต้องสู้กับโนมิมันอีโมมาก... ดูแล้วทั้งหงุดหงิด และอึดอัด ตัวละครมัวแต่อีโมใส่กันจนผมข้ามไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งเจ้าหมูบินที่ยิ่งดูยิ่งหงุดหงิด (ถึงแม้จะน้อยกว่าสมัยก่อนหน่อย) บทของจิยุที่แทบจะเละเทะไปเลย กลายเป็นตัวร้ายยัยคนทรยศในสายตาคนดูที่ไม่ได้อ่านสปอยล์ไลท์โนเวลจนเกือบจะจบเรื่อง ตัวร้ายเกรียนแบบน่าเตะจริง ๆ จัง ทาคุที่อีโมตามเจ้าหมูไปด้วย เนื้อเรื่องเต็มไปด้วย Rage และ angst ของวัยรุ่น ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เต็มไปด้วย Nerd Fulfillment หรือความเติมเต็มความฝันของเด็กเนิร์ดแทบจะทั้งเรื่อง ความรักของตัวละครอื่น (นอกจากจิยุ) ดูค่อนข้างฝืน ยัดเยียด และไม่เป็นธรรมชาติมากไปกว่าที่จับยัดตัวละครหญิงให้มาชอบพระเอกด้วยสาเหตุที่อ่อนยวบ (อย่างน้อยผมไม่อิน) บทพูดก็แสนเลี่ยนชวนคันยุบยับ

สรุปแล้วเรื่องนี้ผมไม่โทษซันไรส์ (ซึ่งเป็นคนละขั้วกับ Gundam Age ที่ทำเสียเอง) งานภาพก็โอเค เพลงก็เพราะ ตัวละครก็น่ารัก ปัญหาน่าจะมาจากวัตถุดิบส่วนไลท์โนเวลมากกว่า

แต่เหตุผลแมว ๆ ที่ผมไม่ค่อยชอบเรื่องนี้เท่าที่ควรเพราะบทจิยุ (เพื่อนวัยเด็ก) หายมากกว่านั่นล่ะ (ฮา)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 ตุลาคม 2555 / 13:29

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:32 น. 6

เรื่องที่ดูต่อจนจบ

5. Sword Art Online




เรื่องนี้ยังไม่จบนะ ยังมีต่อไปอีกจนซีซั่นหน้า

Sword Art Online หรือชื่อเรียกไทย ๆ อย่างไม่เป็นทางการคือ อบต อนิเมขวัญใจประจำซีซั่นของหลาย ๆ คน แต่สำหรับผมแล้ว... ค่อนข้างผิดหวัง

ช้าก่อน... มันไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมที่ไม่ดีนะ ทั้งคุณภาพของตัวอนิเม การลำดับภาพ ฉากต่อสู้ เพลงประกอบ รายละเอียดเล็กน้อยภายในเรื่องถือว่าทำได้อย่างดีเลยทีเดียว เป็นอนิเมที่ทุนค่อนข้างสูงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากตอนแรกที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม มันก็อาจกล่าวได้ว่า SAO ไม่อาจทำได้สมกับความคาดหมาย (อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ)

ปัญหาของ SAO ผมได้เกริ่นไปก่อนหน้าตอนที่พูดถึงเรื่อง Accel World หรือหมูบินมาแล้ว เนื่องจากเนื้อหาในไลท์โนเวลมีมากมายเกินกว่าที่อนิเมจะใส่ได้ครบ (และถึงใส่ครบก็อาจจะน่าเบื่อ) ดังนั้นมันจึงต้องมีการดัดแปลงเนื้อหาบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาฉายที่จำกัด และเนื้อหาของภาคเสริมเองที่หากเดินเรื่องตามที่ไลท์โนเวลทำออกมาอาจไม่เหมาะสมนัก ดังนั้นเราจึงได้เห็นการดัดแปลงเนื้อหาอย่างมากมาย และทางสตูดิโอ A-1 เลือกที่จะเดินเรื่องตามช่วงเวลาก่อนหลัง (Chronological Order) แทนที่จะสอดแทรกเนื้อหาภาคเสริมระหว่างหรือหลังเนื้อเรื่องหลัก
แบบเดียวกับนิยาย

และนั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่หลวงสำหรับอนิเมเรื่องนี้

ตั้งแต่ตอนที่หนึ่งเป็นต้นไป เราจะได้เห็นเนื้อหาที่จบในตอนไล่เรียงตั้งแต่ตอนเจออาสึนะครั้งแรก ตอนเจอซาจิแอนด์เดอะกิลด์ ไปปักธงซิลิกา ไปตีดาบกับลิสเบ็ธ กว่าจะเข้าเนื้อหาหลักก็ปาไปตอนที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ซึ่งเนื้อหาที่กล่าวมานั้นเป็นเนื้อหาเสริมที่ถึงแม้จะมีส่วนเชื่อมโยงกับเนื้อหาหลัก แต่มันก็ไม่ปะติดปะต่อกัน จึงทำให้กลายเป็นเรื่องราวของคิริโตะไปปักธงสาว ๆ หลากหน้าหลายตาในแต่ละตอนแทน ความรู้สึกไม่ต่อเนื่องจนทำให้คนที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนอย่างผมต้องดูด้วยความเซ็งเป็ด แถมตัวร้ายเองก็มีแต่ตัวร้ายแบน ๆ โผล่มาให้คิริโตะโชว์เทพ (เรื่องจอมเวทบราค่อนก็ชอบใช้ทริคแนวนี้เหมือนกัน ส่งตัวร้ายจ๊าดหง่าวออกมาให้พระเอกตบเกรียนเล่น ๆ)

อีกข้อที่เป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดคือการที่เนื้อหาบางอย่างดูไม่สมเหตุสมผล ดูค่อนข้างฝืน ห้วน ไม่รู้สึกอินไปกับอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งเรื่องนี้ส่วนใหญ๋แล้วอาจโทษกับสตูดิโอ A-1 ได้ว่าไม่อาจดัดแปลงเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อหาหลายอย่างไม่ได้รับการอธิบาย ซึ่งถ้าใครไม่เคยอ่านนิยายมาก็คงต้องกุมขมับกันอีกรอบ ซึ่งแน่นอนว่าการไล่ให้ไปอ่านนิยายเพื่อเติมรายละเอียดที่หายไปอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ผมกลับคิดว่าหากมองแต่ในแง่ของอนิเมเพียงอย่างเดียวแล้ว เรื่อง SAO ไม่อาจที่จะดึงอารมณ์ร่วมออกมาได้เลย ดังนั้นผมจึงได้แต่ดูความน่ารักของสาว ๆ ที่ผมก็ไม่ค่อยอวยสักเท่าไหร่ ซิลิก้าก็น่ารักดี ลิสเบ็ธช้ำรักได้อย่างน่าสงสาร อาสึนะก็หวานได้ดี แต่ยุยนี่สิ... ผมไม่ได้แอนตี้ยุยนะ แต่เท่าที่ผมดูผมรู้สึกรำคาญเธอมากกว่ารู้สึกว่าเธอน่ารักน่ะ มันทั้งฝืน ทั้งห้วน ทั้งยัดเยียดอารมณ์ ไม่รู้ว่าเป็นปัญหาที่การดัดแปลงหรือเป็นปัญหาที่ตัวบทดั้งเดิมกันแน่

สรุปแล้วหากดูเรื่องนี้ในฐานะอนิเมโปรโมตนิยายอาจจะสบายใจกว่าดูในฐานะอนิเมโดยตรงมากกว่านะ อย่างที่บอก เรื่องนี้มันก็ไม่เลวร้ายอะไรขนาดนั้น แต่มันไม่ใช่อนิเมยอดเยี่ยมที่สุดประจำซีซั่นอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็สำหรับผมล่ะนะ

แน่นอนว่าผมไม่ได้อ่านนิยาย แต่เป็นการวิจารณ์เฉพาะอนิเม ดังนั้นใครไม่พอใจจงอย่าได้ไล่ให้ผมไปอ่านนิยายเชียว




รู้สึกอดไม่ได้ที่ต้องแปะรูปนี้ไปด้วย (ฮา)


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:33 น. 7
6. Koi to Senkyo to Chocolate






ความจริงอนิเมโปรดประจำซีซั่นนี้ควรจะมี 4 เรื่อง แต่อนิจจาที่สองตอนสุดท้ายของเรื่อง ความรัก การเลือกตั้ง และช็อคโกแล็ต ได้ทำลายความรักที่ผมเคยมีให้กับซีรีย์นี้จนหมดสิ้น

หากใครเคยอ่านรีวิวต้นซีซั่นจะเห็นว่าผมด่าเรื่องนี้ไว้อย่างเสีย ๆ หาย ๆ แบบไม่เผาผีกันเลย แต่เชื่อไหมว่าหลังจากนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ผมเฝ้ารอคอยซับเป็นอันดับหนึ่งประจำวันศุกร์เลยก็ว่าได้ !

มุกชนทิ่มนม ล้มจิ้มเป้าก็ไม่มีอีกแล้ว

มุกเชย ๆ เช่นเพื่อนสาววัยเด็กมาปลุกที่ห้อง หรือมุกฝืด ๆ ที่สามเพื่อนซี้ชอบเล่นนะเหรอ ? ตอนหลังมันจะมีความหมายมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ภาพคุณภาพต่ำเหรอ... จงเจอน้องเมล่อนเสียก่อน !

เนื่องจากผมไม่เคยเล่นเกมมาก่อน ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกหงุดหงิดหรืองุ่นง่านประการใดยามเมื่ออนิเมหั่นบทหรือดัดแปลงเนื้อเรื่องของสาว ๆ จากเกมจนเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรื่องของมี่จังหรือน้องแมวที่โดนยัยสาวทวินเทลกับเมล่อนจังกลบเสียจนมิด (บทส่วนใหญ่ของน้องแมวตลอดทั้งเรื่องคือทำหน้าแมวหงอยท้ายตอนช่วงเครดิต ed ขึ้น ส่วนมี่จังนี่โดนบทพระเอกกลบเสียอย่างน่าสงสารไปเลย)

ในช่วงแรกเรื่องนี้ถือได้ว่าสอบผ่านในแง่การดัดแปลงเนื้อหาจากเกม Eroge อย่างงดงาม คือมันดูแล้วสนุก ทั้งการสอดแทรกลูกเล่นของการเลือกตั้งได้อย่างแยบยล การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพระเอกที่ทำแล้วรู้สึกได้จริง ๆ ว่าพระเอกมันก็เก่ง ดราม่าของตัวละครที่คืบคลานแฝงเข้ามาได้อย่างแนบเนียน มันอาจมีเว่อร์บ้าง แต่อยู่ในระดับที่พอรับได้ของเนื้อเรื่องที่ปูมาตั้งแต่แรก

กระนั้นทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเข้าสู่เนื้อเรื่องของน้องแมว !

ตอนที่ 11 เป็นต้นมา เนื้อหาทรุดลงราวกับไม่ใช่คนกำกับคนเดียวกันเสียอย่างนั้น ประเด็นหลายอย่างเคลียร์กันง่ายมาก ทั้งเรื่องอาการป่วยของคานะ หรือประเด็นดราม่าของยัยทวินเทลที่สร้างมาราวกับเธอเป็นบอสใหญ่ที่คอยเป็นมารผจญสาว ๆ คนอื่น (ทำได้หลอนมาก เช่นตอนคะยั้นคะยอพระเอกให้กินช็อคโกแล็ต เป็นต้น) แต่กลับเข้าวินในตอนท้ายซะงั้น คือเรื่องที่ผ่านมาผมไม่รู้สึกว่าพระเอกมันชอบนางเอกเลย แถมบรรยากาศก็ไม่ให้ด้วย ปมดราม่าเองก็สื่อได้ไม่ค่อยดีจนผมไม่ค่อยรู้สึกมีอารมณ์ร่วม แถมยังยัดดราม่าของมี่จังที่เหลือมาใส่อย่างไร้ที่มาที่ไป คนดูมันคงจะอินล่ะนะ เนื้อหาของอิซาระก็โดนหั่นกระจุย และการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิงนอกจากว่ามันดูเท่

สรุปแล้วผมเสียดายเรื่องนี้มาก ทั้งที่ผมเรียนรู้ที่จะชื่นชอบเรื่องนี้มาได้แล้วทั้งที แต่ตอนช่วงโค้งสุดท้ายกลับพังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี น่าเสียดายเหลือเกิน  ถ้ามีสัก 24 ตอนมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

ปล. นาน ๆ ทีผมจะไม่อวยคาแร็คเตอร์เพื่อนสาววัยเด็กนะเออ จิซาโตะเอ๋ย เธอช่างเก่งมากจริง ๆ ที่ทำให้กลายเป็นกองแช่งได้น่ะ (ฮา)




น้องแมวผู้น่าสงสาร ได้แต่ทำท่าแมวหงอยแทบจะทั้งเรื่อง

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:33 น. 8
7. Campione!





เชื่อมะว่าพวกเขาแค่จูบกัน

ถามจริงว่าใครที่ไม่เคยอ่านไลท์โนเวลเรื่องนี้แล้วดูรู้เรื่องบ้าง ?

Campione! เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างมาจากไลท์โนเวล แต่กระนั้นคุณภาพของเรื่องเรียกได้ว่าด้อยกว่าแทบทุกเรื่องในซีซั่นนี้ก็ว่าได้ ภาพก็ไม่ค่อยสวย การเคลื่อนไหวก็ซ้ำ ๆ แถมตัดเนื้อหาจนแทบดูไม่รู้เรื่อง ตัวละครแบนแต๊ดแต๋จนแทบไม่น่าอวยสักคน ไร้การพัฒนาและความลุ่มลึกที่ตัวละครในอนิเมดี ๆ ควรจะมี ถ้าพูดตามภาษาท่านแคมมี่ ก็คงกล่าวได้ว่า "ฮาเร็มมันไม่ซาบซ่าน" นอกจากนี้พระเอกพล่ามฮาเฮวอะไรก็ไม่รู้ อยากเอาไปพล่ามแข่งกับโทวมะ ณ อินเด็กซ์จริง ๆ

กระนั้นเรื่องนี้กลับมีจุดแข็งอยู่สามประการที่ทำให้ผมยังตามเรื่องนี้จนจบ (กะว่าจะดูตอนจบคืนนี้) เรื่องแรกคือเพลงประกอบฉาก แต่งได้เข้ากับฉากมาก โดยเฉพาะเพลงตอนสู้กันทำได้อลังการงานสร้างมาก ฟังแล้วรู้สึกว่าฉากต่อสู้มันยิ่งใหญ่มากกว่าที่มันควรจะเป็น ข้อที่สองคือฉากต่อสู้ ซึ่งฉากที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอนที่พระเอกสู้กับอาเธน่า เวลาพระเอกใช้ดาบสีทองสร้างโลกแห่งดาบขึ้นมามันโคตรเท่เลย และสิ่งสุดท้ายที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของเรื่องนี้คือฉากจูบ... ถึงแม้คุณภาพโดยรวมของงานภาพจะต่ำเรี่ยดิน แต่พอถึงฉากจูบกลับทำได้อย่างดูดดื่ม จู่ ๆ คุณภาพของอนิเมชั่นดีขึ้นสามเท่าตัว รายละเอียดของการขบกัด การแลกลิ้น เส้นน้ำลายจาง ๆ ทำได้โคตรละเอียด

เรื่องนี้ผมไม่อวยตัวละครในฮาเร็มพระเอกสักคน แต่ดันมาถูกใจอาเธน่าซึ่งเป็นบอสกลางของเรื่อง ทั้งวิธีการพูดออกโบราณนิด ๆ (โดยเฉพาะเสียง โอ้ นี่ใจแทบละลาย) คาแร็คเตอร์ดีไซน์ออกแนวโลลิโดนใจ รวมไปถึงบทบาทที่ชอบโผล่มาแย่งซีนทำให้อาเธน่าขโมยหัวใจของผมไปอย่างง่ายดาย

สรุปคือเรื่องนี้เป็นอนิเมสร้างมาโปรโมทนิยายอีกเรื่อง คุณภาพไม่ค่อยดี แต่ฉลาดตรงที่เลือกที่จะโฟกัสจุดขายได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วนนิยายก็คงสนุกบ้างล่ะนะ



อาเธน่าน่ารักจะตาย ช่างหัวยัยอิตาเลี่ยนเถอะ


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:34 น. 9
8. Hyouka




อ่านคอมเม้นท์ของหลาย ๆ คนในกระทู้ที่ตั้งในบอร์ดนักเขียนแล้วไม่ค่อยปลื้มเฮียวกะเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับผมแล้วเรื่องนี้ถือเป็น 1 ใน 3 เรื่องที่ผมชอบที่สุดประจำซีซั่นนี้ก็ว่าได้ สูสีกับเรื่องจินรุยเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องเฮียวกะสมัยก่อนผมก็ชอบกระแนะกระแหนว่าเป็นผลงานทำเอาโล่ของเกียวอานินั่นล่ะ แต่พอดูไปดูมาดันติดซะงั้น คือเรื่องภาพนี่เจ๋งจริงคงไม่ต้องพูดมากกว่านี้ แต่ที่เจ๋งไปอีกขั้นคือเรื่องรายละเอียดนั่นล่ะ

มันเป็นคำถามเดียวกันว่าทำไมนางาโต้ ยูกิ ทั้งที่แทบจะไม่ขยับตัวหรือพูดเลยกลับทำขีดมาตรวัดความโมเอะระเบิดได้ คือถึงยูกิจะไม่ค่อยขยับก็จริง แต่ในอนิเมจะค่อนข้างใส่ใจรายละเอียดมาก จนแม้แต่การขยับเล็กน้อยมันก็มีความหมายสำหรับคนดู การเคลื่อนไหวทุกอย่างทำให้เรารู้สึกคล้อยตามไปกับตัวละคร ซึ่งเรื่องเฮียวกะเองก็มีเสน่ห์ในจุดนี้ซึ่งเป็นการตกผลึกจากประสบการในเรื่องก่อน ๆ ที่เคยทำผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพมานักต่อนัก

นอกจากนี้เกียวอานิยังค่อนข้างเก็บรายละเอียดแทบครบ แม้แต่แสตมป์ที่เห็นในเรื่อง ถ้าผมอ่านมาไม่ผิด เกียวอานิถึงขนาดวาดแสตมป์ของมาเลเซียที่ใช้ในยุคนั้นแบบถูกต้องเป๊ะ ๆ อีกด้วย ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ละเอียดยิบเลย ไม่คิดจะทำผลงานเอาโล่ทำไม่ได้หรอกกนะเนี่ย

ปริศนานั้นอาจไม่หวือหวาหรือน่าตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ผมชอบคือการนำเสนอที่ทำให้เข้าใจง่าย ใช้ภาพที่ออกแนว abstract อธิบายขั้นตอนการใช้เหตุผลทีละขั้นตอนอย่างชัดเจน และยังเปิดโอกาสให้ตัวละครทุกตัวมีส่วนร่วมในการไขปริศนา ไม่ใช่หวังพึ่งแต่ตัวนักสืบเอกคนเดียวเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ (ไอ แค่ก ๆ โคนัน เป็นต้น)

ใครที่หวังว่าจะได้ดูปริศนาซ่อนเงื่อนจากเรื่องนี้อาจจะผิดหวัง (แต่การนำเสนอปริศนาทำได้ดีนะ สามารถไขได้ก่อนที่พระเอกจะเฉลยด้วยซ้ำ) แต่ปมแท้จริงแล้วของเรื่องนี้คือแนว Coming of Age และการพัฒนาของตัวละครที่เติบโตไป ซึ่งปริศนาหรือคดีอะไรที่ต้องเผชิญทั้งหลายแหล่มีความหมายเชื่อมโยงกับโครงเรื่องหลักได้อย่างแยบยล และยังเป็นเหมือนจุดที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพระเอกจากคนน่าเบื่อให้เปิดตัวออกมาสู่สังคมภายนอก มีทั้งสำเร็จ มีทั้งถูกหลอกใช้ มีทั้งเจ็บปวด รวดร้าว แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบตัวของตัวละคร ทุกตัวมีปมหมด แม้แต่เพื่อนพระเอกที่ดูร่าเริง แต่จริง ๆ แล้วมีปมในเรื่องที่ไม่อาจหนีออกจากเงาของความสำเร็จของพระเอกได้ หรือแม้แต่ตัวนางเอกที่ดู Air Head แต่จริง ๆ แล้วก็มีความลึกซึ้งในความเป็นคนมากกว่าโมเอะแฟ็คเตอร์เดินได้ เธอเป็นคนที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างวิถีชีวิตเก่า ๆ ของญี่ปุ่นที่กำลังจะเลือนหายไป กับคนยุคใหม่ที่เรื่องวิถีเก่านั้นดูจะเลือนลาง กระนั้นเธอก็พยายามจะรักษาวิถีนั้นให้อยู่ให้นานที่สุด

สิ่งสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือความธรรมดาที่เรื่องนี้เอามาต่อยอดให้มัน (ค่อนข้าง) น่าสนใจได้อย่างชาญฉลาด ไม่ต้องเว่อร์อะไรมากมายนัก ไม่ต้องเจอคดีฆาตกรรมทุกตอนเหมือนโคนันหรือคิดะอิจิ ไม่ต้องเป็นปริศนากู้โลกหรืออะไรเถือกนั้น เป็นปมปริศนาเล็ก ๆ ที่ถูกออกมาขยายความให้พวกตัวเอกได้แก้ไข สิ่งเหล่านี้มันก็มีความลุ่มลึกของมันอยู่ ซึ่งถ้าเป็นสตูดิโออื่นผมนึกไม่ออกเลยว่าจะทำได้ออกมาไม่น่าเบื่อเท่าเกียวอานินะ

สรุปคือผมไม่แปลกใจหรอกที่หลาย ๆ คนจะดร็อปเรื่องนี้ไปหลังจากดูได้สามสี่ตอน แต่ผมเองก็เห็นหลายคนที่กล่าวในตอนจบว่าพวกเขาดีใจเหลือเกินที่ยอมทนกัดฟันดูต่อ เพราะผลตอบแทนหลังจากนั้นคือประสบการณ์ของการดูอนิเมะที่มีคุณค่ามากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เหมือนกับได้เจริญเติบโตไปพร้อม ๆ กับตัวละครในเรื่อง ได้สัมผัสรสชาติของวัยรุ่นที่หลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว (โดยเฉพาะช่วงงานโรงเรียนที่เรียกได้ว่าเจ๋งที่สุดเลยก็ว่าได้ มันทำได้ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่เคยเห็นในเรื่องไหน)

สรุปคือเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก และเกือบจะสิ้นศรัทธาในเกียวอานิที่เอาดีแต่ด้าน Slice of Life ขายโมเอะไปวัน ๆ แต่หลังจากเฝ้าดูไปสักพักผมก็บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าผมชอบเรื่องนี้ และรู้สึกดีที่ยอมดูต่อจนจบ

มันก็ประมาณนั้นล่ะครับ แต่มันก็ไม่แปลกอะไรที่คนจะไม่ชอบอนิเมเหมือนคนอื่น ๆ หรอกนะ





จี้จังก็น่ารัก รุ่นพี่จูมอนจิก็แว่นสุดยอด แต่ที่เฉิดฉายที่สุดก็คงเป็นรุ่นพี่อิริสุล่ะมั้ง ทั้งฉลาด ทั้งนางพญา เจ้าเล่ห์ คุมเกมได้อย่างอยู่หมัด ขนาดโฮทาโร่ยังโดนเธอปั่นหัวแน่ะ

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:35 น. 10
9. Jinrui wa Suitai Shimashi.ta




เรื่องนี้เป็นหนึ่งในสามเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดประจำซีซั่นนี้

ภาพโปรโมชั่นและเนื้อเรื่องย่อ ๆ ในตอนแรกไม่ทำให้ผมสนใจเรื่องนี้เลยสักนิด ดูจากภาพและเนื้อเรื่องแล้วเดาว่าคงเป็นเรื่องออกแนวเล่านิทานเกี่ยวกับความสัมพันธ์น่ารักระหว่างนางเอกกับคุณภูติแสนน่ารักที่คอยทั้งมาช่วยมนุษยชาติที่กำลังลำบาก และอาจมาสร้างความปั่นป่วนให้นางเอกต้องคอยมาแก้ปัญหาที่เกิดจากคุณภูติแสนซน เนื้อเรื่องน่าจะออกโทนสบาย ๆ แนว Healing ดูแล้วรู้สึกดีโลกสวย ประมาณนั้น

อ่า... ที่พูดมาในช่วงแรกมันก็ไม่ผิดอะไรนักหรอก แต่เจ้า "เนื้อเรื่องน่าจะออกโทนสบาย ๆ แนว Healing ดูแล้วรู้สึกดีโลกสวย" อะไรนั่นโยนทิ้งถังขยะแล้วเอาไปเผาทิ้งไม่ต้องรีไซเคิลได้เลย

ใช่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แปลกเกินคาด

คอมเม้นท์หนึ่งของฝรั่งในเว็ปต่างประเทศกล่าวว่า "ตอนที่ดูครั้งแรกก็ไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรกับเรื่องนี้ แต่พอดูจบก็ไม่รู้ว่าตูเพิ่งดูอะไรมา" ค่อนข้างสรุปความรู้สึกของผมหลังดูเรื่องนี้จบได้เป็นอย่างดีเลย กรุณาอย่าให้เนื้อเรื่องและภาพหลอกคุณได้ !

จินรุยเป็นเรื่องที่ฉลาดมาก... ฉลาดจนรู้สึกตัวผมนั้นโง่ไปเลย

เวลาดูหนแรกคุณอาจจะขมวดคิ้วแล้วกลุ้มใจไปกับความแหวกแนวหรือ WTF ที่ไล่เดมซี่โรลใส่คนดูแทบทุกตอน แต่ถึงแม้ดูแค่คร่าว ๆ ก็ต้องรู้สึกตะหงิด ๆ ได้ว่าเจ้าความที่ดูเหมือนไร้สาระและหาคำอธิบายไม่ได้ที่เพิ่งผ่านตาไปนั้นมันต้องมีความหมายหรือข้อความอะไรแฝงอยู่แน่นอน ว่าแต่ว่า... แล้วความหมายที่เรื่องต้องการจะสื่อคืออะไรล่ะ ?

ตัวอย่างสิ่งที่นางเอกต้องเจอในเรื่องก็เช่น โดนกองทัพไก่นายทุนไร้หัววิ่งไล่  ติดอยู่ในลูปย้อนเวลา  ติดอยู่ในโลกการ์ตูน  กลายเป็นราชินี  บางครั้งก็กลายเป็นพระเจ้า  เป็นเรื่องที่จินตนาการได้บรรเจิดเกินบรรยายมาก  จนบางทีอาจจะไม่รสชาติที่หลาย ๆ คนชื่นชอบนัก

การตีความสิ่งที่เรื่องจินรุยต้องการจะสื่อออกมาในแต่ละตอนถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ มันทำให้เราต้องกลับมาคิดถึงว่ามุกในเรื่องต้องการจะสื่อหรือจิกกัดเรื่องไหน ? ต้องตีความกี่ขั้น ? กี่แนว ? ซึ่งมุกในเรื่องนี้ไม่ใช่มุกเฉพาะทางแนวพาโรดี้ที่ต้องมีความรู้ของอนิเมเรื่องอื่นอย่างเช่นเรื่องเนียรุโกะหรือ Lucky Star ชอบเล่น หากแต่เป็นมุกจิกกัดและแดกดันเรื่องในสังคมที่จินรุยพยายามจะสะท้อนออกมาในโลกที่มนุษยชาติกำลังเสื่อมถอย ซึ่งการตีความเหล่านี้ทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างพิเศษ

ผมลองเที่ยวไปอ่านความเห็นตามบล็อคต่าง ๆ ก็ต้องแปลกใจว่าแต่ละคนนั้นมีวิธีการตีความแต่ละตอนของเรื่องนี้ค่อนข้างต่างกันเหมือนกัน บางคนมองแค่มุกตลกผิวเผินที่สื่อมาอย่างโต้ง ๆ บางคนเจาะลึกไปถึงการตีความหมายเชิงสัญลักษณ์และมุกตลกจิกกัดต่าง ๆ ที่เรื่องนี้พยายามจะเสนอ (บางคนวิเคราะห์ซะซับซ้อนโยงไปถึงเรื่องการสลับขั้วระหว่างสังคมเมืองกับสังคมชนบทจนบางทีผมอดคิดไม่ได้ว่าคนเขียนมันนึกไปถึงขนาดนี้เลยเหรอ ?) แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่เราต้องกลับมาคิดกับเรื่องนี้โดดเด่นไปจากเรื่องอื่น ๆ ในซีซั่นนี้หลายช่วงตัวเลย

นอกจากนี้คาแร็คเตอร์ของนางเอกก็โดดเด่น ลำดับการดำเนินเรื่องค่อนข้างชัดเจน ดูง่าย ภาพทำออกมาในโทนภาพนิทาน แต่ก็ทำได้สวยงาม ไม่มีเผาเลย สรุปแล้วโปรดักชั่นการทำค่อนข้างดี

ถ้าสนใจก็ลองดูสักสองตอนแรกก่อนก็ได้ เรื่องนี้มันไม่ได้เรียงตามลำดับเวลาก่อนหลัง เพราะฉะนั้นแรก ๆ อาจจะงงหน่อย ถ้าไม่ชอบสองตอนแรกก็อย่าดูต่อเลย เพราะมันออกมาแนวนี้ทั้งนั้นล่ะ






ใครอยากอ่านเวอร์ชั่นยาวลองเข้าไปอ่านตามลิงค์ได้ ที่นี่ เลยนะครับ

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:36 น. 11
10. Kono Naka ni Hitori, Imouto ga Iru!





เป็นการ์ตูนที่ผมจำชื่อจริง ๆ ไม่ได้สักที แต่ปรกติมักเรียกชื่อเล่น ๆ ว่า "หนึ่งในนี้ค้ำคอร์แน่นอน"

คือจะว่ายังไงดีล่ะ ผมยังแปลกใจมากเลยว่าทำไมผมยังทนดูเรื่องนี้จนจบครบทุกตอนได้ล่ะเนี่ย ทั้งที่ไม่ชอบตัวเนื้อหา หรือไอเดีย หรือสาว ๆ ในเรื่องเลย (แอบอวยรุ่นพี่แว่นโลลินิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย) แถมเซนเซอร์เยอะอีกต่างหาก แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรผมกลับคิดว่าช่วงหลัง ๆ มันเริ่มสนุกขึ้นหว่า สงสัยคงเริ่มด้านชาจากอนิเมแนวนี้จนสามารถทนทานกับมุกซ้ำ ๆ ได้มากขึ้นล่ะมั้ง แต่พูดตามตรงเลยว่า ตอนช่วงแรก ๆ ผมรู้สึกหลอนกับเรื่องนี้มากเลยอ่ะ ช่วงแรกทำน้องสาวออกมาได้ราวกับสตอร์กเกอร์ตามตื้อดาราเสียอย่างนั้น

ตอนจบจะเรียกว่าทั้งเข้าวินหรือ life goes on ไม่มีใครได้ชัยก็ได้ล่ะมั้ง คือตอนหลังก็เฉลยว่าใครเป็นน้องสาวที่แท้จริงหลังจากหักมุมไปมาเสียตั้งนาน แต่ตอนท้ายพระเอกก็ยังไม่ลงเอยกับสาวไหนอยู่ดี สรุปคือก็คงจบลงตัวสมกับที่ปูเนื้อหามาเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็ถือว่าเป็นอนิเมแนวฮาเร็มธรรมดาที่ไม่ได้หวือหวาอะไร เล่นกับประเด็นว่าพระเอกจะเหยียบบอมเผลอเลือกน้องสาวมาเป็นเมียหรือเปล่า

ปล. ประธานไม่มีบทเลยแฮะ อุตส่าห์ได้เป็นหนึ่งในสาว ๆ ยืนโชว์หราใน op แท้ ๆ แต่บทไม่มีเลย มิสเตอร์เอ็กซ์ยังมีบทมากกว่าเลย (คนนี้ผมก็ชอบนะ จับเข้าฮาเร็มซะเลยสิ !) สงสัยบทของประธานในไลท์โนเวลคงยังไม่ถึงล่ะมั้ง






รุ่นพี่คนที่พูดถึง


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:36 น. 12
11. Tari Tari





ทาริทาริแม้จะไม่ใช่อะไรที่หวือหวาหรือแหวกแนวกว่าเรื่องอื่นที่เคยทำมา แต่สำหรับผมแล้วเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเลยล่ะ ถือว่าเป็นหนึ่งในสามเรื่องสุดท้ายที่ผมชอบมากที่สุดประจำซีซั่นนี้

ทาริทารินั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความวัยเยาว์ ภายใน 12 ตอนนั้นมีอารมณ์ครบถ้วน ทั้งความฝัน ความหวัง มิตรภาพ ความล้มเหลว ความขมขื่น ความสูญเสีย ความเหงา ต่างผสมผสานอย่างกลมกล่อมไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ขับขานอย่างไม่มีรู้ลืม

ตัวละครหญิงสามหน่อของเรื่องค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พอจับมารวมกันทำให้เรื่องน่าสนใจ แต่ละคนก็มีปมของตน โดยเฉพาะวาคานะที่ถือเป็นกุญแจหลักของเรื่อง ในตอนแรกผมนึกว่าโคนัตสึ (สาวผมน้ำตาล) จะเป็นตัวหลักเพราะติดอิมเมจมาจากโอฮานะ แต่ที่ไหนได้ พอดูจบก็ต้องพบว่าแทบทั้งเรื่องถูกโยงเข้ากับปมของวาคานะ (สาวผมหางม้า) แทบจะทุกอย่าง จนถือได้ว่าเธอเป็นตัวเอกของเรื่องที่แท้จริง โดยเฉพาะตอนที่เธอหายอีโมแล้วเสน่ห์ของเธอทะยานทะลุเกจแซงน่าซาวะสุดยอดไปได้อย่างเฉียดฉิวเลย

กระนั้นใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีข้อเสีย ผมรู้สึกเสียดายมากที่ตัวละครชายสองหน่อในเรื่องไม่ค่อยได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร แทบทั้งเรื่องจะโฟกัสไปที่ตัวละครหญิงเป็นส่วนมาก ส่วนไทจิ วีน อาจจะได้บทบ้าง แต่สุดท้ายตัวละครที่ชูโรงจริง ๆ คือสามสาวหลักมากกว่า

นอกจากนี้บทของเรื่องก็ค่อนข้างขึ้นลง บางทีบทก็น่าสนใจ บางทีก็เลี่ยนซะชวนคันหลัง บางทีก็ดูยัดเยียด โดยเฉพาะเหล่าสาว ๆ เวลาอีโมทีไรน่าถีบใช่เล่น (โดยเฉพาะบทช่วงซาวะ แต่ยังดีที่ไม่ค่อยนานนัก) แต่กระนั้นความรู้สึกตอนที่ดูจบผมก็รู้สึกเต็มอิ่ม ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะที่จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมดี ๆ อีกเรื่องของซีซั่นนี้ ยิ่งเนื้อเพลงในตอนท้ายที่ทุกคนต่างผสานใจร้องออกมาสะท้อนถึงเนื้อหาของทั้งเรื่องได้อย่างงดงาม

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้อาจจะไม่อาจโดดเด่นท่ามกลางหลายเรื่องที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่อย่างน้อยผมก็คิดว่าเรื่องนี้ดูแล้วสนุก และทำได้ดีกว่าโอฮานะเยอะเลย





ตบท้ายด้วย The best of Tari Tari หน่อย


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 13:39 น. 13

ในที่สุดก็หมดทุกเรื่องที่ผมดูในซีซั่นนี้แล้วล่ะครับ สรุปแล้วเรื่องที่ผมชอบจริง ๆ ประจำซีซั่นนี้มีสามเรื่อง คือ Jinrui, Tari Tari, Hyouka  ส่วนเรื่องช็อคโกแล็ตตกอันดับไปอย่างน่าเสียดาย  อย่างไรเสียต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมบ่นกับผมในกระทู้นี้ล่วงหน้าด้วย
ความจริงผมอยากบ่นเรื่องมานามิจากเรื่องน้องสาวไม่น่ารักเล่ม 11 แต่ก็ขี้เกียจแล้วล่ะนะ ผมอวยซะอย่าง คำด่าคำว่าต่อย่าแว่นหนูจืดของพวกนิยมค้ำคอร์ไม่อาจสั่นคลอนความอวยของผมได้หรอก เป็นบอสใหญ่แล้วทำไม แจ่มออก สามารถสยบทุกคนได้อย่างนั้นไม่ธรรมดาเลยนะ





ช่วงนี้แฟนอวยหนูจืดจะหัวรุนแรงเป็นพิเศษ ระวังกันด้วยนะ


ส่วนซีซั่นหน้าที่ผมสนใจก็เรื่อง Psycho Pass ที่เขียนบทโดยอสูรกายเก็น (แต่ไม่ถูกใจคาแร็คเตอร์ดีไซน์จากคนวาดรีบอร์นเลย), Robotics;Notes สานต่อความยิ่งใหญ่จากประตูหิน, Girl und Panzer ผมชอบรถถังกับสาว ๆ อ่ะ, Bousou Shiki ชอบสาว ๆ ในชุดหุ่นยนต์, และอีกหนูผ้าคาดตาจอมเพ้อ ที่เหมือนกับผสมด้านภาพของแค้นอนาจ และภาพนุ่มนิ่มแบบเคอง มุกเว่อร์ ๆ แบบนิชิโจว และความเพ้อแบบเรื่องสาวพลิกฝัน วันฟ้าใส

ส่วนเรื่อง Shinsekai Yori ผมก็ชอบนะ  ดูตอนแรกไปแล้วรู้สึกว่าบรรยากาศของท้องเรื่องมันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย  แถมลองไปอ่านสปอยล์ความสัมพันธ์ของตัวละครแล้วงงเลย...เอาอย่างนี้จริง ๆ เหรอ

ผมขอจบเพียงแค่นี้ล่ะครับ ใครอยากคอมเม้นท์อะไรเชิญได้ตามสบาย ไม่ว่าจะชอบเหมือนผม หรือไม่ชอบ มีความเห็นต่าง กระทู้นี้เปิดรับอย่างเสรี เพราะทุกคนมีรสนิยมในการดูไม่เหมือนกันอยู่แล้ว (ขอแค่อย่าด่ากราด เช่น คนดูเรื่องนี้มีแต่คนกาก ๆ ก็พอแล้วล่ะ)

แล้วพบกันวันใหม่นะครับ (ถ้าผมไม่ขี้เกียจเสียก่อน)





ปิดท้ายด้วยน้ำเต้าหู้เจ้าปัญหาที่ผมทำเมื่อวานก่อน

PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
fou-lu 1 ต.ค. 55 เวลา 16:21 น. 14

Muv-Luv&nbsp คุณภาพงานนี่ผมว่าเผาๆสุดๆเลยล่ะ แบบว่าสำหรับผมภาพมันไม่ค่อยน่าอวยเลย เนื้อเรื่องหลังนี่ก็อย่างที่ท่านบอกล่ะ บีต้ามันหายไปไหนหมดฟร่ะ!!! จากความขัดแย้งระหว่างบีต้ากับมนุษยชาติ ช่วงหลังนี่เหมือนจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองซะงั้น

Campione! เรื่องนี้ด้านภาพผมไม่ค่อยซีเรียสนะ แต่ด้านเนื้อเรื่องมากกว่าที่ทำเอาผมปวดหัว แบบว่าเนื้อเรื่องผมว่ามันดำเนินไวเกินไป แบบดูๆไปผมจับใจความความเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้เ้ลย

Oda Nobuna เรื่องนี้สงสัยว่ามันคงจะมีซีซั่นสองต่อเป็นแน่แท้ ตอนจบปูทางไว้ซะดิบดี (ฮา)
เรื่องนี้คุณภาพงานกับเนื้อเรื่องผมว่าโอเคนะ แต่ที่ผมไม่ชอบอย่างเดียวคือใช้งานตัวละครแบบทิ้งขว้างเกินไปหน่อย

Binbougabi เรื่องนี้ผมดูแบบไม่ค่อยคิดอะไรมาก ชอบแนวตลกๆอยู่แล้วด้วย อีกอย่างเรื่องนี้ก็ล้ออนิเมะเรื่องอื่นได้เด็ดดวงมากเลยล่ะ&nbsp 
(เสียอารมย์อย่างนึงคือเพลงเปิดมันผู้ชายร้อง...)

Sword Art online เปิดตอนแรกมาได้น่าติดตามกับน่าสนุกดี ตอนแรกคิดไว้ว่าน่าจะเป็นอนิเมะที่ดีกับสนุกมากๆอีกเรื่องหนึ่ง แต่หลังผมดูไปคิดว่ามันเป็นอนิเมะที่พื้นๆไปซะล่ัะ...&nbsp 

ที่ตามดูก็คงมีเท่านี้ล่ะ ที่เหลือดร็อปหมด ว่าจะไปตามดูช่วงปิดเทอมนี้ล่ะ

ว่าแต่เรื่อง Hyouka นี่ผมก็อยากดูนะ แล้วยิ่งเห็นท่านเจ้าของกระทู้รีวิวแล้วยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่ แต่เวลาที่จะดูเรื่องนี้ทีไรมันก็รู้สึกเซงๆขึ้นมาทุกที แล้วก็หมดอารมย์ดูไปในที่สุด orz...


PS.  Shut up, baby
0
Pan 28167 1 ต.ค. 55 เวลา 16:52 น. 15

Hyouka

หมดวาสนาจะดูตั้งแต่ตอนที่13 ไม่รู้เพราะอะไรแต่ความรู้สึกมันบอกว่า 'ดูต่อไม่ไหว/ดูต่อไม่ได้' ไม่ใช่ว่ามันไม่หนุก แต่การเดินเรื่องมันดูเอื่อยๆไปนิด(+กับนอยด์นางเอกพูดประโยคติดปาก//อย่าเพิ่งตบเค้านะTT)

ความเห็นส่วนตัวนะขอรับ


PS.  ข้าน้อยชื่อ'ปัน'ขอรับ ยินดีที่รู้จักขอรับ
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 17:06 น. 16

พูดถึงเรื่องเฮียวกะพร้อมกันเลยก็แล้วกัน  ความจริงแล้วผมไม่รู้สึกแปลกใจเลยครับที่หลาย ๆ คนรู้สึกท้อเวลาดูเรื่องนี้  มันไม่ใช่อนิเมที่ทุกคนจะดูแล้วรู้สึกสนุกล่ะ  ถ้าใครดูไม่สนุกก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ   มีเรื่องอื่นให้เลือกสรรค์มากมาย  อย่างซีซั่นหน้ามีอะไรน่าสนใจพอสมควรเลย (เดาว่าหลายคนในนี้คงเล็งเรื่อง Psycho-Pass กันเพราะเป็นคนออกแบบคาแร็คเตอร์เรื่องรีบอร์นล่ะนะ  แต่ผมเล้งเพราะคนเขียนบทมากกว่า)

หลาย ๆ เรื่องที่สร้างมาจากนิยายเหมือนทำมาเพื่อโปรโมทนิยายมากกว่าขายตัวอนิเมนะ  อย่างเรื่อง campione เนี่ยเป็นตัวอย่างที่ดี  หรือแม้แต่เรื่อง muv-luv ที่ภาคนี้สร้างมาจากไลท์โนเวลชั่นกัน  (ซีรีย์จริงเป็น visual novel นะ) Oda Nobuna no Yabo ก็เป็นไลท์โนเวล ส่วนเรื่อง SAO ก็ตัดรายละเอียดไปเยอะเชียว  สรุปคือซีซั่นนี้อุดมไปด้วยเรื่องที่สร้างมาจากไลท์โนเวลทั้งนั้น  ที่ผมว่าดัดแปลงแล้วเวิร์คก็มีแค่ Accel World, Jinrui, เฮียวกะ (แต่จะนับมันเป็นไลท์โนเวลดีเปล่าเนี่ย) เท่านั้นล่ะครับ

ส่วนบีต้าตอนล่าสุดโผล่มาแล้วอย่างน่ารัก  เห็นแล้วรู้สึกรักเลเซอร์คลาสขึ้นมาเลย  ตาแบ๊วเชียว

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 ตุลาคม 2555 / 17:10


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
เอวาเจลีนจัง 1 ต.ค. 55 เวลา 17:11 น. 17

SAO   ดูไป12ตอน   เนื้อหาก็โอเคดี แต่มันไม่มีอะไรดึงดูดเท่าไหร่ 

Dog days     ตอนแรกตั้งใจตามเรื่องนี้เลย เพราะดูมาตั้งแต่ซีซั่นแรก แต่สุดท้ายก็ดูไปแค่4ตอน  เพราะเนื้อหามันก็ทำสงครามไปมาเฉยๆ แถมองค์หญิงเลโอไม่ค่อยเด่น เลยไม่ไ้ด้ดูต่อ

Hyouka   สนุกดี ปกติดูการ์ตูนแล้วไม่ค่อยคิด ไม่ค่อยลุ้นตามเท่าไหร่ แต่ดูเรื่องนี้แล้วพยายามจะไขปริศนาตามโฮทาโร่จริงๆนะ   แล้วโฮทาโร่หน้าเซ็งกับทรงผมตอนตื่นนอนนี่น่ารักมาก 5555

Taritari  เรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจตามดู แต่ตามอ่านสปอยในพันทิป พออ่านสปอยเสร็จปึ้บก็รีบไปดู  ชอบนะ เพลงเพราะมาก ซึ้งช่วงแม่ของวาคานะแล้วก็ช่วงพ่อของซาวะ  เสียที่คนอวยซาวะเยอะไปหน่อย คนอวยโคนัตสึอย่างเราเซ็งเลย  55  ดูเสร็จแล้วคึกมาก อยากชวนเพื่อนสนิทไปเที่ยว

ซีซั่นหน้าจะตาม Chuunibyou หนูผ้าปิดตานั่นล่ะ แล้วก็ Littel busters  คุดจังน่ารักดี
แต่งงว่าสภานักเรียนฮาเรมนี่ เริ่มใหม่หรอ รึเพราะเปลี่ยนค่ายทำ 


PS.  "อุดมการณ์ที่จะทำเพื่อคนส่วนใหญ่ เสียสละคนส่วนน้อย จงทิ้งมันไปซะเถอะ หากยังยึดถือไว้ สิ่งที่รออยู่มีเพียงทุ่งร้างสีแดงอันปล่าวเปลี่ยวเท่านั้น"
0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 17:37 น. 18

สภาฮาเร็มผมไม่เคยตามนะครับ  เลยไม่ทราบเหมือนกัน

ส่วนผมซีซั่นหน้าเพิ่งประทับใจไปกับเรื่อง Shine Sekai Yori ไปหมาด ๆ  ทำได้ดีมากเลย


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0
cracks 1 ต.ค. 55 เวลา 21:16 น. 19

ซีนี้ผมตามไม่จบซักเรื่องหาตาเรื่องเก่าๆดู แถมเรื่องเก่าๆก็ดันดูไม่จบอีก ซีหน้าก็รอดูแค่ jormungand ss2 ส่วน  Psycho-Pass อยากดูเพราะชินโบมันแต่งแต่ผมไม่ค่อยชอบ character desigh เลยแหะยิ่งปืนกลับรู้สึกรับไม่คค่อยได้ถึงบางคนจะบอกว่าเท่แต่ผผมชอบอะไรที่มันดู real หน่อยแต่พอดู pv แล้วก็พอเข้าใจว่าปืนถือเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง อีกอย่างหนึงได้กลิ่นวายมาแต่ไกล
 

0
Doggiebiz 1 ต.ค. 55 เวลา 21:46 น. 20

คนเขียนบทเรื่อง Psycho-Pass คือเก็น ไม่ใช่เหรอครับ&nbsp ไม่ใช่ชินโบที่เป็นคนกำกับประจำของชาร์ฟนิ

ลองดูเรื่อง Shin Sekai Yori ดูสิครับ&nbsp ตอนแรกทำออกมาใช้ได้เลยล่ะ


PS.  ลาสบอสลงมาจุติ...
0