บัญชี VS BBA
ตั้งกระทู้ใหม่
000000000
9 ต.ค. 55 เวลา 10:48 น.
1,506
views
6 ความคิดเห็น
ตามความเห็นเรา
เราว่าโอกาสในอนาคต(ถ้าจบจากสองมหาวิยาลัยนี้นะ)
ดีพอๆกัน แต่อาจจะไปคนละสาย
แบบถ้า bba ก็จะมีโอกาสได้ทำงานที่เกี่ยวกับต่างชาติหรือที่ต้องใช้ภาษาเยอะๆมากกว่า
แต่ถึงเป็นภาคธรรมดาก็เป็นี่รู้ๆกันอยู่ว่าชีทเรียนก็เป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่อยู่แล้ว ยังไงก็ได้ภาษาติดตัวมาดีพอสมควรแน่นอน ส่วนงานก็น่าจะดีไม่แพ้กันนั่นแหละ
แต่อาจจะไปคนละแนวนิดหน่อยอ่ะนะ บอกไม่ถูกอ่ะ
แต่ถ้าถามเรายังไงก็ดีั้ทั้งคู่อ่ะนะ
ปล.เราอ่านที่จขกท.พิมพ์แล้วคิดว่าจขกท.น่าจะชอบ bba มากกว่านะ เพราะฉนั้นถ้ามีโอกาสเลือกก็เลือกที่ตัวเองชอบไปเถอะจ้า ของแบบนี้มันแล้วแต่คนชอบด้วยอ่ะนะ
PS. there is nothing good or bad but thinking make it so
เราเรียน bba TU อยู่น้า
แตกต่างกันมากมั้ย พี่บอกไม่ได้จ้า เพราะไม่เคยเรียนภาคไทย จุฬากับมธ. อะไรดีกว่ากันพี่ก็บอกไม่ได้อีก เพราะพี่เรียนมธ.
เอาเป็นว่าขอตอบในส่วนของ ที่พี่เรียนแล้วกัน
มหาลัยแลกเปลี่ยนของbba มีมหาลัยระดับท็อปยู หลายมหาัลัย เยอะมากทั้งยุโรป และอเมริกา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ไปทุกคนนะ เพราะเค้าคัดเกรดจ้ะ อยากไปมหาลัยดีๆก็ต้องทำเกรดดีดีถึงจะได้เลือกก่อน เกรดไม่ดีอาจไม่ได้ไปนะ (ปกติปีนึงไปกันครึ่งๆ)
เครดิตการทำงานมันขึ้นอยู่กับตัวน้องนะ ถ้าน้องเรียนดี เป็นคนเก่งที่ไหนเค้าก็อยากแย่งตัวค่ะ ชื่อมหาลัย กับภาควิชาถือเป็นออฟชั่นเสริม
แต่ของbba จะมีบริษัทมาโปรโมต รับสมัครกันถึงที่มหาลัยเลย (ภาคไทยไม่มี) แย่งตัวกันตั้งแต่ก่อนจบ เรียกว่าเครดิตดีมั้ย ถือว่าดีนะ
เพราะพี่ๆปีสี่ที่มารับปริญญาเค้าได้งานดีๆกันไปแล้วทุกคน เงินเดือนที่ได้มีตั้งแต่ หลักหมื่นต้นๆไปจนถึงหลักแสน หลักแสนก็มีหลายคนอยู่นะ เห็นพี่เค้าพูดๆกัน ส่วนใหญ่พวกที่เรียนfinance แล้วไปทำงานพวกconsult เงินเดือนจะดีมากๆ ส่วนคนที่จบaccount ส่วนใหญ่ก็ได้ทำในบิ๊กโฟร์กันเยอะนะ ก่อนจะไปสอบCPA
แล้วก็เรียนtext book แน่นอนจ้า ส่วนจะซื้อเอง จะซีรอกของเพื่อน หรือรับมรดกจากพี่รหัสนี่ตามแต่ศรัทธาเลย 55555 (ถ้าได้มาเรียนจะรู้ว่าค่าหนังสือแพงมากกกก เป็นพันๆเลย T_T) ส่วนค่าเทอมมากสุดที่้้เคยจ่ายคือตอนเข้าปีหนึ่ง 60,000 กว่าๆ ส่วนหลังจากนั้นแล้วว่าเราลงกี่หน่วยกิต หน่วยกิตละ 2500 (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แต่จะไม่แพงไปกว่าตอนปีหนึ่งแล้ว เพราะปีหนึ่งลงเรียนวิชามากสุดที่bbaเค้าอนุญาติให้ลงเลย เพราะเป็นวิชาบังคับ ส่วนปีอื่นๆจัดสรรเวลาได้เอง
ขอบคุณ พี่ๆ ที่มาเเนะนํากันมากๆเลยค่ะะ
แล้วแต่ชอบเลย เราเรียนที่จุฬา ภาคไทยนะ บัญชี-บัญชี ภาคไทยก้มีบริษัทดังๆอย่าง big4 ปตท. มารับเลยเหมือนกันจ้า  เรียนเป็นภาษาไทย แต่ชีท สไล จะเป็นอังกิด บางวิชาก็เรียนในเทคเลย อย่าง บัญชีต้นทุนคือถึงแม้น้องจะอยู่ภาคไทยก็บังคับให่ได้อังกิดค่ะ อย่างปี2 อังกิดเราจะเก็บคะแนนจากการเขียน 100 เปอเซนต์ไม่มี รีดดิ้ง หรือโวแคบมาช่วยแล้วนะ เขียนเต็มๆจ่ะ  วิชาภาคอย่างบัญชีเราก้ต้องลงบัญชีป้นภาษาอังกิด นะจ้ะ แต่ก้ลงภาษาไทยด้วย (แต่เวลาสอบจะเน้นอังกิดนะคะ คือข้อสอบไทยเขียนตอบเป้นอังกิดได้ ข้อสอบอังกิดจะเขียนตอบเป้นไทยไม่ได้  คือยังไงต้องลงอังกิดได้อ่ะค่ะ)  วิชาอื่นๆก็จะใช้เทคเมืองนอกเกือบหมดแต่อาจารย์จะบรรยายไทย แต่ก็จะทับศัพท์เยอะเพราะเป้นศัทย์เฉพาะใครเข้าที่นี่ต้องมีพื้นฐานภาษาอังกิดมาพอดูเลย เพราะใช้เยอะ
ส่วนภาคBBA ก็มีเมเจอ บัญชีด้วย ถ้าหากสนใจ สังคมก็ระดับเริ่ดเลยจริงๆอ่ะ บีบีเอ สุดยอดมาก การเรียนการสอนก็มีอาจารย์ต่างชาติแล้วก็อาจารย์ไทย แต่พูดเป็นอังกิด มีฝรั่งมาแลกเปลี่ยนเยอะ เรียนเทคเล่มนึงก้ค่อนข้างแพง ภาษาอังกิดคงต้องดีมากๆ  เพราะเพื่อนพี่ที่เรียน บีบีเอ แต่ละคนก็โปรไฟล์สุดยอดกันมากๆค่ะ
แต่พี่ว่าทั้ง2ที่นี้ โอกาสดีมากๆจบไปก็ไปทำงานในบริษัทเดียวๆกันแหละค่ะ หนีกันไม่พ้น ถ้าสายนี้
สำหรับข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับหลักสูตรBBA TU นะครับ การสอบเข้าจะใช้คะแนนSMART-I หรือ SAT ในการยื่นสมัครก้ได้ หรือจะใช้ทั้ง 2 อย่างเลยก้ได้ครับ การเรียนการสอนจะเป็นภาษาอังกฤษ สถานที่เรียนคือท่าพระจันทร์ครับ มีวิชาเอกให้เลือก 3 Major คือ Accounting, Finance and Marketing ในตอนปี1 น้องๆจะได้เรียนวิชาAC201, MK201, FN201 ครบ 3 ตัวเลย เพื่อที่จะได้รุ้ว่าตัวเองเหมาะกับสาขาไหนมากที่สุดก่อน และสามารถมาเลือกMajorจริงๆได้ตอนขึ้นปี2 จุดนี้เป็นข้อดีที่ต่างจากภาคไทยที่เมื่อตอนคุณสมัครเข้าไปเค้าจะจับแยกสายเลยว่าเป็นบัญชีหรือบริหาร หลักสูตรของBBA คุณสามารถเลือกที่จะเรียนแบบMajor+วิชาเลือกเสรี หรือ Major+Minor หรือ เรียน Double majorได้เลยครับ อีกจุดที่หลายคนสงสัยคือจบBBA AC majorมาได้วุฒิอะไร คำตอบคือได้วุฒิบัญชีบัณฑิต เหมือนภาคไทยทุกประการ เพราะงั้นสอบเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีได้ครับ การเรียนการสอนที่นี่เข้มข้นมาก การแข่งขันสูงเพราะจำนวนคนน้อยและตัดเกรดแบบCurveซะส่วนใหญ่ ส่วนสิ่งที่โดดเด่นสำหรับที่นี่คงหนีไม่พ้นเรื่องการแข่งขัน Business caseครับ คือทางโครงการBBA จะมีการคัดตัวเด็กมาเข้าCase teamเพื่อไปแข่งขันในรายการต่างๆที่ต่างประเทศครับ เช่น NUS (Singapore), McGill (Canada) ซึ่งล่าสุด 3 ปีที่ผ่านมานี้ ก็มีการแข่งขัน CFA Institute Research Challenge เป็นการแข่งขันวิเคราะห์หลักทรัพย์ระดับโลก ซึ่งปีล่าสุดที่ผ่านมา BBA TU ก็คว้ารางวัลแชมป์โลกมาด้วยครับ ที่นี่จึงมีรางวัลมากมายเป็นสิ่งรับประกันในคุณภาพของหลักสูตรครับ ทางBBA TUยังมีมหาวิทยาลัยคู่สัญญาในต่างประเทศให้ไปแลกเปลี่ยนได้มากมายตอนปี 3 เช่น University of California, Berkeley ส่วนกิจกรรมพิเศษที่ทางโครงการมักจะจัดให้เป้นประจำตลอดปีคือ Short lecture and company roadshow ครับ ตรงนี้น่าจะเป็นอีกจุดใหญ่ที่จะแตกต่างจากภาคไทย คือทางโครงการจะเชิญผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำมาบรรยายในหัวข้อต่างๆที่สนใจให้แก่นักศึกษาได้ฟังกัน ทั้งยังมีการมารับสมัครงานกันถึงที่คณะกันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องสุดท้ายที่จะพูดก็เป็นเรื่องของเงินเดือนหลังเรียนจบครับ สำหรับที่นี่มีโอกาสทางการงานสูง มีช่วงของเงินเดือนเริ่มต้นนี่ก็หลากหลายมาก ตั้งแต่ หมื่นกว่าบาท-แสนกว่าบาทครับ สำหรับAC majorที่ทำบริษัทตรวจสอบบัญชี Big4 4 แห่ง เงินเดือนเริ่มต้นจะอยู่ที่ช่วงประมาณ 2 หมื่นบาทครับและจะอัพขึ้นมาเยอะพอตัวหลังสอบใบอนุยาตผู้ตรวจสอบบัญชี(CPA)ได้ ส่วนFN major อันนี้ก้ไปได้หลายสาย แต่ที่นิยมกันส่วนมากจะเป็นสาย Consultครับ อันนี้ถ้าเงินเดือนระดับท้อปๆก้จะเป็นพวกบริษัทอย่าง Mckinsey & Company, Boston Consulting Group ซึ่งเงินเดือนก็ระดับแสนครับ อีกสายที่นิยมกันคือ Investment bank สายนี้เงินเดือนก็เยอะพอตัวครับ แต่ที่จะได้หนักๆคือโบนัส หารออกมาแล้วก็หลายหมื่นจนไปถึงเกือบแสนก้มี ส่วนสายMK ก็นิยมไปอยุ่พวกบริษัทดังๆอย่าง P&G, Unilever ครับ โดยคร่าวๆก้ประมาณนี้ครับ สำหรับน้องๆที่ยังไม่รุ้ตัวเองว่าอยากเข้าที่ไหน หรือชอบเลขไม่ชอบphysicsหรือสนใจเกี่ยวกับด้านธุรกิจหรือการเงินการลงทุนโดยตรงหรือต้องการDifferentiateตัวเองจากเพื่อนที่แห่กันไปเรียนวิศวะกับหมอ คณะนี้เป็นทางเลือกที่ดีมากๆคณะหนึ่งครับ และสำหรับน้องๆที่สนใจอยากลองฟังข้อมูลเพิ่มเติม พี่แนะนำให้ลองไปOpen House ดูนะครับ
bba tu อีกเสียง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?