Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ระบายความรู้สึกจากใจ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ระบายความรู้สึกจากใจ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2
    สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ครับ วันนี้แค่อยากจะมาตั้งกระทู้เล่าเรื่องและระบายความรู้สึกจากชีวิตในปี 2 เทอม 1 ที่ผ่านมานะครับ ทุกคนอ่านแล้วอาจจะคิดว่า เฮ้ย ! มาบ่นอะไรให้ฟังเนี่ย แต่ผมก็รู้สึกอยากจะระบายให้ฟัง ก็ขอขอบคุณทุกคนนะครับที่ยังคิดจะอ่านสิ่งที่ผมกำลังจะเล่านี้ต่อไป
    ณ ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงปิดเทอมหลังสอบ Final เทอม 1 เสร็จซึ่งได้หยุดสั้นๆ ไม่กี่วัน ความเหนื่อยล้าก็เริ่มคลายลงบ้างแล้ว แต่ความรู้สึกที่อึดอั้นก็ยังคงอยู่ แค่อยากจะพิมพ์ปลดปล่อยมันออกไป
    ผมเปิดเทอมขึ้นปี 2 มาพร้อมกับการปรับตัวหลายอย่างจากปี 1 ที่ยากขึ้นกว่าเดิม เรียนหนักขึ้นแบบเนื้อหาแต่ละวิชาหนักมาก แถมทุกอย่างก็เป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะการทำแลปผ่าอาจารย์ใหญ่ค่อนข้างจะเป็นแลปที่ดูดพลังมาก แน่นอนว่าช่วงแรกก็เหนื่อยมากๆ มีกิจกรรมรับน้องมาแทรกบ้างแต่ก็ต้องรับผิดชอบไปพร้อมกับการเรียน ดังนั้นจึงอาจเข้าร่วมได้ไม่ค่อยมากนัก ความรู้สึกที่ผมกำลังจะพิมพ์ต่อไปนี้ ผมจะขอพิมพ์ไว้เป็นข้อๆ ละกันนะครับ เพราะไม่ได้เรียบเรียงมาล่วงหน้า นึกอะไรออกก็พิมพ์ไปเลย
-    ช่วงแรกปรับตัวไม่ทัน เพราะอาจารย์สอนไวมาก และทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมด ยกเว้นเสียงอาจารย์ที่สอนเป็นภาษาไทย เนื้อหา 1 เลคเชอร์ คือ 1 ชั่วโมง และต้องอ่านก่อนไปเข้าแลปทุกครั้ง ไม่งั้นจะไม่รู้เรื่องเลย
-    ตอนแบ่งกลุ่มทำแลปปรากฏว่าเกิดปัญหากันระหว่างเพื่อนนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็พากันรอดพ้นฝั่งมาได้
-    อาจารย์จะมี Quiz ทุกสัปดาห์ช่วงแรกๆ เป็นการบังคับให้อ่านมาล่วงหน้าโดยที่ไม่สนใจว่าเด็กจะเรียนกี่วิชา หนักแค่ไหน พอทำไม่ได้ก็เริ่มท้อ หมดกำลังใจต่อไป แต่ยังดีช่วงหลังๆ อาจารย์ปราณี ไม่ค่อยเก็บคะแนน Quiz แล้ว แต่มิวาย ก็ยังออกข้อสอบระดับโหดๆเหมือนเดิม
-    แลปการผ่าอาจารย์ใหญ่จะค่อนข้างเหนื่อยมาก ใครมาเรียนจะเข้าใจดี เพราะต้องละเอียดอ่อนและนอกจากนี้คือทำให้ปวดหลังได้ง่าย เพราะต้องก้มแล้วผ่า แล้วเวลาเข้าแลปทีจะกินเวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง ดังนั้นกลับหอแล้วสลบได้เลย สรุปคือวันนั้นก็ไม่ได้อ่านหนังสือ
-    เด็กแพทย์จะเป็นเด็กระดับเทพมาก คือขยันอ่านหนังสือกันแบบถึงตี 2-3 กันได้เลย ช่วงแรกร่างกายผมปรับตัวไม่ได้เลย ไม่เกินเที่ยงคืนก็ไม่ไหวแล้ว สภาพร่างกายเหนื่อยมาก กลับถึงหอปุ๊บ หลับทันที
-    จากการที่ผมหลับไว ทำให้จากเดิมที่เรียนในห้องไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว ไม่ได้ทบทวน พอไปเข้าแลปก็เอ๋อเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย สะสมพอกหางหมูจนสุดท้ายต้องมาเร่งอ่านช่วงใกล้สอบ คะแนนก็ออกมาไม่ค่อยดี จนแทบไม่อยากทำอะไรต่อเลย
-    เด็กแพทย์ส่วนมากก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตนเอง และเอาตัวรอดกันเองอยู่แล้ว ดังนั้นพอเพื่อนมีปัญหา ถ้าอ่านไม่ทันของตนเองก็คงไม่มีเวลาไปช่วยคนอื่นหรอก นอกจากจะอ่านจบแล้วถึงจะพอไปติวคนอื่นได้ เนื้อหาวิชามันก็เยอะอยู่แล้ว พวกที่ติวต้องรับผิดชอบชีวิตตนเองได้ดีพอสมควรว่าง่ายๆคือ ต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อนถึงจะไปช่วยคนอื่น สุดท้ายบางคนรุ่นผมก็ไปไม่รอด ติด F กันไปบ้างประปราย ผมก็เกือบจะโดนอยู่แล้ว ยังดีที่รอดมาได้ ทำให้ผมรู้สึกว่าเวลาคนเราอยู่ในช่วงวิกฤติ นิสัยที่แท้จริงมันจะปรากฏออกมา ซึ่งนิสัยเพื่อนผมบางคน ผมก็รับไม่ได้เลยว่า ทำไมช่วงต้นเทอมบอกดีๆอยู่เลย ว่าจะช่วยกัน พากันไปให้รอด สุดท้ายทั้งกลุ่มตกมีนหมด มีมันคนเดียวที่คะแนนพุ่งไประดับท็อป
-    แน่นอนว่าตอนเรียนก็ไม่ได้สอบแค่วิชาเดียว ดังนั้นเมื่อจัดตารางเวลาออกมาแล้ว ปรากฏว่าต้องสอบติดๆกันเยอะมาก ดังนั้นต้องอ่านหนังสือกันแบบหนักเลยทีเดียว
-    ทุกอย่างโดยคร่าวๆแล้ว ที่จริงมันมีเยอะกว่านี้ ผมก็อยากเล่าแต่มันนึกไม่ค่อยออกแล้ว สรุปให้ฟังว่า บางอารมณ์มัน เหนื่อย แล้วก็ท้อมากด้วย แต่ ณ จุดนี้ เสียงตอบรับที่ได้กลับมา เป็นดังนี้
เช่น จากรุ่นพี่ (ณ จุดนี้ถ้าผู้อ่านคนใดเป็น นศพ. ระดับสูงกว่าปี 2 คงเข้าใจ)
“อะไรกัน แค่นี้ ปี 2 สบายจะตาย เรียนไม่ไหว ปี 3 ขึ้นคลินิคไม่ตายเอาหรอ”
“คนอื่นเขาไม่เห็นมีปัญหาเลย จะบ่นทำไม คนอื่นเรียนไหวคุณก็ต้องเรียนไหวสิ”
“คุณเอาเวลาบ่นไปอ่านหนังสือไม่ดีกว่าหรอ”
“สมัยพี่เรียน พี่ทำกิจกรรมหนักกว่าน้องตั้งเยอะ พี่ยังเอาตัวรอดมาได้เลย”
“คุณมันไก่อ่อน คุณมันไม่เอาไหน แค่นี้เหนื่อยแล้วหรอวะ”
และ บางส่วน จากอาจารย์ที่สอน
“แค่ปี 2 ไวไปที่คุณจะบ่นว่าเหนื่อย ชีวิตภายภาคหน้าคุณเหนื่อยกว่านี้เยอะ”
“คุณจะเป็นหมอ คุณทำได้แค่นี้หรอ แค่วิชาง่ายๆแค่นี้คุณเรียนไม่ไหวหรอ”
และ บางส่วน จากเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เมิงจะบ่นเหรี้ยอะไรมากมายวะ แค่นี้เมิงไม่ไหวหรอ เมิงมันน่ารำคาญสัสๆ”
-    แน่นอนจากการที่ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ ถูกคาดหวังไว้สูงเกินระดับความสามารถ และที่มหาลัย ก็ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ในเมื่อทุกคนก็เหนื่อยกันหมด แถมเวลาก็ไม่ค่อยมี อ่านกันไม่ค่อยทัน จะมีใครสละเวลามาเพื่อฟังการบ่นที่ไร้สาระ น่ารำคาญ จากผมละครับ

บ่นมาเยอะแล้ว ขอโทษนะครับ ที่ผมพิมพ์มาก็แค่อยากจะระบายให้ฟังละครับ จริงๆก็อยากระบายมากกว่านี้นะ แต่พยายามควบคุมการใช้ภาษาไม่ให้ออกแนวรุนแรงไปมากกว่านี้ บ่นไปงั้น แต่ยังไงก็ต้องเรียนให้ไหว เรียนให้จบให้ได้ เพื่อพ่อแม่และคนไข้ของผมในภายภาคหน้า แค่นี้จะมาท้อไม่ได้ อีกไม่กี่วันก็ต้องเปิดเทอมแล้ว  จบ...ขอบคุณมากนะครับที่ทนอ่านความรู้สึกของผมจนจบ

แสดงความคิดเห็น

>

31 ความคิดเห็น

tiamo_nana 19 ต.ค. 55 เวลา 06:11 น. 2

พยายามเข้านะค่ะ ^^

ตอนนี้อาจเหนื่อย อาจท้อ

แต่เมื่อพี่ข้ามผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว

เชื่อเลยว่าพี่จะต้องภาคภูมิใจกับมันแน่นอนค่ะ

สู้และอดทนเพื่ออนาคตที่ดีและสดใสในวันข้างหน้านะคะ

0
ท่านพริก 19 ต.ค. 55 เวลา 09:59 น. 3

สู้ๆนะคะ ลองหาเป้าหมายในชีวิต ว่าคุณเรียนไปเพื่ออะไรดีไหมจะได้มีกำลังใจเรียน
อย่าง เรียนเพื่อไปรักษาพ่อแม่อะไรอย่างเนี่ย พอเหนื่อยๆก็นึกถึงรอยยิ้มของท่านดู

แม้เราจะคิดว่าที่เราเรียน(ไม่ได้เกี่ยวกับสายการแพทย์) นั้นจะหนังเหมือนกัน(แต่ดีหน่อยหนักแค่ไม่กี่เทอม ตอนใกล้จบ...ทำโปรเจ็คเยอะ)

มันก็คงสู้คุณไม่ได้ คุณต้องหากำลังใจค่ะ กำลังใจสำคัญมาก เพราะเมื่อเรามีกำลังใจสิ่่งที่เราทำก็จะไม่เหนื่อย

ฉันชอบการ์ตูนเกี่ยวกับแพทย์เรื่องหนึ่งมาก ชื่อ GodHand Taru หมอในเรื่องนั้นกำลังใจคือรอยยิ้มของคนไข้

ส่วนตัวเอกคือหมอเทรุ หมอเทรุไม่มีความสามารถพิเศษ โง่มาก จบมาจากมหาลัยด้วยคะแนนแบบว่าห่วยสุดๆ แต่หมอเทรุก็พยายมอย่างหนักทุกวัน โดยมีรอยยิ้มของคนไข้ที่มารักษาแล้วหายกลับไป

ฉันเชื่อว่าถ้าคุณมีกำลังใจ คุณจะเหนื่อยน้อยลง (ถึงเหนื่อยก็มีแรงสู้ต่อแหละ) ได้เองแหละค่ะ

สู้ๆนะคะคุณหมอ.....


PS.  ฉันคือใครกัน.....ฉันคือท่านพริก
0
ไพลินภัทร 19 ต.ค. 55 เวลา 10:51 น. 5

เจอปัญหาเดียวกันเลยค่ะ เรื่องที่ไม่ได้อ่านก่อนแลบ พอเข้าแลบก็เอ๋อ
เกรดปี1วิชาพื้นฐานที่เคยสวยๆ พอเข้ามาเรียนวิชาคณะแล้วก็ง่อยเปลี้ยดับอนาจ
และยิ่งกดดันยิ่งขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนตกรุ่นไปทีละคน เครียดจริงๆนะ


PS.  Violet I >>> Neon night >>> ScreecH Alpha >>> Sun Shy >>> Monstersmiles >>> ต้นน้ำ >>> ต้นน้ำมิน >>> ไพลินภัทร
0
Enixma 19 ต.ค. 55 เวลา 11:38 น. 6

นึกถึงอนาคตไว้นะคะพี่  พ่อเเม่พี่น้องรวมทั้งตัวพี่เองจะภูมิใจกับมันมากก

เหนื่อยให้สุดๆในตอนนี้เเล้วสบายข้างหน้ามันก็คุ้มค่านะ

สู้ๆค่ะ ^_____________________^


PS.  Someone's watching over me
0
คุณความลับ 19 ต.ค. 55 เวลา 13:28 น. 7

หนูว่าที่พี่เข้าคณะนี้ได้ ก็ถือว่าเจ๋งแล้ว และหนูก็คิดว่าพี่จะทำต่อไปได้
....เข้าได้ ก็ต้องเรียนได้สิวะ [ไม่สุภาพ+บ่น] 
.............มีคนให้กำลังใจพี่แล้ว   พี่ก็ต้องให้กำลังใจตัวเองด้วยล่ะ        ....ยิ้มสิ...


PS.  อ่าน อ่านนิยาย รักที่สุดเลย
0
Tomtam 19 ต.ค. 55 เวลา 14:01 น. 8

ไม่เป็นไรนะค่ะ&nbsp สุ้ๆๆๆ การปรับตัวมันต้องใช้เวลา&nbsp ต้องผ่านมันไปให้ได้&nbsp เพื่ออนาคตของเรา&nbsp เอาใจช่วย เป็นกำลังใจให้นะค่ะ&nbsp  สู้ต่อไป&nbsp ^____^

0
dfdssd 19 ต.ค. 55 เวลา 15:22 น. 9

คนเรามันมีเหนื่อยกันได้ ขนาดเราชอบอ่านหนังสือมาก แต่พอเรียนกฎหมาย
เรายังมึนหนังสือเลย แทบจะอ้วกเป็นตัวอักษร

เหนื่อยได้แต่อย่าท้อ

0
รัตติกาลแห่งความมืด 19 ต.ค. 55 เวลา 16:23 น. 10

สู้ๆนะว่าที่คุณหมอ
อย่างว่า คณะนี้มันหนักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าคณะอื่นจะไม่หนัก
ยิ่งสูงยิ่งยาก
แต่ยังไงก็พยายามต่อไปนะ จบมาแล้วก็สบายแล้วล่ะ
คิดซะว่าคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ แค่ไม่ได้เท่าเค้าแต่ก็เอาให้ได้ซะครึ่งก็ยังดีเนอะ


PS.  เป้าหมายสูงสุดของชีวิต อาจทำไม่ถึง แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้ายังมุ่งมั่น และก้าวเดินต่อไป เป้าหมายนั่นอาจอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว
0
kgfp 19 ต.ค. 55 เวลา 21:28 น. 11

สู้ๆนะ เข้าใจว่าแพทย์เรียนหนักมากถึงมากที่สุด
นศ.แพทย์เป็นอะไรที่แบบว่า ทุ่มเทชีวิตตัวเองให้กับการเรียนจริงๆ เพราะว่าพอเรียนจบแล้วก็จะต้องไปรับผิดชอบชีวิตคนอื่น ยังไงก็อย่ายอมแพ้นะ พยายามปรับตัว แบ่งเวลาให้ดี ถ้าคุณแบ่งเวลาเป็นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกอย่างถ้าคณะนี้เป็นคณะที่คุณชอบ คุณมีใจรักมันจริงๆ ยังไงคุณก็ต้องผ่านมันไปได้แน่นอน
ส่วนพวกเสียงคอมเม้นต่างๆที่คุณว่ามานั้น เราว่าพวกเขาก็พูดถูก(เพียงแต่ถ้ามีคำปลอบใจหรือให้กำลังใจกันบ้างมันก็คงจะดีกว่า) เพราะว่ายิ่งเรียนมันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ เราเรียนเพื่อไปรับผิดชอบชีวิตของคนอื่น ดังนั้นก็เลยต้องเรียนหนัก เจาะลึก รู้จริง มีสอบบ่อยๆแบบนี้แหละ ขอให้มองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของนศ.แพทย์ คนที่สอบเข้าคณะแพทย์ได้นี่ถือว่าโชคดีนะ เพราะมีคนจำนวนมากอยากเข้าคณะนี้ แต่คะแนนไม่ถึง

0
สวยซะเมื่อไหร่ 19 ต.ค. 55 เวลา 22:48 น. 12

สุ้ๆนะคะ *0* เพื่ออนาคตคนไข้อย่างเค้า 555+


PS.  ความรัก คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อบดบังความอ่อนแอของตนเอง ถ้ามีความรักแล้วต้องเจ็บปวดสู้อย่ามีมันซะดีกว่า
0
Ford Teana Hezelnut 19 ต.ค. 55 เวลา 23:26 น. 13
พี่เก่งแล้วค่ะ
การที่เราจะได้เป็นแพทย์มันไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ
แต่ว่า...ถ้าหากเราไม่พยายาม...สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะไม่มีความหมายนะคะ
หนูอยากให้พี่พยายาม
อยากให้พี่เข้มแข็ง
ถ้าบางครั้ง...เหนื่อยจนฝืนทนไม่ไหว
ก็ให้น้ำตาเป็นสิ่งที่ปลอบพี่นะคะ
หนูเข้าใจค่ะTOT
หนูอยู่แค่ม.1หนูยังเรียนตั้งแต่คาบศูนย์ยันคาบสิบเลยยย
(อย่าสนใจบ่นของตัวเองบ้างงง)555
PS.  รักนะแต่ไม่แสดงออก,, ยินดีต้อนรับจ้ะ ตัดผมมั้ยคะ ซอย ดัด สระ ตัด เชิญค่า
0
ลัล 21 ต.ค. 55 เวลา 13:13 น. 16

สู้ๆนะค่ะ^_____^
ถึงพี่ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับสายแพทย์
พี่ก็พอจัะรู้มันคงหนักและเหนื่อยมาก กดดันไปทุกเรื่อง
แต่ก็เพราะว่าน้องจะต้องดูแลรับผิดชอบชีวิตคนทั้งคน เมื่อเรียนจบไปเป็นคุณหมอนะ
ก็เป็นธรรมดาที่น้องต้องเรียนหนักกว่าคนอื่น ยากกว่าคนอื่น
อย่าท้อไปเลย เรื่องแค่นี้เอง พี่เชื่อว่าน้องเก่งและกล้าพอที่จะสู้กับปัญหานะค่ะ

0
Hatim tim 21 ต.ค. 55 เวลา 15:54 น. 17

ผมก็อยากเป็นหมอเหมือนกันครับ ตอนนี้ผมอยุ่ ม.1 แต่พี่อยู่ปี 2 ....เห็นเเ้ลวอึ้ง O_o ถ้าจะเรียนหนักขนาดนี้

ถ้่าพี่อยากเป็นหมอจริง ผมเชื่อครับว่าพี่จะผ่านมันไปได้ สู้ๆ ครับ

0
เด็กดอยต้องการไอโอดีน5555 21 ต.ค. 55 เวลา 20:47 น. 18

เพื่อนหมอนิสัยไม่ดีเลย เเดกดันเพื่อนด้วยกันทำไมนี่

หมออย่าไปสนใจเลย
เพื่อนกันเค้าไม่ืทำกันอย่างนี้หรอก มีเเต่จะให้กำลังใจกัน

นึกถึงคนไข้ไว้นะหมอ
ที่หมอต้องอ่านเยอะๆก็เพื่อจะได้มาดูเเลพวกเรา
พวกเราขอบคุณนะคะ
มันเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้หมอต้องเรียนหนัก
ทั้งหมดเืพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
สู้ๆนะคะ

พวกเราไม่มีอะไรจะให้หรอกค่ะ นอกจากรอยยิ้มเเละคำขอบคุณ
ขอบคุณที่ทำให้หายป่วย&nbsp  ขอบคุณที่ทำให้เราอยู่กับคนที่เรารักได้นานขึ้น&nbsp 

เวลาไม่สบายใจหมอลองเขียนทุกสิ่งทุกอย่างลงในกระดาษ เขียนไปเรื่อยๆเลย
ระบายอารมณ์ ไม่งั้นก็เขียนไดอารี่ดู สบายใจดีนะคะ

มันทำให้ได้คำตอบง่ายขึ้นด้วย
พี่ชายหนูบอกว่า เวลาเราเครียดเเล้วไม่ระบาย
สิ่งที่เราคิดมันจะวนๆอยู่ในหัว
เเต่เมื่อไรก็ตามที่เราเขียนหรือเเสดงมันออกไป
ปัญหามันจะิอยู่ในกระดาษให้เราหาทางเเก้ ไม่ใช่อยู่ในหัว

เป็นหมอเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เเต่สบายใจเมื่อคนไข้หายป่วยเท่านั้นเอง > <

สำหรับหนูคนที่ทำให้เราทุกข์ใจไม่ใช่มิตรเเท้
หนูพร้อมจะเขี่ยเค้าออกจากชีวิต ถ้าเค้าทำให้หนูไม่มีความสุข

หนูเเคร์เเต่คนที่มั่นใจว่ารักหนู เเละเเคร์ว่าสิ่งที่หนูทำจะสร้างความสุขให้คนอื่น
การเห็นคนอื่นยิ้มเเละมีความสุขคือรอยยิ้มของหนู

หนูอยากเป็นเภสัชนะคะหมอ 55&nbsp เเละก็ลาออกมาด้วยเหตุผลที่อยากช่วยคนค่ะ
มีเเค่นี้จริงๆ&nbsp หนูโดนมองเป็นคนบ้าอย่างมากๆ
สู้ไปด้วยกันนะคะ&nbsp 

ไม่เห็นต้องเเคร์ใครเลย ทำในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าเป็นความสุขของเรา(เท่านั้น)พอ
ถ้าตัวเราเห็นว่ามีความสุขดีเเล้ว&nbsp ดีเเล้วที่จะบ่น ดีเเล้วที่จะพูดนั่นพูดนี่ก็ทำไปเถอะค่ะ
สวนกลับมั่งก็ดีนะคะหมอ อย่าไปยอมมัน 5555555555
คนเค้าเครียดเเทนที่จะให้กำลังใจมาด่ากลับซะนี่ ด่าไปเล้ยยย ไอ่เ ว ง อิอิ&nbsp เกลียดนักพวกซ้ำเติม
เลวจริงๆ

ไปละหมอ สวัสดีค่ะ

0
lattemunegot 25 ต.ค. 55 เวลา 02:03 น. 19

ไม่เป็นไรนะคะ ยินดีรับฟังเสมอ
บางครั้งการที่เราระบายๆมันออกไปมันก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกันเนอะ
อย่างน้อยก็มีคนที่เค้าน่าจะเข้าใจเราบ้างล่ะ
คนเห็นแก่ตัวในโลกนี้มีอยู่มากมาย เฮอ น่าเสียดายที่เราต้องใช้เวลาเรียนรู้คนแต่ล่ะคน
ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่ต้องเสียเวลากับเค้ามากมาย
กลับกลายมาเป็นบ่นให่ฟังซะอีก 555 เอาเป็นว่า สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้
ยิ้มๆๆ ให้กับทุกๆปัญหา น้องเชื่อว่า พี่ว่าที่หมอ ผ่านมันไปได้ชัวร์ๆ

0
universe 31 ต.ค. 55 เวลา 10:58 น. 20

พี่หมอดีจังเลยเรียนเก่งจัง อยากเป็นหมอ ยังไงก็อยากเป็นหมอต่อให้เจอเรื่องอะไรก็ยังอยากเป็นหมออยู่ดี จะได้ช่วยคนเยอะแยะ พี่หมออวยพรให้ด้วยนะคะ (อาจไม่เกี่ยวเท่าไร พี่หมอสู้ๆนะ) :)

0