Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หนังสยองขวัญ ที่คุณอาจไม่รู้ว่าสร้างมาจากเรื่องจริง !!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

หนังสยองขวัญ ที่คุณอาจไม่รู้ว่าสร้างมาจากเรื่องจริง

หนังสยองขวัญ ที่คุณอาจไม่รู้ว่าสร้างมาจากเรื่องจริง


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก horror.about.com และ คุณ Lakesidemile สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม 

          ความสำเร็จของผู้สร้างภาพยนตร์สยองขวัญสั่นประสาท ก็คือ การที่ได้เห็นผู้ชมมีอารมณ์กลัว หลอน ช็อก ตามไปกับการร้อยเรียงเรื่องที่ทีมงานสร้างขึ้น ซึ่งภาพยนตร์เรื่องไหน ที่ผูกเรื่องได้สมจริง ก็สามารถทำให้ผู้ชมมีปฏิกิริยาเช่นนั้นได้ อย่างเช่น ภาพยนตร์สยองขวัญของต่างประเทศหลาย ๆ เรื่อง ที่ดูแล้วระทึกขวัญสมจริงมาก ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนำเอาเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ๆ และหลายเรื่องก็เป็นเรื่องชวนขนหัวลุกที่คนแทบไม่เชื่อว่า มันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ บนโลกใบนี้

           และนี่คือส่วนหนึ่งของหนังสยองขวัญที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง ที่เว็บไซต์horror.about.com นำมาลงไว้ และ คุณ Lakesidemile สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ยิบมาแปลให้แฟนคลับที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญได้รู้กัน  

          อ้อ... สำหรับบทความนี้มีการสปอยล์เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ไว้ด้วย ใครที่ยังไม่ได้ชมเรื่องไหน ถ้าไม่อยากถูกสปอยล์ ก็อ่านข้ามเรื่องนั้นไปก่อนนะจ๊ะ...

psycho

ภาพขวามือ : เอ็ดเวิร์ด เกน ตัวจริง

Psycho (1960)

           เรื่องราวในภาพยนตร์ : เรื่องราวของเจ้าของโรงแรม นาม นอร์แมน เบตส์ ผู้มีอาการทางจิต เห็นภาพหลอนว่ามารดาตนเองที่ตายไปแล้ว ซึ่งเขาเก็บศพของหล่อนไว้ในห้องใต้ดินนั้น และต้องการจะฆ่าแขกที่มาพัก เขาเริ่มกลายเป็นคน 2 บุคลิก และแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของมารดาตอนที่ลงมือฆาตกรรม

           เรื่องจริง : ตัวละคร นอร์แมน เบตส์ ได้แรงบันดาลใจมาจาก เอ็ดเวิร์ด เกน ชายชาววิสคอนซิน ที่ถูกจับกุมตัวในปี 1957 ในข้อหาฆาตกรรมหญิงสาว 2 ราย และข้อหาขุดศพของผู้หญิงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้หญิงเหล่านั้นล้วนมีลักษณะคล้ายมารดาของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาถลกหนังศพออกมาทำเป็นโคมไฟ ถุงเท้า และทำเป็น "ชุดผู้หญิง" เพื่อเวลาสวมใส่แล้วจะได้กลายเป็นผู้หญิง 

           เอ็ดเวิร์ด เกน ถูกลงความเห็นว่าวิกลจริตและถูกส่งตัวไปอยู่ในสถาบันจิตเวชจนตลอดชีวิต

           

the exorcist

ภาพขวามือ : บ้านในเซนต์หลุยส์ที่ประกอบพิธีไล่ผี

The Exorcist (1973)

           เรื่องราวในภาพยนตร์ 
: บาทหลวง 2 รูป พยายามทำพิธีไล่ปีศาจที่สิงในร่างของเด็กหญิงวัย 12 ปีผู้หนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองจอร์จทาวน์ ใกล้กับวอชิงตัน ดีซี

            เรื่องจริง : วิลเลียม ปีเตอร์ แบลทตี้ ผู้เขียนบทภาพยนตร์และผู้เขียนนวนิยายเรื่อง The Exorcist ได้แรงบันดาลใจมาจากบทความชิ้นหนึ่งที่เขาได้อ่านตั้งแต่สมัยที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์  บทความนั้นเกี่ยวกับพิธีไล่ปีศาจในร่างของเด็กชายอายุ 13 ปี ในเมืองเมาท์ เรเนียร์ รัฐแมรี่แลนด์ ในปี 1949   

            แต่เรื่องราวในบทความนั้นค่อนข้างจะสับสนอยู่มาก ซึ่งอาจจะเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของครอบครัวเด็กชายผู้นั้น แต่ที่แน่ชัดก็คือบ้านของเด็กชายอยู่ในเมืองคอทเทจซิตี้ รัฐแมรีแลนด์ ส่วนพิธีกรรมได้จัดขึ้นในเซนต์หลุยส์ ซึ่งตามหลักฐานแล้ว พฤติกรรมของเด็กชายไม่ได้รุนแรงและเหนือธรรมชาติมากมายแบบที่ปรากฏในภาพยนตร์
           


jaws

ภาพขวามือ : ฉลามขาวแห่งชายฝั่งนิวเจอร์ซีย์  
Jaws (1975) 

           เรื่องราวในภาพยนตร์ : ฉลามขาวความยาว 25 ฟุต ทำให้ผู้คนในอมิตี้ไอแลนด์อกสั่นขวัญผวา มันทำร้ายทั้งคนที่ว่ายน้ำและคนที่ล่องเรือเป็นเวลาหลายวันในช่วงฤดูร้อน

           เรื่องจริง : ปีเตอร์ เบนช์ลีย์ นักเขียนนวนิยายและผู้เขียนบทภาพยนตร์ นำเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์ปลาฉลามจู่โจมชายฝั่งนิวเจอร์ซีย์ในปี 1916 ซึ่งในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น มีคนถูกฉลามทำร้าย 5 คน โดยเสียชีวิตไป 4 คน ในระยะเวลา 12 วัน  และในวันที่ 14 กรกฎาคม ก็สามารถล่าฉลามขาวขนาดความยาว 7 ฟุตได้ เมื่อผ่าท้องมันดู ก็พบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์อยู่ภายใน แต่จนทุกวันนี้ ก็ยังมีผู้ถกเถียงกันว่าฉลามตัวที่จับได้นั้นเป็นฉลามตัวก่อเหตุจริงหรือไม่ โดยนักวิทยาศาสตร์บางคนโต้แย้งว่า ฉลามตัวที่จู่โจมคร่าชีวิตคนไปนั้นอาจจะเป็นฉลามหัวบาตร แต่ก็ไม่มีรายงานเรื่องฉลามทำร้ายคนอีกหลังจากที่ฉลามขาวตัวนั้นถูกฆ่าไปแล้ว

           

audrey rose

ภาพขวามือ : แฟรงค์ เดอ เฟลิตต้า 
Audrey Rose (1977)

           เรื่องราวในภาพยนตร์ : เด็กหญิงคนหนึ่งมีท่าทางผิดแปลกออกไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อแม่ของเธอจึงสงสัยว่า วิญญาณของเด็กหญิงอีกคนที่มีชื่อว่าออเดรย์ โรส สิงอยู่ในร่างลูกสาวของพวกเขา

           เรื่องจริง : แฟรงค์ เดอ เฟลิตต้า ผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นบทภาพยนตร์ โดยแรงบันดาลใจมาจากการที่เรย์มอนด์ ลูกชายอายุ 6 ขวบของเขาสามารถเล่นเปียโนได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเรียนเปียโนมาก่อน   

           เดอ เฟลิตต้าจึงไปปรึกษาคนทรงชาวลอสแองเจลิสรายหนึ่ง คนทรงบอกกับเขาว่าเรย์มอนด์นั้นได้กลับชาติมาเกิด จึงมีความสามารถในชาติก่อนติดตัวมา และเหตุการณ์นี้ได้ทำให้นักเขียนผู้นี้เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

          

The Hills Have Eyes Part II

ภาพขวามือ : ภาพเขียนเกี่ยวกับครอบครัวบีน

The Hills Have Eyes Part II (1985)

           เรื่องราวในภาพยนตร์ : ครอบครัวหนึ่งขับรถผ่านทะเลทรายในแถบตะวันตกเฉียงใต้ และได้ใช้ทางลัดที่นำพวกเขาไปสู่ครอบครัวมนุษย์กินคนที่อาศัยในถ้ำของหุบเขาในแถบนั้น

           เรื่องจริง : หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับ อเล็กซานเดอร์ "ซอนี่" บีน ชายชาวสก็อตที่มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 15 หรือ 16 ว่ากันว่าชายคนนี้ร่วมมือกับสมาชิกในครอบครัวรวม 40 ชีวิต สังหารและกินมนุษย์คนอื่น ๆ ไปกว่าหนึ่งพันคน

           พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำมามากกว่า 25 ปี ก่อนที่จะถูกจับได้และถูกประหารชีวิต มีทั้งหนังสือและภาพยนตร์มากมายทั่วโลกที่สร้างขึ้นจากชีวิตของเขา แต่นักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในปัจจุบันไม่เชื่อว่าบีนมีตัวตนจริง

          

The Amityville Horror

ภาพขวามือ : บ้านของครอบครัวลุตซ์

The Amityville Horror (1979)

           เรื่องราวในภาพยนตร์
 : ครอบครัวลุตซ์ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกิดการฆาตกรรมหมู่เมื่อปีก่อน พวกเขาได้ผจญกับเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ต้องย้ายหนีออกไปหลังจากอยู่ได้เพียง 28 วัน

           เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวที่ จอร์จ และ เคธี่ ลุตซ์ ได้พบเจอระหว่างที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็มีทั้งเสียงที่ไร้ที่มา บริเวณที่อุณหภูมิหนาวเย็นผิดปกติ ภาพปีศาจ ไม้กางเขนกลับหัวได้เอง และกำแพงที่มีเมือกสีเขียวซึมย้อยออกมา 

          เหตุการณ์เกือบทั้งหมดเหล่านี้ที่ปรากฏทั้งในภาพยนตร์ และในหนังสือทำให้คนที่ตามสืบเรื่องนี้คลางแคลงใจ แต่คนส่วนมากเชื่อกันว่ามันเป็นเรื่องโกหก

           

The Entity

ภาพขวามือ : ลูกไฟปริศนาที่บันทึกภาพไว้ได้

The Entity (1982) 

           เรื่องราวในภาพยนตร์ 
:  คาร์ล่า มอแรน แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูก 3 คน ถูกสิ่งลี้ลับบางอย่างทำร้ายร่างกายและข่มขืนเธอหลายต่อหลายครั้ง เธอได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มนักค้นคว้าเรื่องเหนือธรรมชาติซึ่งขอเข้ามาบันทึกข้อมูลและพยายามจะจับสิ่งลี้ลับนั้นให้ได้

           เรื่องจริง : ในปี 1974 เคอรี่ เกย์เนอร์ กับ แบรี่ แทฟฟ์ นักค้นคว้าเรื่องลี้ลับ ได้ทำการสืบคดีของหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่า ดอริส บิเธอร์ อาศัยอยู่ในเมืองคัลเวอร์ซิตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย เธออ้างว่าตนเองถูกอะไรบางอย่างทำร้ายและคุกคามทางเพศ 

           เกย์เนอร์ กับ แทฟฟ์ ซึ่งเข้าไปในบ้านของเธอ ได้เห็นข้าวของในบ้านลอยขึ้นมาได้เอง พวกเขาถ่ายภาพลูกไฟที่ลอยกลางอากาศเอาไว้ได้ และได้เห็นร่างบางร่างที่คล้ายมนุษย์ แต่ไม่เคยเห็นว่าร่างนั้นเข้าไปทำร้ายหญิงเจ้าของบ้าน และไม่ได้พยายามจะจับมัน เกย์เนอร์ระบุว่า ทุกครั้งที่ คาร์ล่า มอแรน ย้ายบ้าน การทำร้ายเหล่านั้นก็จะลดลงไป

           

Dead Ringers

Dead Ringers (1988)

           เรื่องราวในภาพยนตร์
 : นรีแพทย์ฝาแฝด เบเวอร์ลี และ เอลเลียต แมนเทิล มีนิสัยชอบใช้ผู้หญิงร่วมกัน   แต่แล้วเบเวอร์ลีซึ่งเป็นคนที่ละเอียดอ่อนกว่า กลับตกหลุมรักหญิงสาวรายล่าสุดที่พวกเขาจีบติด 

           แต่เมื่อเธอรู้ถึงสิ่งที่ฝาแฝดปฏิบัติต่อผู้หญิง เธอก็ตัดสินใจเลิกคบในทันที ทำให้เบเวอร์ลีเสียใจจนหันไปเสพยาและชักจูงน้องชายฝาแฝดให้เสพด้วย

           เรื่องจริง : ในเดือนกรกฎาคม ปี 1975 มีผู้พบศพนรีแพทย์ฝาแฝด สจ๊วต และ ซีริล มาร์คัส ในอพาร์ทเม้นท์ของพวกเขา สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องมาจากการเลิกเสพยากดประสาทอย่างกะทันหัน แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า อะไรเป็นสาเหตุนำพวกเขาไปสู่อาการช็อก


Gothic

ภาพขวามือ : เพอร์ซี่ เชลลีย์, แมรี่ เชลลีย์ และลอร์ดไบรอน
Gothic (1986)

            เรื่องราวในภาพยนตร์
 : ในปี 1816 กวีเอก ลอร์ดไบรอน ได้ไปรวมตัวกับเพื่อนกวีอย่างเพอร์ซี่ เชลลีย์ และแมรี่ ว่าที่ภรรยาของเพอร์ซี่ย์ ร่วมด้วยแคลร์ น้องสาวต่างมารดาของแมรี่ และนายแพทย์จอห์น โพลีดอรี แพทย์ประจำตัวของลอร์ดไบรอน ในคฤหาสน์สวิสของเขา ทั้งหมดผลัดกันเล่าเรื่องผี และได้เผชิญกับสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัว

            เรื่องจริง : ในคืนที่ฝนตกหนักคืนหนึ่ง ในช่วงฤดูร้อนของปี 1816 เพอร์ซี่ เชลลีย์ กับ แมรี่ ก็อดวิน(ภายหลังได้แต่งงานกับเพอร์ซี่ เชลลีย์) ได้เดินทางไปเยี่ยมลอร์ดไบรอนที่คฤหาสน์สวิส พวกเขาพูดคุยถกประเด็นกันถึงเรื่องวิญญาณ และอ่านเรื่องผีของเยอรมันร่วมกัน  

            ไบรอนได้แนะนำให้เพื่อนทั้งสองลองเขียนเรื่องแนวลี้ลับ ซึ่งทำให้แมรี่แต่งนิยายเรื่องแฟรงเก้นสไตน์ขึ้นมา ขณะที่ตัวไบรอนเองได้เขียนเรื่องขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ซึ่งต่อมานายแพทย์โพลีดอรีนำไปดัดแปลงเป็นนวนิยายขนาดสั้นเรื่อง The Vampyre 

            

Henry: Portrait of a Serial Killer

ภาพขวามือ : เฮนรี่ ลี ลูคัส และโอทิส ทูล

Henry: Portrait of a Serial Killer (1986)

            เรื่องราวในภาพยนตร์ 
: เฮนรี่ คือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมาแล้วนับร้อย ๆ คน ซึ่งบางครั้งโอทิส เพื่อนร่วมห้องของเขาก็ร่วมมือด้วย แต่เฮนรี่ก็ได้พบที่พักใจ นั่นคือเบคกี้ น้องสาวของโอทิส

            เรื่องจริง : จอห์น แม็คนอตัน ผู้เขียนบทและผู้กำกับได้แรงบันดาลใจมาจาก เฮนรี่ ลี ลูคัส ฆาตกรต่อเนื่องที่มีผู้สมรู้ร่วมคิดนามโอทิส ทูล และเฮนรี่เองก็คบหากับฟรีด้า พาวล์ หลานสาวของโอทิสอยู่ด้วย  

            แต่เรื่องการฆ่าคนของเฮนรี่ที่นำไปสร้างในภาพยนตร์นั้น มักเอามาจากคำให้การของเฮนรี่มากกว่าตามความเป็นจริง เฮนรี่ยอมสารภาพเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอว่า หากรับสารภาพก็จะมีการลดโทษให้ โดยเขาให้การว่าฆ่าคนไป 600 ราย แต่คำให้การส่วนมากของเขาพบว่าไม่เป็นความจริง

       
     อย่างไรก็ตาม เฮนรี่ก็ถูกตัดสินว่าฆาตกรรมเหยื่อ 11 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ฟรีด้า พาวล์ และต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต

            

The Serpent and the Rainbow

ภาพขวามือ : หนังสือของเวด เดวิส และภาพแคลร์เวียส นาร์ซิสเซ่

The Serpent and the Rainbow (1988)

            เรื่องราวในภาพยนตร์
 : เดนนิส อแลน นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทยาแห่งหนึ่งให้ไปรับตัวอย่างยาที่ใช้ในพิธีวูดูของชาวเฮติ ยานั้นก็คือ ผงที่ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตจนเสมือนตาย

            เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้ขยายเรื่องราวมาจากหนังสือที่เขียนโดย เวด เดวิส นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาในปี 1985 มีเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของเวด ในการสร้างผีดิบในประเทศเฮติ เวด ระบุว่า มีสารพิษตามธรรมชาติชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ทำให้คนมีสภาวะเสมือนตายไปแล้วได้ โดยจะมี "ผู้นำ" คอยควบคุมด้วยการสะกดจิต ดังเช่นกรณีของแคลร์เวียส นาร์ซิสเซ่ ผู้ถูกรายงานว่าโดนทำให้กลายเป็นซอมบี้ทาสอยู่ 2 ปีในยุคทศวรรษ 1960  

            หากแต่เรื่องของเวด เดวิสนี้ยังคงมีผู้ถกเถียงกันอยู่ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่า

            


The Mothman Prophecies

ภาพขวามือ : สภาพสะพานซิลเวอร์บริดจ์หลังจากเกิดการถล่ม

The Mothman Prophecies (2002)

            เรื่องราวในภาพยนตร์ : นักข่าว จอห์น ไคลน์ ขับรถหลงทางเข้าไปในเมืองพอยต์ เพลสเซินท์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ที่นั่น เขาได้พบกับสัตว์ประหลาดที่เรียกว่า "มนุษย์แมลง" (มอธแมน) ซึ่งว่ากันว่าการปรากฏตัวของมันคือ ลางบอกเหตุร้าย ซึ่งต่อมาสะพานที่ข้ามแม่น้ำโอไฮโอมายังเมืองพอยต์ เพลสเซินท์ ก็พังถล่มลงมา

            เรื่องจริง : มีรายงานว่ามีคนพบเห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ มีปีก หรือที่เรียกกันว่า มนุษย์แมลง ในเมืองพอยต์ เพลสเซินท์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ในช่วงปี 1966-1967 และแล้ว ในวันที่ 15 ธันวาคม 1967 สะพานซิลเวอร์บริดจ์ที่ข้ามแม่น้ำโอไฮโอเชื่อมระหว่างเมืองพอยต์ เพลสเซินท์กับรัฐโอไฮโอ ก็ถล่มลงมา คร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายไป 46 ราย 

            

ที่มา : Kapook.com 


PS.  Falling in love is like jumping from a building; your brain tells you that it is not a good idea, but your heart tells that you can fly ~

แสดงความคิดเห็น

>

28 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Handholding 9 มี.ค. 56 เวลา 10:10 น. 2
Open Water

ภาพขวามือ : ทอม และ ไอลีน โลเนอร์แกน

Open Water (2003)

            เรื่องราวในภาพยนตร์ 
: คู่รักแดเนียล กับ ซูซาน เข้าร่วมทริปทัวร์ดำน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์กลับทำผิดพลาดด้วยการพาลูกทัวร์คนอื่น ๆ กลับไปยังเรือ โดยลืมแดเนียลกับซูซานไว้ในทะเลที่รายล้อมด้วยฉลาม

            เรื่องจริง : ในเดือนมกราคม ปี 1988 สองสามีภรรยา ทอม และไอลีน โลเนอร์แกน หายตัวไปจากบริเวณเกรทแบริเออร์รีฟในประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่บริษัททัวร์ดำน้ำทิ้งพวกเขาไว้ในทะเลโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกว่าที่บริษัทจะรู้ตัวก็ในอีกสองวันต่อมา เมื่อมีคนพบกระเป๋าที่ใส่กระเป๋าสตางค์กับพาสปอร์ตของทั้งคู่ จากนั้นจึงมีการจัดทีมค้นหา แต่ก็ไม่มีใครพบตัวทั้งสองคนอีก หลายอาทิตย์ต่อมามีผู้พบสัมภาระของพวกเขา แต่ไม่มีร่องรอยใด ๆ ที่ชี้ถึงการจู่โจมของฉลามอย่างที่ปรากฏในภาพยนตร์

            

The Exorcism of Emily Rose

ภาพขวามือ : แอนน์ลีส มิเชล ก่อนเสียชีวิต
The Exorcism of Emily Rose (2005)

           เรื่องราวในภาพยนตร์ : บาทหลวงท่านหนึ่ง ต้องเข้ารับการพิจารณาคดีการเสียชีวิตของเด็กสาวนามเอมิลี่ โรส ซึ่งบาทหลวงผู้นี้ได้ทำพิธีไล่ผีให้กับเธอ 

           เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก แอนน์ลีส มิเชล เด็กสาวชาวเยอรมันวัย 16 ปี ซึ่งเริ่มมีอาการเหมือนถูกผีเข้าในปี 1968 เด็กสาวต้องทรมานกับการขยับตัวไม่ได้ เธอทำร้ายตัวเอง อดอาหาร และเห็นภาพหลอนของปีศาจอยู่หลายปี จนกระทั่งในปี 1975 บาทหลวง 2 คนก็เข้ามาทำพิธีไล่ผีให้กับเธอติดต่อกันกว่า 10 เดือน  ในระหว่างนั้น แอนน์ลีสแทบจะไม่ได้กินอะไร จนเสียชีวิตจากการขาดสารอาหารในเดือนกรกฎาคม 1976  

            พ่อแม่ของเธอกับบาทหลวงทั้งสองถูกนำตัวไปขึ้นศาล และถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าคนตาย โดยรับโทษจำคุก 6 เดือน 


            
Wolf Creek

ภาพขวามือ : แบรดลีย์ จอห์น เมอร์ด็อค และอิวาน มิลาท

Wolf Creek (2005)

            เรื่องราวในภาพยนตร์ 
: นักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษ 2 คน กับชายชาวออสเตรเลียอีก 1 คน เดินทางเข้าไปในแถบชนบทของประเทศออสเตรเลีย เพื่อจะตั้งแคมป์ในอุทยานแห่งชาติวูล์ฟครีก แต่รถของพวกเขาเสีย จึงได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถพ่วง แต่แล้วคนขับรถพ่วงคนนี้กลับจับตัวพวกเขาไปทรมาน 

            เรื่องจริง : เกร็ก แมคลีน แต่งบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมา แต่เมื่อเขาได้ทราบเรื่องจริงของ 2 ฆาตกรชาวออสเตรเลีย แบรดลีย์ จอห์น เมอร์ด็อค ผู้สังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษคนหนึ่ง และพยายามจะลักพาตัวนักท่องเที่ยวอีกคนในเดือนกรกฎาคม ปี 2001 กับ อิวาน มิลาท ที่รับนักโบกรถให้ขึ้นรถของเขาแล้วจับนักโบกเหล่านั้นไปทรมานในป่าแล้วจึงฆ่าทิ้งในช่วงทศวรรษที่ 90s เกร็ก แมคลีน ก็เปลี่ยนบทภาพยนตร์เรื่องนั้นเพื่อให้สะท้อนถึงคดีนี้  ทั้งนี้ ทั้งเมอร์ด็อคและมิลาทถูกจับกุมตัวและรับโทษจำคุกตลอดชีวิต 

            

An American Haunting

ภาพขวามือ : บ้านของจอห์น เบลล์

An American Haunting (2005) 

            เรื่องราวในภาพยนตร์
 : ในศตวรรษที่ 19 จอห์น เบลล์ เจ้าของฟาร์มกับภรรยาและลูก ๆ ต้องทนทุกข์กับสิ่งลี้ลับบางอย่างที่มองไม่เห็นตัว และมันกำลังหมายตาเบตซี่ ลูกสาวของเขาอยู่

            เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเค้าโครงเรื่องมาจากตำนานแม่มดเบลล์ อันเป็นเรื่องเล่าขานที่มีต้นกำเนิดในรัฐเทนเนสซี่ในราวทศวรรษ 1800s ตามตำนานนั้น จอห์น เบลล์ เสียชีวิตด้วยการดื่มยาพิษเข้าไป ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผีร้ายที่ต่อมาเรียกกันว่าแม่มดเบลล์ 

            มีหลายคนเชื่อว่า คดีของ จอห์น เบลล์ นั้น รัฐเทนเนสซี่รับรองให้เป็นคดีเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีฆาตกรเป็นภูตผี ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่มีหลักฐานยืนยันคำกล่าวอ้างดังกล่าวแต่อย่างใด


            

Primeval

ภาพขวามือ : โฉมหน้าหล่อ ๆ ของเจ้ากุสตาฟ 
Primeval (2007)

            เรื่องราวในภาพยนตร์ : ทีมนักข่าวชาวอเมริกันเดินทางเข้าประเทศบุรุนดี เพื่อถ่ายทำสารคดีเรื่องการจับตัวจระเข้กินคน ซึ่งมีขนาดความยาวถึง 30 ฟุต และฆ่าคนไปแล้วมากกว่า 300 คน
            เรื่องจริง : ตัวหนังนั้นสร้างมาจากเรื่องของเจ้ากุสตาฟ จระเข้ความยาว 20 ฟุต อาศัยอยู่ในบุรุนดี ชาวบ้านเชื่อกันว่ามันเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา และลือกันด้วยว่ามันกินคนไปแล้วถึง 300 คน ซึ่งน่าจะเกินจริงไปมาก และความพยายามที่จะจับตัวเจ้ากุสตาฟนั้นก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จระเข้ที่ว่ากันว่ามีอายุถึง 65 ปีตัวนี้ยังคงอาศัยอยู่ในแม่น้ำรูซีซีในประเทศบุรุนดีต่อไป

            

The Haunting in Connecticut

ภาพขวามือ : บ้านผีสิงในคอนเนคติกัท 
The Haunting in Connecticut (2009)

            เรื่องราวในภาพยนตร์ : ครอบครัวแคมพ์เบลล์ย้ายไปอยู่ในรัฐคอนเนคติกัท เพื่อให้ แมทท์ ลูกชายของพวกเขาได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าบ้านหลังใหม่นี้เคยเป็นที่เก็บศพและมีวิญญาณร้ายสิงสู่อยู่

            เรื่องจริง : แรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากเรื่องราวของครอบครัวพาร์คเกอร์ ซึ่งย้ายมายังรัฐคอนเนคติกัทในปี 1986 เพื่อให้พอล ลูกชายอายุ 14 ปีของครอบครัวเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง   

            ในห้องใต้ดินของบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของพอล พวกเขาเจออุปกรณ์รักษาศพ ซึ่งทำให้เดาได้ว่าบ้านหลังนี้เคยใช้เป็นห้องดับจิต ครอบครัวพาร์คเกอร์เล่าว่า พวกเขาได้พบกับปรากฏการณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ บางครั้งพื้นห้องก็เจิ่งนองไปด้วยเลือด บ้างก็ได้ยินเสียงที่หาต้นตอไม่ได้ บ้างก็เห็นเงาวูบวาบ ต่อมาพอลถูกอะไรบางอย่างสิงร่าง จนทำให้เขาลงมือทำร้ายคนในครอบครัว พ่อแม่ของเขาจึงต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมาทำพิธีไล่ผีในบ้าน 

            นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีภาพยนตร์สยองขวัญอีกหลายเรื่องที่หยิบเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์จริง พอยิ่งได้รู้ว่า ความน่ากลัวที่ปรากฏในภาพยนตร์นั้นเคยเกิดขึ้นจริง ๆ มาแล้ว ก็ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นดูน่ากลัวมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว


PS.  Falling in love is like jumping from a building; your brain tells you that it is not a good idea, but your heart tells that you can fly ~
0
kimmy cberry 9 มี.ค. 56 เวลา 13:31 น. 4
เรื่องนี้ด้วยค่ะ สร้างจากเรื่องจริง เค้าว่ากัน น่ากลัว



จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ความกลัวลึกๆของทุกคนที่ไม่เคยจางหายไปก็คือ การถูกอะไรบางอย่างเข้าสิง แนวคิดที่ว่าร่างกายและจิตใจของคุณ ถูกควบคุมโดยพลังงานที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่มีแผนการชั่วร้ายบางอย่าง โดยจุดประสงค์ของปีศาจหรือวิญญาณร้ายก็คือ การครอบครองดวงวิญญาณของเรา แต่ตัวที่มีความพิเศษสุดก็คือ ดิ๊บบัค ที่ถูกเขียนอยู่ในตำนานเล่าขานของชาวยิว ดิ๊บบัค (ที่แปลว่า “ยึดติด”) ว่ากันว่าเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่วนเวียนอยู่ในลิมโบ ที่จะเข้าสิงมนุษย์และครอบครองเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ โดยเพื่อที่จะกักขังมันเอาไว้ แรบไบ (พระยิว) ก็สร้างกล่องไม้ที่เอาไว้ขังดิ๊บบัคเอาไว้ตลอดไป

มันมีเรื่องราวของ ดิ๊บบัค ที่เล่าย้อนไปถึงในคำภีร์ไบเบิ้ล แต่มันก็กลายเป็นข่าวดังอีกครั้งในศตวรรษที่ 21 เมื่อปี 2004 นักข่าว เลสลี่ กอร์นสตีน ของหนังสือพิมพ์ ลอสแองเจลิส ไทมส์ ได้เขียนบทความถึงผู้ชายที่ประมูลกล่องไม้ปริศนามาจากอีเบย์ ที่ว่าเป็นว่ากักขัง ดิ๊บบัค ซึ่งสร้างความสยองให้เขาจนกระทั่งต้องการกำจัดมันทิ้ง ไม่ว่จะเป็นผมที่หลุดร่วงอย่างไร้สาเหตุ ฝันร้ายที่เกิดขึ้นกับคนในบ้าน อาการป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้ การเห็นภาพสุดสยองหรือได้ยินเสียงที่อธิบายไม่ได้ โดยผู้ที่ครอบครองกล่องไม้ชิ้นนี้ทุกคน ต่างก็ยืนยันว่าเจอเหตุการณ์แปลกๆ

กล่อง ไม้ชิ้นนี้ได้รับความสนใจจากผู้สนใจเรื่องลี้ลับจากทุกมุมโลก ก่อนที่มันจะถูกส่งไปให้ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ที่ชื่อ เจสัน แฮ๊กสตัน ซึ่งเขาก็เป็นคนเขียนที่รวบรวมเรื่องราวให้เป็นหนังสือ โดยทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับมัน ที่สืบไปถึงเรื่องเล่าของชาวยิวกับตำนานของ ดิ๊บบัค และพบว่ามันเป็นของผู้รอดจากเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยิวอายุ 103 ปี ที่นำเอากล่องไม้นี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังอเมริกา และเตือนลูกหลานของเธอว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม… อย่าได้เปิดกล่องนี้เด็ดขาด

0
Bloody`Oh! 10 มี.ค. 56 เวลา 18:30 น. 8

เยี่ยม!!! ขอยคุณที่มาบอกนะแข้ะ จะแวะไปดู อิอิพอดี
ไอคนนี้มันชอบดูหนังจากเรื่องจริงน่ะ ขอบคุณนะตร้าบ 


PS.  เมื่อสัญญาไปสักครั้ง แม้ตายก็ต้องรักษาให้ได้..
0
giftnaluck 10 มี.ค. 56 เวลา 21:46 น. 9
An American Crime ก็โหดนะ ที่ทารุณกรรมแบบซาดิสด์กับซิลเวียอ่ะ   ลองพิมพ์ไปว่า เกอร์ทรูด แบนนิเชฟสกี้ ก็จะรู้ 
PS.  
0
ฉันก็คือฉัน และก็จะเป็นฉัน!!! 11 มี.ค. 56 เวลา 15:32 น. 10

เยอะจัง น่ากลัวด้วย เราชอบอ่านหนังสือผี เรื่องผี แต่ดูไม่ได้ ชอบคิดตาม ฟุ้งซ่าน
แต่ชอบดูหนังบู๊นะ


PS.  Get back in touch with nature and happy to be alive!!
0
Frand Scarlet 11 มี.ค. 56 เวลา 17:48 น. 11

อะ..เอ่อ.. ทำไมไม่มีผีช่องแอร์ของภาคใต้เราล่ะ
 #เค้ารุ้กันนานแล้วเหวย


PS.  Super junior only 13 จะรอวันที่โอปป้าทั้ง 13 คนกลับมอถือไมค์ร้องเพลงด้วยกัน แม้วันนั้นเราจะต้องตายไปแล้วก็ตาม..
0
you are my melody 11 มี.ค. 56 เวลา 20:34 น. 12

น่ากลัวทุกเรื่องเลยอ่ะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องลึกลับที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ทั้งนั้นเลย
น่ากลัววว บรื๋อออ


PS.  Run 4 your love
0
NoAh_|[ark] 11 มี.ค. 56 เวลา 20:52 น. 13
Paranormal Activity 1 ด้วย อ้างอิิงมาจากเรื่องจริงนิ...เคธี่อ่ะ
PS.  ตราบใดที่ยังมีคนอยู่เคียงข้าง ถึงแม้ว่าเราจะมีความทุกข์ซักแค่ไหน เราก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้...
0
poppy_25 11 มี.ค. 56 เวลา 22:33 น. 14

อ่านแวบแรกของ คห. 11  เราอ่านว่า พี่ช่างแอร์
โอ้วว  นี้กระทู้สยองขวัญนะ 

ฟิ้วววว //// หลบไปกระทู้อื่น


PS.  I'm Poppy!!!
0