Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[คู่กรรม] รวบรวมบทพูดโดนใจในนวนิยายคู่กรรมพร้อมภาพจากภาพยนตร์คู่กรรม 2013

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

นวนิยายคู่กรรมเป็นบทประพันธ์ที่ตราตรึงใจผู้อ่านมาทุกยุคทุกสมัย
รวมถึงมีการสร้างเป็นละครและภาพยนตร์กว่าอีกหลายเวอร์ชัน
มาถึงปี 2013 ละครคู่กรรมได้รับการสร้างโดยบริษัทเอ็กแซกท์ของคุณบอยแห่งช่องห้ามี บี้ สุกฤษฎ์ รับบทนำเป็นโกโบริ
ในขณะที่ภาพยนตร์จากเรื่องเดียวกันก็ตามติดมาในระยะเวลาอันไล่เลี่ยกัน นำแสดงโดยณเดชน์ คูกิมิยะ ขวัญใจสาวๆแทบจะทุกคนในเวลานี้
 
แล้วอะไรที่ทำให้นวนิยายคู่กรรมได้รับการตอบรับดีเสมอมา
นั่นอาจจะเป็นเพราะผู้อ่านและผู้ชมต่างก็ประทับใจในความรักของทหารหนุ่มชาวญี่ปุ่นโกโบริที่รักปักอกหญิงไทยเจ้าทิฐิอย่างอังศุมาลิน
รวมถึงบทพูดที่ปรากฏในนวนิยายก็ซาบซึ้งตรึงใจและเรียกน้ำตาผู้อ่านมาอย่างมากมาย
กระทู้นี้จึงรวบรวมบทที่แสนโดนใจและสะเทือนอารมณ์เอาไว้บางส่วน ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าทำไมนวนิยายคู่กรรมจึงสามารถครองใจมหาชนมาได้อย่างไม่เสื่อมคลาย






                 - “....ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ทุกครั้งที่เขาเห็นแสงอาทิตย์ ซึ่งให้ความอบอุ่นทางกายและความอบอุ่นทางใจ เขาย่อมคิดถึงตัวเสมอ เพราะตัวเคยบอกว่าชื่อตัวแปลว่า ‘พระอาทิตย์’ ไม่ใช่หรือ?” (วนัส 92)
                นี่เป็นบทที่วนัส (คนรักของอังศุมาลิน) ได้กล่าวอำลาพร้อมขอให้เธอสัญญาว่าจะรอเขาห้าปี เพื่อกลับมาทวงถามว่าเธอรักเขาหรือไม่ ซึ่งคำมั่นสัญญานี่แหล่ะ ที่ทำให้สุดท้ายพ่อโกกับแม่อังของเราไม่อาจสมรักกันได้



 
                -‘มนุษย์มีธาตุแท้สองชนิดคละเคล้าปะปนกันอยู่ สุดแล้วแต่ความจำเป็นจะทำให้ต้องแสดงธาตุแท้ส่วนใดออกมาเท่านั้น....’ (คู่กรรม 119)



 
                -“คุณเคยจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นบ้างไหม?” เขาถามโดยไม่เงยหน้า ราวกับมีตาที่สามมองเห็นเธอมายืนมองอยู่แล้ว
                อังศุมาลินนิ่งอึ้งไปชัวครู่ก่อนที่จะตอบห้วนๆว่า
                “ไม่เคย”
                “เคยเห็นบ้างไหม?”
                “ไม่ได้สนใจดู”
                “เคยทานอาหารญี่ปุ่นบ้างไหม?”
                “ไม่ชอบ”
                “คุณไม่ชอบอะไรของญี่ปุ่นสักอย่าง....” ดวงตาดำยาวรีเงยสบตาหญิงสาว
                “แม้แต่คนญี่ปุ่น เช่น....ผมเอง”
                (โกโบริ 193)





                 -“โกโบริ โกโบริ”
                ในขณะที่ความตายอยู่แค่เอื้อม ความรู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า ชื่อที่ติดอยู่ริมฝีปากหญิงสาวกลับกลายเป็นชื่อหนึ่งซึ่งตลอดระยะเวลาเจ้าตัวไม่เคยยอมรับความสำคัญของบุคคลผู้เป็นเจ้าของชื่อนั้นแต่นิดเดียว...” (คู่กรรม 439)
                นี่เป็นตอนที่แม่อังกับพ่อโกโดนระเบิดแถวท้องร่อง ก่อนที่ข่าวลือไม่ดีจะแพร่สะพัดไปทั่วจนต้องแต่งงานกันทางการเมืองค่ะ จะเห็นว่าจริงๆแล้วแม่อังเขาก็อะไรอะไรกะพ่อโกอยู่ ... แต่นะ ด้วยคำสัญญาและหลายๆอย่างจึงไม่เคยไปถึงฝั่งฝันกับพ่อโกซะที



 
                -‘ ตื่นขึ้นมาจะได้สบาย...ตื่นจากความฝันนั่นน่ะหรือ ความฝันอันอ่อนโยน อบอุ่น รัดรึง ครั้นเมื่อลืมตาตื่นก็กลับพลันแปลบปลาบ ขมขื่น
                ระหว่างความจริงกับความฝันแตกต่างกันที่ว่า ในยามฝัน รสสัมผัสอันอ่อนโยนจะปรากฏชัดโดยมิต้องพะวงถึงสิ่งแวดล้อม ความเหมาะสม หรือฐานะเกียรติยศ แต่เมื่อหลับตาตื่นขึ้นพบกับความจริง ก็จำต้องหักด้วยเหตุผลประการอื่นๆอีกมากมาย’ (คู่กรรม 444)



 
                -“ฮิเดโกะ ผมรักคุณ”
                น่าแปลกที่คำสารภาพของเขาดูอ่อนหวานปลอบประโลมแกมเศร้าสร้อย และดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการคำตอบจากเธอด้วยซ้ำไป เขาเต็มใจที่จะบอกเธอเช่นนั้น แต่ก็ไม่ปรารถนารับทราบว่า เธอจะให้ความรู้สึกฉันใดแก่เขา อาจจะเป็นเพราะเขารู้คำตอบนั้นดีแล้วก็ได้...” (คู่กรรม 457)
                บทบรรยายเหล่านี้ก็พอจะเดาได้ว่าแม่อังก็รักเขาแล้วค่ะ แต่เธอซึนนนนนนนน จนเรื่องเกิด -*-


(มีต่อค่ะ)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 เมษายน 2556 / 00:03

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

lizardbojae 3 เม.ย. 56 เวลา 23:31 น. 1


                 “....เชื้อชาติคุณสูงส่งมาจากดวงอาทิตย์ ก็จงสถิตอยู่ที่นั่นเถอะ อย่ามายุ่งกับคนอื่นเขาเลย ฉันยินดีที่จะแต่งงานกับคนที่เลวที่สุดในชาติไทย ดีกว่าคนที่สูงส่งในชาติศัตรู....” (อังศุมาลิน 485)
                นี่เป็นตอนที่ต้องแต่งงานกัน ลึกๆๆๆๆๆ อังก็อยากแต่งค่ะ แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเขาเป็นศัตรูแถมประกาศว่าตัวเองเกลียดนักเกลียดหนา กลับลำไม่ได้ แต่ถ้าไม่ได้แต่งกันนางก็รู้สึกใจหาย เหมือนผู้เขียนจะอธิบายไว้ค่ะ แต่รู้ไหมเธอด่าได้เจ็บมาก ถึงยังไงพ่อโกก็รักของเขาอยู่ดี TT






                -‘ความขมขื่นของผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงขิมนั้น ดูไม่ต่างกับฝ่ายที่รับฟังนัก เพียงแต่ว่าฝ่ายหนึ่งมากไปด้วยทิฐิและความเกลียดชัง แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ทะนงตัวพอที่จะรับความผิดหวังแต่เพียงเงียบๆ
                แสงดาวที่เป็นประกายระยิบระยับ ละม้ายคล้ายกับดวงตาสุกใสเป็นประกายที่เขาจำได้ติดตา ติดใจ ดวงตาคู่นี้เองที่จ่อจิตจ่อใจให้หลงใหลมิรู้สร่างซา ทั้งๆที่รู้ดีว่าความหลงใหลนั้น รังแต่จะพอกพูนความขมขื่นให้ทวียิ่งขึ้น’ (คู่กรรม 497)
                หลังจากโดนด่าพ่อโกก็แอบล่องเรือบดของตัวเองมาที่ท่าน้ำเพื่อแอบดูอังซังตีขิม โถถถถถ พ่อโกแม่อังไม่รักก็มาหาเราเถอะ






              -“ถึงฉันแต่งงานกับคุณ ฉันก็จะเกลียดคุณ ถ้าฉัน...มีลูก ฉันจะสอนให้มันเกลียดคุณด้วย ฉันจะสอนให้มันรู้จักความเกลียดก่อนที่มันจะรู้จักความรักเสียอีก....” (อังศุมาลิน 521)



 
              -“ไม่ว่าบาดแผลชนิดใดก็อาจรักษาได้ เพียงแต่บาดแผลบางชนิดมันฝังรากฝังรอยลึก ก้ต้องใช้กาลเวลาและความทะนุถนอมให้มากหน่อย  ในไม่ช้าก็จะค่อยดีขึ้น” (หมอโยชิ 529)






                 -“ตอนที่ผมออกจากบ้าน ซากุระกำลังบานอากาศสบายเหลือเกิน แม่บอกผมว่า...ไปเถอะลูก ทางทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์ของเราอยู่ตรงหน้าลูก น่าแปลกที่ความหมายของแม่กลับมาตรงกับความหมายของผมในขณะนี้...ดวงอาทิตย์ของผม...ฮิเดโกะ ถึงไขว่คว้าได้มา ก็ทำให้ผมมอดไหม้ ร้อนรุม ถึงหลุดลอยไปไกล ผมก็เยือกเย็นทรมานเช่นกัน บางทีผมอาจจะมอดไหม้เสียจริงๆก็ได้....” (โกโบริ 530)

(มีต่อ)






แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 3 เมษายน 2556 / 23:32
0
lizardbojae 3 เม.ย. 56 เวลา 23:39 น. 2




             -‘ในขณะนั้นและชั่วระยะเวลานั้น...หญิงสาวมิได้คำนึงถึงอะไรอื่นอีก นอกจากรู้อยู่อย่างเดียวว่าอุ้งมือนั่นเป็นหลักพักพิงแหล่งสุดท้ายของเธอ ที่จะปล่อยให้เลื่อนลอยหายไปมิได้ เสียงระเบิดใกล้เข้ามา ชายหนุ่มรั้งหญิงสาวกดให้แอบแนบกับริมกำแพงถนน เพียงพริบตาเดียวต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะไหวโยน เศษไม้ เศษดิน กระจายว่อน’ (คู่กรรม 558)








             -‘ร่างสูงนั้นวิ่งลัดเลาะไปตามซากสลักหังพัง บางแห่งยังมีเสียงโอดโอยแว่วมา แสงไปแลบเลียจนรู้สึกร้อนผิวหลายครั้งที่ร่างเซถลาไปเพราะน้ำหนักของหญิงสาวและทางที่ขรุขระ แต่เขาก็พยายามยันกายไว้ เพราะห่วงผู้ที่ซุกหน้าไว้แนบไหล่อย่างขวัญเสีย’ (คู่กรรม 561)








                -‘....โกโบริดึงจักรยานคันนั้นขึ้นมายกดูส่วนประกอบต่างๆซึ่งยังปกติ
                “เห็นจะยังพอใช้ได้ คุณซ้อนหลังแล้วกัน อีกไม่ไกลก็ถึงท่าเรือ ผมให้เรือเร็วคอยอยู่ที่นั่น ถ้ายังไม่เป็นอะไร เดี๋ยวก็ถึงบ้าน”
                “คุณถีบไหวหรือ?”
                โกโบริพยักหน้า มิได้ตอบอย่างใจคิดคือไม่ว่าทางนั้นจะลำบากยากเย็นแค่ไหน แม้จะต้องฝ่าอันตรายปานใด หากเป็นการกระทำเพื่อเธอผู้นั้น เขาย่อมยินดีกระทำเสมอ’ (คู่กรรม 564-565)






                -‘...ลำพังตัวคนเดียว ชายหนุ่มไม่เคยสนใจกับการอยู่หรือการตาย ตามวิสัยชายชาติทหาร แต่ตราบใดที่อุ้งมือของผู้หญิงคนนั้นฝากไว้ในอุ้งมือของเขา โกโบริรู้ดีว่าจะยอมตายไม่ได้เป็นอันขาดจนกว่าจะรู้ว่าเธอปลอดภัยแล้วอย่างสมบูรณ์....’ (คู่กรรม 587)



 
                -“ผมรักเธอครับหมอ ให้เธอเป็นยังไงผมก็ยังรักเธออยู่นั่นเอง ผมเองบอกหมดแล้วว่า ซื่อเธอแปลว่าดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ที่พวกเราใช้เป็นเครื่องหมายนำทาง เป็นความอบอุ่น และบางทีก็แผดเผาเราด้วย แต่เราก็ยังรักอยู่นั่นเอง (โกโบริ 591)






                -“....ก่อนที่ผมจะออกสงคราม แม่อยากให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเลือกไว้ให้เสียก่อน จะได้มีหลานไว้เป็นตัวแทน เหมือนอย่างที่ใครๆเขาทำกัน แต่....ผมทำไม่ได้ เพราะผมไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น ผมให้เหตุผลกับท่านว่า ผมคงไม่มีความสุขถ้าต้องอยู่กับคนที่ผมไม่รัก แต่ผมเพิ่งรู้ว่า การที่เรามีคนที่เรารัก รักมาก บางทีก็หาความสุขไม่ได้เช่นกัน....” (โกโบริ 591)



 
                -“ทิฐิมานะ ความใจแข็งหรือแข็งใจน่ะเป็นของดี ถ้าหากเรานำมันมาใช้ในทางที่ถูก แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้านำมาใช้กับคนที่เรารัก” (หมอโยชิ 597)



 
                -“ผมไม่กลัวความตาย และก็เคยคิดด้วยว่าบางที...ความตายคงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้ผมมีความสุขได้อย่างแท้จริง” (โกโบริ 605)
                พ่อโกเอ๋ยยยย ได้ตายสมใจเลยแหล่ะ TT


(มีต่อ)
0
lizardbojae 3 เม.ย. 56 เวลา 23:52 น. 3
             
                -‘เสียงเพลงแจ้วๆ ดังแว่วมาตามลม มีเสียงโทนกระทุ้งเป็นจังหวะ... “ลามะลิลา ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา รักซ้อนมาแกมกิ่งโศก รักซ้อนมาแกมกิ่งโศก สุดแสนวิโยคเพราะเจ้ากานดา....”

                รักของเขาผู้นั้นได้สิ่งใดจากเธอเป็นการตอบแทนบ้าง นอกจากความขมขื่นเฉยเมยตลอดมา
                “.....เพราะเจ้ามีคนอยู่หลัง เพราะเจ้ามีคนอยู่หลัง จึงได้ชิงชังในตัวพี่ยา”
                อังศุมาลินเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง ราวกับจะหนีเสียงเพลงแจ้วๆ ที่ดูเหมือนจะตามมาตัดพ้อแทนบุคคลนั้น’ (คู่กรรม 673)
                โดยส่วนตัวชอบช่วงนี้พอสมควร อ่านแล้วน้ำตาซึมเบาๆ เพราะทมยันตีผู้เขียนนำเพลงมะลิลา ที่เป็นชื่อเดียวกับชื่อไทยของโกโบริมาเล่น แล้วเนื้อหามันช่างตรงกับสถานการณ์ เลยได้แต่คิดว่าคุณทมยันตีคงวางพล๊อตมาให้ได้อย่างนี้ตั้งแต่แรกแน่ๆ ทุกอย่างดูกลืนเป็นเนื้อเดียว แล้วก็หดหู่ได้สะเทือนใจดี



 
                -“....ผมเคยถามตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมผมจะต้องรักคุณ เพราะรักแล้วก็มีแต่ความทุกข์ตลอดมา ทุกข์เพราะผิดหวัง ทุกข์เพราะสลัดความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้....” (โกโบริ 684)






                 -“ไม่ว่ายามหลับ หรือยามตื่น ผมจำที่นี่ได้อย่างแม่นยำเสมอ บ้านหลังคาแหลมสูง ซุ้มไม้ออกดอกสีสดตลอดปี แล้วก็คุณ....” เขาก้มลงมองหญิงสาว ยิ้มนิดๆ “ผู้หญิงตัวเล็กแต่ใจแข็งไม่เคยรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร”
                “ไม่จริง” อังศุมาลินหลุดปากเถียงเสียงแข็งพลางแหงนหน้าขึ้นมองสบตา อีกฝ่ายหนึ่งยังคงยิ้มอยู่อย่างอารมณ์ดี แต่ดวงตาสลดลง
                “ผมคิดว่าคุณจะไม่ยอมพูดกับผมเสียอีก เอ้า..เป็นอันว่า คุณรู้จักความรักละ เพียงแต่ไม่ใช่สำหรับผมเท่านั้นเอง”.... (โกโบริ 734 -735)







                 -“...อิสระของคุณขึ้นอยู่กับความตายของผม และหรือ ถ้า...คุณต้องการเสมอ!” (โกโบริ 744)



                 -“....คุณมีเหตุผลของคุณ ผมมีหัวใจรักของผมเท่านั้นก็พอ ถ้าผมตาย ผมก็คงพาหัวใจรักของผมติดไปด้วย....” (โกโบริ 748)




           -“...กรุณาให้ผมได้เห็นหน้าลูกเสียก่อน ผมจะเลี้ยงเขาเอง ถ้าคุณไม่ต้องการเขา เพราะถึงยังไงๆ เขาก็คงเป็นลูกที่ผมคงจะรักมากที่สุด เนื่องจากผมรักแม่ของเขามากที่สุดในชีวิต”








                -“...สงครามซึ่งนำสิ่งหนึ่งสิ่งหนึ่งมาให้ และบัดนี้กำลังช่วงชิงเอาคืนไป อังศุมาลินใช้มือข้างข้างที่เหลือค่อยๆ แตะเช็ดใบหน้าของผู้ที่อยู่ในอ้อมอกอย่างบรรจง เส้นผมที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อและกรังด้วยเลือดอยู่แถวบริเวณหน้าผาก มุมปากยังมีคราบโลหิตเป็นรอย
                “ไม่ใช่หัวใจรักของคุณคนเดียวหรอก ที่คุณจะพาไปด้วย แต่เป็นหัวใจที่แหลกสลายอีกดวงหนึ่งต่างหาก” (อังศุมาลิน 966)







               -“ฉันพยายามจะไม่รักคุณค่ะ เป็นความพยายามอย่างยิ่งตลอดมา เพราะฉันต้องต่อสู้กับหัวใจของตัวเอง คุณไม่รู้หรอกว่าฉันทรมานตัวเองมากแค่ไหน”
                “ผมรู้...”เสียงนั้นเบาหวิว
                “เพราะผมรักคุณตลอดมา”
                (โกโบริ, อังศุมาลิน 969)







                   -“การที่เรารักใครสักคน ถึงแม้จะทนทรมานเพราะคิดว่าไม่สมหวัง ก็ยังดีกว่าพยายามที่จะไม่รักคนอื่นที่เรารักเขามากเหลือเกิน เข้าใจไหมคะ ความทุกข์จากการได้รักไม่เท่าความทุกข์จากการพยายามไม่รัก....” (อังศุมาลิน 970)





                    -“คุณจำโคลง ที่คุณท่องให้ฉันฟังในวันแต่งงานได้ไหมคะ”
                     “ผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยลืม”
                     “ท่อนสุดท้ายคุณเคยท่อง แล้วคุณว่ายังไงต่อไปคะ”
                     “May the love you share. Be all two hearts could hold….ขอให้ความรัก และดวงใจทั้งสองผนึกรวมกันเข้าเป็นดวงเดียวกัน ตอนนั้นผมไม่คิดหรอกว่าพรของพ่อกับแม่จะได้ผล”
                    “ถ้าเราพบกันเมื่อตอนหัวค่ำ ฉันจะบอกคุณว่า....”
                   “คุณบอกผมเดี๋ยวนี้ก็ได้ ผมจะได้จำไว้ให้ติดหัวใจ”
                   “Now all our hearts could hold… หัวใจทั้งสองของเราจะแนบแน่น รวมกันเป็นดวงเดียวตลอดไป” (โกโบริ, อังศุมาลิน 973 – 974)







น่าเสียดายว่าตลอดทั้งเรื่องโกโบริบอกรักอังศุมาลินจนแทบจะเป็นเรื่องแสนธรรมดาและเคยชินปากสำหรับคนพูด แต่อังศุมาลินกว่าจะได้เปิดใจและเอ่ยคำว่ารักก็แทบจะเป็นวินาทีสุดท้ายของคนที่เธอรักมากที่สุด เรื่องคู่กรรมเหมือนจะสอนให้เรารู้จักวางทิฐิแบบผิดๆ ที่เราได้มีต่อคนที่เรารัก เพราะเวลาชีวิตของคนเรานั้นล้วนสั้นเสียเหลือเกิน
 
นี่คือบางส่วนของนวนิยายขึ้นชื่ออย่างคู่กรรม
ต้องขอให้เครดิตบทพูดเหล่านั้นจากนวนิยายคู่กรรมเล่มหนึ่งและสอง
ส่วนรูปภาพก็ต้องขอบคุณ M39
บางส่วนก็เป็นภาพที่เราเซฟมา และแคปเอาเอง
หวังว่าเพื่อนๆจะชื่นชอบกระทู้นี้กันนะคะ
 
ปล. ไปดูเรื่องคู่กรรมกัน เห็นบอกว่ารอบนี้จะเป็นการตีความในรูปแบบใหม่ น่าสนใจไปอีกแบบนะ














0
ดินสอกับพู่กัน 5 เม.ย. 56 เวลา 14:59 น. 6
ประโยคี่พูดมาทั้งหมดตอนเราอ่านหนังสือน้ำตาไหลเลย คุณทมยันตีสุดยอดจริงๆ แต่อยากจะบอกว่า ในหนังแทบจะไม่มีประโยคพวกนี้เลยค่ะ มีแค่ที่เห็นในตัวอย่างหนัง2-3ประโยค พูดแล้วก็เสียดายที่ไม่มีฉากพวกนี้ค่ะ
0