Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รักเล็กๆต่างแดน

ตั้งกระทู้ใหม่

เพื่อนๆหลายคนเราเชื่อว่าต้องอยากไปเมืองนอกไปเรียนแลกเปลี่ยนแน่ๆ เราก็เป็นคนนึงที่ฝันแบบนั้นตั้งแต่ม.ต้น แต่ความฝันนั้นยังไม่มาถึง เราจะผิดมั้ยถ้าอยากลองฝันไกลออกไปก่อนที่จะได้สัมผัสจริง? เรื่องที่เราจะเขียนต่อไปนี้เป็นจินตนาการที่เราเคยฝันถึงแต่งเติมต่ออีกนิดหน่อย ชื่อทุกชื่อที่เอ่ยเป็นชื่อสมมติแต่เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงทั้งในชีวิตและความฝัน สถานที่ก็มีทั้งอยู่จริงๆและคิดขึ้นเอง ถ้าใครไม่อยากอ่านก็กดปิดได้ แต่ถ้าใครตัดสินใจที่จะอ่านเรื่องสั้นของเรานั้นก็ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะจ๊ะ^O^



        เราฝันที่จะได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อังกฤษตั้งแต่เริ่มชอบวงOne Directionแล้ว>< เราใฝ่หาความรู้แล้วฝึกฝนจนสอบติดได้ไปกับโครงการที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ การไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้แตะสนามบินแต่เราไม่รู้สึกกลัวเลยที่จะไปต่างแดน เพราะพี่สาวของเราไปด้วยเขาชื่อพี่เฟรมเป็นผู้หญิงแก่กว่าเราเก้าปี ถึงจะไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดแต่เราก็รักพี่เค้ามากๆรักเหมือนเป็นพี่สาวแท้ๆ พี่เขากะจะไปเที่ยวที่อังกฤษอยู่แล้วเลยอาสาจะช่วยดูแลเราไประยะนึงประมาณเดือนถึงสองเดือนแล้วจะกลับเมื่อเห็นว่าเราอยู่ที่นั่นรอดแล้ว เราไม่ได้พักหรือเรียนในลอนดอนหรอกนะ เราออกมาอยู่ที่เมืองเล็กๆที่ห่างจากลอนดอนประมาณ10ไมล์นั่งรถไฟไปประมาณยี่สิบนาทีก็ถึง

          โฮสใจดีมากๆ ท่านทั้งสองอายุราวสี่สิบกว่าๆไม่มีลูกหรือหลานแต่รักเด็กแล้วน้องหมามาก ในบ้านมีหมาอยู่สามตัว พันธุ์ปอมสีดำชื่อกาเด้น(สาเหตุของชื่อคือเจ้ากาเด้นตอนเล็กๆมันชอบออกมาทำสวนกระจุยกระจายโฮสเลยให้ชื่อกาเด้นซะ) พันธุ์ไซบีเรียฯสีขาวตัดน้ำตาลชื่อเลิฟลี่(เหตุที่ชื่อนี้เพราะมันขี้อ้อนมนุษย์สัมพันธ์ดีเป็นที่รักของทุกๆคนในหมู่บ้าน) พันธุ์บีเกิลสีขาวตัดน้ำตาลเข้มชื่อสตาร์บัค(เจ้านี่ชอบกินบราวนี่มากแต่ต้องซื้อจากสตาร์บัคเท่านั้นไม่งั้นไม่กินแต่ทำไมไม่ให้ชื่อว่าบราวนี่เหตุเพราะโฮสไม่อยากให้หมาที่ตนรักชื่อเหมือนของที่มันชอบกิน) โฮสอยู่กับเจ้าสามตัวนี้มาตั้งแต่มันยังเล็กจนตอนนี้เริ่มแก่กันไปตามๆกัน เลยลองมาเป็นโฮสดูแลเด็กดูบ้าง เราโชคดีที่ได้เจอครอบครัวที่อบอุ่น

       พูดถึงเรื่องเรียน ถึงแกรมม่าจะพอเขียนได้แต่เอาเข้าจริงพูดไม่ได้เลยสักคำ อึกๆอักๆตลอดกะจะพูดตามหลักให้ถูกต้องแต่มันมักจะออกมาทีละคำผิดหลักแกรมม่าเสมอ แต่ฝรั่งที่นี่เขาก็ฟังกันรู้เรื่อง คำไหนเป็นคำต้องห้ามที่ห้ามพูดภายนอกโฮสก็จะคอยเตือนเมื่อเราพูดผิด เพราะประเทศอังกฤษก็ขึ้นชื่ออยู่ว่าเป็นเมืองผู้ดีบางคนจึงเคร่งเรื่องศัพท์มาก เราพูดผิดหลักแกรมม่าได้เพราะเขาเข้าใจแต่ถ้าใช้ศัพท์ของคนอเมริกันบางคนโกรธมากเลยก็มีแต่ถ้าโชคดีแค่โดนเตือนโชคร้ายโดนด่าจนฟังไม่ทัน! ไปวันแรกก็เขื่อนแตกซะแล้ว พูดที่เมืองไทยซะดิบดีว่าจะไม่ร้อง แต่ให้ทำไงห่างบ้านมาซีกโลกตะวันตกแบบนี้ต้องร้องแน่นอนมันทั้งกลัวทั้งกล้าอยู่ในเวลาเดียวกัน ผลสุดท้ายทนไม่ไหวปล่อยโฮออกมาในคืนแรก พี่เฟรมที่มาด้วยกันเขาก็อยากให้เราเก่งไวๆเลยไม่พูดภาษาไทยด้วยสักคำ แต่ถ้าเราฟังไม่รู้เรื่องจริงๆเขาก็จะแปลให้
    

      มาเรียนวันแรกก็ฮอตซะแล้ว ด้วยความที่ว่าเป็นคนผิวสองสีรูปร่างอ้วน- - ไปที่นั่นเลยฮอตเป็นธรรมดา หนุ่มฝรั่งต่างชวนคุยเราก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างแล้วแต่กรรม แต่เราก็ไม่ได้ชอบเพื่อนทุกคนที่เข้ามาหาหรอกนะ เพราะบางคนมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าหวังเรื่องใต้สะดือถึงจะฟังที่มันพูดไม่ค่อยออกแต่สายตามันบ่งบอกชัดเจนมาก ในที่สุดสองเดือนที่แสนจะทรมานก็ผ่านไปพี่เฟรมกลับไปแล้วเราก็พูดภาษาอังกฤษได้โอขึ้นเยอะเลย เพื่อนเอเชียหรือแม้กระทั่งคนไทยด้วยกันก็มีแต่เพราะพวกเขาไม่ยอมคุยภาษาอังกฤษกันเราเลยแค่ทำความรู้จักไว้ผ่านๆ ไม่นานก็เริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นแอบมีกลุ่มเป็นของตัวเองแล้วที่สำคัญ แอบรักผู้ชายคนหนึ่ง...

        เขาก็เคยเข้ามาทักเราบ้างสองสามครั้งแต่เพราะในสายตาเราเขาหล่อมากเลยพูดคุยด้วยยาก จะมองหน้าทีก็ลำบากหน้าแดงไปหมด เขาตรงตามสเปคเรามากมายสูงจมูกโด่งมุมเรียนน่ารักมุมเล่นกีฬาก็เท่ ในสายตาฝรั่งด้วยกันอาจจะดูว่าธรรมดาเพราะเขาก็ไม่ได้เล่นกล้ามมีซิคแพคมากมายแต่เขาก็หุ่นดีแล้วหน้าตาดีพอที่สาวๆในเมืองไทยเห็นปุ๊บกรี๊ดปั๊บแน่นอน แอบชอบเขาอีกอย่างหนึ่งคือเขาใส่แว่นตาเหมือนเรา ปกติคนหน้าตาดีกีฬาเด่นแบบนี้จะไม่ใส่แว่นตาทำกิจกรรมทั้งวัน แต่เขาทำ เพราะการใส่แว่นตาอาจจะทำให้บุคลิคแย่ลงนี่คงเป็นสาเหตุนึงที่ไม่ค่อยมีสาวๆชอบเขาสักเท่าไหร่(ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ><) เราเชื่อว่าถ้าเขาถอดแว่นเขาต้องหล่อนกว่านี้แน่ๆ


      พูดถึงเรื่องเพื่อนผู้หญิงเราโชคดีสุดๆที่มีกลุ่มหนึ่งชอบ1Dเหมือนกันเลยสนิทเร็วแล้วไปด้วยกันได้ดี แล้วโชคดีสองชั้นที่กลุ่มเรามักออกแนวบ้าๆห้าวๆต๊องๆจึงคุยกับเพื่อนผู้ชายทั่วไปทั้งหล่อแล้วไม่หล่อได้โดยไม่มีข่าวซุบซิบ พอเราเริ่มสนิทกับเพื่อนๆเราก็เริ่มมีความกล้าขึ้นชวนฟีนิกส์(คนที่เราแอบชอบชื่อเก๋ป่ะล่ะ)คุยมากขึ้น ช่วงที่เรากำลังจีบฟีนิกส์อย่างลับๆมีคนมาสารภาพรักกับเราด้วยนะ แต่เราปฏิเสธไป เอาจริงๆป่ะอยู่กันคนละห้องหน้าตาออกแนวแย่แล้วดูเนิร์ด บางทีอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง555 นอกจากเด็กเนิร์ดผู้นี้ก็ยังมีอีก(เกือบ)มากมายที่มาจีบแต่เซโนหมดจนแนนซี่(เพื่อนในกลุ่ม)ถามว่าเอาจริงๆมีคนที่แอบชอบอยู่ไหม เพราะเป็นคนปากเร็วแล้วอึดอัดมานานเลยเล่าซะหมดเปลือกทีนี้แก๊งอิฉันก็สนับสนุนเต็มที่จนทำให้คนทั้งสายชั้นรู้ว่าเราชอบฟีนิกส์!////

          ความลับที่เก็บมาตลอดสามเดือนกว่าถูกเปิดเผย เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ใกล้จะปิดเทอมภาคฤดูหนาวแล้วเราก็ตัดสินใจจะบอกชอบฟีนิกส์ด้วยตัวเองถึงเขาจะรู้อยู่แล้วแต่ก็อยากบอกกับปาก ถ้าเขาไม่ตกลงฉันก็คงเจ็บหนักแต่จะชวนเขาไปเที่ยวที่ลอนดอนตอนปิดเทอม ชวนไปแบบฉันเพื่อน เตรียมวิธีทำให้อกหักแบบไม่เจ็บหนักร้อยแปดวิธีผลที่ออกมาคือ

   Me : I...I think that I like you. Are we together?>///////<(ฉัน...ฉันคิดว่าฉันชอบนาย เรามาเป็นแฟนกันนะ?)

   He : Umm...I think I like you too.(อืมม...ฉันก็คิดว่าฉันชอบเธอเหมือนกันนะ)

       โอยยยยแทบกรี๊ด กระโดดกอดเขาเลยบอกตรงๆดีใจมาก พอกอดเขาเสร็จเขาถามเราว่าขอจูบได้มั้ย?ฉันบอกว่านี่เป็นจูบแรกของฉันขอโทษที่ยังให้คิสไม่ได้ เรากอดกันอย่างนี้ไปก่อนนะ เขาไม่แสดงหน้าหรือท่าทีว่าเสียดายอะไรเลยนะ เขากลับยิ้ม แล้วบอกว่าเขาจะรอจนกว่าสาวไทยเจ้าวัฒนธรรมอย่างเราจะพร้อม ปิดเทอมเรากับเขาแล้วพรรคพวกของทั้งสองฝ่ายนั่งรถไฟไปเที่ยวลอนดอนกัน ฉันเดินกอดแขนแฟนต้อยๆเพราะกลัวหลงแนนซี่เพื่อนเลิฟก็ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทัวร์พาเที่ยว แฟนเราเขาน่ารักมากเราหนาวก็ซื้อเสื้อใหม่ให้ เห็นเราตาละห้อยอันไหนก็ซื้อให้หมดซึ่งอย่างหลังมันทำให้เราซึ้งมากๆ!!! เพราะปกติเราไม่เคยมีใครซื้อของให้แบบนี้ถ้าไม่ใช่พ่อหรือพี่เฟรม ไม่มีใครเคยรู้ใจเรา แต่ฟีนิกส์เป็นคนแรกที่รู้ว่าฉันอยากได้ เขาซื้อตุ๊กตาขายาวผู้หญิงหนึ่งตัวผู้ชายหนึ่งตัวให้เรา เรากอดตัวผู้ชายเขากอดตัวผู้หญิง พอฉันทำตาละห้อยอันไหนเขาก็จะแวะร้านนั้นตลอดแต่ฉันขอเขาไว้แล้วว่าเอาแค่ตุ๊กตาก็พอเขาก็เชื่อฟังไม่ได้ซื้ออย่างอื่นอีก การทัวร์ลอนดอนในระยะเวลาหนึ่งวันก็สนุกสุดๆแล้วนะแต่ที่น่าตื่นเต้นแล้วสนุกยิ่งกว่าคือ อะไรไม่รู้มาดลใจให้เราอยากเข้าสตาร์บัคเพื่อจะซื้อบราวนี่ให้เจ้าสตาร์บัคมัน พอเราเข้าไปเท่านั้นแหละป๊าบ!!! แฮร์รี่ สไตล์>/////< คุณชายกำลังซื้อเค้กด้วยท่าทีสบายๆแต่หล่อบรม เรากับแก๊งก็กระโดดดิ้นๆอยู่แถวๆนั้น เพิ่งเจอตัวจริงครั้งแรกแล้วมันแบบ...น้ำตาจะไหลอ่ะ!! ตอนนั้นเรารู้ตัวนะว่าแรดมาก555 ฝากข้าวของที่ซื้อมาให้ฟีนิกส์ถือหมดส่วนเรากับเพื่อนๆก็ขอเข้าไปถ่ายรูปคนละรูปดีที่ไปกันแค่สามคนถ้าไปกันทีหกคนเขาคงเซงตาย
        พอถ่ายเสร็จเราก็ต้องยิ้มแป้นอีกรอบเมื่อเห็นแฟนตัวเองนั่งทำหน้างอนทั้งๆที่ในมือถือของมากมายอย่างถนุดถนอมแถมมีบราวนี่อีกด้วย ทั้งๆที่เราไม่ได้ขอให้เขาซื้อให้แต่เขาก็ซื้อทั้งที่ยังงอนน่ารักจังแฟนใครหว่า>/////< เราเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับขอโทษยกใหญ่ยังไม่ทันขอโทษจบเขาก็ยิ้มซะแล้ว โกรธง่ายหายง่ายมากอ่ะ5555 เพื่อเป็นการตอบแทนเรากระโดดหอมแหม่งเขาไปทีนึงแต่ฟอดใหญ่มาก ที่ทำได้เพราะไม่ใช่บ้านเราคนที่เดินผ่านไปมาเขาไม่มาสนใจหรอกพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา(มากๆๆๆ)แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเกินงานนะ แค่หอมแหม่งเท่านั้นแหละ หลังจากได้รูปได้ของตามต้องการก็กลับกัน
 
       รู้หรือไม่ครั้งแรกที่ได้เห็นและสัมผัสหิมะมันมีความสุขเพียงใด! ยิ่งได้เห็นครั้งแรกกับคนที่เราชอบแบบนี้มันยิ่งวิเศษณ์การคบกันของเราอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ไปไหนมาไหนเรารายงานโฮสตลอด ครั้งแรกที่ได้เห็นหิมะมันทั้งมีความสุขแล้วเศร้าภายในวันเดียวกัน พวกเราสองคนคุยเรื่องที่เราอาจจะต้องเลิกกันเมื่อเรากลับไทย แต่เราสัญญาว่าจะไม่ลืมเขา เขาคือแฟนคนแรกของเรา ฟีนิกส์บอกว่าเขาไม่อยากทำใจที่จะต้องเลิกกับเรา เค้าเล่าให้ฟังว่าเขาตัดสินใจจะปิดเรื่องที่ชอบเราไว้เป็นความรักเพราะเราสองคนคงจะรักกันได้ไม่นานเพราะเรามาอยู่ที่นี่แค่ปีเดียว แต่จู่ๆเราก็บอกชอบเขาทำให้เขาตัดสินใจเผยความในใจออกมา  ได้ฟังที่เขาเล่าเรามีความสุขมากร้องไห้ออกมาในทันทีไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องจากผู้ชายดีๆแบบนี้ไป
 
      เมื่อถึงวันคริสต์มาสของขวัญที่เราได้คือสร้อยที่สั่งทำพิเศษมีรูปเราที่เขาเคยแอบถ่ายไว้อยู่ในนั้นแล้วก็รูปเขา เราได้มาก็ใส่ในทันทีทันใดไม่รีรอ ส่วนเราให้แหวนกับเขาแต่เพราะรู้ดีว่าเขาไม่อยากให้มีอะไรเกะกะอยู่ที่นิ้วจึงซื้อสร้อยมาแล้วใส่แหวนเข้าไป แหวนเงินแท้สลักไว้ว่า You are my first love ส่วนสร้อยที่เขาให้เราก็มีสลักไว้ข้างหลังว่า remember forever ของที่เราให้กันแล้วกันเหมือนเป็นของต่างหน้าเอาไว้ดูเมื่อห่างไกลกัน ของขวัญที่เราได้จากโฮสทั้งสองน่ารักมากผ้าพันคอสีม่วงรวดลายสวยงามที่มีผืนเดียวในโลกเพราะโฮสของฉันทำแล้วออกแบบเองกับมือมันน่ารักมากๆแต่เสียดายถ้ากลับไทยคงไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้มัน
     เราไม่อยากให้วันเปิดเทอมมาถึง เพราะมันหมายความว่าเราใกล้จะต้องจากกับฟีนิกส์แล้ว เราสองคนใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นเพื่อนๆเข้าใจเพราะเราต้องห่างกันอีกนานทั้งชีวิตเคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ให้ผู้ชายแต่สำหรับคนนี้มันอดไม่ได้จริงๆ เขาแสนดีสม่ำเสมอบางทีดีมากไปจนหยุดรักไม่ได้ เพราะความที่เป็นเพื่อนกันก่อนทำให้รู้ว่าเขาจะไม่หลอกเราแน่แล้วจะไม่มีวันทำ ปิดเทอมภาคฤดูร้อนมาถึงเราอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อนเที่ยวแล้วบอกเลิกเขาในวันสุดท้าย...
    
   เราขึ้นเครื่องกลับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเพราะต้องจากเพื่อนต้องจากโฮสต้องจากเจ้าหมาน้อยที่น่ารักทั้งสามแล้วก็ต้องจากกับเขา กลับมาไทยเราเรียนซ้ำชั้นม.4เล่าถึงเรื่องที่ไปแลกเปลี่ยนให้เพื่อนๆฟังทุกคนกรี๊ดกร๊าดแต่เราพยายามเลี่ยงที่จะเล่าถึงฟีนิกส์ แต่เพื่อนๆต่างรู้ว่าเราไปแล้วได้เป็นแฟนกับหน่มอิ๊งที่นั้นด้วย ถึงจะห่างกันแต่เราก็คุยกันทุกวันทางไลน์บ้างอีเมลฯลฯ จนในที่สุดเรากลับมาคบกันอีกครั้งทั้งๆที่ยังอยู่ไกลกันเนี่ยแหละ แนนซี่อาสาจะเกาะติดแล้วคอยดูความประพฤติของฟีนิกส์แทนเรา วันเกิดวันหยุดอะไรสำคัญๆของบ้านเขาเค้าก็จะซื้อของแล้วส่งมาให้เราตลอด เปิดกล่องออกดูพัสดุทีไรน้ำตาซึมทุกที มันล้วนเป็นของที่เราเคยทำตาละห้อยใส่ตอนที่อยู่ในเมืองแล้วตอนที่ไปเที่ยวลอนดอน
     เราก็ซื้อของตอบแทนเขาเรื่อยๆกายห่างแต่ใจไม่เคยห่างพอจบม.6เราดรอปมหาลัยแล้วไปเที่ยวอังกฤษปีนึง กลับไปหาโฮสหาเพื่อนๆแล้วที่ขาดไม่ได้เลยคือกลับไปหาเขากลับไปครั้งนี้ฉันตัดสินใจมอบจูบแรกให้คนที่เขารักฉันและฉันก็รักเขามาก มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิตเขาแต่เขาไม่เคยเลยที่จะทิ้งเราเลยแนนซี่แล้วเหล่าสาวๆก็เป็นพยานให้ เราดีใจและมีความสุขมากที่ได้เจอผู้ชายที่แสนดีแบบนี้ใช่ว่าเราไม่เคยทะเลาะกันนะความรักมักโรยด้วยกีบกุหราบแต่คนที่โรยมันลืมถอนหนามออกไปด้วยถ้าคุณอยากอ่านช่วงเวลาที่เราทะเลาะกันก็คอมเม้น+โหวตกันเยอะแล้วเราจะมาเล่าให้ฟังว่าเรื่องที่ทะเลาะกันมันสำคัญจนทำให้ความรักของเราเน้นแฟ้นขนาดไหน....แต่ถ้าไม่อยากอ่านไม่เป็นไรไม่ว่ากัน(ฮา)
 
     

ปล.   เราแต่งเองนะเออจะเอาไปแชร์ที่ไหนกรุณาใส่เครดิตให้ด้วยนะแจ๊บ=w= 



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 พฤษภาคม 2556 / 09:27

PS.  ตอนนี้ในหัวมีแต่1D1D1D!! รักไนออล เฮียลู เลียม แฮซ เซน>w< รักเธอจุ๊บๆ

แสดงความคิดเห็น

>

24 ความคิดเห็น

Eararearn 3 พ.ค. 56 เวลา 20:37 น. 4
แฟนน่ารักมากกกกก 

ปล. เจอหยองน้อยหรอ อิจฉาาาาาาาาา >////< เราจะต้องไปเจอเฮียลูกะบังเซนให้ได้ 
0
น้องสาวN.~ 3 พ.ค. 56 เวลา 21:07 น. 5

ดีใจที่ชอบมากมาย>O< เราอยากเจออิพลุ้ยน้อยแสนรัก


PS.  ตอนนี้ในหัวมีแต่1D1D1D!! รักไนออล เฮียลู เลียม แฮซ เซน>w< รักเธอจุ๊บๆ
0
น้องสาวN.~ 4 พ.ค. 56 เวลา 09:25 น. 9

เราแต่งเองนะถ้าจะเอาไปอ่านหรือเผยแพร่ที่อื่นช่วยใส่เครดิตให้ด้วยนะ^O^;;


PS.  ตอนนี้ในหัวมีแต่1D1D1D!! รักไนออล เฮียลู เลียม แฮซ เซน>w< รักเธอจุ๊บๆ
0
deadpoo 6 พ.ค. 56 เวลา 20:54 น. 11
คือมันไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ เป็นเรื่องที่ จขกท.นี้เเต่งขึ้นมาเอง ^^ สำหรับคนที่งง
PS.  ทักได้ค่ะ
0
เรื่องจริง 7 พ.ค. 56 เวลา 01:39 น. 14

เรื่องของเธอน่ารักมากกกกกกก แต่งเก่งมากจริงๆ

แต่เราอยากบอกว่าชีวิตจริงมันไม่ใช่หรอก
เราพึ่งกลับมาจากอังกฤษ เรียกได้ว่าเป็นแลกเปลี่ยนแบบสั้นๆ ได้เข้าไปสัมผัสชีวิตเด็กมัธยมที่นั้น
ที่นู้นน่ะ เค้าไม่รอหรอก พวกเนี่ยมี...เยอะมากและตั้งแต่เด็กจริงๆ
เราแบบอึ้งมากที่รู้ว่าเพื่อนเรามีแล้วอ่ะ สังคมที่นั้นน่ารักนะ แต่ลึกๆแล้วแรงงงงงงงง มากกกกกก
แต่เราก็อยากกลับไปอีกล่ะ เราอยากให้เรื่องที่เธอแต่งเกิดขึ้นกับเราบ้างจัง

0
Villetewtew 7 พ.ค. 56 เวลา 12:32 น. 15

ตอนที่เธอไปขอถ่ายรูปกับแฮร์รี่อ่า เราหลบอยู่ซอกมุม กลัวเป็นข่าว 55555555555
ล้อเล่นน้า าาา -w-;;

แต่งได้ฟินอ่า น่ารักดี 


PS.  addได้ไม่กัดคอนะฮ้าบ-..-
0
NamPunch &gt;O&lt; 7 พ.ค. 56 เวลา 15:11 น. 18

แอบช็อคเบาๆที่สุดท้ายมันเป็นเรื่องแต่ง..
แต่ก็นะ มันทำให้ยิ้มมากกกก! >___<
อ่านแล้วอยากไปอังกฤษบ้าง ฮิฮิ


PS.  I'm Hottest,Boice,Bana,Angle and Wonderful //เยอะเนอะ = =;
0
aaA 7 พ.ค. 56 เวลา 15:13 น. 19

อ่านไปกรี๊ดไป อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อยากเห็นรูป harry styles ส่งมาให้ดูหน่อยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
aoom_10@hotmail.com

อยากเห็นๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด อยากไเ้ฟีลลลลนี้
จูบแรกไม่มี ชั้นให้ไปเลยยยยยยยยยยยยยยยยย 55555555

0
★Fenella ★ 7 พ.ค. 56 เวลา 17:26 น. 20

สนุกสุดๆๆๆๆๆ   แต่งเป็นนิยายเรื่องยาวได้เลยนะ



เอ่อ คห 19 มันจะมีจริงได้ไง จขกท.เค้าบอกอยู่ว่าเป็ฯเรื่องแต่งค่ะ


PS.  ปัญญาของแผ่นดิน
0