3 สาวฝาแฝด สุดอัจฉริยะ สอบติดคณะแพทยศาสตร์ยกชุด
ตั้งกระทู้ใหม่
กลับมองว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเป้าหมายในชีวิต โดยมีคุณแม่คนเก่ง “สุจิน วงศ์ดามาบนักศึกษาใหม่แกะกล่อง 3 ใบเถาจากตระกูล “วงส์ดามา” พี่น้องฝาแฝดคนเก่ง “ป๊อป” ศุภิสรา - “ปอย”ศุภสุตา และ “ปลาย” ศุภากร ที่พร้อมใจกันสร้างความสำเร็จให้กับครอบครัวด้วยการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎ ถือเป็นความภาคภูมิใจที่หลายคนอยากสัมผัส
แต่พวกเธอทั้ง 3 คน กลับมองว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเป้าหมายในชีวิต โดยมีคุณแม่คนเก่ง “สุจิน วงศ์ดามา
ด้วยความผูกพันบวกกับความเหมือนที่ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับ 3 สาวฝาแฝด “ป๊อบ-ปอย-ปลาย” ที่ใช้ชีวิตร่วมกันเกือบ24 ชั่วโมง ทำให้เธอมีความฝันที่คล้ายและใกล้เคียงกันมาตลอด เส้นทางชีวิตการเรียนของทั้ง 3 คนเริ่มโดดเด่นมากขึ้นในช่วงระดับมัธยม หลังจากที่พวกเธอตัดสินเลือกเรียนสายวิทย์พร้อมกันทั้ง 3 คนตามความชอบและความถนัด ป๊อบชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ปอยถนัดคณิตศาสตร์ ส่วนปลาย น้องเล็กพิเศษกว่าคนอื่นที่นอกจากจะชอบวิทยาศาสตร์แล้ว ยังชื่นชอบงานศิลปะ วาดรูปอีกด้วย
ป๊อบ พี่สาวคนโต เปิดฉากเล่าให้ฟังก่อนว่า พวกเราทั้งสามคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก สนิทกันเหมือนกับพี่น้องคู่อื่นๆ และอาจจะชอบอะไรเหมือนกันตามสไตล์พี่น้องฝาแฝด “ตอนเด็กป๊อบกับปอย เรามีความฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ เริ่มเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ สะสมความรู้และประสบการณ์ ลงแข่งขันตัวแทนโรงเรียน ส่วนปลาย น้องคนเล็กจะไม่ค่อยเหมือนใคร คนนี้นอกจากจะชอบวิทยาศาสตร์แล้ว เขายังมีความสามารถด้านศิลปะ ชอบวาดรูป”
ปอย เสริมว่า โชคดีที่พวกเราเลือกเรียนสายวิทย์เหมือนกัน เวลามีปัญหาอะไรก็จะมาหันหน้ามาคุยกันตลอด “เวลาเรียนก็มีกลุ่มของตัวเอง มีเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่พอกลับมาบ้าน เราก็จะนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน ตั้งแต่ 20.00 -00.00ฝึกทำโจทย์วิชาฟิสิกส์ เคมี ชีว เลข ผลัดกันทำโจทย์ ท่องคำศัพท์ ใครสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนก็จะหันมาถามกัน ” นอกจากนี้แต่ละคนจะมีเคล็ดลับการเรียนและการอ่านหนังสือที่แตกต่างกัน ตามสไตล์และความถนัดของตัวเอง เริ่มจากพี่สาวฝาแฝดคนโต ป๊อบ บอกว่า ฝึกทำโจทย์ คิดโจทย์ใหม่ๆ ไม่เข้าใจให้ถามอาจารย์ ถามเพื่อน ต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด “ป๊อบจะใช้เวลาหลังเลิกเรียน ทบทวนบทเรียนที่เรียนไปในแต่ละวัน ทำการบ้านเสร็จแล้วก็จะมานั่งคิดโจทย์ใหม่ ฝึกทำเยอะๆ นั่งติวกับเพื่อน แลกเปลี่ยนความรู้และเทคนิคการจำ มาปรับใช้กับตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เวลาเจอข้อสอบได้อย่างสบาย และที่สำคัญแบ่งเวลาทำกิจกรรมระหว่างเรียน เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายบ้าง” |
||
|
ตามติดมาที่ ปอย ฝาแฝดคนกลาง เจ้าตัวบอกว่า ก่อนอ่านหนังสือ จะต้องวางแผนว่าจะอ่านอะไร อ่านบทเรียนไหน เน้นอะไรเป็นพิเศษบ้าง “ปอยจะมีเป้าหมายของการอ่านหนังสือทุกครั้ง อย่างช่วงเวลาสอบ เราต้องรู้ว่า เราจะสอบวิชาอะไรบ้างไม่ใช่อ่านมั่วซั่ว ต้องรู้แนวข้อสอบ คือต้องรู้ทาง ต้องรู้แนวข้อสอบ จะช่วยได้เยอะ และพยายามหาจุดบกพร่องของตัวเองว่า ตรงไหนที่เราไม่เข้าใจ พยายามเอาข้อบกพร่องในอดีตมาแก้ไข” สำหรับน้องสาวฝาแฝดคนเล็กอย่าง “ปลาย” คนนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ "ปลายไม่มีเคล็ดลับการเรียนเหมือนพี่สาวทั้งสอง แต่จะเต็มที่ทุกครั้งที่เข้าห้องเรียน และจะตั้งใจอ่านหนังสือประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วผ่อนคลายสมองด้วยการทำกิจกรรมเล็กน้อยๆ แล้วค่อยกลับมาอย่างหนังสือ แต่ทุกครั้งที่ไม่เข้าใจวิชาอะไรก็จะหันไปถามพี่ป๊อบกับพี่ปอย จนบางทีเล่นมากไปจนพี่สองคนดุและเรียกให้ไปอ่านหนังสือด้วยกัน” หลังจากเรียนจบมัธยมต้น เมื่อป๊อบและปอย ตัดสินใจเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และตัดสินใจอยู่หอพักในช่วงใกล้จะจบ ม.6 ส่วนปลายเลือกที่จะอยู่ที่เดิมใช้ชีวิตกับเพื่อนที่สตรีวิทย์ แต่ 3พี่น้องยังกลับมาช่วยกันติวหนังสือ อ่านหนังสือด้วยกันตลอด จนกระทั่งถึงช่วงเวลาสำคัญที่ 3 สาวต้องตัดสินใจเลือกคณะเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย |
|||
“ตอนนั้นไม่ได้ลังเลอะไร ตัดสินใจเลือก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลทันที เพราะโดยส่วนตัวอยากเข้าเรียนที่ศิริราช คุ้นเคยกับที่นี้มาตั้งแต่เด็ก เห็นความเป็นแพทย์ที่นี้แล้วภูมิใจบอกไม่ถูกแถมยังได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่อบอุ่นและเป็นกันเอง จึงตั้งใจว่าจะเรียนหมอ และอยากเป็นแพทย์ศัลยกรรมเกี่ยวกับระบบประสาทอย่างที่ตั้งใจไว้” ส่วน ปอย สาวนักวิชาการก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แม้ว่าช่วงแรกยังลังเลอยากจะเรียนวิศวกรรม แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเลือกเรียนแพทยศาสตร์ตามพี่สาวไปอีกคน“สมัยประถม มัธยมชอบเรียนคณิตศาสตร์ ชอบเรียนตัวเลข อยากเรียนเศรษฐศาสตร์ พอโตขึ้นมาอีกระดับเริ่มเรียนวิทยาศาสตร์หนักขึ้นก็อยากจะเป็น นักวิทยาศาสตร์ เป็นวิศวฯ แต่มาคิดดูอีกที เราเป็นผู้หญิงถ้าเรียนวิศวฯ คงสู้ผู้ชายไม่ได้ จึงตัดสินใจอยากเป็น “หมอ” ดีกว่า บวกกับความทรงจำตอนเด็กๆ ที่มีพี่เลี้ยงเป็นมะเร็ง อาการเริ่มไม่ดี ก็เลยเกิดความฝันที่อยากเป็นหมอที่รักษาโรคยาก อย่างโรคมะเร็งให้หายไปจากโลกนี้" ปอย บอกว่า หลังจากประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอมีรายชื่อเป็นนักศึกษาใหม่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โครงการ กสพท. , คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โครงการโอลิมปิกวิชาการ , คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ได้ทุน 10 คนแรก) , คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , โครงการทุนหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และในที่สุดปอยตัดสินใจเลือกเรียนคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เกี่ยวก้อยกับพี่สาวคนโตเข้าสู่คณะแพทยฯ ศิริราชไปอีกหนึ่งคน |
|||
“ตอนเด็กๆ ปลายหัวแตก จนต้องเย็บแผล ปลายลองขอคุณหมอที่รักษาให้ช่วยเย็บแผลแบบไม่ต้องโกนผมได้ไหม ทั้งที่ตัวเองก็รู้ว่า ถ้าไม่โกนผม จะเย็บแผลลำบากมาก แต่คุณหมอใจดี ทำให้ ค่อยเย็บแผลๆ แถมไม่เจ็บเลยสักนิด จึงรู้สึกดีกับอาชีพหมอมาก บอกกับตัวเองว่า โตขึ้นจะต้องเป็นหมอให้ได้ และถึงแม้ว่าตอนมัธยมปลาย แอบมีใจให้คณะสถาปัตย์ไปบ้าง เพราะเป็นคนชอบวาดรูป แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะเรียนหมอที่วิทยาลัยแพทยพระมงกุฏ ซึ่งก่อนหน้านี้ ปลายมีรายชื่อติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ แต่ก็ต้องสละสิทธิ์” ปลายบอกทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนเรียนเก่งเหมือนพี่สาวทั้งสองคน ออกแนวเฮฮามากกว่า และรู้ตัวดีว่า คงเป็นหมอที่รักษาเคสยากๆ ไม่ได้แน่ และไม่อยากเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ขอเป็นหมอที่มีคนไข้เข้ามาและรักษาได้ก็พอ แต่ถ้าจะให้ดีขอเลือกเป็นหมอกุมารเวช รักษาเด็กเล็ก |
|||
ด้าน คุณแม่ คนเก่ง “สุจิน วงศ์ดามา" เล่าถึงบทบาทผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกสาวทั้งสามคนนี้ว่า คุณแม่เลี้ยงลูกเองตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุ 13 มีคนเลี้ยงคอยช่วยบ้าง แต่ก็พยายามเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน น้องป๊อบคนโต เรียบร้อย จิตใจดี ชอบนั่งสมาธิ เข้าวัดฟังธรรมะ ส่วนน้องปอย ลูกสาวคนกลาง คนนี้ออกแนววิชาการ มีหลักการ ชอบวางแผน ส่วนน้องปลาย ลูกสาวคนเล็กคนนี้ร่าเริง ฉลาด เป็นคนรู้เร็วแต่เบื่อง่าย ชอบร้องเพลง นับว่าโชคดีที่เราเลี้ยงลูกมาด้วยมือของเราแถมยังเป็นเด็กเลี้ยงง่าย พอมาถึงจุดนี้แล้วรู้สึกภูมิใจกับลูกมาก |
|||
“จำได้ว่าตอนที่มีลูก แม่ได้รับเลื่อนขั้นและต้องไปประจำการ แต่แม่ยอมที่จะไม่รับตำแหน่ง เลือกที่อยู่ใกล้ลูก เลิกงานก็กลับมาสอนการบ้าน คิดโจทย์การบ้านให้ลูกทำทุกวัน ช่วงปิดเทอมไม่ส่งให้ไปเรียนพิเศษ แต่จะเอาหนังสือเรียนของเทอมถัดไปมาให้ลูกอ่าน ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เรียนว่ายน้ำ เต้นบัลเล่ย์ เล่นดนตรี ถามที่ลูกถนัด เราส่งเสริมให้เขาทุกกิจกรรม ส่วนเรื่องการคบเพื่อน อนุญาตให้ลูกศึกษาและคบคนหลายประเภท เพราะเราเชื่อมั่นว่า ลูกคบเพื่อนดี แยกแยะออกว่าอะไรดีไม่ดี หลังจากที่เขาทั้ง 3 คนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม่ภูมิใจและสบายใจ เหมือนกับเราว่า หมดหน้าที่ของเราที่จะคอยดูแลชี้แนวทางอนาคตของลูกทั้ง 3 คน ต่อจากนี้ไปลูกต้องเลือกเอง” เห็นแล้ว จขกท. อยากร้องกรี๊ด>< ทำไมเราไม่เก่งแบบนี้บ้างว่ะ 55 |
29 ความคิดเห็น
แต่เค้าอยู่กันอย่างมีระบบดีเนาะ เรียกกันชวนกันมาอ่านหนังสือ ดีจัง
แอบคล้ายบ้านเรา พี่2คนของเราก็เรียนหมอ แม่เราเลยบังคับให้เราตั้งใจเรียนเพื่อสอบหมอให้ติด โดยไม่ดูเลยว่าระดับสมองของเราจะถึงหมอเหรอ
นอกจากน้องเค้าเป็นคนขยันและเรียนเก่งแล้ว ยังรู้จักแบ่งเวลา เป็นอีกด้วย ซึ่งจุดนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้นะ
ปล ไม่ชอบชื่อกระทู้เท่าไร ที่บอกว่า สุดอัจฉริยะ สอบเข้าแพทย์ได้ อ่านครั้งแรกแล้ว บอกเลยว่า หมั่นไส้ 555 แต่อ่านเนื้อหากระทู้แล้วโอเค ดีมากก
เหมือนเรื่องนี้เลย
แฝดสามใบเถาขวัญใจของประชาคมออนไลน์ในเวียดนามสัปดาห์นี้ แม้จะรู้จักชื่อทั้งสามคนก็ยังยากที่จะเรียกให้ถูกตัว นอกจากจะเรียกตามสีหรือตามลายเสื้อ แต่สามสาวเติบโตมาด้วยกัน ช่วยกันทำการบ้าน ช่วยกันติว ทำให้เรียนเก่ง เป็น "เด็กท็อป" มาด้วยกัน และในวันนี้ประสบความสำเร็จด้วยกันในด่านแรก ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจได้มากมายเท่านี้ ถึงแม้ว่าค่าเล่าเรียนของนักศึกษาแพทย์แต่ละคนตลอด 6 ปีข้างหน้า จะมากมายมหาศาลสักเพียงไรก็ตาม. -- ภาพ: เตื่อยแจ๋ออนไลน์.
.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ประชาคมออนไลน์ในเวียดนามพากันชื่นชมนักเรียนหญิงอายุ 18 ปี พี่น้องแฝดสาม ที่สอบเอ็นทรานซ์เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้ยกทีม มารดาเผยตั้งใจเรียนกัน และติวกันเองมาตลอด แฝดทั้งสามมีความตั้งจะให้ประสบความสำเร็จร่วมกัน และไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ชาวเน็ตต่างชื่นชมผลงานการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่และความสามารถของน้องแฝด ขณะเดียวกัน ก็แสดงความหนักใจกับค่าเล่าเรียนตลอด 6 ปีข้างหน้า
เหวียนเจิวแทง (Nguyen Chau Thanh) เหวียนซเวินแทง (Nguyen Dan Thanh) กับเหวียนบ๋าวแทง (Nguyen Bao Thanh) ได้กลายเป็นแฝดสามรายแรกของประเทศที่ทำได้เช่นนี้ ในการสอบเอ็นทรานซ์ที่ประกาศผลปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสามคนผ่านเกณฑ์คัดเลือกเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยการแพทย์และการเภสัชนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Medicine and Pharmacy University) สถาบันที่สร้างบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศมาแล้วเป็นจำนวนมาก
สถาบันการศึกษาเก่าแก่แห่งนี้กำลังเฉลิมฉลอง 66 ปีการก่อตั้ง และจะรับเฉพาะนักศึกษาที่ผ่านการสอบเอ็นทรานซ์ที่ได้คะแนนสูงเท่านั้น สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าว
อย่างไรก็ตาม สามใบเถาไม่ได้มีความประสงค์จะเรียนคณะแพทยศาสตร์แม้แต่คนเดียว ซเวินแทง กับเจิวแทง เลือกคณะการเภสัช ส่วนบ๋าวแทง เลือกคณะทันตแพทย์
“ทั้งสามเป็นนักเรียนท็อปมาตลอด 12 ปีที่เรียนมัธยมศึกษา” นางจีงถิทูบา (Trinh Thi Thu Ba) คุณแม่ที่ประกอบอาชีพค้าขายกล่าวกับสำนักข่าวยอดนิยมภาษาเวียดนาม
ครอบครัวของแฝดสามใบเถาพื้นเพเป็นชาว จ.โด่งนาย (Dong Nai) ซึ่งอยู่ติดนครโฮจิมินห์ แต่ส่งลูกสาวทั้งสามไปเรียนมัธยมศึกษาในนครใหญ่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ คุณแม่บอกว่าทั้งสามคนจะช่วยกันทำการบ้านมาตั้งแต่เล็กๆ หากการบ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่เสร็จก็จะไม่นอน หากไม่เข้าใจก็จะช่วยกันอธิบายจนเข้าใจ พ่อแม่ไม่เคยบอกให้สนใจ หรือตั้งใจเรียน ไม่เคยถามเรื่องทำการบ้าน แต่จะทำกันเอง ดูแลกันเอง และกลายเป็นนักเรียนเรียนดีทั้งสามพี่น้อง
“พวกเขามีกฎที่ไม่ประกาศอยู่เรื่องหนึ่งคือ จะต้องช่วยกันทุกอย่างเพื่อประสบความสำเร็จด้วยกัน” นางทูบากล่าว
คุณแม่กล่าวว่า ภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้เลี้ยงลูกทั้งสาม เพราะตอนคลอดมีคนขอ “ซื้อ” ไปเลี้ยง เนื่องจากไม่เชื่อว่าเธอจะมีปัญญาเลี้ยงลูกแฝดสาม และถึงแม้ว่าค่าเล่าเรียนในอีก 6 ปีข้างหน้าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลเพียงไรก็ตาม เธอกับสามีจะฟันฝ่ากันต่อไปเพื่อให้ทั้งสามสาวมีอนาคตที่ดีคุณหมอปี 1 กำลังเรียนในห้องทดลองที่มหาวิทยาลัยการแพทย์และการเภสัช นครโฮจิมินห์ นี่คือสถาบันแห่งใหม่ของแฝดสามใบเถาซึ่งในวันนี้กลายเป็นทีมแรกของประเทศที่สามารถสอบเอ็นทรานซ์เข้าเรียนแพทย์ได้ยกทีม แต่ก็ไม่มีผู้ใดเลือกคณะแพทย์ศาสตร์สักคนเดียว สองคนแรกเลือกจะเป็นเภสัชกร อีกคนเลือกที่จะเป็นหมอฟัน. -- ภาพ: เฟซบุ๊กมหาวิทยาลัยฯ.
.
“ตอนนี้ฉันภูมิใจเป็นที่สุด ลูกๆ โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว มีคนจำนวนมากที่ทราบข่าว และมาแสดงความยินดีแก่ครอบครัวของเรา” นางทูบากล่าว
เรื่องนี้ยังเป็นที่กล่าวถึงกันมาในประชาคมออนไลน์เวียดนาม หลายคนถึงกับชมว่าแฝดสามใบเถาสามารถเป็น “โรลโมเดล” ให้แก่เยาวชนของทั้งประเทศได้ ชาวเน็ตจำนวนมากอำนวยชัยให้พรขอให้ประสบความสำเร็จ มีอนาคตอันสดใส เพื่อรับใช้สังคม และช่วยเหลือประชาชนในอนาคต
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ แฝดสามใบเถาสอบได้คะแนนสูงมาก ไม่เพียงแต่จะผ่านเกณฑ์แอดมิชชันของมหาวิทยาลัยการแพทย์ และการเภสัชฯ เท่านั้น คะแนนของเจิวแทง กับบ๋าวแทง ยังผ่านเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์นครโฮจิมินห์ ในขณะที่ ซเวินแทง ผ่านเกณฑ์คัดเลือกของมหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศ นครโฮจิมินห์เช่นกัน
ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในระดับต้นๆ ของเวียดนาม และคัดเอาเฉพาะนักเรียนที่ผ่านการสอบเอ็นทรานซ์ที่ได้คะแนนสูงมาก สื่อออนไลน์กล่าว
สำหรับมหาวิทยาการแพทย์และการเภสัชโฮจิมินห์ ก่อตั้งขึ้นในยุคที่ภาคใต้เวียดนามยังเป็นดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศส โดยแต่เดิมแยกกันเป็น 2 วิทยาลัยที่เป็นอิสระต่อกัน และพัฒนาต่อมาในหลายยุค จนถึงช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2518 จึงรวมเป็นสถาบันเดียวกัน ปัจจุบันมหาวิทยาลัยการแพทย์ฯ เปิดสอนเพียง 7 คณะที่เกี่ยวกับการแพทย์ และยาล้วนๆ
สถาบันแห่งนี้ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลของไทย กับมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งของมาเลเซีย เพื่อจัดการประชุมการเภสัชแห่งอาเซียนขึ้นเดือน ธ.ค.ปีนี้ในนครโฮจิมินห์.
มันสุดยอดที่สุด
อยู่ในกรอบต่อไปเถอะคะ
เค้าเก่งกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว ชื่นชมกับความอุตสาหะมีมานะของเด็กทั้ง3 อยากจะถามคุณพ่อคุณแม่ว่าใช้อะไรเลี้ยงค้ะ...ถึงได้เก่งและน่ารักซะขนาดนี้...ปลื้มใจด้วยคน
เราว่าพื้นฐานนิสัยของแต่ละคนขึ้นอยู่กับครอบครัวนี่แหละ ตัวอย่างนี้เห็นชัดมาก
พี่ๆเก่งมาก แต่เราก็แอบเสียดายความสามารถของแฝดพี่ที่เก่งเลขกับแฝดน้องที่วาดรูปเก่งนะ แทนที่เราจะมีวิศวะที่เก่งอีกคน สถาปนิกที่มีพรสวรรค์อีกคน แต่สดท้ายกลับได้หมอมา 2คนแทน
รากฐานดี อะไรๆก็มั่นคง เก่งจังเลยค่ะ^^
ป็อปเก่งมากเลย นิสัยดี เรียบร้อย ตัวจริงสวยด้วย รักเลย
อาโระ =[ ]=
คนใช่มั้ยยยยย บอกที นั่นคนใช่มั้ยยยยย -0-
พ่อแม่เลี้ยงลูกเก่งค่ะ สุดยอดจริงๆ
พี่ๆ ทั้งสามก็เก่งมากๆๆๆๆๆ เลย
ทำได้ไงเนี่ย //อึ้งต่อ
เก่งมากกกก ปรบมือให้ และเราจะเอาไปทำตามเป็นแบบอย่าง
น่าจะให้เครดิต ASTVผู้จัดการออนไลน์ เค้านะคะ ถึงในรูปจะมีเครดิตอยู่ก็เถอะ
รู้สึกว่านามสกุลช่วงแรกๆจะสะกดผิดนะคะ
ชื่นชมครับ
พี่ๆเก่งมากค่ะ เเถมยังขยันด้วย...ยังไงก็สู้ต่อไปนะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?