Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

3 สาวฝาแฝด สุดอัจฉริยะ สอบติดคณะแพทยศาสตร์ยกชุด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
นักศึกษาใหม่แกะกล่อง 3 ใบเถาจากตระกูล “วงส์ดามา” พี่น้องฝาแฝดคนเก่ง “ป๊อป” ศุภิสรา - “ปอย”ศุภสุตา และ “ปลาย” ศุภากร ที่พร้อมใจกันสร้างความสำเร็จให้กับครอบครัวด้วยการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎ ถือเป็นความภาคภูมิใจที่หลายคนอยากสัมผัส แต่พวกเธอทั้ง 3 คน

กลับมองว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเป้าหมายในชีวิต โดยมีคุณแม่คนเก่ง “สุจิน วงศ์ดามาบนักศึกษาใหม่แกะกล่อง 3 ใบเถาจากตระกูล “วงส์ดามา” พี่น้องฝาแฝดคนเก่ง “ป๊อป” ศุภิสรา - “ปอย”ศุภสุตา และ “ปลาย” ศุภากร ที่พร้อมใจกันสร้างความสำเร็จให้กับครอบครัวด้วยการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และวิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎ ถือเป็นความภาคภูมิใจที่หลายคนอยากสัมผัส

แต่พวกเธอทั้ง 3 คน กลับมองว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเป้าหมายในชีวิต โดยมีคุณแม่คนเก่ง “สุจิน วงศ์ดามา




ด้วยความผูกพันบวกกับความเหมือนที่ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับ 3 สาวฝาแฝด “ป๊อบ-ปอย-ปลาย” ที่ใช้ชีวิตร่วมกันเกือบ24 ชั่วโมง ทำให้เธอมีความฝันที่คล้ายและใกล้เคียงกันมาตลอด เส้นทางชีวิตการเรียนของทั้ง 3 คนเริ่มโดดเด่นมากขึ้นในช่วงระดับมัธยม หลังจากที่พวกเธอตัดสินเลือกเรียนสายวิทย์พร้อมกันทั้ง 3 คนตามความชอบและความถนัด ป๊อบชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ปอยถนัดคณิตศาสตร์ ส่วนปลาย น้องเล็กพิเศษกว่าคนอื่นที่นอกจากจะชอบวิทยาศาสตร์แล้ว ยังชื่นชอบงานศิลปะ วาดรูปอีกด้วย
       
       ป๊อบ พี่สาวคนโต เปิดฉากเล่าให้ฟังก่อนว่า พวกเราทั้งสามคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก สนิทกันเหมือนกับพี่น้องคู่อื่นๆ และอาจจะชอบอะไรเหมือนกันตามสไตล์พี่น้องฝาแฝด “ตอนเด็กป๊อบกับปอย เรามีความฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ เริ่มเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ สะสมความรู้และประสบการณ์ ลงแข่งขันตัวแทนโรงเรียน ส่วนปลาย น้องคนเล็กจะไม่ค่อยเหมือนใคร คนนี้นอกจากจะชอบวิทยาศาสตร์แล้ว เขายังมีความสามารถด้านศิลปะ ชอบวาดรูป”




ปอย เสริมว่า โชคดีที่พวกเราเลือกเรียนสายวิทย์เหมือนกัน เวลามีปัญหาอะไรก็จะมาหันหน้ามาคุยกันตลอด “เวลาเรียนก็มีกลุ่มของตัวเอง มีเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่พอกลับมาบ้าน เราก็จะนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน ตั้งแต่ 20.00 -00.00ฝึกทำโจทย์วิชาฟิสิกส์ เคมี ชีว เลข ผลัดกันทำโจทย์ ท่องคำศัพท์ ใครสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนก็จะหันมาถามกัน ”
       
       นอกจากนี้แต่ละคนจะมีเคล็ดลับการเรียนและการอ่านหนังสือที่แตกต่างกัน ตามสไตล์และความถนัดของตัวเอง เริ่มจากพี่สาวฝาแฝดคนโต ป๊อบ บอกว่า ฝึกทำโจทย์ คิดโจทย์ใหม่ๆ ไม่เข้าใจให้ถามอาจารย์ ถามเพื่อน ต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
       
       “ป๊อบจะใช้เวลาหลังเลิกเรียน ทบทวนบทเรียนที่เรียนไปในแต่ละวัน ทำการบ้านเสร็จแล้วก็จะมานั่งคิดโจทย์ใหม่ ฝึกทำเยอะๆ นั่งติวกับเพื่อน แลกเปลี่ยนความรู้และเทคนิคการจำ มาปรับใช้กับตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เวลาเจอข้อสอบได้อย่างสบาย และที่สำคัญแบ่งเวลาทำกิจกรรมระหว่างเรียน เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายบ้าง”


  ตามติดมาที่ ปอย ฝาแฝดคนกลาง เจ้าตัวบอกว่า ก่อนอ่านหนังสือ จะต้องวางแผนว่าจะอ่านอะไร อ่านบทเรียนไหน เน้นอะไรเป็นพิเศษบ้าง “ปอยจะมีเป้าหมายของการอ่านหนังสือทุกครั้ง อย่างช่วงเวลาสอบ เราต้องรู้ว่า เราจะสอบวิชาอะไรบ้างไม่ใช่อ่านมั่วซั่ว ต้องรู้แนวข้อสอบ คือต้องรู้ทาง ต้องรู้แนวข้อสอบ จะช่วยได้เยอะ และพยายามหาจุดบกพร่องของตัวเองว่า ตรงไหนที่เราไม่เข้าใจ พยายามเอาข้อบกพร่องในอดีตมาแก้ไข”
       
       สำหรับน้องสาวฝาแฝดคนเล็กอย่าง “ปลาย” คนนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ "ปลายไม่มีเคล็ดลับการเรียนเหมือนพี่สาวทั้งสอง แต่จะเต็มที่ทุกครั้งที่เข้าห้องเรียน และจะตั้งใจอ่านหนังสือประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วผ่อนคลายสมองด้วยการทำกิจกรรมเล็กน้อยๆ แล้วค่อยกลับมาอย่างหนังสือ แต่ทุกครั้งที่ไม่เข้าใจวิชาอะไรก็จะหันไปถามพี่ป๊อบกับพี่ปอย จนบางทีเล่นมากไปจนพี่สองคนดุและเรียกให้ไปอ่านหนังสือด้วยกัน”
       
       หลังจากเรียนจบมัธยมต้น เมื่อป๊อบและปอย ตัดสินใจเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และตัดสินใจอยู่หอพักในช่วงใกล้จะจบ ม.6 ส่วนปลายเลือกที่จะอยู่ที่เดิมใช้ชีวิตกับเพื่อนที่สตรีวิทย์ แต่ 3พี่น้องยังกลับมาช่วยกันติวหนังสือ อ่านหนังสือด้วยกันตลอด จนกระทั่งถึงช่วงเวลาสำคัญที่ 3 สาวต้องตัดสินใจเลือกคณะเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย
       ป๊อบ อยากเป็น “หมอ” เพราะรู้สึกว่า อาชีพหมอเป็นวิชาชีพที่น่าภูมิใจไม่แพ้กับอาชีพอื่น ได้ช่วยเหลือคนอื่น ได้รักษาผู้ป่วยในเคสที่ยากๆ จึงตัดสินใจสอบโควต้าโครงการโอลิมปิกวิชาการ เลือกคณะแพทยศาสตร์อันดับ 1 หลังจากทราบผล ก็รู้ว่ามีรายชื่อสอบติดคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โครงการโอลิมปิกวิชา , คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โครงการแพทย์ทหารอากาศ , คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โครงการโอลิมปิกวิชาการ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
       
       “ตอนนั้นไม่ได้ลังเลอะไร ตัดสินใจเลือก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลทันที เพราะโดยส่วนตัวอยากเข้าเรียนที่ศิริราช คุ้นเคยกับที่นี้มาตั้งแต่เด็ก เห็นความเป็นแพทย์ที่นี้แล้วภูมิใจบอกไม่ถูกแถมยังได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่อบอุ่นและเป็นกันเอง จึงตั้งใจว่าจะเรียนหมอ และอยากเป็นแพทย์ศัลยกรรมเกี่ยวกับระบบประสาทอย่างที่ตั้งใจไว้”
       
       
ส่วน ปอย สาวนักวิชาการก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แม้ว่าช่วงแรกยังลังเลอยากจะเรียนวิศวกรรม แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเลือกเรียนแพทยศาสตร์ตามพี่สาวไปอีกคน“สมัยประถม มัธยมชอบเรียนคณิตศาสตร์ ชอบเรียนตัวเลข อยากเรียนเศรษฐศาสตร์ พอโตขึ้นมาอีกระดับเริ่มเรียนวิทยาศาสตร์หนักขึ้นก็อยากจะเป็น นักวิทยาศาสตร์ เป็นวิศวฯ แต่มาคิดดูอีกที เราเป็นผู้หญิงถ้าเรียนวิศวฯ คงสู้ผู้ชายไม่ได้ จึงตัดสินใจอยากเป็น “หมอ” ดีกว่า บวกกับความทรงจำตอนเด็กๆ ที่มีพี่เลี้ยงเป็นมะเร็ง อาการเริ่มไม่ดี ก็เลยเกิดความฝันที่อยากเป็นหมอที่รักษาโรคยาก อย่างโรคมะเร็งให้หายไปจากโลกนี้"
       

       ปอย บอกว่า หลังจากประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอมีรายชื่อเป็นนักศึกษาใหม่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โครงการ กสพท. , คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โครงการโอลิมปิกวิชาการ , คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ได้ทุน 10 คนแรก) , คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , โครงการทุนหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และในที่สุดปอยตัดสินใจเลือกเรียนคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เกี่ยวก้อยกับพี่สาวคนโตเข้าสู่คณะแพทยฯ ศิริราชไปอีกหนึ่งคน
       ส่วน ปลาย น้องสาวคนเล็ก ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะและวาดรูป แต่เจ้าตัวก็เลือกเรียน “หมอ” เหมือนกับพี่สาวทั้งสองคน ด้วยเหตุผลที่ว่า สมัยเด็กๆ เคยประสบอุบัติเหตุแล้วพบกับคุณหมอท่านหนึ่งใจดีมาก ปลายจึงสานต่อความรู้สึกนั้นด้วยการเป็น “หมอ”
       
       “ตอนเด็กๆ ปลายหัวแตก จนต้องเย็บแผล ปลายลองขอคุณหมอที่รักษาให้ช่วยเย็บแผลแบบไม่ต้องโกนผมได้ไหม ทั้งที่ตัวเองก็รู้ว่า ถ้าไม่โกนผม จะเย็บแผลลำบากมาก แต่คุณหมอใจดี ทำให้ ค่อยเย็บแผลๆ แถมไม่เจ็บเลยสักนิด จึงรู้สึกดีกับอาชีพหมอมาก บอกกับตัวเองว่า โตขึ้นจะต้องเป็นหมอให้ได้ และถึงแม้ว่าตอนมัธยมปลาย แอบมีใจให้คณะสถาปัตย์ไปบ้าง เพราะเป็นคนชอบวาดรูป แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะเรียนหมอที่วิทยาลัยแพทยพระมงกุฏ ซึ่งก่อนหน้านี้ ปลายมีรายชื่อติดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ แต่ก็ต้องสละสิทธิ์”
       

       ปลายบอกทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนเรียนเก่งเหมือนพี่สาวทั้งสองคน ออกแนวเฮฮามากกว่า และรู้ตัวดีว่า คงเป็นหมอที่รักษาเคสยากๆ ไม่ได้แน่ และไม่อยากเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ขอเป็นหมอที่มีคนไข้เข้ามาและรักษาได้ก็พอ แต่ถ้าจะให้ดีขอเลือกเป็นหมอกุมารเวช รักษาเด็กเล็ก
       และแน่นอนว่า ครอบครัวครัวถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะสนับสนุนให้ทั้ง 3สาวฝาแฝด “คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ขวางทางเลือกของเรา แถมยังสนับสนุนเราทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำกิจกรรม” ป๊อปพี่สาวฝาแฝดคนโต เอ่ยขึ้นด้วยความภูมิใจ
       
       ด้าน คุณแม่ คนเก่ง “สุจิน วงศ์ดามา" เล่าถึงบทบาทผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกสาวทั้งสามคนนี้ว่า คุณแม่เลี้ยงลูกเองตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุ 13 มีคนเลี้ยงคอยช่วยบ้าง แต่ก็พยายามเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน น้องป๊อบคนโต เรียบร้อย จิตใจดี ชอบนั่งสมาธิ เข้าวัดฟังธรรมะ ส่วนน้องปอย ลูกสาวคนกลาง คนนี้ออกแนววิชาการ มีหลักการ ชอบวางแผน ส่วนน้องปลาย ลูกสาวคนเล็กคนนี้ร่าเริง ฉลาด เป็นคนรู้เร็วแต่เบื่อง่าย ชอบร้องเพลง นับว่าโชคดีที่เราเลี้ยงลูกมาด้วยมือของเราแถมยังเป็นเด็กเลี้ยงง่าย พอมาถึงจุดนี้แล้วรู้สึกภูมิใจกับลูกมาก
       ส่วนเคล็ดลับการเลี้ยงลูกในแบบฉบับของคุณแม่คนเก่งนั้น คุณแม่สุจิน บอกว่า ไม่ชอบวางแผน จะให้ทุกอย่างเดินไปพร้อมกับปัจจุบัน เน้นเรื่องเรียนให้รู้เรื่องและเข้าใจง่าย เวลาเข้าชั้นเรียนสามารถตอบคุณครูได้ จะทำให้เด็กรู้สึกภูมิใจ ไม่เบื่อในการเรียน เพราะถ้าเด็กไม่รู้อะไร จะเบื่อ ไม่อยากทำอะไร คุณครูถามตอบไม่ได้ เด็กก็จะเริ่มเครียด
       
       “จำได้ว่าตอนที่มีลูก แม่ได้รับเลื่อนขั้นและต้องไปประจำการ แต่แม่ยอมที่จะไม่รับตำแหน่ง เลือกที่อยู่ใกล้ลูก เลิกงานก็กลับมาสอนการบ้าน คิดโจทย์การบ้านให้ลูกทำทุกวัน ช่วงปิดเทอมไม่ส่งให้ไปเรียนพิเศษ แต่จะเอาหนังสือเรียนของเทอมถัดไปมาให้ลูกอ่าน ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เรียนว่ายน้ำ เต้นบัลเล่ย์ เล่นดนตรี ถามที่ลูกถนัด เราส่งเสริมให้เขาทุกกิจกรรม ส่วนเรื่องการคบเพื่อน อนุญาตให้ลูกศึกษาและคบคนหลายประเภท เพราะเราเชื่อมั่นว่า ลูกคบเพื่อนดี แยกแยะออกว่าอะไรดีไม่ดี หลังจากที่เขาทั้ง 3 คนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม่ภูมิใจและสบายใจ เหมือนกับเราว่า หมดหน้าที่ของเราที่จะคอยดูแลชี้แนวทางอนาคตของลูกทั้ง 3 คน ต่อจากนี้ไปลูกต้องเลือกเอง”



เห็นแล้ว จขกท. อยากร้องกรี๊ด>< ทำไมเราไม่เก่งแบบนี้บ้างว่ะ  55
ขำ

แสดงความคิดเห็น

>

29 ความคิดเห็น

Cass tvxq 1 14 ส.ค. 56 เวลา 21:54 น. 2
 เราต้องทำให้ได้ 

แต่เค้าอยู่กันอย่างมีระบบดีเนาะ เรียกกันชวนกันมาอ่านหนังสือ ดีจัง 
0
ฮือออ 14 ส.ค. 56 เวลา 23:10 น. 3

แอบคล้ายบ้านเรา พี่2คนของเราก็เรียนหมอ แม่เราเลยบังคับให้เราตั้งใจเรียนเพื่อสอบหมอให้ติด โดยไม่ดูเลยว่าระดับสมองของเราจะถึงหมอเหรอเศร้าจัง

0
Nocebo-[D] 14 ส.ค. 56 เวลา 23:17 น. 4

นอกจากน้องเค้าเป็นคนขยันและเรียนเก่งแล้ว ยังรู้จักแบ่งเวลา เป็นอีกด้วย ซึ่งจุดนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้นะ

ปล ไม่ชอบชื่อกระทู้เท่าไร ที่บอกว่า สุดอัจฉริยะ สอบเข้าแพทย์ได้ อ่านครั้งแรกแล้ว บอกเลยว่า หมั่นไส้ 555 แต่อ่านเนื้อหากระทู้แล้วโอเค ดีมากก

0
เดกน้อย 15 ส.ค. 56 เวลา 10:23 น. 5

เหมือนเรื่องนี้เลย
แฝดสามใบเถาขวัญใจของประชาคมออนไลน์ในเวียดนามสัปดาห์นี้ แม้จะรู้จักชื่อทั้งสามคนก็ยังยากที่จะเรียกให้ถูกตัว นอกจากจะเรียกตามสีหรือตามลายเสื้อ แต่สามสาวเติบโตมาด้วยกัน ช่วยกันทำการบ้าน ช่วยกันติว ทำให้เรียนเก่ง เป็น "เด็กท็อป" มาด้วยกัน และในวันนี้ประสบความสำเร็จด้วยกันในด่านแรก ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจได้มากมายเท่านี้ ถึงแม้ว่าค่าเล่าเรียนของนักศึกษาแพทย์แต่ละคนตลอด 6 ปีข้างหน้า จะมากมายมหาศาลสักเพียงไรก็ตาม. -- ภาพ: เตื่อยแจ๋ออนไลน์.

.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ประชาคมออนไลน์ในเวียดนามพากันชื่นชมนักเรียนหญิงอายุ 18 ปี พี่น้องแฝดสาม ที่สอบเอ็นทรานซ์เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้ยกทีม มารดาเผยตั้งใจเรียนกัน และติวกันเองมาตลอด แฝดทั้งสามมีความตั้งจะให้ประสบความสำเร็จร่วมกัน และไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ชาวเน็ตต่างชื่นชมผลงานการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่และความสามารถของน้องแฝด ขณะเดียวกัน ก็แสดงความหนักใจกับค่าเล่าเรียนตลอด 6 ปีข้างหน้า

เหวียนเจิวแทง (Nguyen Chau Thanh) เหวียนซเวินแทง (Nguyen Dan Thanh) กับเหวียนบ๋าวแทง (Nguyen Bao Thanh) ได้กลายเป็นแฝดสามรายแรกของประเทศที่ทำได้เช่นนี้ ในการสอบเอ็นทรานซ์ที่ประกาศผลปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสามคนผ่านเกณฑ์คัดเลือกเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยการแพทย์และการเภสัชนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Medicine and Pharmacy University) สถาบันที่สร้างบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศมาแล้วเป็นจำนวนมาก

สถาบันการศึกษาเก่าแก่แห่งนี้กำลังเฉลิมฉลอง 66 ปีการก่อตั้ง และจะรับเฉพาะนักศึกษาที่ผ่านการสอบเอ็นทรานซ์ที่ได้คะแนนสูงเท่านั้น สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสกล่าว

อย่างไรก็ตาม สามใบเถาไม่ได้มีความประสงค์จะเรียนคณะแพทยศาสตร์แม้แต่คนเดียว ซเวินแทง กับเจิวแทง เลือกคณะการเภสัช ส่วนบ๋าวแทง เลือกคณะทันตแพทย์

“ทั้งสามเป็นนักเรียนท็อปมาตลอด 12 ปีที่เรียนมัธยมศึกษา” นางจีงถิทูบา (Trinh Thi Thu Ba) คุณแม่ที่ประกอบอาชีพค้าขายกล่าวกับสำนักข่าวยอดนิยมภาษาเวียดนาม

ครอบครัวของแฝดสามใบเถาพื้นเพเป็นชาว จ.โด่งนาย (Dong Nai) ซึ่งอยู่ติดนครโฮจิมินห์ แต่ส่งลูกสาวทั้งสามไปเรียนมัธยมศึกษาในนครใหญ่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ คุณแม่บอกว่าทั้งสามคนจะช่วยกันทำการบ้านมาตั้งแต่เล็กๆ หากการบ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่เสร็จก็จะไม่นอน หากไม่เข้าใจก็จะช่วยกันอธิบายจนเข้าใจ พ่อแม่ไม่เคยบอกให้สนใจ หรือตั้งใจเรียน ไม่เคยถามเรื่องทำการบ้าน แต่จะทำกันเอง ดูแลกันเอง และกลายเป็นนักเรียนเรียนดีทั้งสามพี่น้อง

“พวกเขามีกฎที่ไม่ประกาศอยู่เรื่องหนึ่งคือ จะต้องช่วยกันทุกอย่างเพื่อประสบความสำเร็จด้วยกัน” นางทูบากล่าว

คุณแม่กล่าวว่า ภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้เลี้ยงลูกทั้งสาม เพราะตอนคลอดมีคนขอ “ซื้อ” ไปเลี้ยง เนื่องจากไม่เชื่อว่าเธอจะมีปัญญาเลี้ยงลูกแฝดสาม และถึงแม้ว่าค่าเล่าเรียนในอีก 6 ปีข้างหน้าจะเป็นเงินมากมายมหาศาลเพียงไรก็ตาม เธอกับสามีจะฟันฝ่ากันต่อไปเพื่อให้ทั้งสามสาวมีอนาคตที่ดีคุณหมอปี 1 กำลังเรียนในห้องทดลองที่มหาวิทยาลัยการแพทย์และการเภสัช นครโฮจิมินห์ นี่คือสถาบันแห่งใหม่ของแฝดสามใบเถาซึ่งในวันนี้กลายเป็นทีมแรกของประเทศที่สามารถสอบเอ็นทรานซ์เข้าเรียนแพทย์ได้ยกทีม แต่ก็ไม่มีผู้ใดเลือกคณะแพทย์ศาสตร์สักคนเดียว สองคนแรกเลือกจะเป็นเภสัชกร อีกคนเลือกที่จะเป็นหมอฟัน. -- ภาพ: เฟซบุ๊กมหาวิทยาลัยฯ.

.
“ตอนนี้ฉันภูมิใจเป็นที่สุด ลูกๆ โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว มีคนจำนวนมากที่ทราบข่าว และมาแสดงความยินดีแก่ครอบครัวของเรา” นางทูบากล่าว

เรื่องนี้ยังเป็นที่กล่าวถึงกันมาในประชาคมออนไลน์เวียดนาม หลายคนถึงกับชมว่าแฝดสามใบเถาสามารถเป็น “โรลโมเดล” ให้แก่เยาวชนของทั้งประเทศได้ ชาวเน็ตจำนวนมากอำนวยชัยให้พรขอให้ประสบความสำเร็จ มีอนาคตอันสดใส เพื่อรับใช้สังคม และช่วยเหลือประชาชนในอนาคต

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ แฝดสามใบเถาสอบได้คะแนนสูงมาก ไม่เพียงแต่จะผ่านเกณฑ์แอดมิชชันของมหาวิทยาลัยการแพทย์ และการเภสัชฯ เท่านั้น คะแนนของเจิวแทง กับบ๋าวแทง ยังผ่านเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์นครโฮจิมินห์ ในขณะที่ ซเวินแทง ผ่านเกณฑ์คัดเลือกของมหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศ นครโฮจิมินห์เช่นกัน

ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในระดับต้นๆ ของเวียดนาม และคัดเอาเฉพาะนักเรียนที่ผ่านการสอบเอ็นทรานซ์ที่ได้คะแนนสูงมาก สื่อออนไลน์กล่าว

สำหรับมหาวิทยาการแพทย์และการเภสัชโฮจิมินห์ ก่อตั้งขึ้นในยุคที่ภาคใต้เวียดนามยังเป็นดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศส โดยแต่เดิมแยกกันเป็น 2 วิทยาลัยที่เป็นอิสระต่อกัน และพัฒนาต่อมาในหลายยุค จนถึงช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2518 จึงรวมเป็นสถาบันเดียวกัน ปัจจุบันมหาวิทยาลัยการแพทย์ฯ เปิดสอนเพียง 7 คณะที่เกี่ยวกับการแพทย์ และยาล้วนๆ

สถาบันแห่งนี้ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลของไทย กับมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งของมาเลเซีย เพื่อจัดการประชุมการเภสัชแห่งอาเซียนขึ้นเดือน ธ.ค.ปีนี้ในนครโฮจิมินห์.

ตกใจ

0
แม่ป้อมเอง 15 ส.ค. 56 เวลา 17:17 น. 8

เค้าเก่งกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว ชื่นชมกับความอุตสาหะมีมานะของเด็กทั้ง3 อยากจะถามคุณพ่อคุณแม่ว่าใช้อะไรเลี้ยงค้ะ...ถึงได้เก่งและน่ารักซะขนาดนี้...ปลื้มใจด้วยคน

0
รานี 15 ส.ค. 56 เวลา 18:49 น. 10

พี่ๆเก่งมาก แต่เราก็แอบเสียดายความสามารถของแฝดพี่ที่เก่งเลขกับแฝดน้องที่วาดรูปเก่งนะ แทนที่เราจะมีวิศวะที่เก่งอีกคน สถาปนิกที่มีพรสวรรค์อีกคน แต่สดท้ายกลับได้หมอมา 2คนแทน

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Seesor 15 ส.ค. 56 เวลา 20:58 น. 14

อาโระ =[ ]=
คนใช่มั้ยยยยย บอกที นั่นคนใช่มั้ยยยยย -0-
พ่อแม่เลี้ยงลูกเก่งค่ะ สุดยอดจริงๆ
พี่ๆ ทั้งสามก็เก่งมากๆๆๆๆๆ เลย
ทำได้ไงเนี่ย //อึ้งต่อ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เนื้อหาซ้ำ เคยโพสท์ไปแล้ว เพื่อความเป็นระเบียบกรุณาโพสท์กระทู้เพียงครั้งเดียว