7 step แห่งการค้นหาตัวเอง
ตั้งกระทู้ใหม่
คน ที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ฉันว่าน่าอิจฉากว่าคนที่ได้ทำงานที่มีเงินเดือนสูงๆซะอีกนะ เพราะการที่ได้ทำงานที่เรารักนั้น มันจะทำให้เราไม่รู้สึกว่ามันคือการทำงาน แต่เราจะรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ชีวิตส่วนตัวจะไม่ถูกแยกขาดออกจากการทำงาน เราจะทำงานแบบไม่ต้องรอคอยวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เราจะสนุกกับการแก้ปัญหา เราจะอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นๆโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ
ว่ากันว่า คนที่โชคดีที่สุด ก็คือคนที่ค้นพบว่าตนเองชอบอะไรและได้ทำในสิ่งที่ชอบนั้น
แต่การจะค้นพบความฝัน , สำหรับบางคน มันก็ไม่ง่าย อย่างเราเอง กว่าจะตอบคำถามนี้ได้ว่าชีวิตนี้อยากจะทำอาชีพอะไร ก็ปาเข้าไปตอนอายุ 25 ก่อนหน้านั้นก็อาจมีคำตอบอยู่บ้าง แต่ก็เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความรวนเรและไม่แน่ใจ บางสิ่งที่คิดว่าใช่ พอลองทำดูจริงๆอาจพบว่าไม่ ความฝันความสนใจบางทีมันก็เปลี่ยนไปตามวันเวลา ชีวิตก็ต้องตั้งคำถามและค้นหาต่อไป ซึ่งในที่สุดคำตอบใช่ ก็เริ่มปรากฏขึ้นมา
ต่อไปนี้ คือการประมวลเส้นทางการค้นหาความฝันที่ฉันใช้ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมาหลังจากเรียนจบ เผื่อว่าใครที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ จะได้ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู … นี่อาจไม่ใช่บทสรุปหรือทฤษฎีแห่งการค้นหา มันเป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งที่ฉันได้ใช้ และมันก็ได้ผล ใครที่ยังหาตัวเองไม่เจอ ก็ลองดูละกัน
ส่วนใครที่ค้นพบตัวเองแล้วก็…ดีใจด้วยอย่างแรงงงงงง
1. ทำความรู้จักตัวเองอย่างสุดๆ
วิธีการนี้ ได้มาจากพี่โหน่ง- วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ (ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day) ในหนังสือ a day story ที่เล่าถึงเรื่องราวกว่าที่จะมาเป็น a day อย่างทุกวันนี้
ในสมัยที่พี่โหน่งเรียนจบใหม่ๆและอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง วิธีการหนึ่งในการตอบคำถามที่ว่า “เราอยากทำอาชีพอะไร” ที่พี่โหน่งได้ใช้ ก็คือการหยิบกระดาษใหญ่ๆขึ้นมาแผ่นหนึ่ง แบ่งเป็นสองซีก ซีกแรกให้เขียนสิ่งที่ตัวเองชอบลงไปให้หมด เช่นชอบวาดรูป ชอบเที่ยว ชอบคุยกับคนชอบคิดเพ้อฝัน ฯลฯ ส่วนอีกซีก ก็เขียนในสิ่งที่ตรงข้ามกัน เช่น ไม่ชอบการอยู่ในระเบียบ ไม่ชอบทำงานออฟฟิศ ฯลฯ
หลังจากรู้จักความชอบ-ไม่ชอบของตัวเองเสร็จแล้ว ก็หยิบกระดาษขึ้นมาอีกแผ่นหนึ่ง แล้วแบ่งเป็นสองซีกเช่นเดียวกัน ซีกแรก เขียนสิ่งที่เราถนัดทั้งหมดลงไป เราทำสิ่งไหนได้ดี มีคนชม ก็เขียนมันลงไป ส่วนอีกซีก ก็ตรงข้ามกัน คือเขียนสิ่งที่ไม่ถนัดลงไป
นี่คิดขั้นแรกของการรู้จักตัวเอง เพราะเราคงหางานที่เหมาะกับเราไม่ได้ หากเราไม่รู้ว่าตัวเราเองเป็นยังไง
2. ออกนอกกะลา – หาประสบการณ์ –เพิ่มทางเลือกให้ชีวิต
อาชีพบนโลกนี้ มันมีหลากหลายมากกว่าที่เราคิดมากนัก ยิ่งเห็นโลกมาก ก็ยิ่งมีทางเลือกให้เลือกเดินมาก ในการนี้ ไม่จำเป็นต้องแบกเป้ออกเดินทางเท่านั้น เราสามารถนั่งอยู่กับบ้าน แล้วเดินทางไปพร้อมๆกับการอ่านหนังสือได้ อย่างเช่นนิตยสาร a day, นิตยสาร ฅ คน หรือหนังสือบทสัมภาษณ์ผู้คนต่างๆ นั่นแหละคือไกด์นำทางชั้นดี ที่จะพาเราไปเห็นการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพของผู้คนที่หลากหลาย ทำให้รู้ว่าบนโลกนี้มันมีอะไรให้ทำมากกว่าที่เราคิดมากมายนัก
เมื่อเห็นทางเลือกมากๆแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องเลือกว่า อันไหนล่ะที่จะเหมาะกับเรา
3. ตั้งคำถามอย่างจริงจังและหมั่นสังเกตตัวเอง
หากเราไม่คิดจะตั้งคำถาม ไม่คิดค้นหา แค่ทำในสิ่งที่เป็นอยู่ไปวันๆ เมื่อนั้นก็คงไม่ได้รับคำตอบ
อยากได้คำตอบ ก็ต้องตั้งคำถาม … แต่อย่าลืมว่า มันอาจไม่ได้มาในทันทีทันใด บางครั้งมันก็ต้องใช้ระยะเวลา อย่าใจร้อน ไม่ใช่ถามครั้งเดียวแล้วพอไม่ได้คำตอบก็เลิกถาม…มันไม่ใช่
ระหว่างที่เดินทางเปิดกะลาในข้อสอง เราก็ต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่า เรารู้สึกกับอาชีพต่างๆที่ได้รู้จักนั้นอย่างไร อาชีพไหนที่เราอ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้น ตาโต อันไหนที่ทำให้รู้สึกหัวใจเต้นแรง รู้สึกเกิดแรงอิจฉาว่า “เฮ้ย….อยากทำอย่างนี้มั่งจัง” ถ้าสังเกตตัวเองชัดๆ มันจะได้อาชีพที่ผ่านเข้ารอบมาในจิตใจจำนวนหนึ่ง
4. โยนคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ไปไกลๆ
นี่คือข้อที่ฉันรู้สึกว่าสำคัญที่สุดในการค้นพบความฝัน
ในวันที่ฉันค้นพบความฝันของตัวเองนั้น คือช่วงเวลาที่ฉันกำลังอ่านบทสัมภาษณ์ทีมงานนิตยสารเล่มหนึ่ง ระหว่างที่อ่านก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในจิตใจ รู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลกๆ เลยลองหยุดอ่านแล้วถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรกับจิตใจของเรา
คำตอบที่ได้มาจากส่วนลึกในใจพบว่า “มันคือความอิจฉา เราว่าเราอยากทำแบบนั้นบ้าง”
แต่ทันใดนั้น ความคิดอีกฟากฝั่งในใจก็สวนกลับมาว่า “จะเป็นไปได้ยังไง โอกาสมันน้อยมากนะ นิตยสารแนวที่อยากทำก็มีอยู่แค่ 2-3 เล่ม ประสบการณ์ก็ไม่มี มันยากมากนะที่จะได้ทำงานนี้ คิดหาทางอื่นดีไหม”
แต่ก่อนที่ความกลัวจะครอบงำจิตใจ ฉันก็ลองบอกตัวเองก่อนว่า “โยนคำว่าเป็นไปไม่ได้ทิ้งไปก่อน แล้วถามตัวเองดีๆก่อน ว่านี่น่ะ ใช่สิ่งที่อยากทำจริงๆหรือเปล่า”
เมื่อคำตอบโป๊ะเชะว่า “ใช่” …. ก็ นั่นไง ค้นพบแล้ว
ซึ่งถ้าถามว่าทำไมเพิ่งมาค้นพบเอาป่านนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้หรือ เมื่อคิดทบทวนดูล้วก็พบว่า “เคย” …… แต่ทุกครั้งที่รู้สึก มันกลับถูกคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ครอบงำไว้ จนทำให้เรามองข้าม-ความรู้สึกหัวใจเต้นแรงนั้นไป สิ่งที่ควรจะพบ ก็เลยไม่พบสักที
วางคำว่าเป็นไปไม่ได้เอาไว้ก่อน เพื่อที่จะ “ค้นพบ” ตัวเองว่าชอบอะไร
“ค้นพบ”ให้ได้ก่อน … ส่วนจะทำหรือไม่ทำ …. ไว้ค่อยคิดทีหลังก็ได้
17 ความคิดเห็น
7. ลงมือทำและกัดไม่ปล่อย
หากพบแล้วว่าสิ่งนั้นคือความฝัน
ความฝันจะไม่มีค่าเลย หากเราไม่ลงมือทำ
ก็อย่างที่พี่โตโต้บอกไว้ มันไม่มีประโยชน์ที่มัวแต่นั่งฝัน แต่ไม่ก้าวเดิน
เวลาสมัครงาน คำพูดที่แสดงความตั้งใจสิบหน้า มันมีค่าไม่เท่ากับผลงานหรอก
ถ้ารักสิ่งนั้นจริงน่ะ ไม่ต้องพูดมากหรอก ลงมือทำให้เห็นเลยดีกว่า
ที่มา : http://www.unigang.com/Article/12339
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ช่วยในการใช้ชีวิตนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ ตอนนี้หนูมีสิ่งที่อยากทำแล้ว และจะไม่ลังเลอีกต่อไป
ขอบคุณคับ สุดยอดมาก
เราเคยมีสิ่งที่อยากทำ แต่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่เหมาะกับเรา เราไม่เก่งด้านนั้นเท่าไหร่ แต่พออ่านข้อ 4 แล้ว บรรลุเลย
มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยยยย
โยนคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ไปไกลๆ
ขอบคุณนะค่ะ ^^ ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย :D
ไม่ได้จะแย้งว่ามันไม่จริงนะ แต่กรณีเราถ้าความฝันมันสูงมากๆล่ะ อย่างเช่นเป้นนักร้อง(เกาหลี) ค่ายSM เงี้ย ซึ่งหน้าตาไม่ได้ดีและไม่รวยพอที่จะศัลยกรรม แต่อยากเป็นล่ะ แบบนี้เราจะสลัดคำว่าเป็นไปไม่ได้ออกไปได้เหรอ
เราต้องประเมินตัวเองสิ
แต่ไม่แน่น้าาาา ถ้าความสามารถเข้าตาอาจจะได้เป็นก็ได้
หรือไม่ก็เปลี่ยนแนวคิดมาเป็น.. นักร้องไทย แต่ไปโด่งดังที่เกาหลีก็ได้หนิ
ขอบคุณมากๆนะคะ อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจมากๆเลย
พี่นิชคุณ ชัดๆ ไอดอลๆๆๆๆ
ขอบคุณมากค่ะ จะพยายามค้นหาตัวเองให้ได้
ทำให้หนูคิดได้ว่า คณะที่จบมาแล้งรวยๆ
มันไม่สำคัญเท่ากับคณะที่จบมาแล้วได้งานที่เรารักจริงๆ
ขอบคุณกระทู้นี้มาก
ขอบคุณนะ เรารู้สึกมีความหวังขึ้นมานิดๆแล้วล่ะ
น่าสนใจมากๆๆๆเลยค่ะ จะลองทำดู เพราะตอนนี้ก็ยังค้นหาตัวเองไม่เจอเลยว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบทำอะไร
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?