Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แปลบทละครเรื่องอิเหนา ช่วยหน่อยนะคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขัน

ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ จึงกระชั้นสีหนาทประภาษไป

ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่กรุง จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่

กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง

ว่าพลางทางมีพจนารถ สั่งอำมาตย์ตะหมังตำมะหงง

เร่งเกณฑ์พวกพลรณรงค์ ที่สามารถอาจองในสงคราม

เลือกสรรโยธีทั้งสี่หมู่ เคยทำลายค่ายคู่ขวากหนาม

แต่กองร้อยรบพันไม่ครั่นคร้าม ให้ครบสามสิบหมืนพื้นตัวดี

เอาวิหยาสะกำเป็นกองหน้า ตรวจตราเตรียมขบวนถ้วนถี่

อันกองหลังรั้งพลมนตรี ทั้งศรีอนุชาผู้ใจภักดิ์

กูจะเป็นจอมพลโยธา หนุนทัพลูกยาเข้าโหมหัก

ไม่เกรงวงศ์เทวาสุรารักษ์ ให้ปรากฏยศศักดิ์เสียครั้งนี้

ครั้นเสร็จสั่งมหาเสนา จึงถามขุนโหราทั้งสี่

เราจะยกพลไกรไปต่อตี พรุ่งนี้ดีร้ายประการใด

ฯ๑๔คำฯ




บัดนั้น พระโหราราชครูผู้ ใหญ่

รับรสพจนาภูวไนย คลี่ตำรับขับไล่ไปมา

เทียบดูดวงชะตาพระทรงยศ กับโอรสถึงฆาตชันษา

ทั้งชั้นโชคโยคยามยาตรา พระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพัน

จึงทูลว่าถ้ายกวันพรุ่งนี้ จะเสียชัยไพรีเป็นแม้นมั่น

งดอยู่อย่าเสด็จสักเจ็ดวัน ถ้าพ้นนั้นก็เห็นไม่เป็นไร

ขอพระองค์จงกำหนดงดยาตรา ฟังคำโหราหาฤกษ์ใหม่

อันการยุทธ์ยิงชิงชัย หนักหน่วงน้ำพระทัยดูให้ดี

ฯ๘คำฯ

เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี

ได้ฟังโหราพาที จึงมีพจนารถประภาษไป

เมื่อเราบัญชาการกำหนดทัพ แล้วจะกลับงดอยู่อย่างไรได้

อายแก่ไพร่ฟ้าเสนาใน จะว่ากลัวฤทธิไกรไพริน

จำจะไปต้านต่อรอฤทธิ์ ถึงม้วยมิดมิให้ใครดูหมิ่น

เกียรติยศจะไว้ในธรณินทร์ จงสุดสิ้นดินแดนแผ่นฟ้า

ประการหนึ่งถ้าว่าช้าวันไป ทัพใหญ่จะมาพร้อมดังดาหา

จะต้องหักหนักมือโยธา เห็นจะยากยิ่งกว่านี้ไป

สุดแท้แต่บุญกับกรรม จะฟังคำโหรานั้นหาไม่

ตรัสพลางเสด็จคลาไคล เข้าไปในชยนต์มณเทียรทอง

ฯ๑๐คำฯเสมอ

ฯลฯ

เมื่อนั้น ฝ่ายวิหยาสะกำเรืองศรี

ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง

แล้วยกพลนิกายกองหน้า ยาตราดำเนินนำทัพหลวง

ตีเมืองรายทางทั้งปวง เลยล่วงไปตามมรคา

ฯ๔คำฯเชิด

สิบวันดั้นเดินในไพรพง ก็สิ้นดงตกพุ่งเมืองดาหา



แลไปเห็นกำแพงพารา ทั้งมหาปราสาทเรียงรัน

จึงยับยั้งฟังองค์พระทรงยศ จะกำหนดให้ตั้งค่ายมั่น

กองทัพนับแสนแน่นนันต์ พร้อมกันหยุดอยู่ที่ชายไพร

ฯ๔คำฯเจรจา



เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่

เร่งรีบรี้พลสกลไกร มาใกล้ทิวทุ่งธานี

เห็นละหานธารน้ำไหลหลั่ง ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี

จึงดำรัสตรัสสั่งเสนี ให้ตั้งที่นาคนามตามตำรา

ฯ๔คำฯ

บัดนั้น ตะหมังรับสั่งใส่เกศา

ออกมาเกณฑ์กันดังบัญชา ให้โยธาถางที่นี่นัน

ทำค่ายหน้าค่ายหลังตั้งบรรจบ ยกหอรบขึ้นปรับสับวิหลั่น

ชักปีกกาขึงไปถึงกัน ผูกราวสามชั้นขันชะเนาะ

หว่างป้อมเป็นจังหวะระยะแย่ง ใส่บังตางาแซงมั่นเหมาะ

พูนดินเต็มตามสนามเพลาะ ไม่ไผ่เจาะรวงปล้องเป็นช่องปืน

บ้างปลูกโรงรถคชา ทั้งที่ผูกช้างม้ามิให้ตื่น

เสาตะลุงหลักแหล่งแปลงปืน พ่างพื้นปราบเลี่ยนเตียนตา

บ้างเร่งทำตำหนักน้อยใหญ่ เพิงรายรอบในซ้ายขวา

ข้างนอกค่ายปักขวากดาษดา ชักเขื่อนเข้าหาประจบมุม

บ้างจัดคนลำลองทุกกองเกณฑ์ ออกตระเวนนั่งทางวางหลุม

คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม ชั้นในให้ประชุมจตุรงค์

ฯ๑๒คำฯ

เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง

เห็นค่ายเสด็จพลันมั่นคง จึงชวนองค์โอรสธิบดี

ตรัสเรียกสองราชอนุชา เสด็จจากรถาเรืองศรี

พร้อมด้วยกิดาหยันเสนี จรลีขึ้นสุวรรณพลับพลา

ฯ๔คำฯเสมอ

บัดนั้น กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา

ออกสอดแนมอยู่นอกพารา เห็นไพรียกมาถึงชายไพร

กระบวนทัพก่อนหลังมาตั้งลง ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้

เสียงคนอึงอัดตัดไม้ ราบไปทั้งป่าพนาลี



ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่

แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย

ฯ๖คำฯเชิด



ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่

เล่าความแต่ต้นจนปรายไป โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน

ฯ๒คำฯเจรจา

บัดนั้น ปาเตะตกใจไหวหวั่น

ได้จดเอาถ้อยคำสำคัญ แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา

ฯ๒คำฯเสมอ

จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา

ว่าไพรีตีเมืองร่วงมา รี้พลโยธามากมาย

ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขาดสาย

บัดนี้มาตั้งอยู่เนินทราย ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน

ฯ๔คำฯ

เมื่อนั้น องค์ศรีปัตหรารังสรรค์

ได้ฟังปาเตะทูลพลัน พระทรงธรรมตริตรึกนึกใน

อันสึกครั้งนี้ซึ่งมีมา เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้

จึงเป็นเสี้ยนศตรูหมู่ภัย น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา

แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า

เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา ศึกมาถึงราชธานี

คิดพลางทางสั่งเสนาใน เร่งให้เกณฑ์คนข้นหน้าที่

รักษามั่นไว้ในบุรี จะดูที่ข้าศึกซึ่งยกมา

อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา

กับสองศรีราชอนุชา ยังจะมาช่วยหรือประการใด

แม้นจะเคืองขัดตัดรอน ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่

แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที

ฯ๑๒คำฯเสมอ

ฯลฯ

ร่าย

มาจะกล่าวบทไป ถึงสุหรานากงเรืองศรี

กับเสนากาหลังบุรี ยกพลมนตรีรีบมา



แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน ก็ลุถึงเขตขัณฑ์ดาหา

ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร

ฯ๔คำฯเชิด




ครั้นถึงกิ่งกลางพระนคร จึงให้หยุดพลนิกรน้อยใหญ่

แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล เข้าไปที่เฝ้าพระผ่านฟ้า

ฯ๒คำฯ

เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา

เห็นสุหรานากงพระนัดดา กับเสนากาหลังบุรี

จึงมีบัญชาปราศรัย เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี

ให้ยกมาช่วยต่อตี ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก

แต่การศึกครั้งนี้ไม่ควรเป็น เกิดเข็ญเพราะลูกอัปลักษณ์

จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก จึงหักให้สาสมใจ

อันองค์พระบรมเชษฐา เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่

เจ้ามาในทางพนาลัย ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา

ฯ๘คำฯ

เมื่อนั้น สุหรานากงวงศา

ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา ข้ามาแจ้งข่าวที่กลางคัน

พระปิ่นภพกุเรปันธานี ให้กะหรัดตะปาตีเป็นทัพขันธ์

ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา

ฯ๔คำฯ

เมื่อนั้น พระองค์ทรงพิภพดาหา

ฟังสุหรานากงนัดดา จึงมีบัญชาว่าไป

อันกะหรัดตะปาตีจะมาช่วย พอจะเห็นจริงด้วยไม่สงสัย

แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา

พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง เขายังไม่จากหมันหยา

จนสลัดตัดการวิวาห์ ศึกติดพาราก็เพราะใคร

เห็นจะรักเมียจริงยิ่งกว่าญาติ ไหนจะคลาดจากเมืองหมันหยาได้

ถึงมาตรจะมาก็จำใจ ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา

เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก ก้มพักตร์รบศึกไปดีกว่า

แต่ว่าวันนี้เจ้าเหนื่อยมา จงไปพักโยธาให้สำราญ

ฯ๑๐คำฯ



เมื่อนั้น สุหรานากงใจหาญ

ก้มเกล้าสนองพจมาน อันการสงครามครั้งนี้

จะขอเอาเมืองขึ้นบรรดามา กับโยธาสิงหัดส่าหรี

ยกออกโรมรันประจัญตี ดูทีฝีมือปัจจามิตร

ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง จะโหมหักมิให้ตั้งต่อติด

จะอาสากว่าจะสิ้นสุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์

แสดงความคิดเห็น

>