Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อังกฤษผุดเทรนด์แปลกบนเฟซบุ๊ก ท้าดื่มแบบพิสดาร ตายแล้ว 4

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
  อังกฤษผุดเทรนด์สุดเสี่ยงบนเฟซบุ๊ก ท้าเพื่อนดื่มของแบบพิสดาร ตายแล้ว 4 ราย

           เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 เว็บไซต์เดอะมิร์เรอร์ของอังกฤษ รายงานว่า วัยรุ่นวัยคะนองผู้เล่นเฟซบุ๊กชาวอังกฤษ ผุดเทรนด์แปลกใหม่ที่เรียกว่า NekNominate ท้าเพื่อนดื่มเครื่องดื่มแบบพิสดารหลากหลายรูปแบบ ล่าสุด เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย หลายฝ่ายออกโรงร้องขอให้เฟซบุ๊กแบนเทรนด์สุดเสี่ยงนี้

           รายงานระบุว่า เทรนด์เนคโนมิเนต (NekNominate) นี้ มีที่มาแรกเริ่มจากชาวเฟซบุ๊กออสเตรเลีย บรรดาวัยรุ่นวัยคะนองทั้งหลายจะผสมของเหลวหลายชนิดเข้าด้วยกันให้เป็นเครื่องดื่มที่ประหลาดหรือน่าอึ้งที่สุด จากนั้นก็ถ่ายคลิปวิดีโอขณะกระดกแก้วดื่มรวดเดียวหมดโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก โดยในตอนจบของคลิปก็จะมีการส่งต่อภารกิจให้เพื่อนสักคนของตัวเองรับหน้าที่โชว์ดื่มเครื่องดื่มแปลกประหลาดนั้นเป็นคนต่อไป โดยเพื่อนจะต้องทำภารกิจที่รับมาให้เสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง

           สำหรับเครื่องดื่มแปลกประหลาดที่ว่านี้ มีตั้งแต่การดื่มของแปลกอย่างเช่น เหล้าหลายชนิดผสมกัน ปัสสาวะตัวเอง เลือดกวาง เหล้าผสมอาหารสุนัข เหล้าแช่ปลาทองที่ยังมีชีวิต เป็นต้น นอกจากนี้ เนคโนมิเนต ยังหมายรวมถึงการดื่มเครื่องดื่มบางอย่างด้วยวิธีประหลาด ๆ อย่างเช่นการตีลังกาดื่มเหล้าจากส้วม รินใส่รองเท้าบูทแล้วดื่ม ขี่ม้าเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วดื่ม อีกด้วย

           แน่นอนว่าแม้เทรนด์นี้จะมัน สะใจ หรือฮาแค่ไหน แต่ก็เป็นเทรนด์ที่อันตรายไม่น้อย ทั้งจากวิธีการดื่มและสิ่งที่ดื่ม และล่าสุด เทรนด์ดังกล่าวได้ทำให้ชาวอังกฤษเสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย รายแรกคือ รอส คัมมินส์ ดีเจหนุ่มวัย 22 ปี ดื่มเครื่องดื่มปริศนาเข้าไปก่อนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล รายต่อมาคือ จอนนี่ เบิร์น ถูกพบจมน้ำเสียชีวิต คาดว่ากระโดดลงไปตามคำท้าหลังดื่มเครื่องดื่มพิสดาร ตามด้วย ไอแซค ริชาร์ดสัน วัย 20 ปี เสียชีวิตจากการดื่มเหล้า 1 ลิตรครึ่ง ซึ่งมีส่วนผสมของวอดก้า วิสกี้ ไวน์ขาว และเบียร์ และรายล่าสุด คือ สตีเฟน บรูคส์ เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าสูตรเดียวกับไอแซค

           จากการดื่มแผลงจนนำมาสู่การเสียชีวิตดังกล่าว จึงทำให้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต และอีกหลาย ๆ คน ออกมาขอให้ทางเฟซบุ๊กทำอะไรสักอย่างกับเทรนด์นี้ซึ่งมีการเปิดเพจอย่างเป็นทางการและเผยแพร่โดยตรงลงในเฟซบุ๊ก อีกทั้งยังมีการต่อต้านเทรนด์ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง เพราะหวั่นว่าจะทำให้เกิดความสูญเสียมากไปกว่านี้

#จากเว็บ 
http://hilight.kapook.com/view/97838
ถ้าซ้ำขอโทษนะค่ะ 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น