Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พ่อแม่ลำเอียง จนผมกลายเป็นตัวอะไรไม่รู้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมมีเรื่องทุกข์ใจมาก ต้องการความเห็นจากทุกคนครับ

พ่อแม่ผมรับลูกบุญธรรมมาหนึ่งคน ตั้งแต่ที่ผมจำความไม่ได้
เขาอายุมากกว่าผมหนึ่งปี หน้าตาดี ผิวขาวผ่อง น่ารักแต่เด็ก
ครอบครัวผมจึงกลายเป็นห้าคน มี พ่อ แม่ พี่ชายโต(ลูกแท้ๆ) พี่ชายกลาง(พี่บุญธรรม) และผมที่เป็นคนเล็ก(ลูกแท้ๆ)

เราชอบเล่นด้วยกัน ผมกับพี่บุญธรรมสนิทกันมาก พี่คนโตจะออกดุๆ ชอบทำร้ายผมอยู่เรื่อย
ตอนอยู่อนุบาล พี่บุญธรรมหน้าตาน่ารักมากๆ จนพ่อกับแม่พาออกงานบ่อยๆ ทิ้งผมให้อยู่บ้านกับพี่ชายคนโต ผมไม่คิดอะไร
พอขึ้นมัธยม พี่คนกลางมีแฟนคนแรก แอบคนทั้งบ้าน ผมรู้คนเดียว เพราะพี่เล่าให้ฟังเอง แล้วเขายังหน้าตาดีจนได้ออกงานโรงเรียน มีผู้หญิงมาชอบเยอะ ผมไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ จึงไม่ถามอะไรต่อ อิฉาบ้างที่พี่หล่อขึ้นทุกวัน

พอโตขึ้นถึงช่วงปวส พ่อพูดจ๊ะจ๋ากับพี่บุญธรรม พาไปหาของกินในตลาดด้วยกันบ่อยๆ แอบให้เงินไปกินขนมคนเดียว มากกว่าพี่คนโตเสียอีก พี่คนโตมีความคิดเป็นของตนเองแล้ว เลยเกลียดพ่อ ตอนนั้นผมยังเด็กมองว่าพี่เป็นแค่เด็กเกเร เท่านั้น ไม่เข้าใจพี่คนโตเลย ส่วนความสัมพันธ์ผมกับพ่อนั้นก็แย่เหมือนกัน แค่ผมทำจานแตกก็โดนตีจนเลือดออก สมัยนั้น ยังเด็กแค่ประถมอยู่เลย กลับถูกตีจนเลือดออก (ตอนนี้ผมโตแล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าพ่อกับแม่ทำอย่างนั้นกับผมได้ยังไง) ส่วนพี่น่ะเหรอ ทำผิดให้คาบไม้บรรทัด ยืนขาเดียว

อย่างโดนกดหัวกับน้ำ ผมก็โดนมาแล้ว แค่แปรงฟันไม่สะอาดเอง เคยโดนแม่ตีจนฟันหน้าหักเป็นเสี่ยงๆ (แม่ฟาดอย่างเดียว ไม่ดูว่าไหนก้น ไหนหน้า ไหนหลัง) เคยถูกตีครบเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์ เพราะล้างจานไม่สะอาด ในขณะที่พี่สอบตกได้ศูนย์คะแนน แม่ยังคงให้ยืนคาบไม้บรรทัดต่อไป พ่อแม่ทนไม่ได้เมื่อเห็นพี่ร้องไห้ ผมถึงกับกรีดร้อง ยกมือไหว้ขอชีวิต แม่ถึงจะหยุด (แค่ครั้งแรกนะ ต่อไปก็ไม่หยุดแล้ว)

ก่อนอื่นผมบอกก่อนว่า
พ่อของผมเป็นคนลำเอียงแบบเปิดเผย เลี้ยงแมวที่บ้าน ชอบตัวไหน ให้อาหาร ไม่ชอบก็ไม่ให้อาหาร ใครมาบ้านจะสังเกตได้ว่าแมวที่รักจะอ้วนฉุ แมวที่ไม่รักจะผอมแห้ง หน้าตาน่าเกลียดขึ้นทุกวัน ผิดกับแม่ที่ให้อาหารเท่ากันทุกตัว

ผมคิดว่าตนเองคงมโนไปเองที่พ่อแม่ให้ความรักพี่บุญธรรมมากกว่า ปลอบใจตนเองว่า พ่อกับแม่แค่ไม่อยากให้พี่บุญรรมรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินของบ้าน แบบว่าให้ความรักเยอะๆ จะได้ไม่น้อยใจที่ตนเองถูกพ่อแม่แท้ๆทิ้งไป

ช่วงหลัง ยิ่งโตมา พี่ชายผมยิ่งหล่อลากดิน พ่อผมปลื้มมาก แม่ผมซื้อเสื้อผ้าให้ใส่ ให้เงินไปซื้อครีมบำรุง
ผมยิ่งไม่มีตัวตนเลย ตั้งแต่เป็นเด็ก พ่อไม่เคยพูดจ๊ะจ๋าสักครั้ง ไม่เคยลูบหัว ไม่เคยถามว่าต้องการอะไร

อย่างหน้าผมเป็นสิวก็ไม่สนใจ ผมต้องหาวิธีรักษาด้วยตนเอง วันนึง ผมแตกหนุ่มจนมีกลิ่นตัวฟุ้งแทบได้กลิ่นไปแปดบ้าน พ่อแม่ก็ไม่ใส่ใจ จนเพื่อนในชั้นเรียนขอร้องให้ผมไปซื้อโรลออน(ชินกลิ่นตนเองจนไม่เหม็น) ผมไม่รู้จักโรลออนด้วยซ้ำ พ่อซื้อให้แค่ขวดแรก ที่เหลือก็ไม่ซื้อให้อีกเลย
ทีพี่ผมล่ะไม่ลืม ช่วงนี้พ่อพ่อรู้จักอ้อน อ้อนให้พี่โกนหนวดให้ ย้อมผมให้

ผมก็ยังไม่อิจฉาพี่ เพราะผมชอบพี่มาก ผมแค่น้อยใจพ่อกับแม่

ผมมีเหตุการณ์หนึ่งที่เปลี่ยนหัวใจผมไปตลอดกาล
ช่วงม.ต้น กระเป๋าตังค์ของพี่คนกลางหายไป ผมไม่ได้ขโมย ทีนี้ผมก็รู้เลยว่าต้องเป็นพี่คนโตแน่ๆ จะมีใครที่ไหนอีกล่ะ
พี่คนโตโทษผม ผมบอกว่าไม่รู้ๆ จนพ่อแม่ช่วยกันหา เจอในกระเป๋านักเรียนของงพี่คนโต
ผมโล่งใจนึกว่าจะโดนโบ้ยขี้
แม่เรียกพี่คนโตไปคุยส่วนตัวในห้อง พี่คนโตร้องไห้ส่ายหน้าไปมา ตามแม่ไปอย่างน่าสงสาร
พ่อเหน็บแม่ว่าเลี้ยงลูกยังไง(ตอนเกิดพ่อกับแม่แบ่งกันเลี้ยงลูกครับ พ่อต้องเลี้ยงผม แม่ต้องเรียกพี่คนโต)
ตอนเย็นของวันเดียวกัน แม่ลงบันไดมา จับไหล่ผมกระซิบว่า

กูรู้ว่า-ขโมย... ผมก็บอกว่าไม่ ไม่ใช่ผม ...แม่มั่นใจมากว่าผมแน่ๆ เอาแต่บอกว่า กูรู้ ต้องเป็น-แน่ๆ -โทษพี่ใช่มั๊ย บอกกูมา -โกหก...

ตอนนั้นผมตกใจมาก
ความเสียใจพรั่งพรูไม่หยุด มันแทบทำให้ผมเป็นบ้า ขนาดคนร้ายจับได้คาหนังคาเขา แม่ก็ยังคิดว่าผมเป็นขโมย
แม่ไม่ได้เชื่อใจผมเลย ผมเคยคิดว่าถึงพ่อไม่รัก ผมก็ยังมีแม่
แต่เปล่าเลย ผมตัวคนเดียวต่างหาก ในบ้านนี้ ไม่มีใครรักผมทั้งนั้น
ผมเก็บตัว ร้องไห้คนเดียว
สะอึกสะอื้นในความมืดของบ้าน กัดฟันไม่ให้ใครได้ยินเสียง
ในใจเอาแต่ถามว่าทำไมๆ ผมทำอะไรผิดเหรอ ทำไมพ่อกับแม่ถึงมองผมอย่างนั้น ทำไมพ่อกับแม่ไม่รักผมเลย
(ตอนนี้ความรุ้สึกนั้นยังติดแน่นในใจผม)

พ่อยังคงปรนเปรอเงินทองให้พี่ทุุกอย่าง ใครมาบ้านก็ชมว่าพี่หล่อ
ผมขี่มอไซด์เป็นก่อนพี่คนกลาง ขี่ไปไหนก็โดนสาวๆกรี๊ดให้พี่
แต่ผมไม่เคยอิฉาพี่เลย ผมชอบพาพี่ซ้อนท้ายไปซื้อของ ชอบมองพี่โดดเด่น ชอบให้คนชมพี่
เพราะพี่ไม่เคยแกล้งผม พี่บุญธรรมสนิทกับผม เราเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก

อย่างที่บอก ว่าเราสนิทกัน ผมเลยล่วงรู้ว่าพี่แอบคบกับผู้หญิงอายุเกือบสามสิบ
เค้ามีเงินมีรถ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวฐานะปานกลาง ก็เลยปรนเปรอให้พี่ไม่ได้เท่าเขา
ฝ่ายนั้นเข้าซื้อโทรศัพท์ ซื้อของแพงๆให้หลายอย่าง เรื่องเงิน พ่อผมสู้เขาไม่ได้

เชื่อไหม ว่าม.ปลายแล้ว ผมยังโดนตีอยู่
พ่อผมหาว่าผมไม่เอาข้าวให้ย่า(ให้แล้ว)
ก็เลยคว้าไม้กวาดตีผมแรงจนเลือดไหลเป็นทางออกมา หยดติ๋งๆ
ผมร้องไห้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะเจ็บแผล แต่เจ็บใจ
พ่อแม่เลิกทำโทษพี่ตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้ว ต้องเป็นเรื่องใหญ่ถึงทำโทษเช่น หนีไปเที่ยว กินเหล้าอย่างนี้
ทีผมแค่ตากผ้าผิดด้านยังโดนตีเลย ผมเสัยใจมาก ปิดประตูขังตนเองในห้อง พ่อเพิ่งรู้ความจริงจากปากย่า
แทนที่จะขอโทษ กลับพูดว่า -อธิบายไม่เข้าใจเอง ทั้งที่พ่อไม่หยุดคิดเลย ผมลงบันได พ่อก็ฟาดเลย ไม่ถามผมอะไรทั้งนั้น

เหมือนกับเรื่องอื่นๆที่พ่อไม่เคยถามผมเลย

นี่แค่เรื่องหนึ่งในร้อย ยังมีอีกหลายอย่างตอกย้ำว่าพ่อแม่ลำเอียง

ผมโตขึ้น รู้มากขึ้น เข้าใจอะไรมากขึ้น ...รู้แล้วว่าผมไม่ได้มโนไปเอง
พ่อแม่ลำเอียง รักพี่บุญธรรมมากกว่าจริงๆ และพ่อแม่ก็ไม่ได้แสร้งทำเป็นเนียนอะไรทั้งสิ้น
ทุกคนในหมู่บ้านรู้ข้อนี้ดี

จนวันนึง ผมไม่ขวนขวายความรักจากพ่อแม่อีก ผมโตขึ้นด้วยความรักในตนเอง

ผมเติบโตในห้องสี่เหลี่ยม ขังตนเเองในนั้นมาตลอด อ่านหนังสือนิยาย วาดรูป
จนทุกคนหาว่าโลกส่วนตัวสูง สันโดษ คบยาก
ก็จริงตามนั้นแหล่ะ ผมไม่เถียง

โตขึ้น ผมยินดีพาตนเองไปเรียนมหาลัยไกลบ้าน พ่อแม่ไม่สนใจว่าผมจะไปไหนอยู่แล้ว
แต่พี่ผมไม่ได้ พ่อกับแม่อนุญาตให้เรียนมหาลัยในจังหวัดเท่านั้น
แบบว่า...อยู่ด้วยกันจะได้อุ่นใจ แต่พี่ไม่อยากเรียนต่อ ขออยู่บ้านปีหนึ่ง แม่ก็ไม่ว่า

ผมกลับมาอยู่บ้านตอนวันสงกรานต์ ในตู้พี่ มีแต่เสื้อผ้าดีๆ ในขณะที่ผมใช้ชุดเดิมครบสี่ปี พี่มีความสุขดี ผมก็มีความสุขดี ผมไม่อยากได้เหมือนพี่อีกแล้ว

ผมเรียนจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เกรดพุ่งเกินสามจุดห้า พ่อแม่ที่ไม่เคยมีผมอยู่ในสายตา วันหนึ่งพาผมไปงานรวมญาติ บอกว่าตนเองดีใจที่เลี้ยงลูกได้ดี
ผมหน้าตึงมาก ผมเพียรพยายามด้วยเองล้วนๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ไม่อยากให้พ่อแม่อับอาย

พ่อเริ่มพาผมออกงาน บอกได้เลยว่าโคตรไม่ชิน (อย่างรุนแรง) โม้กับคนว่าผมได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง รักผมออกหน้า (ผมไม่ชิน วางท่าไม่ถูก)
พอกลับบ้านก็ไม่สนใจเหมือนเดิม แต่ด่าน้อยลง

ถึงตอนนี้ ผมเฉยๆ ชินชาอย่างบอกไม่ถูก
บอกแล้วว่าผมไม่ต้องการอะไรจากพวกเขาแล้ว ผมอยู่กับตนเองได้แล้ว ต่อให้พ่อแม่ยกบ้านทั้งหลังให้พี่ ผมก็ไม่เสียใจ ผมยินดีจะออกไปในตอนนั้นเลย เพราะผมรักตนเอง รู้ว่าตนเองมีค่า

วันที่สำคัญที่สุด คือ วันที่พี่หนีออกจากบ้าน ไปกับยายป้าอายุเกือบสามสิบคนนั้น พี่อายุยี่สิบสองอยู่เลย ดันไปทำเค้าท้อง พี่ขนของออกไปโดยที่พี่คนโตไม่รู้สักนิด เขียนจดหมายลวกๆว่าไม่ต้องตามหา ผมอึ้งมาก
อึ้งที่คนที่รับความรักจากพ่อแม่มากขนาดนั้น ทำไมจึงหนีไป
พ่อแม่ออกตามหาพลิกแผ่นดิน จนรู้ว่าบ้านยายป้าอยู่ไหน ไปขอร้องให้เขาคืนพี่บุญธรรมมา
แต่เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง พ่อแม่เสียใจมาก

น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกอะไร ทั้งเสียใจ ยินดีหรือเจ็บปวด

ผมทำความสะอาดห้องพี่ เก็บของพี่ทิ้งขยะ แล้วดำรงชีวิตตามปกติ

ผมคิดในใจว่า มันต้องรู้สึกสิ รู้สึกอะไรสักอย่าง จะดีใจหรือเสียใจก็ได้ แต่ปล่าวเลย ความรู้สึกผมว่างเปล่า

พ่อแม่ผมเสียใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม่เพ้อถึงพี่
ผมช่วยแม่ถามหาคนรู้จักของพี่ เพื่อตามพี่กลับมา

เพื่อนพี่ก็หลอก บอกว่าไม่รู้ ทำเป็นสงสารพวกผม
(พวกเขาช่วยกันวางแผนให้พี่ชายผมหนีไป) ผมไม่โกรธพวกเขา ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

ชีวิตผมได้ดี หน้าตาผมดีขึ้นด้วย เพราะผมรู้จักดูแลตนเอง มีคนจีบผมเยอะแยะไปหมด แต่ผมได้แต่ปฏิเสธพวกเธอไปอย่างสุภาพที่สุด เพราะผมไม่ได้รู้สึกรักพวกเธอจริงๆ ผมไม่อยากให้เธอเจ็บปวดกับเวลา
(ผมเคยลองตกลงคบกับผู้หญิงคนหนึ่งตอนม.ปลาย แต่ไม่เกิดความรักขึ้นเลย ผมบอกเลิกไปทั้งที่คบกันได้แค่เดือนเดียว)
ชีวิตผมก้าวหน้าอย่างหยุดไม่อยู่ งานจ่อคิว เงินทองเข้ามาเทมา ผมอายุยี่สิบสามแล้ว เปล่งปลั่งอย่างบอกไม่ถูก

ถึงตอนนี้ พ่อแม่เปลี่ยนไป พ่อแม่เริ่มเข้าหาผม ถามผมว่าอยากกินอะไรเป็นครั้งแรก วันหนึ่งผมกลับบ้านเจอชุดใหม่ในตู้ แม่บอกรักผมเป็นครั้งแรกในประโยคสุดท้ายของโทรศัพท์ พ่อแม่ห้ามผมกลับบ้านหลังสองทุ่ม พ่อแม่บอกว่าเป็นห่วงผม พ่อแม่อยากให้ผมกลับบ้านไวไว มาอยู่ที่บ้านจะได้อุ่นใจ

แต่รู้มั๊ย... ผมรู้สึกหนึ่งอย่าง .............ไม่ใช่ยินดีอะไรเลย
แต่เสียใจ ลึกเข้าไปข้างใน โดยที่ผมไม่ได้แสดงออกมา
ไม่รู้ทำไม ในใจผมมันเจ็บปวดอย่างไม่มีเหตุผล
ผมรู้จักตนเองดีมาตั้งแต่เด็ก แต่ผมไม่เข้าใจว่า ผมเจ็บปวดจากอะไร
ผมลองค้นเหตุผลดู ตัวอย่างเช่น เพราะพ่อแม่จะเอาเราไปแทนพี่รึเปล่า เพราะพ่อแม่เห็นว่าเรามีดีในตัวแล้วรึปล่าว แต่ก็ไม่ใช่ ทำไมผมถึงเจ็บปวดใจอย่างนี้ บอกผมที

ผมไม่อยากได้ความรักอีกแล้ว อยากให้พ่อแม่ไม่รักผมเหมือนเดิม ผมไม่ชินกับการถูกรัก ไม่ชินกับการพาไปไหนมาไหน
ผมชอบที่จะเป็นแมวผอมกะหร่อง อยู่ด้วยการหาอะไรกินในป่า ไม่ใช่ถูกเจ้าของยื่นจานข้าวให้

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกลายเป็นตัวอะไรไปแล้ว เป็นเด็กบาปหนักที่ไม่รักพ่อแม่ตนเองรึปล่าว

ผมไม่มีความสุขกับสิ่งที่พ่อแม่ให้เลย รู้สึกแย่ทุกครั้งที่พ่อแม่ทำดี
ถ้าคุณเข้าใจมัน บอกผมที ว่าผมเป็นอะไร

ตอนนี้ผมทำงานอยู่กรุงเทพ อาทิตย์หน้าผมจะกลับบ้านแล้ว กลับไปเจอความรักของพ่อแม่ที่ผมไม่ชิน
แล้วผมจะทำตัวอย่างไรต่อไป



เศร้าจัง

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

มุกิ๊ว~~น่าร๊ากก 29 พ.ค. 57 เวลา 23:23 น. 1

ค่ะ เอาจริงเราไม่เก่งพวกเรื่องแบบนีหรอกนะ แต่ทำไมไม่ถามไปตรงๆเลยหล่ะคะว่า

ตั้งนานทำไมไม่ทำดีด้วย ทำเพิ่งมาทำตอนพี่หายไปแล้ว 

เพราะเราว่าอาจจะเป็นแบบที่ จขกท ว่าก็ได้นะคะว่า จขกทจะมาแทนคนกลาง

อีกทฤษฎีหนึ่งที่หนูคิดได้คือ รับคนกลางมาเพื่อดูแลพวกท่านแล้วพี่กับคนโตจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องห่วงพ่อแม่หรือเปล่าค่ะ ที่ท่านต้องทำดีกับกลางเยอะๆเพราะ คนกลางจะได้มาดูแลพวกท่านตนแก่ ส่วนพี่ก็ย้ายไปใช้ชีวิตโดยไม่ต้องห่วงพ่อแม่... ก็เป็นได้นะคะ

สู้ๆค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ


0
รันชู 30 พ.ค. 57 เวลา 14:37 น. 2

พูดและคุยไปตรงๆดีกว่านะคะ แต่เราก็ไม่เคยเจอแบบคุณ พ่อแม่เราก็รักลูกเท่าๆกัน ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายนะคะ คุณอาจจะชินกับการที่ต้องอยุ่คนเดียวแล้วละคะ

0
Nike-Popp 30 พ.ค. 57 เวลา 20:04 น. 3

มันเห็นได้ชัดเลยค่ะ ถึงแม้ว่าคุณจะโดนกระทำอย่างนี้แต่คุณก็ลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่อีกคนที่ได้รับความเอาใจใส่กลับกระทำตัวไปอีกแบบนึง 

คุณเห็นจุดที่คุณยืนอยู่ตอนนี้ไหม เมื่อก่อน ถ้าเปรียบเทียบพี่คนกลางของคุณเขาหัดเดินโดยใช้ตัวช่วยเขา ถึงจะเดินไปโดยไม่ล้มเลย แต่มันไม่ทำให้เขารู้ถึงประสบการณ์ แต่คุณหัดเดินด้วยตัวเอง ล้มบ้าง เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่มันทำให้คุณอยู่ในจุดที่สูงกว่าคนอื่นในตอนนี้ :)) 

ถึงแม้คุณจะบอกว่าคุณไม่รู้สึกอะไร แต่เราอยากให้ถามตัวเองว่าเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า? หรือคุณแค่ปิดตัวเอง และพยายามบอกว่าไม่รู้สึก

ส่วนเรื่องพ่อแม่ตอนนี้คุณโตแล้ว คุณน่าจะถาม และบอกถึงความรู้สึกของคุณให้พ่อแม่คุณได้รู้ ให้ท่านได้เข้าใจในตัวคุณ เพราะคุณของไม่อยากเห็นท่านทำอะไรแบบนี้อีกใช่ไหม? 
ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ถ้าหันหน้าคุยกันนะค่ะ สู้สู้นะค่ะ จขกท. เราแค่แสดงตามความคิดเห็นของเรา เราเชื่อว่าคนที่เพียรพยายามมักจะได้ดีเสมอ

0
...NorTh... 31 พ.ค. 57 เวลา 11:20 น. 4

    ผมว่าคุณควรขอบคุณพวกเขานะ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร แต่คุณมาถึงจุดนี้ได้เพราะพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะร้ายหรือดี แต่อย่างน้อยเขาก็เิกดคุณมา เลี้ยงคุณมาแม้จะไม่ดีเท่าใคร แต่นั้นทำให้คุณ กลายเป็น "คุณ"
    ยังไงคุณก็ไม่ได้อยู่กับท่านตลอดเวลาอยู่เเล้ว ช่วงที่อยู่ก็ดูแลท่านซะ เพราะคนเรานะ ไม่ได้มีวันพรุ่งนี้เสมอ ไม่ว่าใครไปก่อน คุณจะได้ไม่เสียใจ ที่ไม่ได้ตอบแทนพวกเขา 
    แต่หากว่าคุณคิดว่ามันคุ้มกันแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเครียด หรือ คิดมากกับเรื่องนี้ 


เรื่องนี้อยู่ที่คุณจะคิด คนนอกอย่าผม คงออกความเห็นได้เท่านี้แหละครับ


0
in the night sky 3 มิ.ย. 57 เวลา 17:42 น. 5

คหสต.นะ^^
เราเองก็เป็นคนนึงที่โตมาด้วยตัวเอง แต่แบบไม่หนักขนาด จขกท.
แบบทิ้งเราไปตอนเด็กแล้วมาเลี้ยงตอนที่เราโตซึ่งเราเองก็ไม่ต้องการแล้วเหมือนกัน แต่สิ่งที่เราเลือกทำกับพวกท่านคือเลี้ยงดูท่านให้ดีที่สุดตามหน้าที่ลูกคนนึง แต่เราเองก็บอกพวกท่านเลยนะ ว่าไม่ต้องมาทำอะไรให้เพราะไม่ต้องการแล้ว (แบบพยายามพูดดีๆเพื่อไม่ให้ท่านเสียใจ) เพราะเราเดินได้ด้วยตัวเองแล้วนี่เนอะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ถึงอย่างนั้นเราคิดว่าอยากให้ จขกท. แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดก็น่าจะลองคุยกับพวกท่านดูล่ะกัน ยังไงก็สู้ๆเนอะ เราเป็นกำลังใจให้^^

0
ซากุระ ไอโกะ 11 ก.ค. 57 เวลา 20:26 น. 6

เฮ้อ มาทำดีเอาตอนนี้เนี่ยนะ? ช่างเถอะ คุณไมไ่ด้รู้สึกอะไรก็ดีแล้วล่ะ แต่คุณก็เลี้ยงดูเค้าอ่ะถูกแล้ว ถ้าเราเป็นคุณเราจะเลี้ยงดูเค้าแบบดีๆ ปกติ แต่คงไม่สนิทไม่ได้ไว้ใจได้อีก มันก็เหมือนแก้วที่ถูกทุบจนแตก ถึงเวลาจะผ่านไปและได้ถูกซ่อมอีกทีหลัง มันก็คงจะไม่เหมือนเดิม เราว่ามันคล้ายกับชีวิตคุณนะ ^^

เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อน เราเขียนมาตรงนี้แล้วพึ่งนึกได้ อย่าหาว่าเราเพ้อเจ้อเลยนะ พ่อแม่คุณโดนทำของรึเปล่า ทุบตีขนาดนั้นมันเกินไปแล้วล่ะ ลองคิดดูนะ แต่ถ้าไม่ก็ขอโทษด้วย
ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไปค่ะ ตั้งใจทำงาน หาเงินเยอะๆ เที่ยวนู่นนี่หาความสุขใส่ตัวมั่ง เกิดมาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม อย่ามัวเครียดเลยนะคะ ^^  

0
Impersonal 10 มี.ค. 62 เวลา 21:02 น. 7

เป็นเหมือนเราเลย เราไม่เจ็บแล้ว เรารู้สึกว่างูเปล่าแต่เป็นการว่างเปล่าแบบเคว้งคว้่างแบบบอกไม่ถูก วันๆมีชีวิตเพื่อใคร

0