Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

★ จากติ่งเกาหลีสู่นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลี

ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกคน เราชื่อ แพรวา  เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีปี 2014 ตอนนี้เรียนภาษาเกาหลีอยู่ที่สถาบันภาษามหาลัยสตรีอีฮวาจ้า ส่วนปีหน้าจะเรียนรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาลัยยอนเซจ้า เนื่องด้วยจะถึงวันเกิดเราอีกประมาณ 20 วันเราเลยอยากเผยแพร่สิ่งที่เป็นประโยชน์ เผื่อว่าจะช่วยให้ใครหลายๆคนทำตามความฝันให้เป็นจริงได้ นั่นคือทุนรัฐบาลเกาหลีนั่นเองเฮ้ เราจบม.ปลายจาก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สายการเรียน ภาษา-คณิตนะจ้ะ จริงๆแล้วเราเป็นคนที่บ้าเกาหลีธรรมดาคนหนึ่งแหละ ก็ติ่งเกาหลีทั่วไปนี่แหละ แต่เพราะการที่เราติ่งเกาหลีนี่แหละ เลยทำให้เรามาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย พร้อมแล้วไปอ่านกันดีกว่า 

หมายเหตุ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ 


ทุนรัฐบาลเกาหลีคืออะไร

สรุปง่ายๆเลยนะ ทุนนี้คือทุนที่ให้นักเรียนต่างชาติ (พ่อแม่ไม่ใช่คนเกาหลี) มาเรียนที่ประเทศเกาหลีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือข้อผูกมัดใดๆ โดยสาขาที่เรียนจะต้องใช้เวลาเรียนไม่เกิน 4 ปี (อย่างหมอที่เรียนเกิน 4 ปีก็ไม่ได้นะจ้ะ)

เรารู้จักทุนครั้งแรกตอนปี 2009 นู่นนนน ตอนมาเที่ยวที่เกาหลีครั้งแรก แล้วพี่ไกด์แนะนำว่าที่นี่มีทุนเรียนฟรีให้โดยรัฐบาลเกาหลี ก็รู้จักตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ทุนรัฐบาลเกาหลีจะเปิดรับสมัครช่วงเดือน ตุลาคม ใครสนใจก็เตรียมตัวให้ดีเลยจ้า 


การรับสมัครและการคัดเลือก

การสมัครทุนรัฐบาลเกาหลีจะสมัครผ่านสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย โดยจะต้อง เป็นนักเรียนชั้น ม.6 และเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.64  โดยเราสามารถเลือกมหาลัย (3 แห่ง) และคณะที่เรียนเองได้ 

**การเลือกมหาลัยสามารถเลือกได้ 3 แห่ง พอเราผ่านทุกอย่างแล้ว มหาลัยจะเป็นคนตอบรับเราเข้าเรียน ถ้าทั้ง 3 มหาลัยตอบรับ เราจะเป็นคนเลือกมหาลัย แต่ถ้าไม่มีมหาลัยไหนรับ จะหมดถูกตัดสิทธิ์ทุกทันทีจ้า

[เราเลือก 1. Yonsei University 2. Seoul National University 3. Korea University ทั้ง 3 มหาลัยตอบรับเราเข้าเรียน แต่เราเลือก  Yonsei University จ้า]


การคัดเลือกมีสองรอบหลักๆเลยคือ
1. รอบเอกสาร ทั้งหมดใช้ภาษาอังกฤษหรือเกาหลี เขียนหรือพิมพ์ก็ได้ 
- Letter of Recommendation ต้องให้อาจารย์สองท่าน เขียนว่าเราเป็นคนยังไง ออกแนวพรีเซ้นต์ตัวเราไรงี้ อันนี้แนะนำว่าควรติดต่ออาจารย์โดยไว ตอนเราทำคือไปโรงเรียนตอนปิดเทอมแทบทุกวันเลย เกรงใจอาจารย์ด้วย 
- Personal Statement อันนี้คือเขียนแนะนำตัวเรา ตอนเขียนให้คิดไว้เสมอว่า เราจะเขียนยังไงที่จะทำให้เค้าเลือกเรา จะพรีเซ้นต์ตัวเรายังไงภายในสองหน้ากระดาษเอสี่ (ห้ามเกินนี้นะจ้ะ) เราควรเขียนว่ามีกิจกรรมอะไรที่เคยทำที่มันสอดคล้องกับคณะที่เรียนหรือเกี่ยวกับประเทศเกาหลี การเขียนควรทำให้น่าติดตาม น่าอ่าน 
- Study Plan มีสองแบบคือ เราจะพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษและเกาหลีได้อย่างไร กับการวางแผนการเรียนในระดับปริญญาตรีรวมถึงเหตุผลที่เลือกมหาลัยและคณะนั้นๆ 

*ควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆเลย เพราะตอนเราทำคือทุกอย่างมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก พวกเอกสารรับรองขอเป็นภาษาอังกฤษเตรียมไว้ทุกอย่าง รีบติดต่อโรงเรียนไว้เลย แล้วก็ใครที่ที่อยู่ในสูติบัตรไม่ตรงกับในทะเบียนบ้านต้องให้กงศุลรับรองด้วยนะจ้ะ 
*ทุนรัฐบาลเกาหลี ต้องการผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลี เช่น TOEIC, TOEFL, TOPIK [ของเราใช้คะแนน TOEIC] 
*เกรดมีผลต่อการคัดเลือกแน่นอนจ้ะ ถ้าเกรดยิ่งเยอะ คะแนนจะยิ่งมาก เช่น 3.97-4.00 คิดเป็น 100 คะแนน [เกรดของเราถือว่ากลางๆไม่ได้ดีมาก ฉะนั้นถ้าทำส่วนอื่นดีก็มีสิทธิ์จ้า]
* ใครเขียนแล้วไม่ชัวร์ลองใช้ www.grammarly.com เช็คแกรมม่าดู ตอนเราทำคือมันจะมีคะแนนบอก แล้วก็บอกว่าหัวข้อไหนที่ยังทำได้ไม่ดี เราจะนั่งแก้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ 90 คะแนนขึ้นจ้า  
*เอกสารทำเป็นสามชุดนะจ้ะ ใช้เอกสารตัวจริง 1 ชุด ใส่ซองเอกสารแยกสามชุดแล้วใส่ในซองใหญ่อีกที ส่งไปที่สถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทยเลย

“ประสบการณ์ตรงตอนทำเอกสารคือเป็นช่วงที่ท้อมากๆเลย เพราะเขียนยาก แถมไม่รู้อีกว่าเขียนยังไงถึงจะดีจะถูกใจกรรมการ บางครั้งเราเห็นเพื่อนฟิตแกทแพทก็คิดเหมือนกันนะว่าเอาเวลาที่ทำทุนไปฟิคแกทแพทดีกว่ามั้ย 5555555 แต่พอเราคิดจะทำทุนแล้วคือเราจะต้องทำให้ดีที่สุด ไม่งั้นก็อย่าทำเลยดีกว่าจะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลังว่าถ้าตอนนั้นตั้งใจทำกว่านี้คงไม่พลาดแล้ว… “ 

ตอนส่งเอกสาร ช่วงนั้นปิดเทอมอยู่เราก็นอนอยู่บ้าน แล้วม๊าไปทำงาน พอเตรียมเสร็จ เราก็เอาเอกสารวางไว้หน้าห้อง แล้วแปะโน้ตไว้ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะได้หรือไม่ได้ แพรวทำดีที่สุดแล้ว” พอมาตอนเช้าเอกสารหน้าห้องก็หายไป แต่มีโน้ตแปะแทนที่ไว้ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะได้หรือไม่ได้ ป๊ากับม๊าก็รักแพรวที่สุด” 

ผ่านรอบเอกสารแล้ววววว คัดเหลือ 13 คนนะปีเรา ตอนนั้นคือกำลังเรียนพิเศษอยู่เลย แล้วมีพี่จากสถานทูตโทรมาว่าให้ไปสัมภาษณ์เวลานี้ๆ คือดีใจมาก ไม่รงไม่เรียนมันแล้ว5555555 คือแบบหายเหนื่อยเลยนะ



2. รอบสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษไม่ก็เกาหลีจ้ะ 
ถือเป็นรอบที่ยากและกดดันจริงๆ เพราะคัดจาก 13 คนที่แบบเกรดดีๆ พูดเกาหลีได้เลิศๆ เหลือคนได้ไปจริงๆ แค่สามคนเท่านั้น ตอนสัมภาษณ์เราเตรียมพอร์ตไปสามเล่ม เพราะพี่สถานทูตบอกว่า พอร์ตจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีควรเตรียมไปสามเล่ม ตอนแรกเราจะไม่ทำพอร์ตไป แต่ผลสุดท้ายก็เตรียมไปแบบไม่สวยเลย เพราะไม่มีฝีมือด้านนี้เลยซักนิด555555555 สถานที่สัมภาษณ์คือ สถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย ตอนไปถึงคือกดดันและตื่นเต้นมากๆ แบบจะตาย คิดไรไม่ออกสมองโล่งมากเลยแต่ว่า สิ่งที่สำคัญในการสัมภาษณ์คือ การไม่ตื่นเต้น สำหรับเราถ้าเราตื่นเต้นประหม่า ที่เตรียมไว้คือจบ ความน่าเชื่อถือหรือความมั่นใจจะหายไปทันที ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์เราก็เลยชวนเพื่อนที่รออยู่คุยซะเลย จะได้ลดความตื่นเต้นลง ของเราเรียนภาษาเกาหลีไปสิบชั่วโมงเพื่อเตรียมสัมภาษณ์ 

กรรมการมี 4 ท่าน กดดันสุดๆเลย ภาษาเกาหลีที่ได้พูดก็มีแนะนำตัว พอกรรมการยิงคำถามเกาหลีที่ไม่รู้มาเราจะตอบว่า 아직 잘 못 해요. 열심히 공부하겠습니다. (ยังต้องฝึกอีกเยอะ ต่อไปจะตั้งใจเรียนค่ะ) 

คำถามที่เจอแล้วอึ้ง
- เคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาทำไมไม่ไปเรียนที่นั้นล่ะ
- รู้มั้ยว่าที่เกาหลี Seoul Nation University คือที่ 1 แล้วทำไม เราเลือก Yonsei University อันดับ 1
ข้อนี้ตอบไปว่า  “ถึงคนอื่นๆจะให้  Seoul Nation University เป็นอันดับหนึ่ง แต่สำหรับหนูแล้ว หนูชอบ Yonsei  เพราะฉะนั้น Yonsei  คือที่ 1 สำหรับหนูค่ะ”

สิ่งที่ควรมีในการเข้าสัมภาษณ์คือ รอยยิ้ม ความอ่อนน้อม และความเป็นตัวของตัวเอง 
อย่าลืมไหวพริบในการตอบคำถาม


*สำหรับพอร์ตนั้น ปีนี้คนที่ได้มาที่นี่ ไม่ได้ทำพอร์ตมาก็มีจ้ะ
*นักเรียนที่ได้มาปีนี้มี 3 คน จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 2 คน โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช 1 คน
*3 คน เคยไปแลกเปลี่ยนกันมาหมดเลย (ปีนี้อาจจะไม่ได้เอาเด็กที่เก่งที่สุด แต่เอาเด็กที่ปรับตัวได้) 


สิ่งที่ได้จากทุน
- เรียนมหาลัยที่เราเลือกฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
- เรียนภาษาที่สถาบันสอนภาษาที่ประเทศเกาหลีเป็นเวลา 1 ปี เพื่อเตรียมตัวสอบ TOPIK และเข้าสู่มหาลัย  
- เงินเดือน(?) 800,000 วอนต่อเดือน หากได้ TOPIK ระดับ 5 จะได้อีก 100,000 วอนต่อเดือน
- เงินถุงขวัญ ให้ครั้งแรกที่มาถึงเกาหลี 200,000 วอน
- เงินรางวัลเมื่อเรียนจบ 100,000 วอน
- ประกันสุขภาพ
*นักเรียนทุนทุกคนต้องผ่านการสอบวัดระดับ TOPIK ระดับ 3 ถึงจะเข้าเรียนมหาลัยได้ หากไม่ได้จะถูกตัดสิทธิ์ทุน


 ที่เราได้ทุนมาเรียนเกาหลีก็เริ่มจากการที่เราติ่งนี่แหละ เพราะทำในสิ่งที่เราชอบก็เลยได้มาไกลขนาดนี้เราเลยอยากให้ทุกคนลองตั้งเป้าหมายดู ให้ทุกคนเค้ารับรู้ว่า การเป็นติ่งเกาหลีมันก็ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ชอบเกาหลีมากๆจนได้ทุนมาเรียนในที่สุด 


หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และก็เป็นกำลังใจให้ทำตามฝันให้ได้นะ


ทุนเกาหลี เริ่มทำวันนี้ก็ยังไม่สายไปนะจ้ะ 

รอเลี้ยงหมูย่างเกาหลีรุ่นต่อไปอยู่นะ



ข้อมูลเพิ่มเติม 
www.studyinkorea.go.kr


เมนชั่นมาถามในทวิตได้ที่ 
@TPaewa


สำหรับวันนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า
:-)

แสดงความคิดเห็น

>

21 ความคิดเห็น

Olaa 7 มิ.ย. 57 เวลา 16:43 น. 2

มีไหวพริบในการตอบคำถามยอดมากเลยค่ะ เป็นเราเราคงตอบไม่ได้ขนาดนี้ /ซับ/

พยายามเข้านะคะคนที่ต้องการจะชิงทุนไป เราเอาใจช่วย ฮึบๆ

0
มาจอริ๊ก้า 7 มิ.ย. 57 เวลา 17:35 น. 3

คะแนนTOEICพี่ได้ประมาณเท่าไหร่คะ รบกวนขอเฟสหรือทวิตไว้ปรึกษาได้มั้ยคะ คือเค้าอยากไปมาก แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย T^T แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ

0
่jucguezz 8 มิ.ย. 57 เวลา 19:29 น. 5

มาอ่านกระทู้นี้แล้ว มีกำลังใจเลยค่ะเรากำลังเตรียมเอกสาร แต่ตอนนี้จบม.6แล้ว แต่รอ แอด

0
quasar_z 8 มิ.ย. 57 เวลา 19:46 น. 6

 ชอบประโยคนี้ มากเลยค่ะ

" การเป็นติ่งเกาหลี มันก็ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ "

มีกำลังใจในการทำตามความฝันขึ้นเยอะเลย บางคนมองติ่งเกาหลีไร้สาระ  แต่อย่างน้อยก็ทำตามสิ่งที่เราหวังไว้ ได้อย่างภาคภูมิใจ หูยยยยย ชอบกระทู้นี้มากๆเลยยย พี่เก่งมากเลยอ่าา

0
myyyyk. 8 มิ.ย. 57 เวลา 20:22 น. 8

พี่เเพรว่านี่ไอดอลเราเลย จำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยเจอกระทู้พี่ด้วยอันนึง..ใช่รึเปล่า? 555555555555555 
ขอบคุณมากนะคะ เรามีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลย

เหตุเกิดจากความติ่ง สู้ตายยย เดี๋ยวจะตามไปนะคะ 5555

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Mekhala 9 มิ.ย. 57 เวลา 16:22 น. 12
อ่านกระทู้นี่มีกำลังใจสุดค่ะชอบโดนว่าติ่งเกาหลีวันๆจะทำอะไรนอกจากบ้าผู้ชายบ้านักร้องไปวันๆ

              คือเจ็บอะ TT

คอยดูจะทำให้คนอื่นเลิกดูถูกติ่งเกาหลีไปเลยยยยยยย

0
TKFletgo 9 มิ.ย. 57 เวลา 23:07 น. 14

ชอบความคิดเห็นที่พี่ไม่เลือกโซลว่าเลยค่ะ มันเด็ดเดี่ยวและะมั่นคงมาก พี่เป็นกำลังใจของหนู เป็นไอดอล ซึ้งมากเลยค่ะ ตอนพี่แปะโน๊ตแล้วป๊ากับม๊าตอบกลับ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย ขอบคุณพี่แพรวามากๆนะคะ ที่จุดฝันหนูขึ้นมาอีกครั้ง ^^รักเลย

0
มะติ่วติ้ว 10 มิ.ย. 57 เวลา 10:31 น. 16

ถ้าไม่ได้คลั่งไคล้แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนอะไรสักอย่าง

อย่าเรียกตัวเองว่าติ่งเลยครับ มันดูไปในทางลบมากกว่า คนที่ชอบเกาหลี

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆครับ

เยี่ยม

0
Yonghaka 10 มิ.ย. 57 เวลา 16:08 น. 19

อ่านแล้วกำลังใจที่จะไปเกาหลีฮึดสู้มากๆเลยค่ะ จะพยายามทำในแบบที่ชอบนะค่ะ?

0
Tama 10 มิ.ย. 57 เวลา 17:08 น. 20
รอเลี้ยงหมูย่างเกาหลีรุ่นต่อไปอยู่นะ <<< ทำเอาเราแทบร้องไห้ เหมือนพี่สาวบอกเป็นนัยๆว่า พยายามเข้าพี่รออยู่นะ อะไรแบบเนี้ย TT^TT
0