30 ปี "น้ำพุ" (2527) ภาพยนตร์ไทยในความทรงจำช่วงยุค 80
โปสเตอร์ภาพยนตร์ "น้ำพุ"
โปสเตอร์อีกเวอชั่นหนึ่ง
โปรโมทหนังทางหนังสือพิมพ์ มีการฉายรอบปฐมทัศน์เพื่อการกุศลก่อนฉายจริงใน 2 วัน
ครูเล็ก ภัทธาวดี มีชูธน รับบทเป็น สุวรรณี สุคนธา
หนุ่ย อำพล ลำพูน รับบทเป็น น้ำพุ หรือ วงศ์เมือง นันทขว้าง
ช่วงเรียนมัธยม มีเพื่อนชื่อ "อ๊อด" ชอบหนีเรียนเป็นประจำ อ๊อดมีปัญหาครอบครัวเช่นเดียวกับน้ำพุ แต่ไม่หลงระเริงติดยาเหมือนน้ำพุ
ช่วงแรกๆแม่กับน้ำพุยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง เลยต้องขออยู่กินกับบ้านคนอื่นๆ ฉากนี้แม่เขียนจดหมายถึงน้ารัน
ในที่สุดได้มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว อยู่กันพร้อมหน้ากับครอบครัว
พอน้ารันเข้ามาอยู่ น้ำพุชักจะต่อต้าน ทั้งๆที่น้ารันดีกับน้ำพุมาก ช่วงแรกน้ำพุติดกัญชาก่อน แล้วฝันละเมอว่าอยู่กับแม่อย่างมีความสุข
จากนั้นแม่ได้ซื้อรถคันใหม่ แต่น้ำพุใช้ไปเที่ยวเตร่กับเพื่อน จนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา
พอมีปัญหาจากบ้าน น้ำพุมาอยู่กับเพื่อนเสเพลชวนติดยาจนถูกตำรวจจับ กอนจะส่งเข้าบ้านเมตตา
หลังจากน้ำพุออกจากบ้านเมตตาแล้ว และสอบติดโรงเรียนช่างศิลป์ เลยต้องมาฉลองกับครอบครัวที่ทะเล
พอเรียนช่างศิลป์ได้มีเพื่อนอย่าง จุก แต่น้ำพุยังใช้ยา จนจุกใช้ยาตาม
น้ำพุสารภาพกับแม่ว่าติดยา เลยต้องไปบำบัดที่ถ้ำกระบอกพร้อมจุก
และแล้วน้ำพุกลับมาใช้ยาอีกครั้ง คราวนี้ฉีดเฮโรอีนเข้าเส้นเลือดจนเกิดอาการซ๊อคและเสียชีวิตในโรงพยาบาล
ยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับในเรื่องให้ วรรษมนกับอำพลซ้อมบท ก่อนจะถ่ายทำจริงในฉากไปเวียนเทียนวิสาขบูชา
ถ่ายทำฉากช่วยชีวิตน้ำพุในโรงพยาบาล
สุเชาว์ พงษ์วิไล รับบทเป็น ทวี นันทขว้าง พ่อของน้ำพุ
อำพล และภัทธวาดี ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร a day เมื่อปี 2543
น้ำพุ สร้างมาจากชีวิตของครอบครัวของ สุวรรณี สุคนธา นักเขียนชื่อดัง รวบรวมจากหนังสือ เรื่องของน้ำพุ และ พระจันทร์สีน้ำเงิน นวนิยายของเธอที่เขียนเรื่องราวชีวิตจริงของครอบครัวของเธอ โดยการเอาตัวละครจากนวนิยายมาเปลี่ยนจากชีวิตจริงอย่าง น้ารัน แทนน้ำแพท
เรื่องราวเกี่ยวกับน้ำพุ หรือ วงศ์เมือง นันทขว้าง ลูกชายคนเดียวของสุวรรณี เพราะมีลูกสาวอีก 3 คน และเป็นคนชายขอบของครอบครัว มีปมปัญหาครอบครัวที่หย่าร้างกันสมัยวัยเด็ก ใช้ชีวิตเสเพลไม่ว่าหนีเรียน เที่ยวเตร่ และสูบบุหรี ก่อนจะติดยาตามคำแนะนำจากเพื่อน ระยะแรกติดแค่กัญชาก่อนจะใช้เฮโรอีนตามหลัง ส่วนการใช้ชีวิตน้ำพุกับแม่ได้อยู่อาศัยกับบ้านคนอื่น เพราะยังไม่มีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่ง พอแม่ไปต่างประเทศให้น้ำพุไปอยู่อาศัยกับตายายที่แฟลต พอแม่กลับมาพร้อมข่าวดีว่าได้มีบ้านแล้ว เลยอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากับพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ทว่าน้ารัน คู่ครองชีวิตคนใหม่ของสุวรรณีมาขออยู่บ้าน เป็นจุดชนวนที่ทำให้น้ำพุใช้ชีวิตเสเพลกับเพื่อน ไปเที่ยวเตร่ตามผับ แล้วได้พบกับกิ๊บ สาวใจแตกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คืนนั้นฝนตกหนักน้ำพุพากิ๊บเข้ามาอยู่บ้าน พอแม่เห็นกลับไม่พอใจ จึงเป็นให้น้ำพุหนีอยู่กับเพื่อนเสเพลหลายคน แล้วเปิดปราตี้พี้ยาจนตำรวจจับ และส่งไปที่บ้านเมตตา พอพ้นโทษ น้ำพุสอบติดโรงเรียนช่างศิลป์ แล้วพบรักกับแก้ว และคบเพื่อนใหม่อย่างจุก แต่น้ำพุยังใช้ยาอีกตามเคย จนจุกติดยาตาม พอแก้วเห็นจนเอือมระอา และเลิกคบกับน้ำพุ จากนั้นน้ำพุอยากจะเลิกยา เลยยอมรับกับแม่ว่าติดยา ก่อนจะไปบำบัดที่ถ้ำกระบอกพร้อมจุก หลังจากบำบัดเสร็จ แต่กลับไม่สร้างไม่ประทับใจของครอบครัว รวมทั้งแก้วด้วย น้ำพุตัดสินใจเดินทางไปทางมืดอีกครั้ง โดยการฉีดเฮโรอีนเข้าเส้นจนเกิดอาการช๊อค และเสียชีวิตในโรงพยาบาล
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับการแสดงโดย ยุทธนา มุกดาสนิท ใช้ระบบการถ่ายทำแบบเสียงในฟิลม์ เพราะที่ผ่านมามีการใช้พาษย์เสียง ซึ่งต้นทุนสูง ทีแรกทางค่ายไฟวสตาร์ไม่อนุมัติให้สร้าง แต่แอบถ่ายทำอย่างเงียบๆ พอทางค่ายรู้เลยให้หยุดสร้าง ก่อนจะเปลี่ยนใจให้สร้างภายหลังจนถ่ายทำเสร็จ ทำรายได้ทะลุ 15 ล้าน (เยอะมากๆในสมัยนั้น) และคว้ารางวัลตุ๊กตาทอง 2 รางวัล ทั้งรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลง และนักแสดงนำชาย (อำพล ลำพูน) ก่อนจะมีผลงานสร้างชื่อที่โด่งดังอย่าง ผี้เสื้อและดอกไม้ (2528) และ หลังคาแดง (2530) รวมทั้งจัดเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ในปี 2556 ด้วย
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สุวรรณี ไม่ได้ชื่นชมผลงานเรื่องนี้ เนื่องจากถูกฆ่าชิงทรัพย์ โดยฝีมือของเด็กช่างกลเพื่อต้องการทรัพย์สิน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2527
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip และ 70-90 memory-blogspot.com
3 ความคิดเห็น
ถ้าคุณได้ดูเวอร์ชั่นอำพลในตอนนั้น.. มันอินกว่าตอนเด็กรุ่นนี้เล่นเยอะ หนังในความทรงจำเลยแหละ.
ดีใจค่ะที่เห็นเรื่องราววรรณกรรมและภาพยนตร์ที่มีส่วนกระตุ้นสังคมในพื้นที่นี้
และขอชื่นชมการนำข้อมูลมาประกอบการเขียนบทความนี้ด้วยนะคะ
อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจกับชะตากรรมของน้ำพุและแม่ของเขา-คุณสุวรรณี
และทำให้ภาพยนตร์และหนังสือมีความน่าสนใจขึ้นมาทันทีค่ะ
ขอท้วงประเด็นเดียว การระบุว่า ถูกฆาตกรรมโดยใครนั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้คำว่า "ฝีมือ" แล้วตามด้วยชื่ออาชญากร เพราะว่า คำว่า "ฝีมือ" หมายถึง ความสามารถในเชิงช่างที่เกี่ยวพันกับศิลปะค่ะ ที่ถูกต้องคือ "น้ำมือ" หรือ "การกระทำ" ของ.....จึงจะเหมาะสมและถูกต้องที่สุดค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?