Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[แชร์ชีวิต] เด็ก 57 ขี้เกียจมหาประลัย ขี้เกียจยังไงให้ได้ที่เรียน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวเด็กดีทุกคน
เราคือเด็ก 57 ที่พึ่งผ่านพ้นมรสุมและกำลังจะเจอกับฟ้าหลังฝนที่สวยงาม
เห็นคนอื่นรีวิวชีวิตก่อนติดและหลังติดเพื่อเป็นแนวทางให้กับน้องๆ
เราก็เลยอยากลองทำดูบ้าง ถ้าใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม ขออภัยมา ณ ที่นี้ นะคะ

ก่อนอื่นจะบอกว่าเราเป็นเด็กที่ค้นหาตัวเองเจอได้ช้ามากและมีความขี้เกียจเป็นต้นทุนสุดๆ

ตอนม.4 อยากเรียนพวกรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
ตอนม.5 เริ่มเอนมาทางโบราณคดี เอกโบราณคดี
ตอนม.6 เริ่มรู้แล้วว่าต้องเข้าพวกมนุษย์ฯ อักษรฯ หรืออะไรที่เกี่ยวกับภาษา

คือตั้งแต่ประถมฯจนถึงม.ปลาย วิชาที่เราเก่งและทำได้ดีคือ ประวัติศาสตร์และภาษาไทย
นอกนั้นจะอยู่ระดับกลางๆ เราเรียนสายอังกฤษ-ฝรั่งเศส แต่ไม่เคยได้เกรด 4 ฝรั่งเศสเลยแม้แต่ครั้งเดียว และวิชาที่จะได้เลข 1 ตัวผอมๆตลอดเวลาก็คือวิชาคณิตศาสตร์ ก็รู้กันอยู่ว่าเด็กศิลป์กับคณิตฯ ยาขมมากจริงๆ
ม.4 ไม่ทำอะไรเลย แต่ก็ยังตั้งใจเรียนในวิชาที่ชอบ
ม.5 ไม่ทำอะไรเลย แต่ก็ยังอ่านและตั้งใจเรียนในวิชาที่ชอบ เวลาลืมเรื่องไหนก็กลับไปอ่านอีกรอบ

ใช่...ทุกคนอาจจะด่าเราบ้า แต่เราตั้งใจเรียนแค่วิชาภาษาไทย คือไทยทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวรรณคดี ภาษาเพื่อการสื่อสาร การวิเคราะห์วรรณคดี เสียงของภาษาไทย โชคดีที่ฟ้าประทานสมองมาให้ สมองเราถ้ามันนึกอยากจำอะไรไว้ มันจะจำไปตลอด ถึงลืมนิดๆถ้ากลับไปอ่านก็คือจะจำได้

พอม.6 เราก็ยังคงเกเร ไม่อ่านหนังสือ ทำตัวเหมือนเด็กมีที่เรียน
มศว ซึ่งเปิดสอบมาในสนามแรก
เราเลือกสอบคณะสังคมศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ ซึ่งเราคิดว่ามันเข้ากับเราที่สุดละ
บอกเลยว่า คิดผิด พอยิ่งทำข้อสอบไป นั่งคิดไป ยิ่งรู้สึกว่า ..."ทำไมไม่สอบมนุษย์ฯไทยวะ"
พอผลออกก็ไม่ติด ยิ่งทำให้คิดว่า "ที่คิดว่าตัวเองเก่งสังคม แม่งหลอกตัวเองว่ะ" หลังจากนั้นก็เบนเข็มมาทางอะไรก็ได้ ขอเอกไทยไว้ก่อน
หลังจากสอบ มศว เสร็จ เราก็ไม่ได้ลงที่ไหนไว้เลย
แล้วก็ไปสอบเจ็ดวิชาสามัญ ซึ่งเราลงไว้แค่ 3วิชา คือ ไทย สังคม และอังกฤษ
ผลออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจมาก คือ เราทำเจ็ดวิชาสามัญวิชาภาษาไทยได้ถึง 90 คะแนน (แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ยื่นตรงที่ไหนเลย)
แกทอีก 206 ถามว่าโอเคมั้ย ก็โอเคสำหรับเด็กที่ไม่อ่านเลย แต่มันก็ยังไม่สุดไง

จุดพลิกชีวิตมันอยู่ตรงที่เราเห็นประกาศรับสมัครสอบร.ร นายร้อยตำรวจ
เราว่ามันตอบโจทย์เราดี คือแม่เราอยากให้เรารับราชการ ส่วนเราก็อยากเรียนอะไรแบบนี้
ข้อสอบมันก็มีพวกฟิสิกส์ เคมี เลขแบบยากมากๆ ภาษาไทยและอังกฤษ
ซึ่งเราพอเห็นข้อสอบเราก็เลยขอแม่ไปเข้าคอร์สติวแบบกินนอนที่ร.รกวดวิชา
เพื่อนส่วนมากที่นั่นมาจากต่างจังหวัด ทุกคนขยัน มีแต่เด็กสายวิทย์ฯ เราเป็นเด็กศิลป์ฯคนเดียวในคอร์ส
ทีแรกเรากะจะเรียนเลขและวิทย์ให้เข้าใจ จะได้ทำข้อสอบได้
แต่พอเริ่มคิดไปคิดมา เราก็เลยใช้เวลาในนั้นเน้นสิ่งที่ตัวเองทำได้คือ อังกฤษและไทย
เพราะมันเหลือเวลาภายใน 15วัน เด็กที่เห็นเลขกับวิทย์เป็นยาขม คงไม่สามารถยัดอะไรยากๆเข้าหัวได้
เราคิดแบบนั้น..ก็เลยคอยติวอังกฤษกับไทยให้เพื่อนทุกคนที่เข้ามาถาม
และสิ่งที่ทำเพิ่มคือการท่องศัพท์
ว่างก็ท่อง ไม่ว่างก็ติวให้เพื่อน เรียนวิทย์เรียนเลขไม่เข้าใจ ก็หยิบศัพท์ขึ้นมาท่องไป
พอถึงวันสอบ เรากลับบ้านมา บอกแม่ด้วยความมั่นหน้าว่า "เลขกับวิทย์ หนูอาจจะเดามั่ว ใช้วิธีคิดมั่วๆ แต่อังกฤษกับไทย มั่นใจว่าผิดไม่เกิน5ข้อแน่ๆ" แม่ก็ขำๆ จนวันประกาศผล "เราติดร.รนายร้อย" คือดีใจโฮกกกกกกกก ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ แต่สุดท้ายก็ตกสัมภาษณ์ เพราะว่าเราเจาะหูเกิน 1รู มันเป็นคุณสมบัติที่บกพร่อง
เราก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า "เอาหน่า ติดข้อเขียนก็เก่งมากแล้ว"



ชีวิตก็กลับมาเคว้งใหม่ ไม่รู้จะเรียนที่ไหน จะรอแอดดีมั้ย เครียดมาก
สอบโอเน็ต คะแนนไทยก็ยังคงโดดเด้ง ตามมาด้วยสังคมและอังกฤษ
ทีแรกกะจะรอแอด คะแนนหมื่นแปดปลายๆแต่ก็ไม่หมื่นเก้า
จนมาเจอโครงการรับตรงพิเศษ ของมหาวิทยาลัยที่เรากำลังจะได้เรียนอยู่ตอนนี้
เป็นคณะอักษรฯ เราก็เลยลงไว้ ทำให้มีชีวิตรอดได้จนถึงทุกวันนี้

นิทานของเราสอนให้รู้ว่า ...."จงทำสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีที่สุด"

ที่เราตั้งกระทู้นี้ มันมีทั้งบทเรียนและอุทาหรณ์

บทเรียนคือ การทำสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีที่สุด เริ่ดที่สุด แล้วทุกอย่างจะดีเอง
และสิ่งที่จะส่งเสริมให้เรามีความรู้มากขึ้นคือการแบ่งปันความรู้ อย่ากั๊กความรู้เลยนะ การติวให้เพื่อนมันช่วยในเรื่องการจำและการค้นคว้าได้ดีจริงๆ

อุทาหรณ์คือ การรู้จักข่มใจ มีสติ ขยัน อดทน จะทำให้ได้ในสิ่งที่หวังในที่สุด

เราขอให้คนที่เข้ามาอ่านขยัน อดทน มากกว่าเราล้านเท่า ทุกคนจะได้ประสบความสำเร็จ
ไม่มีใครโชคดีเพราะพระช่วย โชคช่วยหรอก ถ้าไม่ลงมือทำ อย่าชะล่าใจและขี้เกียจเหมือนเรา
กว่าจะรู้ตัวก็เกือบสายแล้ว เวลาไม่รอใครนะ สู้ๆนะทุกคน ฮึบบบ



แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

Zzzzieees 7 ก.ค. 57 เวลา 15:54 น. 1

อ่่านแล้ว จขกท ไม่ใช่คนขี้เกียจเลย เลยเพียงแต่ไม่สนใจวิชาที่ชอบเท่านั้น ส่วนวิชาที่ชอบจะขยันเป็นพิเศษ
ดีใจด้วยที่ได้เรียนคณะที่ชอบและคงจะเรียนอย่างมีความสุข

0
Jub Jib 7 ก.ค. 57 เวลา 16:27 น. 2

ยินดี ด้วย นะ ที่ ความพยายาม ไม่เสีย ป่าว นะ และ ได้ คณะ ในสิ่ง ที่ชอบด้วยสู้สู้

0