Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สังคมมหาวิทยาลัย ดีหรือแย่กว่าตอนมัธยมยังไงบ้างครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากถามพี่ๆ ที่ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยน่ะครับว่า พอพี่ๆ จบ ม.ปลาย แล้วขึ้นมหาลัยแล้ว สังคมในมหาลัยแตกต่างจากตอนอยู่ ม.ปลายมากมั้ยครับ

คือมีรุ่นพี่มาเล่าให้ฟังว่า สังคมมหาลัยมันเปลี่ยนจากตอน ม.ปลาย โดยสิ้นเชิง สังคมซับซ้อนขึ้น เพื่อนจะไม่ใกล้ชิดกันมาก ต่างคนต่างอยู่ ตัวใครตัวมัน หรือแยกกันเป็นกลุ่มๆ บ้าง ฯลฯ

ก็เลยอยากจะมาถาทชาวบอร์ด dek-d ที่เรียนมหาลัยแล้วมาเล่าให้ฟังหน่อยครับว่า 

พออยู่มหาลัยสังคมเปลี่ยนไปจากตอน ม.ปลายบ้าง

เรื่องไหนที่ดีขึ้น ?

เรื่องไหนที่รู้สึกแย่ลง?

เอาทุกเรื่องนะครับ ทั้งเรื่องเพื่อน การปรับตัว การใช้ชีวิตในคณะ ฯลฯ

ขอบคุณมากครับบบ

แสดงความคิดเห็น

>

110 ความคิดเห็น

Boww 16 ก.ค. 57 เวลา 19:00 น. 1

สำหรับพี่นะ

" เพื่อนแท้จะหาได้จากตอนมัธยมเนี่ยแหละ สังคมมหาลัยมีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน "
เรื่องเพื่อนพี่อาจจะโชคร้าย เพื่อนไม่โอเลยอ่ะ
เหมือนตัวใครตัวมัน แอบแข่งกันอยู่ลึกๆ
ขนาดกลุ่มเดียวกันยังแอบอิจฉากันเลย
ปากก็พูดดีนะ แต่ลึกๆแล้วเราก็รู้สึกว่าเขาไม่จริงใจ

เวลาเรามีปัญหาพี่ก็โทรหาเพื่อนสมัยมัธยมตลอดเลย
เขาเต็มใจช่วยเราเต็มที่ จริงใจ
อาจจะเพราะผ่านอะด้วยกันมาเยอะ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ของพี่มันไม่ต่างจากตอนมัธยมเท่าไหร่
เพราะคณะพี่เป็นคณะเล็กๆ มีคนน้อย
ระยะห่างกับอาจารย์เลยจะไม่ต่างจากตอนมัธยมมากนัก

จะต่างนิดหน่อยก็ระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง
แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับพี่ อาจจะเพราะพี่ได้พี่รหัสดีด้วยแหละ
ส่วนพี่ๆคนอื่นๆ เจอก็ไหว้สักหน่อย ทักทายบ้าง พอเป็นมารยาท

0
~_~ กระเบื้องสีฟ้า~_~ 16 ก.ค. 57 เวลา 11:47 น. 3

สังคมมหาวิทยาลัย เป็นสังคมที่ค่อนข้างโตมากกว่าโรงเรียนมัธยม

เมื่อมันใหญ่กว่า แน่นอนความใกล้ชิดสนิทสนมกับเพื่อน ก็จะน้อยกว่า

บอกเลย อยู่มหาลัยนี่ แทบเหมือนตัวใครตัวมัน มีบ้านที่มีเพื่อนในกลุ่มที่คอยพากันเรียน

แต่ก็ไม่เหมือนมัธยมอยู่ดี 

อยู่มหาลัย อิสระเสรีเยอะกว่าสมัยมัธยม จะเรียนจะโดด ทำได้ง่ายกว่า 

ไม่มีอาจารย์คอยจี้ให้ส่งงาน หรือทำงาน หรือคอยจี้ให้เข้าเรียนเหมือนมัธยม

พี่ว่านั่นอาจเป็นข้อเสียก็ได้ แต่ถ้ามองอีกด้าน สิ่งนี้นี่ล่ะ ที่จะทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป สามารถที่จะจัดการกับชีวิตตัวเองให้ได้ 

ถ้าจัดการดี ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ก็เหลวเป๋วกันทั้งนั้น

อยู๋มหาลัย กิจกรรมเยอะ โดยเฉพาะเด็กปีหนึ่ง เข้ามากิจกรรมเยอะมาก และน้องบางคนก็หลงเพลินไปกับกิจกรรมจนลืมอ่านหนังสือก็มี เพราะกิจกรรมเยอะ เวลาผ่านไปเร็วมาก แป๊ปๆก็สอบมิดเทอมแล้ว 

การเรียนมหาลัย ไม่เหมือนในมัธยม สิ่งที่เรียน กับสิ่งที่สอบ สิ่งที่เรียนก็สอบ สิ่งที่ไม่เรียนก็สอบ ตอนพี่อยู๋มัธยม จะอ่านหนังสือไม่เยอะมาก ก็สามารถทำข้อสอบได้ แต่พออยู่มหาลัย ไม่อ่านคือ ตายอย่างเดียว ไม่อ่านไม่ได้เด็ดขาด ต้องไปอ่านเพิ่ม เพราะสิ่งที่ออกข้อสอบ จะออกมากกว่าที่เรียน ยุบยิบเต็มไปหมด เรียนมหาลัยบอกเลยต้องขยัน

สังคมเพื่อน เป็นอะไรที่บอกได้เลยว่า ตัวใครตัวมัน หายากที่จะมีเพื่อนแบบมัธยม(ที่ไม่ใช่เป็นเพื่อนกันยาวมาตั้งแต่มัธยมจนมหาลัยนะ)

ที่สำคัญสังคมใหญ่ การรู้จัก เข้าถึงก็จะยากขึ้น จึงเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาหากินได้ บางครั้งมิจฉาชีพเข้ามาแฝงตัวกับเราหลายเดือน จนหลงเชื่อ แล้วหลอกเอาเงินไป การตรวจสอบก็ยิ่งทำได้ยาก เพราะสังคมมันใหญ่

เอาเป็นว่า ชีวิตมหาลัย ค่อนข้างจะต่างกับมัธยม ใช้ชีวิตอย่าประมาท มีสติ และตนเป็นที่พึ่งแห่งตนให้มากที่สุด เพราะมหาลัยเราต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง

0
เจเจ 16 ก.ค. 57 เวลา 11:50 น. 4

พอไปแล้วจะคิดถึงเพื่อนมัธยมทันที เพื่อนมหาลัยเท่าที่เจอกับตัวเองส่วนมากเห็นแก่ตัว ยิ่งเป็นเพื่อนในคณะด้วยนะ แบบจะคบกันคุยกันเพราะผลประโยชน์ มัธยมดีสุดแล้ว เพื่อนแบบเพื่อนจริงๆไม่มีผลประโยชน์ฮือฮือ

0
TIME 16 ก.ค. 57 เวลา 11:52 น. 5

สังคมมหาวิทยาลัยจะต่างกับสังคมมัธยมแนานอนอยู่แล้วครับ
แต่ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยว่าจะเลือกคบเพื่อนแบบไหน
เพราะการคบเพื่อนเป็นปัจจัยหลักๆที่จะเปลี่ยนชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยของเรา
มันก็ขึ้นอยู่กับน้องว่าอยากได้สังคมแบบไหนเพราะน้องสามารถเลือกสังคมที่ต้องการในหมหาวิทยาลัยได้
ทุกๆมหาวิทยาลัยล้วนมีสังคมที่แตกต่างมากมายปะปนกัน ติดดินบ้าง หัวสูงบ้าง บลาๆๆๆ

เรื่องที่ดีขึ้นสำหรับพี่ตั้งแต่เข้ามเรียน พี่ได้ประสบการณ์มากมายจากการเรียนการสอน ได้รู้จักเพื่อนที่ดี ได้ความท้าทายชีวิต เพราะพี่ต้องจัดการบริหารชีวิตตัวเอง รับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ บลาๆๆๆ

เรื่องไม่ดี พี่ว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเรานะ อย่างเช่นพี่ เพื่อนพี่ก็ดูดเนื้อ เที่ยวบ่อย แดกเหล้าแม่งทุกวัน แต่พี่ก็เลือกที่จะไม่ทำได้ เพราะพี่มองว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลดีอะไร

แต่ช่วงปี1มันก็ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแหละ เหมือนยืนอยู่ตรงทางแยก ต้องเลือกสังคมถูก ดูเพื่อนให้ดี ถ้าได้เพื่อนดีมันก็จะไม่ต่างจากสังคม ม.ปลายนักหรอกครับ

พี่ต้องตรงประเด็นมั้ยอ่ะ 55555 ท่ดๆนะถ้าไม่ตรงประเด็น

0
fabio lasvegas 16 ก.ค. 57 เวลา 11:56 น. 7

คำตอบนี้ แล้วแต่มหาวิทยาลัยที่เราอยู่เลยครับ ส่วนสังคมในมหาวิทยาลัยแต่ละคนจะดีไม่ดี อยู่ที่ตัวของบุคคลนั้นๆอ่าคับ
ถ้าถามเป็นการส่วนตัว สำหรับเรา มัธยม มันคือ สังคมที่เราโดนบังคับให้ทำโดยเราขัดขืนไม่ได้ แต่มันก็ยังดี เพราะยังมีผู้ร่วมชะตาเดียวกันกับเรา คือ เพื่อนๆของเรานี้แหละคับ แต่ มหาวิทยาลัย สังคมไม่มีกรอบ เราเป็นอิสระ ปีหนึ่งเราอาจถูกรุ่นพี่ลงระเบียบ แต่พอเราขึ้นปีสองเราเป็นรุ่นพี่เราก็เลือกได้ว่าเราจะทำอะไรกับปีที่เหลืออยู่ในชีวิตมหาวิทยาลัย ของเรา เหมือนๆว่าปีหนึ่งเป็นการละลายพฤติกรรมจากนักเรียนต่างสถาบันมาอยู่ร่วมกันเป็นนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เพราะสังคมมหาวิทยาลัย เป็นการจำลองสังคมจริงๆแบบย่อเล็กลงมา ซึ่งจะดีหรือร้ายอยู่ที่เรากำหนดละคับ ไม่มีใครกำหนดให้เราได้เหมือน มัธยม

 

0
Narashi 16 ก.ค. 57 เวลา 11:57 น. 8
ไม่ได้สวยงาม

ไม่ได้โหดร้าย

แต่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงที่สุด

ชีวิตมหาวิทยาลัยอยู่ที่เราเองจะเลือกเดินแบบไหน
0
Pornrat D. 16 ก.ค. 57 เวลา 12:00 น. 9

สำหรับพี่ ตามความรู้สึก มันต่างจากมัธยม
มัธยมเราเล่นได้มากกว่า รู้สึกสนุกไม่เครียด
เรื่องเรียนมัธยม 0 ร พี่ว่ามันไม่เครียดเท่า U I ของมหาลัย
พี่ว่ามันน่าเครียดมาก จริงๆ แค่ต่ำกว่า C ก็มีผลกับเกรดมากอ่ะ
เพื่อนพี่หลายคนลุ้นเกรดตัวสุดท้ายกัน แบบมันเสี่ยงมาก
อย่างที่ คห บนบอก สังคมใหญ่ขึ้น และเพราะเราโตแล้วคิดเองได้
แต่ถ้าเราคิดไม่ได้ เพราะไม่มีคนคอยบอก เราจบอ่ะ
แต่เรื่องเรียนพี่ไม่มีปัญหา เพราะเป็นสิ่งที่ชอบและถนัด
ส่วนสังคมเพื่อนรุ่นพี่ สำหรับสาขาพี่ พี่โอเคนะ
เราอยู่เป็นครอบครัว อย่างเพื่อน มันอาจจะไม่สนิทใจเท่ามัธยม
ถึงจะแยกเป็นกลุ่ม แต่พี่ว่ามันก็พากันรอดได้
เพราะสาขาพี่ยังมีนัดติวก่อนสอบ นัดสรุปย่อกัน 
ถึงจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ แต่ก็ทั่วถึง มีรุ่นพี่มาช่วยติวด้วย
แต่ก็อาจจะมีคนบางส่วนที่ไม่มา จนเขาอาจจะหายไปน่ะนะ
ดังนั้นมันอยู่ที่คนว่าเราจะคิดได้หรือเปล่าอ่ะ
สำหรับพี่เรื่องเรียน เรื่องสังคม พี่ว่ามันเท่าเดิม ไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่แย่ลง
เพราะพี่มีความสุขทั้งตอนนั้นและตอนนี้ 
ปล. หนังสือมหา'ลัยพี่ก็ไม่ค่อยได้อ่านนะ
แต่จะตั้งใจเรียนในห้องฝึกทำบ่อยๆไรงี้
ทำงี้ตั้งแต่ประถมล่ะ ให้ไปนั่งอ่านมากมายเหมือนคนอื่นมันจำไม่ได้

0
TOP+TAEYANG 16 ก.ค. 57 เวลา 12:01 น. 10

แล้วแต่คณะ แล้วแต่มหาลัยฯครับ น้อง ไม่เหมือนกัน ขนาดในคณะเดียวกันเอง สังคมยังไม่เหมือนกันเลย 

0
Nitro 16 ก.ค. 57 เวลา 12:04 น. 11

อยู่มา 3 ปี มีเพื่อนหลายกลุ่มมากครับ แต่ส่วนใหญ่จะเจอดีๆนะครับแล้วเป็นห่วงเราจริง แต่ที่แย่ๆก็คือ ใส่ร้าย โบ้ยคงามผิด เห็นแก่ตัว ชิงดีชิงเด่น ประมาณนี้นะครับ ผมว่า สังคมในมหาลัยก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะครับ ขอแค่เจอเพื่อนดีๆจริงใจแบบที่ผมเจอแค่นี้ก็แฮปปี้แล้วครับ ส่วนคนที่ทำตัวแย่ๆกับเราคือพวกนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจครับ บอกได้เท่านี้แหละ สังคมไม่ต่างกันมากคับ

0
เด็กหอ 16 ก.ค. 57 เวลา 12:06 น. 12

พออยู่มหาลัยสังคมเปลี่ยนไปจากตอน ม.ปลายบ้าง?

-เอาง่ายๆอยู่มหาลัยต้องดูแลตัวเองทุกอย่างตั้งแต่ตื่นยันหลับ
สำหรับคนที่อยู่หอนะจะไม่มีใครมาปลุกไปเรียนต้อง ไม่มีใครทำกับข้าวให้ ต้องดูแลตัวเองทุกอย่าง
ซึ่งไม่เหมือนตอนมอปลายที่มีพ่อแม่มาทำให้
ส่วนเรื่องเพื่อน เราว่าไม่ต่างนะ เอ๊ะ หรือต่าง มันแล้วแต่คนแล้วแต่สังคมนะอันนี้เราว่า
ส่วนตัวเราอยู่มหาลัยก็มีเพื่อนสนิทที่ดี นิสัยดีทั้งนั้น เพื่อนที่ไม่สนิทมีมั้ยก็มี สังคมมหาลัยมันกว้าง
ห้องนึงไม่ได้มีเรียนแค่ 30 40 คนเหมือนมัธยม ห้องนึงบางทีเรียน 100 กว่า ต่างคณะ ต่างสาขากันไป
ไม่เหมือนมัธยมที่จะเจอกันทุกวันเรียนวิชาเดียวกันตั้งแต่เช้ายันเย็น อยุ่ด้วยกันตลอด 3 ปี 6 ปี มันไม่ใช่
เพือนในมหาลัยแม้จะอยู่เจอร์เดียวกันก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเรียนตรงกันทุกคาบ บางคาบก็เรียนคนละหมู่ บางคาบก็เลือกเรียนคนละอย่าง พวกวิชาเจอร์งี้บางทีก็เรียนกันคนละหมู่ เจอกันจริงๆก็ตอนเรียกรวมแหละ ถามว่าทุกวันนี้เราสนิทกับเพื่อนทุกคนมั้ย ก็ตอบว่าไม่ แต่ตอนมอปลายเราสนิทกับเพื่อนทั้งห้องนะแต่พออยุ่มหาลัยเรารู้สึกว่าแค่มีเพื่อนสนิทดีๆไม่กี่คนก็พอแล้ว บางคนไม่สนิทก็ช่างแม่งเหอะ อย่าไปแคร์อะไรมา ว่าชัั้นต้องมีเพื่อนเยอะ การมีเพื่อนเยอะเป็นเรื่องดี แต่การมีเพื่อนดีมันดีกว่าเยอะ
นี่คือความคิดเรานะ คนอื่นเราไม่รู้

อ้อ อีกเรื่อง อยุ่มหาลัยอาจารย์จะมีบทบาทในชีวิตเราน้อยลงกว่ามอปลาย เราจะเจออาจารย์แค่ช่วงที่เรียนในคาบกับตอนที่พบที่ปรึกษาเท่านั้น ส่วน รุ่นพี่จะมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตเรา แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรนะ เราก็อยู่กันแบบพี่น้องมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ^^






0
cnb4 16 ก.ค. 57 เวลา 12:08 น. 13

กิจกรรมอย่าหักโหมเกินไป ดูเพื่อนให้ดี มีเพื่อนหลายแบบมาก เพื่อนในคณะ เพื่อนเรียน เมท เมทนี่เหมือนครอบครัว เพราะกินนอนด้วยกัน มิดเทอมตั้งใจให้มากๆ เพราะคะแนนมิดเทอมแถบกำหนดเกรดได้เลย อย่าโดดเรียน เพราะข้อสอบอาจไม่ได้อยู่ในหนังสือ หรือชีท เสมอไป เพื่อนหรือพี่ชวนไปกินไปดื่ม ถ้าเป็นคนไม่ดื่ม บอกไปเลยว่าแพ้แอลกอฮอล์ เพื่อนพี่เรียนมัยมมาด้วยกันอยู่วิศวะเครื่องกล มันบอกเลยว่าแพ้ ทั้งๆที่ไม่ได้แพ้ เพื่อตัดปัญหา เข้ามาใหม่ๆโดนชวนบ่อยมาก ก็ปฏิเสธๆไป ทั้งนี้สังคมมหาลัยในความคิดน้อง จะดีหรือไม่ดี อยู่ที่ตัวเราทำ สู้สู้

0
snookkermomo 16 ก.ค. 57 เวลา 12:09 น. 14

ทุกอย่างไม่อยากเท่ากับสังคมเพื่อนนะ เพราะมหาลัยเนี้ยมีคนมาจากหลายสังคม
อย่างที่เขาว่าแร่ะจ้า การสอบเข้าว่ายากแล้ว การมีเพื่อนที่จริงใจนี่ยิ่งยากกว่า
เพราะมันมีทั้งคนที่ดีกับคนที่ไม่ดีเยอะแยะไปหมด อยู่ที่ตัวน้องนะว่าจะเลือกคบคนแบบไหนหรือถ้าเลือกคบแล้วน้องเลือกที่จะทำตามเพื่อนไหม ส่วนเรื่องการเรียนถ้าน้องขยัน ตั้งใจอ่านหนังสือพี่ว่าผ่านได้สบายๆอยู่แล้ว สู้ๆนะจ๊ะ
พี่ว่าน้องผ่านปัญหาพวกนี้ไปได้อยู่แล้วนะ รักเลย

0
fuse18441 16 ก.ค. 57 เวลา 12:16 น. 15
--- เรื่อง 'ความเป็นอิสระ' ---
ชีวิตมหาวิทยาลัย ไม่มีใครคอยบอกต้องมาเรียนนะ ห้ามมาสาย มหาวิทยาลัยบางวันเรียนเช้า บางวันเรียนบ่าย บางวันไม่มีเรียน (บางมหาวิทยาลัยไม่เช็คชื่อ)น้องอยากมาเรียนก็มาเรียน แต่อาจารย์จะเช็คเวลาเรียน ดังนั้น!!ควรดูแลตัวเองมากๆ ทรงผมอยากไว้ทรงไหน สีอะไร ตามสบาย

--- เรื่อง 'เพื่อน' ---
เพื่อนมัธยมดีขนาดไหน สนิทกันขนาดไหน รักกันขนาดไหน จงเก็บความรู้สึกดีๆที่มีต่อเพื่อนเอาไว้และเป็นเพื่อนกันไปให้นานๆเพราะชีวิตมหาวิทยาลัย เพื่อนไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น มีแต่คนเห็นแก่ตัว มีแต่เพื่อนกิน 

--- เรื่อง 'เรียน' ---
เวลาเรียนในโรงเรียนมัธยม อาจารย์จะคอยถีบ ดัน ตามงาน บังคับให้ส่งงาน แต่ในชีวิตมหาวิทยาลัยอาจารย์ไม่ตามงานเลย ส่งเสร็จกำหนดวันส่ง ส่งก็ส่ง ไม่ส่งก็ไม่ส่ง อย่างที่ความคิดเห็นข้างบนบอก เกรดต้องประคองไม่ให้ต่ำกว่า  C เพราะต่ำกว่านั้น กดเกรด กดจริงๆ มหาวิทยาลัย ส่วนมากเราเรียนในห้องครึ่งนึง อีกครึ่งเราต้องค้นหา เรียนรู้ด้วยตัวเอง 

ดังนั้น ในชีวิตที่เราต้องโตขึ้นทุกวัน และสังคมสมัยนี้ก็มีภัยอยู่รอบตัว เราจึงต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข ปลอดภัย และรู้เท่าทันคน อย่ากลัวที่จะต้องพบเจอโลกที่เรายังไม่เคยเจอ แต่จงตั้งสติ และมีสติอยู่เสมอ ดูแลตัวเองให้ได้ เพราะชีวิตจริง ชีวิตการทำงาน ยังต้องเจอสังคมที่วุ่นวาย มากกว่า ในรั้วมหาวิทยาลัย ส่วนการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย เป็นส่วนเสริมสร้างประสบการณ์ มิตรภาพ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นกลุ่ม การเรียนจึงควรควบคู่กับการทำกิจกรรม การจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่ว่าเรียนเพื่อจะรับใบปริญญาเพียงอย่างเดียว การนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับในรั้วมหาวิทยาลัย ไปใช้ในชีวิตประจำวันนั้นต่างหาก เราถึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง 

สู้นะคะ
0
Mirine1995 16 ก.ค. 57 เวลา 12:35 น. 16

ถึงเราจะอยู่มหาลัยมาแค่ปีเดียวนะ แต่เรารู้สึกว่าชีวิตมันเปลี่ยนไปเยอะเลย เรายอมรับว่าเป็นคนความคิดเด็กนะบางที ติดบ้าน แต่พออยู่มหาลัย มันต้องไปอยู่หอ ไปไกลบ้าน รับผิดชอบชีวิตตัวเองทุกอย่าง จัดสรรเงินในแต่ละเดือนให้พอดี มันเหมือนฝึกให้เราโตขึ้นอ่ะ ตอนรับน้องมันสนุกมากๆ พอมาหลังๆเรียนหนัก เกือบปรับตัวไม่ทัน สิ่งที่เราเรียนคือมันต้องสอบทุกอาทิตย์ เราต้องอ่านหนังสือ ท่องศัพท์ เตรียมบทเรียน บอกตามตรงว่าตอนแรกเหนื่อยมาก แต่เริ่มชินละ 55555 เรื่องเพื่อนเราโอเคนะ มันอยู่ที่เรามากกว่าว่าจะเลือกคบคนแบบไหน แต่จะหวังว่าให้มาสนิทเหมือนมัธยมมันคงไม่ได้ ถึงเราจะอยากสนิทกับเค้ามาก 55555 เราอยู่ด้วยกัน เจอหน้ากันทุกวัน แต่ความเปนจริงเราอาจยังไม่รู้จักเค้าจริงๆก็ได้ รวมๆแล้วมันก็เป็นชีวิตที่สนุกนะ ทางเดินชีวิตมันอยู่ที่เราเลือกว่าจะเป็นคนแบบไหน รับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ สนุกเต็มที่ได้แต่อย่าให้เสียการเรียน ขอให้สนุกกับชีวิตมหาลัยนะ ^^ 

0
(โค่น)ต้นไม้ 16 ก.ค. 57 เวลา 12:46 น. 17

สังคมมัธยมดีกว่าเยอะอ่ะ อย่างน้อยเพื่อนก็ไม่เฟค
ที่น่าเบื่อคือจะบ้ากิจกรรมไปไหน ไม่เข้าใจ

คืออยู่มหาลัยต้องปรับตัวหลายอย่างมากอ่ะ ช็อค สู้ๆละกัน

0
เหนื่อยแต่สู้ 16 ก.ค. 57 เวลา 12:55 น. 18

ของพี่ไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ มีแต่เด็กช่างเหมือนเดิม นอกจากเด็กแอดปีละไม่กี่คน ที่เปลี่ยน การแข่งขันสูง ทรมานกับการอ่านหนังสือทุกวัน เพราะตัดเกรดโหดต้องตั้งใจ เหนื่อยกว่าเรียนปวช.ที่ไม่ต้องอ่านหนังสือก็ทำข้อสอบได้ เฮ้อ

0
- เซเคะ ? 16 ก.ค. 57 เวลา 13:14 น. 19

เราไม่แฮ็ปปี้กับชีวิตมัธยมเท่า เลยรู้สึกว่าการใช้ชีวิตในมหาลัยมันแฮ็ปปี้

จริงๆมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เราเจอคนที่ต่างไปจากที่เคยเจอ มันก็เลยดูซับซ้อน พอปรับตัวได้มันก็ไม่ต่างจากมัธยมเท่าไหร่หรอก ก็แค่ไม่มีครูคอยกดดันให้เข้าเรียน ไม่มีครูเตือนให้ส่งงาน(แต่เรามีเพื่อนเตือน) ต้องรับผิดชอบตัวเองอ่ะ

สำหรับเราที่แย่คือการรับน้อง ไม่สนุกสักนิด ไม่เห็นเหมือนที่ใครๆ ว่ากันเลย การเข้าหน้ารุ่นพี่เป็นอะไรที่เกลียดมากอ่ะ รุ่นพี่คนไหนเราไม่สนิทก็เดินหนีเลยอ่ะ

เชื่อเถอะ ถ้ามีเพื่อนดีๆ มีรุ่นพี่ดีๆ เจอคนดีๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร คิดซะว่าแค่ย้ายโรงเรียนไป เพราะเพื่อนที่เราจะเจอ ก็คนที่ขยับมาจากระดับมัธยมเหมือนเรานั่นแหละ

ปล.คนเฟคๆ มันมีทุกสังคมค่ะ อย่าไว้ในใครให้มากเกินไป

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น