คุยกับ "ปนัดดา วงศ์ผู้ดี"ต่อให้บุ๋มเดินแก้ผ้าผ่านหน้า คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาข่มขืน"!?
ตั้งกระทู้ใหม่
สัมภาษณ์โดย : ฟ้ารุ่ง ศรีขาว
ภาพ : ชัชวาลย์ นิจงาม , ณัตติพร ช่วยหนู, วรวุฒิ บัวรุ่ง
ภาพ/ลำดับภาพ/กราฟฟิค : นัฐพงษ์ โห้เฉื่อย, กิตยางกูร ผดุงกาญจน์
“มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์ “ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” หรือ “บุ๋ม” อดีตนางสาวไทยปี 2543 อดีตนักวิชาการ และเป็นเจ้าของผลงานถ่ายแบบแนวเซ็กซี่จำนวนมาก ปัจจุบันเธอเป็น Single Mom ดูแลลูกสาววัยน่ารัก ขณะเดียวกันยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงหลากหลายบทบาท
ล่าสุดเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชาหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.เกี่ยวกับโทษประหารชีวิตในคดีข่มขืนภายหลังเกิดกรณีข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี บนรถไฟและมีการฆาตกรรม
ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงตัวตน การแต่งกาย และข้อสงสัยถึงการ “โหนกระแส” จากบางฝ่าย “ปนัดดา” ยังคงเดินหน้าและคิดในแง่บวกว่า อย่างน้อยการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงในสังคม ติดตามทัศนะของเธอในบทสัมภาษณ์นี้
-จะเดินหน้าเคลื่อนไหวให้ลงโทษประหารชีวิตในคดีข่มขืนต่อหรือไม่ยื่นคสช. วันไหน ขณะนี้ได้จำนวนรายชื่อเท่าไหร่
สำหรับตอนนี้ ก็เดินหน้าจนถึงที่สุด แต่ในการเดินหน้าต้องเข้าใจก่อนว่า จริงอยู่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า การข่มขืนเท่ากับประหารที่เขากำลังเรียกร้องกัน แต่อย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลอยู่แล้ว แล้วโทษส่วนใหญ่สำหรับการข่มขืนและฆ่า โทษอยู่ที่ประหาร เพียงแต่ว่าที่ผ่านๆ มา ศาลจะพิจารณาตามเนื้อความแล้วก็ส่วนใหญ่ติดคุกไม่กี่ปี ในรายที่รับสารภาพติดคุกไม่นานก็ออกมาอีกแล้ว แล้วก่อคดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องถามแล้วว่า ถ้ากฎหมายมีอยู่แล้ว การบังคับคดีมีความเข้มข้นพอหรือเปล่า ศักดิ์สิทธิ์พอไหม ดังนั้น นี่คือสิ่งที่บุ๋ม กำลังเรียกร้องมากกว่าว่า คือทำให้กฎหมายสามารถคุ้มครองเด็กๆ ในอนาคตได้
สำหรับการเดินหน้าตอนนี้ก็รวบรวมรายชื่อได้เยอะมาก แล้วกำลังจัดพิมพ์ซึ่งยาวเป็นบัญชีหางว่าวแล้ว จะส่งให้ท่านประธานคสช. ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานนัดวันว่าจะเป็นวันไหน
-คิดว่า คสช. จะเป็นที่พึ่งได้หรือเปล่า
คิดว่า คสช. จะเป็นที่พึ่งได้จริงหรือไม่ บุ๋มว่าได้ เพราะการปกครองขณะนี้เป็นยุคพิเศษ ภายใต้ คสช. กฎต่างๆ ไม่ต้องผ่าน ครม. ไม่ต้องผ่านในสภา ทุกอย่างที่ออกมา มันเป็นกฎหมายได้หมดเลย ดังนั้น บุ๋มเชื่อว่า อย่างกฎหมายข่มขืนที่มีบังคับใช้มานานแล้ว เมื่อปี 2550 มีการเพิ่มเติมเรื่องสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงคุ้มครองเด็ก คุ้มครองผู้หญิงได้มากขึ้นกว่าเดิม นั่นหมายความว่าจริงๆ แล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงในปีที่มีการปกครองแบบพิเศษ
ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ต้องกลับมาถามกันให้ได้ว่า ณ ยุคนี้ จะช่วยได้หรือไม่ ซึ่งบุ๋มก็หวังว่าจะช่วยได้เหมือนยุคนั้น
-เกรงไหมว่า เมื่อยื่นเรื่องต่อ หัวหน้า คสช.แล้ว จะถูกมองว่า เข้าข้างทางการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ถ้าทำประเด็นสังคมแล้วถูกมองว่าเข้าข้างทางการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบุ๋มคงโดนมานานแล้วคะแม้กระทั่งตอนนี้ก็มีคนออกมาบอกว่าคุณบุ๋มไม่ต้องไปยุ่งหรอกคสช.เขาจัดการได้เองแหละ“ขี้ข้าทักษิณ!!” ... คือ เหรอ? มองกันอย่างนั้นเหรอ หรือบุ๋มเคยไปม็อบให้คุณเห็นเหรอ ม็อบฝ่ายใดบุ๋มก็ไม่เคยไป เพราะบุ๋มมองว่าบุ๋มเป็นคนของประชาชน บุ๋มจะพยายามเป็นกลางให้ได้มากที่สุด แต่ถามว่า ถ้าประชาชนฝ่ายไหนที่เดือดเนื้อ ร้อนใจ มีเรื่องเดือดร้อน บุ๋มก็ช่วยเหลือ
ชาวนามานั่งประท้วง บุ๋มยังส่งผ้าอนามัยไปให้ใช้ ม็อบไหนมา บุ๋มก็ส่งของไปให้ใช้ เพราะบุ๋มถือว่า เขาคือคนจน เขามีสิทธิที่จะเรียกร้องสิทธิ์ของเขา ไม่แบ่งแยกฝ่ายคะ บุ๋มถือว่าบุ๋ม เป็นคนของประชาชนแค่นั้นเอง
-จะไปร่วมโครงการคืนความสุข กับ คสช.ไหม
บุ๋มมีคิวไปร่วมโครงการกับ คสช. “คืนความสุข” ในวันที่ 25 ก.ค. เป็นพิธีกร ที่สนามราชมังคลาฯ คู่กับ ผู้พันเบิร์ดคะ คือถ้าช่วยได้ส่วนไหน บุ๋มช่วยเต็มที่อยู่แล้วคะ
-ทุกวันนี้มีความสุขหรือไม่
ทุกวันนี้ บุ๋มมีความสุขไหม ก็มีนะ ในฐานะที่เป็นดารา Single Mom คนหนึ่ง บุ๋มถือว่ามีความสุขมากในระดับหนึ่งเลยแหละ การที่บุ๋มยังมีงาน อยู่ในวงการได้ขนาดนี้ ก็เป็นอะไรที่เกินความฝันนะคะ แล้วก็มีเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ก็ถือว่ามีความสุขในระดับหนึ่ง
แต่พอมาเห็นข่าวอาชญากรรมแล้วก็สลดใจ ซึ่งก็ไม่อยากจะเห็นว่าถ้านั่นเป็นลูกหลานของตัวเองแล้วจะเป็นอย่างไร นั่นคือสิ่งที่จะทำให้บุ๋ม ไม่มีความสุข
-คิดอย่างไร เวลามีคนบอกว่า โหนกระแสข่าวดัง
คนที่บอกว่าบุ๋มโหนกระแสข่าวดัง เขาคงไม่ได้ติดตามข่าวของบุ๋มมาสักเท่าไหร่ เขาก็เลยเข้าใจผิดไปได้ ซึ่งบุ๋มก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงข้างใน เป็นแฟนคลับ ติดตามบุ๋มเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกคนจะรู้ว่า บุ๋มรณรงค์เรื่องนี้มานานมาก
เมื่อเราเห็นข่าวเด็กอายุ 13 ถูกข่มขืนบนรถไฟถูกฆ่า แล้วเรารู้สึกว่ามันรอไม่ได้แล้วไง มันน่าจะพอได้แล้ว ไม่อยากเห็นเหยื่อเพิ่มกว่านี้อีกแล้วก็เลยต้องออกมาในตอนนี้ และเชื่อว่าถ้ายื่นเรื่องตอนนี้ ก็น่าจะได้ผลอะไรกลับมา เรื่องผลกฎหมาย หรือการบังคับคดีได้บ้าง ซึ่งอันนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า การที่บุ๋มออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องกฎหมาย ถ้าคุณสังเกตจริงๆ แล้ว คุณจะรู้ว่าไม่ใช่ศึกษาแค่วันสองวันถึงออกมาพูดได้ขนาดนี้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
-ความโชคดีที่ถูกโจมตีในรอบนี้ คุณบุ๋มมองในแง่ดี อย่างไร
ความโชคดีในการถูกโจมตีครั้งนี้ บุ๋มมองในแง่ดีว่า มันเป็นการเปิดประเด็น คนไทยเราที่ผ่านมา อย่างตอนเกิดกรณีน้องอายุ 13 ที่ถูกข่มขืนบนรถไฟ มีคนขึ้นอินสตาร์แกรมทั้งมองว่าข่มขืน ต้องมีโทษประหาร หรือบางคนบอกว่าประหารไม่ได้ ไร้มนุษยธรรม โน่นนี่นั่น มีแต่บ่นมีแต่คนด่ากันไง
แต่ข้อดีของการที่บุ๋มออกมาเปิดประเด็นในครั้งนี้คือทุกคนเริ่มอ้าปากออกมาแล้วเอามาคุยกันรายการทีวีสื่อต่างๆเอามาคุยกันประชาชนแสดงความคิดเห็นกันมากขึ้นเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรืออยากได้อะไรจากสังคม แม้กระทั่งเยาวชนก็ออกมาแสดงความคิดเห็น นี่คือสิ่งที่บุ๋มอยากจะเห็นมานานมากแล้วคะ เราต้องหันหน้าคุยกัน คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอะไร เราต้องหาทางออกร่วมกันป่ะ ใช่ไหมคะ มันไม่ใช่เอาแต่ด่าๆๆ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะกลายเป็นเพียงอีกคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง
(มีต่อ คห.1 นะจ๊ะ)
10 ความคิดเห็น
-คิดว่าการแต่งตัวเซ็กซี่และสื่อภาพวาบหวิว เป็นต้นเหตุของการกระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่
มีต่อ คห.2 นะจ๊ะ
-ถ้าให้นิยมตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นอย่างไร
เรื่องโทษประหารพูดไปในกระทู้ก่อนล่ะ เรื่องการเมืองขอข้ามเดี๋ยวยาว
แต่ประเด็นที่ว่า ต่อให้แก้ผ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาข่มขืน นี่ผมว่าขึ้นกับการตีความนะ...
เพราะแต่ก่อนเนี่ยมันก็มีคำสอนว่า อย่าแต่งตัวต่อตะเข้ คิดว่าเราๆก็คงเคยได้ยินกันมาเยอะ โดยเฉพาะช่วงที่กระแสชุดนักศึกษารัดจนกระดุมแทบเด้ง กระโปรงก็สั้นติ้ว ซึ่งช่วงนั้นก็มีข่าวข่มขืนประมาณนี้ล่ะนะแต่ไม่แรงเท่า แต่ก็ถือว่าเกิดกระแสเอาเรื่อง
คือถูกแหล่ะครับปกติสามัญใครมันไปข่มขืนคนอื่นก็เลวอยู่แล้ว
แต่ผมมองว่าเจตนาของการเตือนแบบนี้ก็เพื่อ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ครับ ไม่ใช่ว่าจะปกป้องผู้ชาย แต่เพื่อปกป้องท่านหญิงมากกว่า เพราะคนเราเห็นหน้าไม่รู้ใจครับ เอาง่ายๆว่าคนในครอบครัวข่มขืนกันเองก็ยังมีให้เห็นมาแล้ว (แล้วเคสการข่มขืนจำนวนไม่น้อยก็เกิดจากคนใกล้ตัวที่ไว้ใจด้วย)
แล้วประสาอะไรกับคนไกลตัวที่ไม่รู้ใจล่ะครับ
คืออารมณ์ชั่ววูบน่ะมันเกิดกันได้เสมอ ไม่ต้องถึงกับแก้ผ้าหรอกครับ เอาแค่มีคนมายียวนเดินส่ายขวางทางแล้วทำหน้ากวนบาทาต่อหน้า... เป็นผมก็คงมีถีบออกไปให้พ้นทางเหมือนกันล่ะ (ซึ่งก็แน่นอนว่าตามกฎหมายแล้วผมไม่มีสิทธิไปถีบเขาหรอก แต่อารมณ์เหลืออดน่ะ ถ้ามันถึงจุดเดือด หรือมีเรื่องมาชวนหงุดหงิดอยู่ แล้ว โอกาสจะยันโครมระบายความเครียดมันก็เป็นไปได้ครับ)
การแก้ปัญหาหนึ่งน่ะครับ มันมีทั้งเชิงรุกและเชิงรับครับ ถ้าอยากจะเพิ่มโทษจะควบคุมการใช้กฎหมายให้จริงจังล่ะก็ การปลูกฝังค่านิยม จิตสำนึก การคุมสื่อ พวกนี้มันก็จำเป็นในเชิงรุกอยู่แล้วครับ
แต่เชิงรับเองก็ไม่ควรมองข้าม เช่น การระวังป้องกัน การติดไฟ เพิ่มกล้อง รวมถึงการระวังตัวเองด้วย ไม่เดินที่เปลี่ยว ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยง รวมถึงการระวังเรื่องการแต่งกายด้วย
คือมันจริงข้อกฎหมายครับว่าต่อให้แก้ผ้าก็ไม่สิทธิ์มาข่มขืน
แต่ถ้าถูกข่มขืนขึ้นมาจริง กับคนทำผมก็ด่าว่าไม่ดีนะ แต่คนที่ถูกข่มขืนผมก็สงสารไม่ลงเหมือนกัน...
เอาเข้าจริงกฎหมายเกี่ยวกับการ อนาจาร นี่ บางทีมันก็อาจมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุข่มขืนใครกลายๆอยู่นะครับ คืออย่างน้อยมันก็ลดความเสี่ยงลงได้ล่ะ
เพิ่มเติมอีกประเด็นครับ
ทำไมที่ญี่ปุ่น นางเอก AV เยอะแยะมากมาย แม้กระทั่งออกเทปอัลบั้ม มี sex shop มีอยู่ทุกหัวมุมเมือง แต่ทำไม อาชญากรรมเรื่องการข่มขืนแทบจะเท่ากับศูนย์ มันอยู่ที่จิตสำนึกคะ มันไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิงไปยั่วยุ <<< แต่ท่อนนี้นี่ผมว่าไม่ใช่นะ เท่าที่ได้ยินมา ญี่ปุ่นเขาจัดเรทและคุมอย่างเอาจริงมาก อายุไม่ถึงร้านไม่ขาย หรือถ้าขายแล้วมีปัญหาก็มีความผิด ถึงสื่ออนาจารจะเยอะ แต่มันไม่ได้แพร่หลายอย่างบ้านเราที่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อก็มีให้เลือกแล้วนะครับ
ประเทศเขาเปิดกว้างจริง แต่ไม่ได้มีแบบประเภทถือสากปากถือศีลครับ
กฎหมายและสังคม รวมถึงแนวคิดความรับผิดชอบเขาก็แข็งเอาเรื่องด้วย
แค่จิตสำนึกอย่างเดียวมันไม่พอหรอกครับที่จะคุมสังคมใหญ่ระดับประเทศได้ แต่มันต้องมีหลายอย่างประกอบกันด้วย
เราเคยฟังอาจารย์เล่าให้ฟังคะว่า...มีคุณยายคนนึงมาเล่าให้มหาลัยฟังว่าถูกข่มขืน เค้าก็ว่าทำไมไม่แจ้งความมาบอกมหาลัยทำไม เขาก็เล่าว่า เขาได้ถามแท็กซี่ทำไมข่มขื นยาย เขาก็เล่าว่าก่อนมารับยาย มีการรับนศ สถาบันนี้ เห็นเขาใส่สั้นและนั่งในท่าที่แบบอ้าบ้างหุบบ้าง เขาเลยเกิดอารมณ์ แต่เขาก็พยายามพาคนส่งถึงที่ ว่าจะไประบายออก เจอยายเรียก ก็เลยขืนใจยาย ยายว่าที่ยายไม่แจ้งความ ก็เพราะแก่แล้ว เลยไม่อยากเอาเรื่อง แต่ขอเตือนว่า การแต่งตัวแบบนั้นมันทำให้คนเกิดอารมณ์ และอาจจะเจอเหมือนยาย ไม่ก็อาจมีคนได้รับผลจากการกระทำของเราได้ คือคนที่ถูกข่มขืน เขาอาจจะไม่ได้เกิดอารมณ์เพราะคนๆนั้น แต่อาจเกิดกับคนอื่นมาก่อน เราคิดว่าฝ่ายชายควรควบคุม แต่ฝ่ายเราก็ไม่ควรไปยั่วรึเปล่า เราเห็นนศบางคนรับไม่ได้จริงๆ ยาวกว่ากกน นิ้วนึง พอลมพัดเบาๆ มันก็เห็นล ลิง ไม่อยากถามว่าทำไมไม่ใส่กางเกงขาสั้น มันจะใส่ได้ไง สั้นขนาดนี้ ขากางเกงก็โผล่ไม่สวย เรายินใกล้กับผช คือเค้าจัดบอร์ดเกมส์คะ แล้วมีเรากับนศ ชายคนนึงมาเล่น พอมีลมพัดแล้วเห็นจะๆ คนๆนั้นไม่อาย แต่เราโคตรอายเลย
ไม่มีสิทธิ์ข่มขืน ใช่
แต่คุณน่ะแหล่ะ ทำบาปทำกรรมให้คนอื่นไม่ต่างกับคนที่มาข่มขืนคุณ
คนที่ทำตัวอนาจารต่อคนอื่น
แต่งตัวล่อแหลม = อนาจาร = พิมพ์หนังสือถ่ายหนังโป๊ขาย
บาปกรรมไม่ต่างกัน
ตลกอ่ะ เป็นดารามันก็เเต่งตัวดูดีโชว์นิดหน่อยอยู่เเล้วมันเป็นงานเค้า เเถมชุดตอนไปงานศพมันก็ไม่ได้โป๊ไรมากอ่ะ มิใช่สายเดี่ยวเกาะอกสั้นเสมอจิมิซะหน่อย = =
ถ้าจะบอกไม่ไหวเเต่งตัวโป๊ต้องไปบอกดาราทั้งประเทศเเล้วล่ะ เเรงกว่านี้มีอีกตั้งเยอะ ทำไมต้องบุ๋ม? ตั้งใจโจมตีชัดๆ
กุตลกคห.6วะ คนบัดซบสันดานเลวฆ่าขมขื่นเด็ก =ดาราทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อเเม่ดูเเลตัวเอง เเต่งตัวโชว์ ถ่ายภาพหวิว มันสวยงามเป็นที่ต้องการของสื่อ ผู้หญิงดุก็อูย หุ่นดีจังเซ็กซี่สวยชอบ ผู้ชายก็อาจจะหื่นๆบ้างเเต่ก็ชอบ จะไห้ดาราเเบบปุมปนัดดาใส่ เเขนยาวปิดถึงคอโปรงถึงข้อเท้ามาถ่ายเเบบหรอ ไว้คุณใส่เเล้วมีคนจ้างบอกด้วยนะ
มันเป็นที่ต้องการถึงมีคนจ้าง คุณต้องไปโทษคนทั้งประเทศไหม? ที่ชอบดูหวิวจนเค้าจ้างดารานางเเบบมาถ่ายหวิวลงปกไห้หนังสือขายออก กุว่ามันไม่ใช่ละ
ตรรกะผีบ้าอีหลี
จิตสำนึก ความยับยั้งชั่งใจ เราว่ามันพอ เเต่ว่าอยู่เเต่ละคนมันจะมีมากเเค่ไหน
เราอดเราจน เราจำเป็นต้องไปปล้นฆ่าไหม? ปล้นฆ่าเเล้วไม่ผิดหรอ ผิดหรอที่ไส่เสื้อผ้ามีราคาหรือโชว์เงินเป็นบึก ก็เงินเรา มันอาจจะไม่ดีที่โชว์เเต่คนปล้นฆ่าโทษมันก็ไม่ได้ลดลงหรอกนะ ยังไงคนคนนึงก็ต้องตายไป
ถ้าบอกมีคนโชว์เเล้วไปปล้นฆ่าไม่ผิด เราว่าโลกมันมีเเต่คนฆ่ากันตายเป็นเบือเเล้วละ เราก็จะไปปล้นมั้งดีมะ เหอะ
เถียงผมได้ แต่เถียงหลักการพุทธ หรือหลักศีลธรรมไม่ได้หรอก
คนทำให้ยั่ว ผิดพอๆ กับ คนสนองตอบกามคุณ
เขียนนิยาย 18+ ก็ผิดศีลธรรมด้วย จะบอกให้
แล้วยิ่งบอกว่า เดินวิถีอโคจร เพื่อหาเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่
ใช่ตัวเราจะทำบาปทำกรรม
พ่อแม่ก็ได้รับผลกรรมด้วย
พิมพ์ยาวๆไม่สะดวก ขอสั้นๆแล้วกันนะคะ.. ถ้าพูดถึงเฉพาะคุณบุ๋ม เราว่าต้องแยกให้ออกนะว่าอะไรคือสิ่งที่เขาพยายามจะทำกับคดีแบบนี้ และอะไรที่เป็น "งาน" ของเขา ซึ่งโอเค ถ้าพูดถึงการแต่งตัวของเขาที่เขาต้องแต่งแบบนั้นก็เพราะงานไง ไม่ได้หมายความว่าเขาแต่งตัว(ถ่ายแบบ)วาบหวิวแล้วเขาต้องแต่งแบบนั้นไปล่อใครถูกไหม? // ที่คุณบุ๋มบอกว่าต่อให้แก้ผ้าก็ไม่มีสิทธิ์ข่มขืน เราว่าเขาพูดถูกนะคะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณผู้หญิงแก้ผ้าเดินต่อหน้าผู้ชายป่ะ มันก็ไม่เมคเซนส์ เข้าใจว่าเขาตั้งใจจะสื่อว่าต่อให้ผู้หญิงแต่งตัวโป๊ก็ไม่มีสิทธิ์ไปขืนใจ ไปล่วงละเมิดเขา แต่ตัวผู้หญิงเองก็ไม่ควรแต่งโป๊อยู่ดี แล้วถามว่าอย่างกรณีน้องแก้ม น้องแต่งโป๊ไหม? จะเอาเรื่องการแต่งตัวมาอ้างอย่างเดียวมันก็ไม่ได้หรอกค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?