Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ฉันเหลวแหลกเพราะใคร? น้อง ครอบครัว หรือฉันเอง?? (เล่าสู่กันฟังเผื่อคุณอาจจะไม่เป็นอย่างฉัน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

"เรื่องไร้สาระ"ที่คนอื่นมักชอบพูดกัน เวลาที่พูดกันว่าพี่น้องอิจฉากันเป็นเรื่องบ้า ไร้สาระ มันไม่มีหรอกมีแต่หนังน้ำเน่า แต่เปล่าเลยนี่คือ เรื่องจริงและอยากบอกว่าสิ่งที่พวกคุณบอกกันว่าไร้สาระมันทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ไม่อยากเป็น

ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อน ฉันจำได้ว่าตัวเองกำลังขึ้นม.1 อะไรก็ดูวุ่นวายเพราะต้องย้ายโรงเรียนใหม่ เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนเพื่อน พ่อกับแม่เอาใจช่วยฉันทุกอย่าง ตอนนั้นแม่ก็ท้องใกล้คลอดแล้วแต่ก็ยังดูแลฉันดีอยู่ ผนวกกับฉันสามารถสอบเข้าโรงเรียนที่ท่านอยากได้เข้าเรียนได้ ท่านทั้งสองเลยดูจะชมฉันมากเป็นพิเศษ แต่เมื่อฉันเปิดเทอมไม่นาน แม่ก็คลอดน้องออกมา เป็นน้องชาย หน้าตาน่ารักน่าชังทีเดียว ทุกคนไปโรงพยาบาลเพื่อหาน้องฉัน ฉันก็ไป พยายามจะเข้าไปดูน้องแต่แค่เข้าใกล้ยังไม่ได้เพราะแต่ละคนเห่อกันมาก พูดถึงแต่น้อง ฉันเลยเหมือนถูกกันออกมา

จำได้ว่าตัวเองนั่งอยู่หน้าห้องพิเศษ มีพยาบาลเข้ามาถามว่า"ไม่ไปหาน้องหรือจ๊ะ " ฉันว่าตัวเองยังจำคำตอบตัวเองได้ ดูแล้วค่ะ น้องน่ารักดี และนับจากวันนั้นฉันก็เกิดมีความรู้สึกบางอย่าง น้องฉันย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพร้อมกับของขวัญและชื่อที่แสนวิเศษที่พ่อกับแม่เป็นคนตั้งให้ พวกเขาเอาแต่ดูแลน้อง พอฉันกลับบ้านไม่มีอะไรเตรียมไว้ให้ฉันอย่างที่เคยเป็น แม่บอกว่าดูน้อง ยุ่งมากให้ฉันเอาเงินไปหาซื้อของหน้าปากซอยกินเองนะ พอพ่อกลับมาก็ขึ้นไปหาแม่ ไม่ได้เข้ามาคุยกับฉันถามว่าที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างเหมือนแต่ก่อน ฉันทนใช้ชีวิตแบบนั้นจนน้องเริ่มอายุครบขวบ มันอาจจะบ้าที่ฉันมีบางโมเม้นที่อิจฉาน้อง แต่ขณะเดียวกันฉันก็ตั้งคำถามในใจ เพราะว่าฉันโตแล้วฉันเลยไม่ต้องการสิ่งที่เคยได้อย่างนั้นเหรอ หรือเพราะน้องเป็นน้อง จึงต้องได้รับการดูแลพิเศษ

ฉันเริ่มขึ้นม. 2 เริ่มมีปัญหากับเพื่อน เพราะพวกเพื่อนผู้หญิงมักชอบนินทา และแขวะฉันเสมอ ด้วยเรื่องที่ว่าฉันชอบเสนอหน้ากับอาจารย์ ก็อาจจะจริงเพราะฉันไม่มีใคร ฉันจึงทำตัวให้อาจารย์ชอบและชื่นชมในตัวฉัน ฉันขยันอ่านหนังสือ สอบได้คะแนนอันดับหนึ่งเกือบทุกวิชา เป็นตัวแทนของโรงเรียนแข่ง ทำผลงาน แต่ที่บ้านฉันกลับไม่เคยรู้เรื่องนี้ เพราะฉันไม่อยากบอก ฉันเคยเจอเหตุการณ์หนึ่ง ดีใจมากที่ตัวเองสอบได้คะแนนที่ 1 ของสายชั้นในวิชาคณิตศาสตรื ฉันรีบกลับบ้านไปบอกแม่แต่แม่ไม่อะไรเลย แ่มบอกเดี๋ยวคุยนะ แม่ดูน้องอยู่ ตั้งแต่นั้นเวลาฉันทำอะไรได้ ฉันก็ไม่เคยบอกพ่อกับแม่อีกเลย

ช่วงสอบปลายภาคของม. 2 ฉันก็เริ่มที่จะไม่ยอมพูดกับเพื่อนที่โรงเรียน กลับบ้านมาก็เข้าห้องเลย อ่านหนังสือ แต่ฉันยังดีมากที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาดี เขาคอยช่วยฉันตลอด โทรให้กำลังใจ และพูดคุยเวลาฉันท้อ ฉันจึงยังเป็นเด็กดีอยู่ได้แต่มันก็มีเรื่องที่น่าประหลาดใจอยู่เสมอ หลังจากประกาศผลสอบ ประกาศห้องเรียนฉันไปโรงเรียนเพื่อช่วยอาจารย์ที่ปรึกษาฉันทำบอร์ดประชาสัมพันธ์ชั้นม. 3 ห้อง 13 ที่อาจารย์เป็นที่ปรึกษาและฉันก็เรียนห้องนั้นด้วย เราพูดคุยกันและทำบอร์ดกันสนุก รู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้วฉันจึงขอกลับบ้าน อาจารย์บอกว่าจะไปส่ง ฉันก็เลยไปกลับอาจารย์ แต่เส้นทางนั้นไม่เคยไปถึงบ้านฉัน ฉันรู้ตัวอีกที ตัวเองก็ยินยอมมีอะไรกับอาจารย์เพราะฉันต้องการความรัก ฉันอยากได้และอาจารย์ก็มีให้กับฉัน ดูฉันเป็นเด็กที่ทำตัวน่าเกลียดทั้งที่อยู่ม.2 แต่ตอนนั้นฉันกลับไม่แคร์

ม. 3 ช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อของชีวิตว่าจะต่อม.4 สายอะไร น้องฉันได้สองขวบกว่าแล้ว หัดพูด เดิน อ่าน เขียน เล่นและอะไรอีกมากมายที่พ่อกับแม่พยายามพูดโชว์สิ่งพวกนั้นกับฉัน ฉันรู้สึกพะอืดพะอมทุกครั้งที่ได้ยินและเมินเฉยคำพูดพวกนั้นด้วยการเงียบ และเดินเข้าห้อง นานเข้าฉันเริ่มไม่คุยกับพ่อแม่ ไม่อยากกลับบ้าน พ่อเริ่มตะคอกฉันเกี่ยวกับเรื่องกลับบ้านดึก และฉันตอบโต้ด้วยการทำลายข้าวของ วันที่ฉันกับครอบครัวทะเลาะกันใหญ่เพราะพ่อได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับฉันที่โรงเรียนจากลูกน้องว่าฉันมั่วกับอาจารย์ พ่อโกรธฉันมากเกือบพลั้งตบหน้าแต่แม่ห้ามไว้ ฉันเลยคว้าทุกอย่างที่อยู่ใกล้ปาเข้ากำแพงจนแตก กับคำพูดที่ถ้าย้อนไปได้ฉันคงไม่พูด " ก็เพราะมีพ่อแบบเนี้ยนี่แหละ หนูถึงเป็นแบบนี้ พ่อเฮงซวยแบบนี้หนูไม่ต้องการ อยากพูดอะไรก็พูดไปหนูจะมั่ว จะนอนกับใครก็เรื่องของหนู ไปดูแลลูกรักของพ่อให้ดีเถอะ" และหลังจากนั้นฉันก็วิ่งออกจากบ้าน โทรหาอาจารย์ให้มารับฉัน

อาจารย์พาฉันไปที่บ้านและบอกว่าจะดูแลฉัน ฉันจบเรื่องปวดหัวด้วยการมีอะไรกับอาจารย์ของตัวเอง ฉันเริ่มไม่ไปโรงเรียนเพราะรู้ดีว่าพ่อกับแม่คงดักเจอฉันที่โรงเรียน อาจารย์เองก็หวั่นจะโดนไปด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์และฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ฉันเลยบอกอาจารย์ให้ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกันเถอะ ก็แค่ความคิดบ้าบ้าแต่อาจารย์ตอบตกลง อาจารย์ไปลาออกที่โรงเรียนและพาฉันไปอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลจนคนคาดไม่ถึง ฉันเข้าเรียนม.4 ช้ากว่าคนอื่นที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง มันไม่ได้หรูหรา แต่ก็ช่ยให้สบายใจส่วนอาจารย์ได้เป็นอาจารย์อัตราจ้างอยู่โรงเรียนใกล้ใกล้กัน เราสองคนอยู่ด้วยกัน เหมือนสามีภรรยา ฉันรู้สึกดีนะ..แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้ตัวเองท้อง ฉันกินยาคุมทุกครั้งและใช้ถุงยางเวลามีอะไรกัน

แต่ช่วงเวลาก็เหมือนละคร มีช่วงหนึ่งที่อาจารย์เริ่มห่างจากฉัน ไม่ยอมทำตัวเหมือนอย่างเก่า เวลาโทรศัพท์เข้าก็แอบไปคุย บางทีก็ตื่นแต่เช้าไปทำงาน ทิ้งเงินให้ฉันไปโรงเรียนเอง ตอนนั้นฉันเริ่มหวั่นแต่ก็ไม่ได้อะไรปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นจนเกือบสามเดือน แต่บางทีมันก็ทนไม่ไหว ฉันแอบไปหาอาจารย์ที่โรงเรียนก็แอบเนียนตีซี้กับพวกเด็กผู้ชายและได้รู้มาว่าอาจารย์อาจกำลังจีบอาจารย์ร่วมชั้นคนหนึ่งอยู่ เย็นวันนั้นพออาจารย์กลับไปฉันก็อาละวาด ถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ชี้หน้าด่าอาจารย์ แต่ครั้งนี้อาจารย์ไม่ได้ปลอบฉันอย่างที่ฉันเคยได้รับ อาจารย์เข้ากระชากฉัน ตบหน้าฉันและบอกว่าแกเบื่อแล้วกับเด็กที่ใจแตก แกอยากมีครอบครัว มีภรรยาที่ออกหน้าออกตาในสังคมได้ ฟังแบบนั้นสะอึกเลยแหละ ฉันเลยตัดสินใจทำอย่างที่เคยทำ เก็บกระเป๋าและออกจากบ้าน อาจารย์ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แค่โยนเงินปึกนึงจากกระเป๋า ฉันน้ำตาร่วงแต่ก็จำใจหยิบมันมาเพราะฉันไม่มีเงิน อย่างน้อยอาจารย์ก็ยังพอมีน้ำใจ ฉันอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้เพราะเงินของอาจารย์ก็พอจะเดาได้ว่าครอบครัวอาจารย์ก็มีเงินพอตัว

ฉันสะพายกระเป๋าออกจากบ้าน เรียกมอไซค์รับจ้างไปส่งที่ บขส.ตีตั๋วกลับกทม. เวลานั้นฉันคิดถึงพ่อแม่ พวกเขาจะยังให้อภัยฉันไหม ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ฉันไม่มีทางเลือก ไม่มีที่ไป ฉันกลับไปถึงบ้านด้วยเวลาเกือบจะตีสี่ ใช้เวลาเดินทางสิบเอ็ดชั่วโมง ประตูรั้วบ้านยังเหมือนเดิม รถก็ยังเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิมหมด ฉันกดกริงหน้าบ้าน รอเวลาให้ประตูเปิดออก ฉันจำได้ว่าตัวเองตื่นเต้นมากตอนที่พ่อเปิดประตูออกมาและตะโกนถามว่าใคร ฉันเงียบไปสักพัก กลั้นเสียงจะร้องไห้ของตัวเองก่อนตะโกนตอบออกไป "พ่อค่ะ หนูเอง"

แทบไม่อยากเชื่อว่าหลังจากฉันพูดประโยคนั้นไป พ่อพุ่งมาหาฉันอย่างเร็ว ท่านโผเข้ากอดฉันและร้องไห้ต่อหน้าฉัน แม่ออกมาดูก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันด้วยอีกคน วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างกำลังกลับไปตอนที่ฉันยังเป็นเด็กและท่านสองคนกำลังอุ้มชุฉันให้เดินไปข้างหน้า ฉันอยากย้อนเวลากลับไปจริงจริง

ฉันเริ่มต้นใหม่แต่ไม่ใช่ในประเทศไทย พ่อ แม่ ฉันเราเปิดใจคุยกันและรู้ดีว่ายังไงเรื่องแบบนี้ก็อาจจะทำลายฉันได้เสมอเวลาที่ฉันเรียนที่นี่ ท่านเลยส่งฉันไปอยู่กับอาที่ประเทศลาวเพื่อเรียนให้จบม.6 ฉันเองไม่ได้คัดค้านอะไรก่อนไปฉันก็ไปหาน้อง พยายามทำความเข้าใจกับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่จ้องฉันตาแป๋วพร้อมรอยยิ้มบริสุทธิ์ ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เคยเกลียดเด็กคนนี้ หาเหตุผลให้ตัวเองอาจเพราะตอนนั้นฉันเป็นเด็ก และคิดว่าพ่อกับแม่ดูแลน้องฉันมากกว่าฉัน ความอิจฉาทำให้ฉันเปลี่ยนไป หากฉันเข้าใจมันได้ และเรียนรู้ปัญหา บางทีชีวิตฉันอาจจะดีกว่านี้ ฉัันก็ไม่รู้ว่าหากในอนาคตฉันมีครอบครัวและเกิดแฟนฉันรู้เรื่องนี้ เขาจะทำยังไง ฉันใจแตกตั้งแต่ม.2

แต่ไม่ว่ามันจะเป้นยังไง ทุกคนย่อมมีสิ่งที่ผิดพลาดอยู่ที่เราจะเรียนรู้และยอมรับมันได้ไหม? เราจะแก้ปัญหามันไหม ตอนนี้ฉันจบเกรดสิบสองที่นั่นและมาสอบเข้าเรียนต่อมหาลัยที่ไทย พอมานั่งคิดถึงเรื่องที่เิกิดขึ้นฉันก็แอบเสียใจกับตัวเองและหัวเราะกับความบ้าคลั่งที่ตัวเองทำ

ฉันอยากให้บทเรียนตัวเองสอนคนอื่น มันอาจไม่มากเพราะบางคนเจอหนักกว่าฉันหรือเลวร้ายกว่านั้น พวกเขาอาจไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมได้หรือมีชีวิตที่ดีได้ แต่ก็ขอให้คุณ"อย่ายอมแพ้" อย่าให้ความผิดพลาดรั้งคุณเอาไว้อยู่ในก้นบึ้งโคลนตมเพราะมันไม่มีทางที่ฉันจะมีความสุขกับมันหรือหาทางออกได้ สู้ สู้นะค่ะ

เชียร์ลีดเดอร์

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

littlewolf 25 ก.ค. 57 เวลา 05:27 น. 6

อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้มันแล้วกันไปนะคะ

รักพ่อกับแม่และน้องให้มากๆ เรายังไม่เคยมีลูกจึงอาจยังไม่รู้ว่ารักยิ่งใหญ่ขนาดไหน ที่แม่ต้องดูแลน้องช่วงเกิดขวบสองขวบก็เพราะเขายังทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ จินตนาการสิ ถ้าเรามีลูก ป้อนข้าวสามเวลา เปลี่ยนผ้าอ้อม พาเข้านอน ลูกคนโตก็ควรจะต้องเขาใจว่าเราเดินเองได้กินข้าวได้ อันไหนพอแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ได้ก็ควรทำ 

ขอขมาพ่อกับแม่จะดีมากค่ะ เข้าไปกราบเท้าท่านทั้งสองแล้วตั้งสัจจะจะเป็นคนดี เชื่อว่าอดีตที่พลาดพลั้งเป็นบทเรียนทื่ยิ่งใหย่ในชีวิต

ความรักนั้นถ้ามิใช่พ่อแม่คนในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกันแล้ว หายากค่ะ ไม่ใช่จะเจอง่ายๆ คนที่พร้อมจะเสียสละ ให้อภัยเราในทุกๆเรื่อง (ร้อยพ่อพันแม่ ต่างจิตต่างใจ) 

อยากมีความรักที่ดีในชีวิตก้ต้องทำตัวเองให้อบอุ่มเต็มด้วยการรักพ่อแม่รักน้อง (คนดีๆ ย่อมสัมผัสถึงจิตใจที่ดี เป็นภาวะดึงดูดของคล้ายๆกัน) 

คนที่ไม่เต็มในความรัก รักใครก็อยู่กะบคนนั้นไม่นานเพราะคอยแต่เรียกร้องให้คนรักทำนู่นทำนี่ เป้นนั่นเป็นนี่ ไม่เคยเติมเต็มให้อีกฝ่ายเลย ความเป็นขั้วลบที่ไม่สมบูรณ์ ขาดแหว่งในความรัก เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว คบใครก็คบได้ไม่นาน นี่กฏธรรมชาติ กฎความสมดุล


รักแท้ รักจริง เปรียบเหมือน หนึ่งดวงวิญญาณ สองร่าง (ไปไหนก็ห่วงกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน) ส่วนใหญ่จะมี ศีล สมาธิ ปัญญา เสมอกันเท่านั้นจึงจะอยู่กันได้ยาวนาน  

ตัวอย่างมิได้ไกลเลย พ่อกับแม่ของเรานี่เอง เรียนรู้รักจากท่าน สักวันจะได้ดีทางความรักและเรื่องอื่นๆในชีวิต ที่สำคัญรักน้องให้มากๆ เขาคือพี่น้องร่วมสายเลือด ในประเทศไทยเรามีญาติกี่คน มีคนในครอบครัวที่ควรรักและให้ความสำคัญสักกี่คน คนนอกเทียบไม่ได้เลย คนจริงใจก็ไม่ต้องถาม หายากเข้าไปทุกที

เป็นกำลังใจให้นะคะ
ชีวิตลิขิตเอง 

0