Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากระบาย + ขอคำแนะนำ จากทุกๆท่าน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอเกริ่นเรื่องเลยนะคะ ตอนนี้คือเพิ่งเลิกกับแฟนไปหมาดๆเลยค่ะ เหตุผลเพราะ ที่บ้านเขาไม่โอเคเราเท่าไหร่ อยากให้เป็นเพื่อนกันมากกว่า และคิดว่าเขายังดูแลตัวเองไม่ได้เลยไม่อยากให้มีแฟน

เรากับคนๆนี้คบกันมาได้ไม่นานเลยค่ะ แค่แปปเดียวเองจริงๆ ครึ่งปีได้มั้งคะ แต่เรื่องก่อนหน้านี้หล่ะค่ะ มันนานมาก

ผู้ชายคนนี้แอบชอบเรามา 5 ปีคะ ก่อนที่จะบอกว่าชอบเรา เขาเป็นคนขี้อายมาก และก็เงียบมากๆ เราอยู่ด้วยกันมาก็รู้จักเพียงแค่ผิวๆ ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าเขาชอบเรา เราก็เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ ตอนนั้นตั้งแต่ ม.1 เลยมั้งนะคะ ชมรมก็อยู่ด้วยกัน ห้องเรียนพิเศษเหมือนกันคะ แต่ไม่เคยคุยกันเลย จนยัน ม.ปลายเราออกจากห้องเรียนพิเศษมาอยู่ห้องธรรมดา เขาก็เหมือนกับเราค่ะ ม.4 ก็แค่เริ่มเจอเริ่มเห็นหน้าเห็นชื่อกันมากขึ้น มาเริ่มคุยกันจริงๆก็ตอน ม.5 นั่นหล่ะค่ะ

ตอนม.5 เรามีปัญหาหลายๆเรื่องมากๆเลยคะ ปัญหาหนักมากๆ แต่ก็มีเขาคอยคุย คอยปลอบเรา คอยอยู่เคียงข้างเรามาตลอด จนแบบเป็นเพื่อนสนิทกันเลยคะ แล้วก็คุยกันเรื่อยมาจน ม.6

ตอนม.6 เขากับเราสนิทกันแบบสนิทมากๆ กลับบ้านก็กลับด้วยกัน เขาจะส่งเราขึ้นรถเมล์กลับบ้านตลอด เขาเป็นคนอบอุ่นมากๆเลยคะ จนตอนนี้หล่ะที่เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบเขา(แต่ยังไม่รู้นะคะว่าเขาชอบเรา) เราก็พยายามแบบทำหลายอย่างเลยค่ะ บางทีเราก็ให้เขาโหลดเพลงรักหรืออะไรแนวนี้ลงมือถือเขา แล้วเอามาให้เราฟัง ทำนั่นนี่เพื่อให้เขารู้ตัวว่าเราแอบชอบเขาอยู่นะ คุยกันก็แบบคุยทุกวันเลยค่ะทั้งเฟส ทั้งข้อความในโทรศัพท์ เขาก็ชอบแกล้งเรานั่นนี่ เราเองก็ชอบแกล้งเขาเหมือนกัน 55555+ นึกถึงตอนนี้แล้วตลกดีมากเลยคะ

จนยันจุดๆหนึ่งเขาบอกกับเราว่า เขาเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน อยากมีพี่สาวจัง เราเองก็เลยบอกเขาไปว่าเราเองก็เป็นลูกคนสุดท้องอยากมีน้องชายบ้าง เราเลยเป็นพี่สาวกับน้องชายกันไปสักพักหนึ่งคะ เขาดูแลเราเหมือนเราเป็นพี่เขาจริงๆเลยนะคะ ชอบบรรยากาศแบบนี้มากเลย

จนวันหนึ่งตอนจะส่งเรากลับบ้าน เขาหยิบมือถือเขาพร้อมเพลงที่เราให้โหลดเก็บไว้ให้ แล้วถามเราว่า เพลงนี้ต้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า เราเขินและหน้าแดงมากเลยค่ะ เราก็เลยตัดสินใจบอกเขาไปตรงๆ ว่าเราชอบเขามาหลายเดือนแล้ว เขาก็นิ่งแล้วก็มองหน้าเรา บอกเราว่า จริงๆเขาชอบเรามา 5 ปีแล้วอะ เราได้ยินแบบนี้เราเขิน+ดีใจจนทำตัวไม่ถูกเลยคะ 555

หลังจากนั้นก็คบกันมาเรื่อยๆรักกันดีค่ะ ไม่เคยมีปัญหาหรือทะเลาะอะไรกันเลย จนถึงก่อนหน้านี้สัก 1 อาทิตย์ เขาหายไปค่ะ หายไปแบบหายไปเลย เราพิมไปหาก็อ่านแต่ไม่ตอบ แล้วจู่ๆเขาก็กลับมาบอกว่ามีเรื่องขอร้อง บอกว่าไม่อยากจะไปต่อแล้วคะ เขาคิดมากเรื่องเราจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย ขอให้เราบอกเลิกเขาได้ไหม ตอนแรกที่ได้ยินก็ทำใจไม่ได้เลยค่ะ แต่เรารักเขา+ไม่อยากเห็นเขาเป็นทุกข์ เราก็มานั่งทบทวนกับตัวเองแล้วคิดว่า เรายอมเลิกกับเขาดีกว่าคะ สุดท้ายเราก็เลยไปบอกเลิกเขาคะ เขาก็ขอบคุณเรา และบอกเราว่า ถ้าเป็นไปได้จะพยายามหายไปจากชีวิตเราเลย เพราะเขาอยากลืมเราค่ะ เราก็อืมมมม บอกไม่ถูกค่ะ พอมาถึงวันนี้เราทำใจเรื่องไม่เป็นแฟนกันได้แล้วนะคะ แต่ใจเราลึกๆ เราไม่อยากให้เขาหายไปจากชีวิตเราเลยค่ะ เขาดีกับเรามากๆ เราไม่เคยเจอใครที่ดีกับเราขนาดนี้มาก่อน เขาดีกับเรามากๆในทุกสถานะที่เขาเป็นเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนสนิท พี่น้อง หรือแฟน
เราเลยมีคำถามที่อยากจะถามทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

1. เราจะมีโอกาสกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ (เราลองปรึกษากับคนหลายๆคนเขาบอกแค่รอเวลาค่ะ)

2. ถ้าเขาทำใจไม่ได้แล้วหายไปจากชีวิตเราเลย เราควรทำไงดีค่ะ (เผื่อใจไว้คะ555)

3. สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มันผิดไหมคะ (เราแค่ไม่อยากให้คนดีๆคนหนึ่งหายไปจากชีวิตเรา ถ้าเขาทำใจได้ก็น่าจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่ไหมคะ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้คำแนะนำมากๆนะคะ ขอให้ทุกคนสมหวังในทุกๆเรื่องเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

นามแฝง 2 ส.ค. 57 เวลา 09:19 น. 1

น่าเห็นใจ จขกท.นะคะ ที่เขาหายไป...คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน อาจต้องการเวลาค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
teerex 2 ส.ค. 57 เวลา 11:16 น. 2

เดี๋ยวนะ ยังไม่เข้าใจสาเหตุที่ขอเลิก
คิดมาก คืออะไร?

ขยายความหน่อยสิครับ
หรือถ้ายังไม่ได้หาคำตอบ
ก็ฝากไปหาทีครับ

เรื่องนี้มันคุยกัน และค่อยๆแก้ปัญหาผ่านไปด้วยกันได้ครับ

ผมเคยติดแฟนมากครับ 
ผมจัดการกับตัวเองโดยการที่ตกลงว่าจะพบกันทุกกี่วันๆ
ในอาทิตย์ ในเดือนนั้นๆ
จะโทรคุย ข้อความกันกี่ครั้ง

เพราะไม่งั้นผมคงห้ามใจตัวเองไม่อยู่
ทักมันตลอด ไลน์เวลาเรียน
ไปรอส่งเธอก่อนเวลา

ผมเคยเสียการเรียน เพราะตอนสอบไม่มีสมาธิเลยครับ
ผมเลยขอกับเธอตรงๆ ช่วยกันกำหนดเวลา
ห่างกันสักพัก แต่ไม่ใช่เลิกกัน 
หรือไม่ใช่ห่างเพื่อเลิก
แต่เป็นการลดความใกล้ชิดบ้าง
เหลือช่องว่างให้คิดเรื่องอื่น
ทำให้ความคิดถึงมีค่าขึ้น อะไรงี้

นี้คือเคสผมนะ ส่วนของคุณ
ลองหาสาเหตุก่อนมั้ย?

0
ดอกกี้แชโดว์ 2 ส.ค. 57 เวลา 11:40 น. 3

ที่เลิกกันก็เพราะ เขามีปัญหาทางบ้านไงคะ แม่เขาก็จะตามจี้ทุกวันว่าเลิกกันยัง เลิกกันยัง เขาเลยไม่มีอันทำอะไรเพราะเขาเครียดเรื่องนี้หล่ะค่ะ แม่เขาอยากให้เป็นเพื่อนกันมากกว่าค่ะ แต่เขาไม่กล้าบอกกับเราตรงๆว่ามันมาได้ไกลแค่นี้ในตอนนี้อะคะ เขาเลยคิดมากไงคะ เขาเลยบอกว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่จะจัดการตัวเขาเองได้ดีที่สุด จริงๆเราก็ไม่อยากให้เขาทำนะคะ เพราะเราเห็นว่ามันมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้เยอะแยะ แต่เราอยากให้เขาลองดูด้วยตัวเองมากกว่า จะได้รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ดีอะคะ แล้วค่อยหาทางกันใหม่คะตั้งใจ

0
เจ้ฟาง 2 ส.ค. 57 เวลา 12:24 น. 5

สำหรับเรานะ ครอบครัวเราไม่ชอบแฟนเราเพราะหลายๆเรื่องทั้งๆที่แฟนเราก้อดีนะ ขยัน จริงใจ แต่ปัญหาใหญ่สุดคือแม่เราไม่ชอบแม่เค้า แม่บอกให้เลิกตลอด นับวันก้อยิ่งจี้หนักขึ้น แต่เราจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ สำหรับกรณีของ จขกท ลองถามตัวเองดูก่อนว่าพร้อมจะเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆหรอ แน่ใจว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆแล้วจะไม่คิดมากกว่านั้น เราว่าบางทีการห่างกันอาจจะเป็นทางออกที่ดีก้อได้ วันนึง จขกท อาจเจอคนที่ใช่ คนที่ครอบครัวเขาโอเคกับเรา หรือคนที่หนักแน่นพอจะอยู่กับเราโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น วันนั้น จขกท จะขอบคุณเขาที่เปิดโอกาสให้

0
ดอกกี้แชโดว์ 2 ส.ค. 57 เวลา 13:01 น. 6

ขอบคุณมากๆนะคะ เราก็รอเวลานี้พิสูจน์เหมือนกันคะว่าเราจะทำแบบที่เราคิดได้ไหม เราเองก็ไม่ได้อยากให้เขากลับมาเป็นแฟนเราแล้วคะ อาจว่าเราแปลกก็ได้นะ แต่ว่าเวลาที่เราอยู่กับเค้าแบบเป็นเพื่อนเมื่อเทียบกับตอนเป็นแฟนมันต่างกันมากๆเลยคะ เป็นแฟนมันแปปเดียวเองความผูกพันหรืออะไรมันน้อยมากเลยคะเมื่อเทียบกับตอนที่เป็นเพื่อนกันอยู่ แต่เวลาที่เป็นเพื่อนกันมันนานมากๆเลยคะ แล้วเวลาเรามีปัญหาเรารู้สึกว่าเพื่อนคนนี้คอยช่วยเหลือเราไม่ทิ้งเราเลย เราคิดและเริ่มสงสัยตัวเองแล้วคะว่าเรารักเขาแบบที่เป็นเพื่อนหรือแฟนกันแน่ 555+ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ 555+

0
teerex 2 ส.ค. 57 เวลา 19:24 น. 7

เห่ย เอาจริงนะ ตอนม ปลาย ผมไม่ได้บอก พ่อแม่อ่ะ
คือจริงจังน่ะมันใช่อยู่แล้ว
แต่ผมไม่คิดจะบอกพ่อแม่หรอก

เพราะ... ผมคิดว่าท่านคงไม่เข้าใจ
และจะกลายเป็นมากดดันให้พวกเราเลิกกัน
เพราะท่านอยากให้โฟกัสเรื่องเรียนมากกว่า

ซึ่งความคิดผมก็คงไม่อยากบอกพวกท่านอยู่แล้ว ในวัยเรียน
เพราะผมยังไม่รู้เลยว่า อนาคต
ผมจะดูแลฝ่ายหญิงได้แค่ไหน

ผมคงไม่กล้าให้คัสัญญา ที่ผมเองก็ยังไม่สามารถคาดเดาอนาคตตัวเองได้
ไว้กับแฟนของผม หรือพ่อแม่ของผม
การที่พ่อแม่ของผม รู้เรื่องแฟนแล้ว นั้นถือเป็นคำสัญญาอย่างนึง

ผู้ใหญ่เขาจริงจังกว่าเรานะครับ
คือพวกเราไม่ใช่ไม่จริงจังหรอก จริงจัง แต่เราไม่รู้อนาคตหรอก

ที่พูดมาทั้งหมดคือ เรื่องอย่างนี้แล้วแต่มุมมอง
วัยมัธยม มหาลัย ปี 2-3 ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้
พ่อแม่ไม่เข้าใจหรอกครับ
ไม่อยากให้เอาเรื่องพวกท่านมาคิด

เพราะท่านมองเราเป็นเด็ก จนกว่าเราจะพิสูจน์ตัวเองได้
ว่าดูแลกันได้ จนกว่าจะถึงเวลานั้น
เราก็ควรจะพิสูจน์ตัวเองก่อนค่อยบอกคุณพ่อคุณแม่ครับ

เรื่องแบบนี้ ผมขอพูดตรงๆตามความเห็นผมนะครับ
มองกันสั้นไปนิดนึง ตัดสินใจเร็วไปหน่อยนึงครับ

แต่ทั้งนี้ ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของพวกคุณนั้น เกิดในวัยที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก
มันอาจจะสับสน ไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่อว่า
เรื่องของหัวใจ หรือสิ่งที่เกิดมาคู่กันแล้ว
แยกกันไป อย่างไร พวกเขาก็จะกลับมาตามหากันอีกครั้ง

คล้ายๆรักครั้งแรก ที่ผมเองก็ยังคิดถึงอยู่ทุกวัน นั้นล่ะครับ


สู้ๆนะครับ พูดซะยาวเชียว

0
ดอกกี้แชโดว์ 3 ส.ค. 57 เวลา 17:51 น. 9

ขอบคุณมากๆนะคะ หนูยอมรับค่ะว่าตัวเองยังเด็กไปสำหรับเรื่องพวกนี้ ตัดสินใจเร็วไปด้วยก็จริงคะ แต่หนูก็เชื่ออย่างนั้นนะคะ ถ้าคู่กันต้องกลับมาใหม่อยู่ดี ตอนนี้ก็ไปฝึกใช้ชีวิต ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่เลี้ยงพ่อแม่ให้ได้ก่อน ค่อยคิดอีกทีแล้วกันค่ะ 555555ว๊าว

0