Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[เล่าประสบการณ์] เมื่ออาจารย์สั่งการบ้านให้ผมสารภาพบาป ผลที่ได้คือ...!?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


//ก่อนหน้าผมโพสต์ผิดบอร์ด ขออภัยจริงๆครับ แต่อยากแชร์ประสบการณ์แลกเปลี่ยนกันเลยขอลงอีกที


               สวัสดีครับ วันนี้พอดีผมรื้อไฟล์เก่าๆในบรรดาการบ้านของผม บังเอิญเจอไฟล์หนึ่งที่เก็บไว้ ชื่อไฟล์มันแปลกๆชื่อ 'Eng สารภาพบาป' ผมเลยลองกดเข้าไปอ่าน อ่านแล้วก็คิด เออ...เราก็ทำไปได้เนอะ แล้วก็ระลึกได้ถึงความหลังที่ผมทำลงไปด้วยอาการไฟลนก้น

เหตุไม่ใช่อะไรครับ อาจารย์ท่านหนึ่งได้สั่งการบ้านไว้เมื่อใกล้จบเทอมเกือบคาบสุดท้าย สิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องการคือ ผลการประเมินตัวเองจากการสอบมิดเทอม และแผนพัฒนาการตัวเอง แต่ตอนอาจารย์สั่งการบ้านท่านได้บอกตรงหน้าห้องผ่านไมค์ว่า...

“อาจารย์ไม่ขออะไรมาก อยากให้เราทบทวนบทเรียน แล้วก็ สารภาพบาป มาซะว่าที่ผ่านมามิดเทอมเราได้ทำอะไรไป แล้วคิดจะแก้ไขยังไง อย่างต่ำสามหน้ากระดาษA4 ส่งอาทิตย์หน้านะ”

อาจารย์ท่านพูดเชิงขำๆ บอกถ้าส่งจะได้คะแนนนะ ตอนทำการบ้านผมก็คิดว่า เอาวะ อาจารย์แกอยากให้ผมสารภาพบาป...งั้นผมก็จัดเต็มครับ เอาครบสามหน้ากระดาษเลย!

ผลที่ได้คือ... (ต่อจากนี้จะเป็นตัวการบ้านที่ผมพิมพ์ทั้งหมดส่งอาจารย์จริงๆ)



-------------------------



การประเมินตัวเองจากการสอบกลางภาค และ
แผนการพัฒนาตัวเองเพื่อเตรียมตัวสอบปลายภาค

สอบกลางภาคหรือ midterm ครั้งล่าสุด ข้าพเจ้าทำข้อสอบวิชา  English II ได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 60 คะแนน คะแนนสอบผ่านคะแนน Mean ฉิวเฉียดจนแทบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่ถือว่าดีแล้วสำหรับข้าพเจ้า(แต่ยังดีไม่พอสำหรับมาตรฐานสู่คะแนนเกรดสวยๆ) ซึ่งข้าพเจ้าไม่แปลกใจสักนิดเมื่อลองนึกประเมินตัวเองจากการสอบกลางภาคที่ผ่านมาอย่างถี่ถ้วน…


ในขณะที่อยู่ห้องสอบนั้นข้าพเจ้าขอสารภาพจากใจจริงว่า ข้อสอบหน้าแรกๆที่เป็นเกี่ยวกับ Grammar เอย บทสนทนาเอย ข้าพเจ้าเห็นแล้วยังพอที่จะยิ้มออกเพราะ อ่านทบทวนมาพอที่จะจำได้ค่อนข้างคล่องนิดหน่อย แม้ไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ถือว่ารู้สึกทำได้ ชนิดที่เห็นข้อสอบก็ใช้ดินสอฝนกระดาษคำตอบทันที…

ทว่า หลังจากหน้าถัดถัดไปของข้อสอบ อาทิ เรื่องVocabulary ที่เรียงข้อเป็นแถวยาวเป็นพรืดเฉียดยี่สิบข้อนิดๆ ซึ่งทันทีที่ได้เห็นข้าพเจ้าก็รีบทำการเปิดข้ามไปหาเรื่องอื่นแทนทันที และเจอของหนักยิ่งกว่าอย่าง Reading ซึ่งมีเนื้อเรื่องสองสามเรื่องแสนยาวเหยียด ตัวอักษรเรียงรายดูยืดยาวจนแทบจับใจความสำคัญไม่ได้ ไม่น่าอ่านสุดๆ และแทบดับดิ้นตายอนาถที่เรื่องการเติมคำเชื่อมหรือคำขึ้นต้นของข้อความแต่ละย่อหน้า

(อนึ่งขอสารภาพ ณ ที่นี้เล็กน้อยว่า ข้าพเจ้าเผลอหลับสนิทคาห้องสอบในระหว่างที่อ่าน Reading)

จากข้างต้นจะแสดงให้เห็นสภาพจิตใจของข้าพเจ้าขณะอ่านข้อสอบแล้ว เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปจะขอสรุปสั้นๆถึงข้อผิดพลาดที่ข้าพเจ้าพบเจอในระหว่างทำข้อสอบ…

ประการแรกคือ ข้อเสียหลักที่จำ Vocabulary อย่างพวกคำศัพท์เด่นๆหลักๆยากๆไม่ได้เลย ถึงจะจำคำบางคำในช้อยส์ได้แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่บางข้อ ส่วนใหญ่จะจำได้สักสองช้อยส์ซึ่งเป็นข้อผิด แล้วเหลือให้เลือกข้อถูกอีกสองข้อ ซึ่งมีโอกาสถูกห้าสิบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นตอนที่สอบจึงต้องมานั่งเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะแปะเพื่อเลือกช้อยส์กามั่วๆไป

ประการที่สอง คือ ข้อเสียในการอ่าน Reading เนื่องจากประโยคยาวยืดและจับใจความรวมถึงแปลประโยคไม่ออก ดังนั้นคำตอบที่ได้ออกมาคือ การเลือกช้อยส์ที่มีคำศัพท์หน้าตาคล้ายๆกับเนื้อเรื่องตอบๆไปเพื่อจะได้จบๆ

สองประการนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวงของข้าพเจ้าที่ไม่เคยสนใจที่จะแก้ไขจริงจังมานานนับหลายปี แต่อันที่จริงแล้วข้าพเจ้ารู้สึกตัวแล้วว่า เพราะเหตุใดข้าพเจ้าถึงทำข้อสอบหรือทบทวนบทเรียนไม่ได้ดีเท่าที่ควร จึงขอย้อนความชีวิตก่อนสอบของข้าพเจ้าในย่อหน้าถัดไปนี้…

ข้าพเจ้านั้นไม่ได้คิดที่จะทุ่มเทให้กับวิชา English II นี้จริงจังสักนิด เพราะตามความคิดง่ายๆอันโง่เขลาของข้าพเจ้าคิดเพียงว่า ขอแค่วิชานี้ได้เกรด C หรือ C+ ก็เพียงพอแล้ว เวลาอยู่ในห้องเรียนข้าพเจ้าจึงตั้งใจเรียนบ้าง ไม่ได้ตั้งใจเรียนบ้าง ตามแต่อารมณ์วันนั้นๆไป แม้ว่าข้าพเจ้าจะเข้าเรียนทุกครั้งก็ตาม ดังนั้นวิธีการทบทวนบทเรียนหรืออ่านสอบของข้าพเจ้าในวิชานี้จึงเป็นการอ่านก่อนวันสอบเพียงแค่หนึ่งวัน (อันที่จริงไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำไป)

แต่ในวันอ่านสอบนั้นข้าพเจ้ายอมรับจากใจจริงว่า ข้าพเจ้าแบ่งเวลาในการอ่านทบทวนบทเรียนไม่ดีจริงๆ และสภาพแวดล้อมรอบด้านของข้าพเจ้าก็มีแต่สิ่งยั่วยุบั่นทอนสมาธิของข้าพเจ้ามากมายมหาศาล อาทิ หนังสือการ์ตูนมากมายเรียงรายน่าอ่านไม่แพ้กองหนังสือนิยายตั้งโดดเด่น และตายรังที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอันว่างเปล่าปราศจากคนใช้งาน ทำให้ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจอ่านสอบเลยสักนิด

                มารู้ตัวอีกทีก็เวลาสายเกินแก้เสียแล้ว ข้าพเจ้าจึงทำได้เพียงแค่พยายามยัดเยียดกลุ่ม
Vocabulary ในชีทสรุปที่ซื้อมาอ่านผ่านๆเข้าสมองลวกๆแทน เป็นผลให้กว่าที่ข้าพเจ้าจะทำใจไปนอนได้ก็ปาไปเกือบตีสองเป็นที่เรียบร้อย (ตีสองถึงแม้ว่าจะดูไม่ดึกสำหรับวัยรุ่นสดใสปีหนึ่งมหาวิทยาลัย แต่สำหรับข้าพเจ้าก็ถือว่าดึกมากจนนอนไม่พอเลยทีเดียว) และผลจากการนอนไม่พอนั้นช่างเลวร้ายที่สุดคือ ข้าพเจ้าเผลองีบหลับสนิทคาห้องสอบ

ความผิดพลาดที่ข้าพเจ้าสารภาพออกมาทั้งหมดทั้งปวงแทบหมดไส้หมดพุงนี้แสดงให้เห็นถึงสันดานขี้เกียจที่มีในตัวข้าพเจ้าดีแท้ แต่จากคำแนะนำของอาจารย์ที่เคารพรัก ทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นทางสว่างในการปรับปรุงตัวเองและรับมือเตรียมดัดสันดานขี้เกียจในตัวข้าพเจ้าเพื่อเตรียมสอบปลายภาคหรือ Final แล้ว…

อันดับแรกที่ข้าพเจ้าควรทำก่อนสอบปลายภาคหรือ Final คือ หมั่นอ่าน Vocabulary ทีละเล็กทีละน้อยทุกวันชนิดพกพาติดมือไปไหนต่อไหนสม่ำเสมอจะได้หยิบขึ้นมาอ่านได้ในเวลาว่างๆ

อันดับที่สอง ข้าพเจ้าเริ่มหันมาสนใจอ่านการ์ตูนทางอินเตอร์เน็ตเป็นภาษาอังกฤษอย่างจริงจังบ้างจากเดิมที่เคยอ่านแบบฉบับภาษาอังกฤษแบบผ่านๆ ก็เริ่มที่จะเปิด Dictionary บ้างหรือแปลคำศัพท์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตบ้างเพื่อเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆที่ไม่เคยพบเคยเห็นหรือจำไม่ได้ วิธีนี้นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวดีแท้ (จะเป็นการดีมากถ้าสอบครั้งถัดไปมีคำที่ข้าพเจ้าอ่านเจอในหนังสือการ์ตูน)

อันดับที่สาม จากคำแนะนำของอาจารย์ที่เคารพรักซึ่งแนะนำให้มีการทำ mapping หรือวาดเป็นรูปเพื่อเสริมสร้างความจำให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงให้รวมคำศัพท์เป็นหมวดหมู่ ข้าพเจ้าน้อบรับฟังและจะปฏิบัติตามก่อนถึงวันสอบเป็นแน่แท้ เพราะอันที่จริงแล้วตอนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ข้าพเจ้าเองก็ใช้วิธีนี้ในการจดจำเช่นกัน (ถึงแม้ว่าหลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วสันดานขี้เกียจของข้าพเจ้าจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นจนไม่ได้ใช้วิธีนี้เลยก็ตามที)

อันดับที่สี่และแทบเป็นอันดับที่สมควรกระทำมากที่สุด คือ ก่อนสอบ…ยังไม่ได้กำหนดเวลาเป็นที่แน่นอนตายตัว เอาเป็นว่าข้าพเจ้าจะพยายามสุดความสามารถในการปิดผนึกเหล่าอบายมุขสำหรับการสอบทั้งหลายแหล่ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ข้าพเจ้าแบ่งเวลาในการทบทวนบทเรียนไม่ได้นานเท่าที่ควร (ในที่นี้หมายถึง หนังสือการ์ตูน หนังสือนิยาย และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค) ถึงตามจริงแล้วข้าพเจ้าอาจจะทำได้เพียงจำกัดจำนวนลดปริมาณในการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุเหล่านี้ให้น้อยลงก็ตามที เพราะ เหล่าสิ่งยั่วยุนี้จัดได้ว่าเป็นพลังงานกระตุ้นในการขับเคลื่อนชีวิตข้าพเจ้าอย่างหนึ่งพอๆกับอาหารเลยทีเดียว

สี่อันดับขั้นต้นที่กล่าวไป คือ แผนการพัฒนาตัวเองของข้าพเจ้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบปลายภาค หรือ Final ซึ่งตัวข้าพเจ้าเองก็เริ่มต้นไปแล้วถึงอันดับที่สอง ขอขอบคุณอาจารย์ที่เคารพรักเป็นอย่างยิ่ง ณ ที่นี้ ที่ท่านมีความพยายามอดทนอดกลั้นอ่านเรื่องราวอันแสนยืดเยื้อน้ำไหลเชี่ยวหาเนื้อแท้มิได้นี้จนจบถึงประโยคนี้โดยไม่รำคาญ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง



-------------------------------------



อันที่จริงผมแค่สารภาพบาปไปตามตรง ที่ยาวมากขนาดนี้เพราะ ผมพยายามสรรหาคำสุดความสามารถเพื่อให้-ที่เขียนได้แค่หน้าเดียวยืดเยื้อมาถึงสามหน้ากระดาษ แต่พอผมมาย้อนอ่านแบบนี้อีกที ผมไม่รู้จะขำหรือสงสารอาจารย์ที่ไม่รู้ว่าจะอ่านการบ้านของผมหรือเปล่า(ฮา)


           //ยังดีที่หลังส่งการบ้านคาบสุดท้าย ผมก็ไม่ได้เจออาจารย์อีกเลย แต่การบ้านครั้งหน้าไม่ว่าวิชาอะไรผมคงไม่ทำแบบนี้ส่งอีกแน่นอน  ^^

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น