Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รู้ทัน...สิว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ข้อมูลโดย นายแพทย์เจริญลักษณ์ คงดำเนิน
แพทย์ผู้บริหาร สกินิค คลินิก
คงไม่มีสาวๆ คนไหนกล้าปฏิเสธหรอกนะคะว่า เจ้าสิ่งแปลกปลอมเม็ดเล็กๆ ที่ขึ้นกระจายอยู่บนใบหน้า สร้างปัญหาหนักอกหนักใจให้กับสาววัยใสอย่างเรามาหลายครั้งหลายคราแล้ว ไหนจะทำให้ผิวหน้าใสๆ หมดสวย แถมยังรักษายาก หรือบางครั้งถ้าปล่อยปะละเลยก็อาจจะทำให้ลุกลามเป็นสิวอักเสบแล้วก็ฝากรอยดำและแผลเป็น เอาไว้ให้เราเจ็บใจเล่นอีกต่างหาก
สาเหตุของสิวโดยหลักมาจากฮอโมนส์เพศ ซึ่งสร้างมากจากต่อมเพศ นั่นคือรังไข่ และ อัณฑะ เมื่อฮอร์โมนส์ เพศถูกหลั่งออกมา เข้าสู่กระแสเลือด วิ่งไปทั่วร่างกาย เมื่อไปเจอกับต่อมไขมันที่ผิวหนัง จะกระตุ้นให้มีการสร้างไขมันออกมาเคลือบผิวมากขึ้น ในคนที่เป็นสิว ไขมันที่หลังออกมาเป็นปริมาณมาก จะไหลผ่านไปยังผิวหนัง โดยอาศัยท่อของรูขุมขนหรือโพรงขนเป็นทางผ่าน ในคนที่เป็นสิวนั้น พบว่า ทางออกของโพรงขนมักจะตัน จึงทำให้ไขมันที่ผลิตจากต่อมไขมัน ไม่สามารถที่จะออกนอกโพรงขนไปได้ จึงท้นและตกตะกอนอยู่ภายในโพรงขนนั้นเอง เวลาผ่านไป จะแข็งตัวเป็นเม็ดเล็กๆ เรียกว่าสิวอุดตัน สิวอุดตัน สังเกตุง่ายๆ คือเวลาล้างหน้าแล้วรู้สึกว่าผิวไม่ลื่น มีเม็ดเล็กๆอยู่ใต้ผิวหนัง มองผ่านแสงกระทบเห็นเป็นรอยนูน นี่แหละ สิวอุดตัน ตัวละครที่สำคัญที่สุด ในการกำจัดสิวให้หมดไป สิวอุดตันนั้นจะว่าไปก็คือต้นกำเนิดของสิวทุกรูปแบบที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวดำ หรือสิวอักเสบ หรือแม้กระทั่งสิวหัวช้าง ก็เริ่มต้นจากสิวอุดตันก่อนเสมอ สิวอุดตันเม็ดใดที่โชคดี หาทางออก โผล่ทะลุโพรงขนขึ้นมาได้ เราจะเรียกมันว่าสิวหัวดำ สิวโชคดีชนิดนี้ จะสามารถหลุดลอกออกไปได้เอง โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วถ้าสิวไม่โชคดีละ จะเป็นยังไง สิวอุดตันที่ไม่มีหัวนั้น เมื่อปล่อยนานไป ตัวไขมันที่อุดตันนั้น จะเป็นอาหารชั้นดีให้กับแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในโพรงขน เมื่อได้อาหารเต็มที่แบคทีเรียพวกนี้จะแบ่งตัวเพิ่มขึ้น เศษขยะที่ได้จากการกินก้อนไขมันนั้นคือไขมันอิสระ ขยะพวกนี้แหละที่จะกระตุ้นเรียกเม็ดเลือดขาวให้เข้ามา หลังจากนั้นปฏิกิริยาการอักเสบจึงเกิดขึ้น ทำให้สิวอุดตันเม็ดนั้น กลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด หากการอักเสบลงลึกมาก และรุนแรงมาก อาจทำให้เห็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ เหมือนถุงหนอง หรือที่เราเรียกว่า สิวหัวช้างนั่นเอง ดังนั้น วิวัฒนาการของสิวทุกอย่างที่เราเห็น มักเริ่มต้นจากสิวอุดตันก่อนเสมอ ดังนั้นการรักษาสิวให้ทุเลาลง จึงต้องโฟกัสไปที่พระเอกของเรา นั่นคือสิวอุดตัน หากรักษาจนกระทั่งสิวอุดตันหายหมดแล้ว ก็สบายใจได้ว่าจะไม่มีสิวอักเสบตามมาหลอกหลอนบนใบหน้าเราได้อย่างแน่นอน

การรักษาสิวนั้น หากเราเข้าใจถึงกระบวนการเกิดสิว เราก็จะเข้าใจถึงกระบวนการรักษาสิวด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ไขมันที่หลั่งออกมามากเกินไป การใช้ยากลุ่มวิตามินเอแบบกิน(Roaccutane)ที่มีผลยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน จึงตอบโจทย์ในการรักษาสิวได้ดีที่สุด เพราะยับยั้งกลไกการเกิดสิวตั้งแต่เริ่มต้น แต่ยาชนิดนี้ค่อนข้างอันตราย มีผลข้างเคียงมาก จึงห้ามซื้อมากินเองโดยเด็ดขาด ให้แพทย์พิจารณาเป็นรายๆไป จะดีที่สุด เพราะยากินชนิดนี้ ใช้รักษาเฉพาะสิวที่เป็นรุนแรงเท่านั้น ต่อมาเมื่อไขมันออกมาสู่โพรงขน แต่ปากทางของโพรงขนอุดตันเต็มไปด้วยหนังกำพร้าชั้นขี้ไคลที่ยึดติดแน่นไม่ยอมหลุด การใช้ยาทากลุ่มวิตามินเอ(RetinA)ซึ่งมีฤทธิ์ ทำให้ผิวหนังชั้นขี้ไคลหลุดลอกออก ยากลุ่มนี้จึงเป็นยาเด่นในการรักษาสิวแทบทุกชนิด ส่วนสิวอักเสบนั้น การmkยาฆ่าเชื้อ(ClindaM,BP) เพื่อลดจำนวนของแบคทีเรียในโพรงขน ก็จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้เช่นกัน การรักษาในปัจจุบัน ก้าวหน้ามาถึงการใช้แสงในการรักษาสิว เช่นเลเซอร์เปิดหัวสิวอุดตันแล้วกดออก การฉายแสงสีฟ้าเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียในโพรงขน หรือการยิงเลเซอร์ลงไปยังต่อมไขมัน เพื่อลดการทำงานของต่อมไขมันก็ยังได้ ทำให้ปัจจุบัน การใช้ยาเพื่อรักษาสิวจึงลดลง เนื่องจากมีทางเลือกอื่นในการรักษา แต่อีกประการที่สำคัญคือ สิวในวัยรุ่น รักษาไม่หายขาด เพราะต้นเหตุของสิวมาจากฮอโมนส์ที่สร้างมากจากต่อมเพศของเราเอง ถ้าอยากจะหายขาดจากสิว ก็ง่ายๆ ตัดรังไข่หรืออัณฑะตนเองทิ้ง เพราะนั่นคือสาเหตุของสิว แต่ใครจะทำละ คำตอบคือไม่มี ดังนั้นการรักษาสิวที่กล่าวไปทั้งหมด จึงเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เพราะต้นเหตุเราแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นหากเรายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ฮอโมนส์พลุกพล่าน เมื่อรักษาสิวจนอาการทุเลาแล้ว การทายารักษาสิวต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้สิวอุดตันขึ้นใหม่ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด หลายคนไม่เข้าใจ เมื่อสิวหายแล้ว ก็หยุดยาทา ผ่านไปสามถึงหกเดือน สิวก็จะกลับมาเป็นอีก แล้วก็ต้องเริ่มทายารักษาสิวใหม่อีก เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นหากเราเข้าใจ การทายาละลายหัวสิว กันไว้ตลอดจนกว่าจะพ้นวัยรุ่น จึงเป็นเหมือนเครื่องมือในการตัดวัฏจักรนี้นั่นเอง
เมื่อสิวหายแล้ว สิ่งที่น่ากังวลกว่าการเป็นสิว นั่นคือ แผลเป็นตามหลังการเกิดสิว ส่วนมาก สิวอักอักเสบเมื่อหายแล้ว มักจะทิ้งรอยดำไว้ หากปล่อยไปให้หายเอง มักจะจางลงได้เองในสามถึงหกเดือน บางคนรอไม่ไหว การทายาลดรอยดำ หรือการยิงเลเซอร์ ก็จะช่วยให้รอยดำจางเร็วขึ้นได้ การรักษารอยดำหลังการเกิดสิว จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่การรักษารอยแผลเป็นหลุมสิวนี่สิ น่ากลัวกว่ามาก สิวอักเสบที่ลงลึกทำลายชั้นหนังแท้ เมื่อสิวหายแล้ว แต่ขณะอักเสบ มีการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบางลง ประกอบกับมีการสร้างผังผืดยึดอยู่ด้านใต้ด้วย จึงทำให้เห็นเป็นแผลเป็นหลุม การรักษาก็คือ ทำยังไงก็ได้ ให้มีการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่หายไปให้กลับมา ทำให้ผิวที่บางหนาขึ้น หลุมสิวที่มีก็จะตื้นขึ้นด้วย วิธีการรักษา มีทั้งเลเซอร์ และการใช้เข็มเล็กๆ กระตุ้นให้ผิวสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาเติมเต็มหลุมเหล่านั้น การรักษาล่าสุด คือการใช้เข็มขนาดเล็กมาก จิ้มเข้าไปที่ผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดแผลเล็กๆ และปลายเข็ม ปล่อยคลื่นพลังงานความถี่สูง ทำให้เนื้อเยื่อเกิดความร้อนลงในชั้นลึกกว่าเดิม กระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม เทคโนโลยีนี้เรียกว่าFractional Microneedle RF ซึ่งเทคโนโลยีนี้ นำเข้ามารักษาในไทยได้ไม่กี่ปีนี่เอง
เมื่อเราเข้าใจและรู้จักนิสัยของเพื่อนที่ชื่อว่า "สิว" นี้มากขึ้น การที่จะบอกเลิกคบ และอำลาเพื่อนคนนี้ จึงไม่เป็นเรื่องยาก หากเข้าใจถึงต้นเหตุ ก็คงจะรู้ได้ว่า ไม่มีหมอเทวดาคนไหน ที่จะสามารถเลี้ยงไข้ เสกสิวขึ้นมาได้เมื่อถึงเวลา เพราะต้นเหตุอยู่ที่ตัวเราเอง ดังนั้นการทำความเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับสิวจึงสำคัญ การจะมีหน้าใสไร้สิว จึงต้องอาศัยการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ผิวพรรณที่สดใส จึงเปรียบเสมือนผ้าแพรเนื้อดี หากเราไม่ใส่ใจดูแล ผ้าแพรแสนแพงผืนนี้ อาจกลับกลายเป็นผ้าธรรมดาราคาตกก็เป็นได้

แสดงความคิดเห็น

>