Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ทุกขนิโรธคามินีปฎิปทาอริยสัจ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ทุกขิโรธคามินีปฎิปทาอริยสัจ
เป็นไฉน ?
นี้คือ มรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ คือ :-

สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

ก็สัมมาทิฏฐิ เป็นไฉน ?
ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ใน
ทุกขนิโรธ ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

สัมมาสังกัปปะ เป็นไฉน ?
ความดำริในการออกจากกาม ความดำริใน
ความไม่พยาบาท ความดำริในอันไม่เบียดเบียน.

สัมมาวาจา เป็นไฉน ?
การงดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการพูด
ส่อเสียด (พูดให้คนแตกแยกกัน) งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ.

สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน ?
การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือเอา
สิ่งของที่เขามิได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม.

สัมมาอาชีวะ เป็นไฉน ?
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพที่ผิดเสีย
สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบ.

สัมมาวายามะ เป็นไฉน ?
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมปลูกความพอใจ
ย่อมพยายาม ย่อมปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ตั้งจิตไว้
เพื่อ มิให้ อกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิด
บังเกิดขึ้น

เพื่อ ละ อกุศลธรรมเป็นบาปที่บังเกิดขึ้นแล้ว
เพื่อ ให้ กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด บังเกิดขึ้น
เพื่อ ความตั้งอยู่ ไม่เลือนหาย ความงอกงาม
ยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญเต็มเปี่ยมยิ่งแห่งกุศล
ธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว.

สัมมาสติ เป็นไฉน ?
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกออกเสียได้.
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกออกเสียได้.
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกออกเสียได้.
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารารณาเห็น ธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกออกเสียได้.

สัมมาสมาธิ เป็นไฉน ?
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดแล้ว
จากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
เข้าถึงฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจารมีปีติและสุขอันเกิดแต่
วิเวก แล้วแลอยู่
เพราะวิตกวิจารรำงับลง เธอเข้าถึงฌานที่สอง
อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรม
อันเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิด
แต่สมาธิ แล้วแลอยู่
เพราะปีติจางหายไป เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ
มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม และได้เสวยสุข ด้วยนามกาย
ย่อมเข้าถึงฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย
กล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุว่า เป็นผู้เฉยอยู่ได้ มีสติ
มีความเป็นอยู่เป็นปกติสุข แล้วแลอยู่
เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ และความดับหาย
แห่งโสมนัสและโทมนัส ในกาลก่อน เธอย่อมเข้าถึง
ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์และไม่สุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์
เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่

ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เราเรียกว่า สัมมาสมาธิ
ภิกษุทั้งหลาย ! เหล่านี้แลเราเรียกว่า อริยสัจ
คือ หนทางเป็นเครื่องให้ถึง ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
มหา. ที. ๑๐/๓๔๓/๒๙๙
http://watnapp.com/

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

peiNing Zheng 6 ก.ย. 57 เวลา 13:26 น. 1

ขอบคุณค่ะ เราว่าเนื้อหาส่วนที่หยิบยกมายากสำหรับทำความเข้าใจกันหมดด้วยตัวอักษรและไม่ได้ปฏิบัติจริง (ถึงแม้ไฮไลท์จะอยู่ที่ตรงนี้ก็ตาม)

บางทีเริ่มจากบทที่ง่ายกว่านี้ก่อนไหมคะ

ปล. อีกอย่างค่ะ เราว่าบอร์ดนี้น่าจะไม่ใช่ target หรือเปล่าคะ

0