Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นศ.ศึกษาศาสตร์ มช.ไม่เข้ารับน้อง เผยถูกสังคมเเซงชั่นหนัก! วอน ขอให้คนไม่เห็นด้วยมีที่ยืนบ้าง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จากมติชนออนไลน์

หนึ่งในนักศึกษาที่ปรากฏในคลิปเสียงกรณีรับน้องมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ไม่เห็นด้วยกับการรับน้องของมหาวิทยาลัยได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับ มติชนออนไลน์ ถึงกรณีที่มีคลิปเสียงที่ตั้งชื่อว่า “ถ้าจะเรียนก็เข้ารับน้อง จาก คณะศึกษาศาสตร์ มช.” เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย และมีคนพูดถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวางว่า ในวันจันทร์ที่ 15 นี้ จะมีการพูดคุยกันระหว่างตนเอง กับ ผู้ปกครอง อาจารย์ และคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ว่าจะยุติเรื่องนี้อย่างไร โดยประเด็นที่ตนอยากพูดคุยให้ชัดเจนนั้น คือ เรื่องคะเเนนกิจกรรมที่ไม่จำเป็นจะต้องได้มาจากการรับน้อง โดยเฉพาะกิจกรรมที่เป็นการบังคับจิตใจ  

ประเด็นต่อมาคือ อยากจะพูดคุยในเรื่องปฏฺิกิริยาตอบโต้จากนักศึกษาบางกลุ่ม ที่มองว่าตนต้องการล้มระบบในการรับน้อง รวมถึงการข่มขู่ คุกคาม เพราะกังวลว่าจะไม่มีความปลอดภัย ทั้งที่กิจกรรมการรับน้องควรจะเป็นทางเลือกมากกว่าการบังคับ

นอกจากนี้  ยืนยันว่าตนไม่ได้มีปัญหากับมหาวิทยาลัย หรือคณะเเต่อย่างใด ไม่ได้ต้องการล้มระบบรับน้อง ทั้งนี้เห็นว่ากิจกรรมรับน้องควรจัดเป็นทางเลือกและควรมีที่ยืนให้กับคนที่ไม่ชอบการรับน้องหรือการว๊ากด้วยเพราะจากการพูดคุยกับอาจารย์ก่อนหน้านี้ อาจารย์ก็๋กล่าวกับตนอย่างชัดเจนว่า การรับน้องเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันจะต้องเข้าร่วม  แต่กลับแถลงข่าวในอีกลักษณะหนึ่ง โดยบอกว่านักศึกษาจะทำกิจกรรมนอกคณะก็ได้ 

ทั้งนี้ สิ่งที่ตนคาดหวังจริงๆแล้วอยากให้เข้าใจว่าตนไม่ได้ต่อต้านการรับน้อง อยากให้คณะมีทางเลือกและพื้นที่ให้กับคนที่กับตนหรือคนที่ไม่อยากเข้าร่วมการรับน้อง อยากให้เป็นรูปแบบของความสมัครใจมากกว่า หรือ การกำหนดว่านักศึกษาสามารถทำอะไรได้บ้าง และมีข้อห้ามในเรื่องใด ให้ชัดเจนกว่านี้ เพราะบางกิจกรรม มีรุ่นพี่เข้ามาควบคุม ด้วย ขณะเดียวกัน จากการพูดคุยกับผู้ปกครอง  ผู้ปกครองก็ให้กำลังใจและถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น และตนก็ตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนต่อไป และดูปฏฺิกิริยา และท่าทีของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตน เพราะเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัย  ซึ่งการพูดในวันจันทร์นี้ก็อยากให้ทางคณะรับรองเรื่องความปลอดภัย และรับรองว่าเรื่องทั้งหมดจะยุติลง และมีข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ยังเปิดเผยอีกว่า จากเหตุการณ์เกิดขึ้นทำให้ต้องหยุดเรียนไปสามวัน เพราะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว จึงยังคงมีความกังวล โดยเฉพาะท่าทีจากกลุ่มนักศึกษาบางกลุ่ม รวมถึงคนที่ไม่เห็นด้วยกันตน 

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

ช่วยกัน 11 ก.ย. 57 เวลา 10:21 น. 1

ต้องเรียกว่าเป็นกิจกรรม "บังคับน้อง" มากกว่ารับน้อง
ปัญหาของน้องคือน้องเป็นแค่นักศึกษาจะรับมือกับอาจารย์ได้วิธีเดียวคือน้องต้องให้สังคมรับรู้และมีส่วนช่วยมากที่สุด น้องออกทีวีได้ยิ่งดี เพราะอาจารย์เขาก็เริ่มออกสื่อรุกน้องแล้ว อย่างน้อยเพื่อให้สังคมคอยปกป้องน้องและมหาลัยก็จะต้องเกรงใจกันบ้าง

0
aniruj 11 ก.ย. 57 เวลา 12:14 น. 2

ตอนจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ละพคน อยากเข้าที่นั่น อยากเข้าที่นี่ อยากมีเพื่อนฝูง อยากเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยในฝัน
แต่พอเข้าไปแล้ว กลับปฏิเสธ กิจกรรม การเข้าร่วมกับหมู่คณะ ไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่ หรือครูบาอาจารย์ บางคน ไม่อยากแม้แต่จะเข้าร้องเพลงเชียร์ ของคณะ หรือเพลงเชียร์ มหาวิทยาลัย ถามว่า มีปัญหาลำบากใจข้อไหน ก็ตอบไม่ได้ มโนไปเองทุกข้อ

ถามว่า ถ้าอย่างนั้น จะเข้าไปเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยเหล่านั้นทำไม ถ้าเพียงแค่ต้องการไปเรียน อย่างเดียว
อย่างที่อาจารย์ เขาพูดน่ะ ถูกต้องที่สุด ว่าถ้าหากไม่อยากมีกิจกรรมกับใคร ก็เลือกเรียนรามคำแหง ไปเพื่อเก็บเกี่ยววิชาความรู้อย่างเดียว เลิกเรียนก็กลับบ้า่น ไม่ต้องมีกิจกรรม ไม่ต้องมีรุ่นพี่ รุ่นน้อง
ทั้ง 25 คนที่มีปัญหา จะเรียนเพื่อจบไปเป็นครู ถามว่า ด้วยนิสัย อ่อนแอ สุขนิยม ไม่อยากลำบาก (แค่ไหนเชียว) ไม่อยากโดนรุ่้นพี่คุมวินัย ไม่สนใจกิจกรรม แม้แต่ไหว้ครูคณะ ถ้าออกไปเป็นครู จะไปเป็นแบบอย่าง สอนกิจกรนรมนักเรียนได้ไหม

เอ้า ..ไม่ต้องครูก็ได้ หน่วยงานเอกชนใหญ่ๆ เขาก็ไม่เอาเหมือนกัน ถ้าสอบสัมภาษณ์ แล้วรู้ว่า คุณไม่เคยสนใจร่วมกิจกรรมอะไรกับสถานศึกษา ที่เคยเรียนมา แถมต่อต้านกิจกรรมเหล่านั้นด้วย เขาจะพิจารณาคนที่ผ่านอะไร ต่อมิอะไรมาก่อน เพราะมองว่า คนเหล่านั้น สามารถร่วมกับกิจกรรมองค์กรได้ สามารถตอบสนองภารกิจของหน่วยงานได้ ทั้งกิจกรรมภายใน หรือกิจกรรมภายนอก เขาไม่รับพวกที่ รับเข้ามาทำงานแล้ว ให้ทำอะไร ก็ทำไม่เป็น ให้ร่วมกิจกรรม ก็อ้างว่า อยู่นอกเหนือหน้าที่ ไม่ได้สมัครมาทำอะไรแบบนี้ กระด้างกระเดื่อง เอาเปรียบเพ่ือ่นพ้องในทีม อาจเป็นปัญหาระยะยาว

เด็กๆในนี้ อย่ามโนว่าไม่จริง เพราะ ให้ออกไปหลายคนแล้ว จนหลังๆมานี่ บอกกรรมการสอบสัมภาษณ์ ไว้เลยว่า ถ้าสอบประวัติแล้ว ไม่เคยร่วมกิจกรรมอะไร ก็เอาแยกออกไปเลย ไม่อยากได้พวกลูกแหง่ มาถ่วงการทำงานของคนอื่น

0
ผ่านมา 11 ก.ย. 57 เวลา 16:04 น. 3

มช.เป็นแบบนี้แหละ ใครไม่รู้มาก่อนก็น่าเห็นใจ
ถ้ารู้มาก่อนแล้วก็ถือว่าเลือกแล้ว คนชอบก็มี ไม่ชอบก็มีเป็นธรรมดา
ส่วนตัวไม่ชอบอะไรทำนองนี้ และก็ไม่ได้เลือกมช. ก็ happy ดี

0
เข้ามาเห็น 12 ก.ย. 57 เวลา 18:31 น. 4

ม.เราไม่บังคับนะ ถ้าไม่เข้าก็ไม่ได้ชั่วโมงกิจกรรม บางคนที่เป็นโรคประจำตัว ถ้าไม่ไหวก็ลาป่วยได้ ส่วนเรื่องเพลงเชียร์ อันนี้ถ้าไม่อยากให้ตัวเองแตกต่างจากคนอื่น ก็ต้องขวนขวายฝึกร้องเองให้ได้

0
ธงเทาแดงโบกสะบัด 12 ก.ย. 57 เวลา 21:39 น. 7

ส่วนตัวชอบทำกิจกรรมนะคับ

ตั้งแต่งานแรกพบ 3วัน พรีอัตตลักษณ์กับอัตตลักษณ์ 7วัน

อัตลักษณ์ ไร้อัตตา 2วัน เข้าตลอด

ประทับใจมากๆ

แต่พอมาประชุมเชียร์ มี พี่ระเบียบ ว้ากเกอร์

รู้สึกแย่มาก บางทีก็คิดว่าไร้สาระด้วยซ้ำ

มาประชุมเชียร์ นึกว่ามาซ้อมร้องเพลง สนุกๆ เฮฮา คลายเครียด

เปล่า ไม่ใช่ ใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับ การโดน ว้าก

แล้วพอเราจะไม่เข้า ก็เหมือน จะมีเพื่อน ที่ไม่เห็นด้วย อยากให้เข้า

ตอนนี้รู้สึกเหมือน เพื่อนในคณะที่เรียน มีการไม่พอใจ คนที่ไม่เข้าเหมือนกัน

รู้สึกเหมือน ประชุมเชียร์ ทำให้ พวกเรา ทะเลาะกันเหมือนกัน

รู้สึก ว่าคน ที่ไม่เข้าประชุมเชียร์ เหมือน ผิดมากกกก

แต่ก็ไม่ได้แบบ ขนาดถึง ไม่มีจุดยืน ในสังคมนะ

#แค่เล่าให้ฟัง
เศร้าจัง

0
ฮิปๆๆๆโป 17 ก.ย. 57 เวลา 15:06 น. 8

เอิ่ม เข้าใจไรผิดป่ะคะ ห้องเชียร์ไม่เคยมีการว้ากนะคะ
แล้วที่บอกว่าเชียร์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการว้าก ผิดนะคะ
เราเป็นปี1 ไปเข้าเชียร์ทุกวันที่มี ย้ำว่าไม่มีว้าก
ไปร้องเพลงของคณะ ของมหาลัย สนุกมาก พี่เชียร์น่ารัก
บางคนหล่อนะเอ้อ เพื่อนที่เค้าอยากให้เข้าเชียร์
เพราะมันก็เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่มีผลต่อการฝึกงานปีห้า
มาเรียนครู คิดว่ามีหน้าที่จะสอนเด็กอย่างเดียวรึเปล่าคะ
กิจกรรมร่วมกับคนอื่นไม่คิดจะทำบ้างหรอ
ตกใจ

0