Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เผย! อาถรรพ์เลข ๗ เกี่ยวข้องกับหลักจิตวิทยา (คำทำนายที่กลายเป็นจริง)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
[[ ที่มาของบทความ = https://www.facebook.com/PsychologistCafe ]]


Self-Fulfilling Prophecy (คำทำนายที่เป็นจริง)

หมายถึงปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาเกี่ยวกับคำทำนายหรือสิ่งที่เราเชื่อนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจเราอย่างมาก จนส่งผลให้ชีวิตเราเป็นไปอย่างที่เชื่อนั้น

ลองอ่านตัวอย่างต่อไปนี้ จะช่วยทำให้คุณเห็นภาพชัดขึ้น.. .

สมมติว่าคุณเชื่ออย่างแรงกล้าว่า หากคบกันแฟนมาครบ 7 ปี แล้วต้องเลิกกันแน่นอน(ตามความเชื่อเรื่อง "อาถรรพ์หมายเลข 7") จิตที่เชื่อในเรื่องนี้อย่างมากของคุณจะเกิดความกลัวและตระหนก เอาแต่คิดไปว่า ถึง 7 ปีแล้วนี่หนอ เลิกแน่เลยเรา ในที่สุดคุณก็จะมีพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดการเลิกกันในปีที่ 7 เป็นความจริงขึ้นมา ดังนั้น การที่เราเชื่อจนจิตชักนำชีวิตไปลงเอยแบบที่เราเชื่อนั่นแหล่ะ คือ "Self-Fulfilling Prophecy" ถ้าให้อธิบายให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจง่ายๆ ก็คือ "คิดมากจนทำตัวเองให้เป็นอย่างที่คิดจริงๆ"

นักจิตวิทยาชาวตะวันตกเคยทำการทดลองเกี่ยวกับทฤษฎีนี้มาหลายครั้งครับ โดยครั้งที่โด่งดังที่สุดก็คือ การนำนักเรียนที่มีระดับสติปัญญาปานกลางเหมือนกันมาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แล้วทำการทดลอง ดังนี้:

- กลุ่มแรก จะมีครูพูดย้ำเสมอว่า "พวกเธอเป็นเด็กฉลาดมากนะ ไอคิวอัจฉริยะทีเดียว ต่อไปภายภาคหน้าพวกเธอต้องมีอนาคตที่ดี" แล้วก็มีการสร้างสถานการณ์แวดล้อมให้เด็กๆ เชื่ออย่างสนิทใจว่าพวกเขาเก่งจริงๆ

- เด็กกลุ่มที่สอง ครูก็พูดย้ำเหมือนกันครับ แต่จะย้ำทำนองว่า "พวกเธอก็แค่เด็กสมองขี้เลื่อย เรียนไม่เคยรู้เรื่อง ครูสอนอะไรไปก็ลืม ครูเป็นห่วงอนาคตของพวกเธอจริงๆ"

- เด็กกลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มควบคุม คือ ได้รับการปฎิบัติแบบปกติ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม

การทดลองดำเนินไป 1 ปีเต็ม จนในที่สุดก็สรุปการทดลองออกมาว่า เด็กกลุ่มแรกที่ได้รับคำบอกมาตลอดว่าเป็นเด็กเก่ง มีผลการเรียนดีขึ้นอย่างมาก ซ้ำยังตั้งใจเรียน ใฝ่หาความรู้สมดังคำนิยามของเด็กเรียนเก่งจริงๆ ส่วนเด็กกลุ่มที่ 2 มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับกลุ่มแรกเลยครับ ทั้งไม่สนใจเรียน ผลการเรียนต่ำลง บางรายก็เป็นเด็กนิสัยเสียไปเลย ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงชนิดที่ว่าเห็นได้ชัดเท่าสองกลุ่มแรก

มาลองคิดกันเล่นๆ นะครับว่า อะไรทำให้เด็กที่จริงๆ แล้วมีสติปัญญาพอๆ กัน กลับมีผลการเรียนแตกต่างกันขนาดนี้ ก็เพราะพวกเขาแต่ละคนเชื่อในสิ่งที่ครูบอกน่ะสิครับ

แสดงว่าสิ่งที่เขาเชื่อน่ะ มีผลโดยตรงต่อจิตใจของเขาเอง ที่ได้รับคำชมว่าเรียนเก่งก็เลยพลอยคิดว่าตัวเองเก่งจริง เด็กเลยเก่งขึ้น หนำซ้ำพฤติกรรมยังกลายเป็นเด็กขยันสมคำบอกอีกด้วย ส่วนพวกที่โดนแต่คำดุด่าหาว่าไม่ฉลาดก็เรียนไปพร้อมๆ กับความคิดว่าตัวเองนั้นมันมีไอคิวต่ำต้อย ด้อยปัญญา เรียนไปก็เท่านั้น จะเห็นได้ว่าความเชื่อที่เข้ามาอยู่ในสมองพวกเขานี่หล่ะครับที่ส่งผลให้เขาเป็นเช่นนั้น อย่างที่ฝรั่งเรียกกันว่า YOU ARE WHAT YOU THINK หรือแปลเป็นไทยคือ เราจะเป็นอย่างเช่นที่เราคิดไว้

อย่างกรณีอาถรรพ์หมายเลข 7 ที่ได้ยกตัวย่างไปในตอนต้นนั้น เหตุมันไม่ได้เกิดจากอาถรรพ์อะไรเลยครับ แต่เพราะเราเชื่อว่ามันจริง แล้วเราก็เริ่มที่จะกลัว พอเรากลัว เราก็จะเครียด วิตกกังวล หวาดระแวง ทีนี้ก็จะทำให้เราหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย เมื่อแฟนทำอะไรไม่ถูกใจก็โกรธแรงกว่าปกติ เพราะจิตเรากำลังร้อนรนและคิดย้ำว่า นี่ไง อาถรรพ์หมายเลข 7 ส่อแววแล้ว ...ในตอนสุดท้าย สิ่งที่ไล่คนรักของเราไป ไม่ใช่ฤทธิ์เลข 7 หรอกครับ แต่เป็นเรื่องของจิตใจที่ดันไปเชื่อเรื่องราวใดๆ ที่ไม่เหมาะสมต่างหาก

รวมถึงการหลงเชื่อหมอดู หมอมด หมอผี แม้กระทั่งกรุปเลือดทายนิสัยอะไรเทือกนี้ ชีวิตบางคนอาจลงเหวก็เพราะงมงายมากเกินไปนี่แหล่ะ ขาดสติพิจารณา ไตร่ตรองว่าอันที่จริง "ชีวิตเราเป็นของเรา" ครับ ไม่ได้มีใครกำหนดหรือล่วงรู้ว่าเราจะต้องไปทางไหน เราทุกคนเป็นปัจเจกบุคคล มีความแตกต่างกัน ขนาดเกิดมาจากท้องแม่เดียวกันยังมีนิสัย ความคิด ความชอบ ที่ไม่เหมือนกันเลย เพราะฉะนั้นสุภาษิตโบราณที่ว่า 'ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน' ก็ยังเป็นสุภาษิตเตือนใจที่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย

สรุปแล้ว คำทำนายจะช่วยให้ชีวิตคุณลงตัวหรือลงเหวย่อมอยู่ที่คุณครับ ว่าคุณจะใส่ความเชื่ออะไรลงไปให้ตัวเอง หากคุณเลือกที่จะเชื่อเชิงบวกแบบบิล เกตส์, บารัก โอบามา, ฮิลลารี คลินตัน, มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ฯลฯ ก็ย่อมดีต่อตัวคุณ แต่หากคุณเลือกเชื่อแบบจำกัดความสุขและความสำเร็จในชีวิต เช่น เชื่อว่าแข่งพายเรือแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ แบบนี้ก็จบกัน ชีวิตไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนพอดี

ต่อไปนี้ถ้าจะเลือกเชื่ออะไร ก็เลือกที่มันเชื่อแล้วดี เชื่อแล้วรุ่ง เชื่อแล้วรวย เชื่อแล้วสุข ดีกว่าครับ

ส่วน เชื่อแล้วเครียด เชื่อแล้วกลุ้ม เชื่อแล้วจน เชื่อแล้วหมกมุ่นงมงาย กรุณากลั่นกรองเลือกเอามาไว้แค่เพียงแนวคิดสำหรับเตือนใจไม่ให้ประมาท แต่อย่าได้นำมันมาครอบงำชีวิตคุณทั้งหมดเลยครับ

ป.ล. ถ้าหากเราต่อต้านคำทำนาย หรือทำตัวไม่เป็นดังที่เขาทำนายไว้ มีศัพท์เฉพาะอีกคำหนึ่ง เรียกว่า Self-defeating Prophecy ครับ


ตั้งใจ


Credit: https://www.facebook.com/PsychologistCafe/photos/a.1510948479145891.1073741828.1509818395925566/1512909315616474/?type=1&theater

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น