Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากให้คนรัก ห้ามทำสิ่งเหล่านี้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ลองมาดูนะครับว่าคุณเป็นเเบบไหนอยู่ ถ้าคุณเป็นเเบบนั้นอยู่ก็ขอให้เลิกเถอะครับ

เเม่เล่าให้ผมฟังว่า
อย่า..!
ด่าคนอื่นโดยไม่ได้เเหกตาดู มารู้ทีหลังก็น่าอาย

ด่าคนอื่นทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำ ก็เป็นคนหน้าด้าน

ด่าคนอื่นโดยที่เค้าไม่ผิดเเต่เป็นเพราะความเกลียดชัง เเสดงว่าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา

ด่าคนอื่นเพราะต้องการให้เขาเหล่านั้นทำถูกใจตน เเสดงเป็นคนริษยา

ด่าคนอื่นบ่อยจนเป็นนิสัย เป็นคนเรียกร้องความสนใจไม่ค่อยมีคนรักจึงมีเเต่คนเกลียดชัง

ด่าคนอื่นเพื่อให้เค้าไม่มีความสุข คุณก็ไม่มีความสุข

เเละที่ด่าคนอื่นเเล้วเข้าตัวเอง น่าสมเพศน่าอายที่สุดครับ...

หรือเอาง่ายๆหลายคนที่เกลียดคุณนั้นเป็นเพราะปากคุณรึป่าวครับ ถ้าใช่ก็ลองเปลี่ยนทัศนคติดีกว่านะครับ
เพราะฉะนั้นหาเหตุผลมาคุยกันดีกว่านะครับ
อย่าให้ลูกหลานเอาเป็นตัวอย่าง

ดั่งสุภาษิตที่ว่า'มารยาทส่อภาษา ว่าจาส่อสกุล ครับ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

White Frangipani 7 ต.ค. 57 เวลา 17:48 น. 1

อยากให้คนรัก ห้ามทำสิ่งเหล่านี้


สวัสดีค่ะ  อาการของคนรักของคุณ(หรือของใคร?)ที่คุณยกมานั้น ดูเหมือนจะสติไม่ดีแล้วค่ะ วันๆเอาแต่ด่าๆๆๆใครๆเขา เช่นที่คุณยกมาเล่านะคะ หากอาการเป็นเช่นนี้ขอแนะนำว่าคุณต้องพาไปพบจิตแพทย์ก่อนค่ะ  ต้องรักษาสุขภาพจิตที่ป่วยนี้ก่อน ก่อนที่จะแนะนำเธอหรือเขาเข้าวัดเพื่อสู่หนทางธรรมค่ะ การเข้าใจธรรมะ หรือสัจธรรมให้เข้าใจได้ถ่องแท้และเป็นผลดีนั้นต้องมีสติที่ดีเป็นพื้นฐานด้วยค่ะ  คน(บ้าไปแล้วนั่น)หรือสติไม่ปรกตินั้นก็ไม่เสมอไปที่จะศึกษาธรรมะเข้าใจนะคะ

แต่...อาการที่คุณเล่ามา คืออาการทางจิตที่ขาดฟังก๋ชั่นที่ควรจะเป็นไปไกลแล้วค่ะ คือ คนดีมีสติเขาจะไม่กระทำเหตุที่คุณเล่ามานี้ (คือวันๆเอาแต่ด่าใครๆ เช่นที่คุณเล่ามาน่ะนะ)หรือหากไม่ไช่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ค่ะ คือคนดีมีสติเขาทั้งหลายอยู่ดีๆจะไปเที่ยวด่าใครๆนั้นเป็นไปไม่ได้ หากเธอหรือเขาเป็นเช่นนั้นจริง ก่อนอื่นใดต้องพาเขาหรือเธอเข้ารักษาบำบัดกับจิตแพทย์ก่อนนะคะ

ดิฉันคงไม่เข้าใจผิดไปจากจุดมุ่งหมายที่คุณต้องการจะสื่อนะคะ คือที่นี่คือบอร์ดธรรมะและศาสนาค่ะ ดิฉันมีความเข้าใจว่าคุณคงอยากที่จะบอกคนรักของคุณหรือของใครๆเอาธรรมะเข้ามา มีส่วนขัดเกลาหรือเปลี่ยนแปลงแต่นี่ ดังที่กล่าวมานั้นคนละเรื่องกันค่ะ นี่ที่แนะนำมานี้เป็นความเข้าใจของดิฉันค่ะ

เพราะการที่จะศึกษาธรรมะให้เข้าใจให้สว่างใสวและถ่องแท้ได้นั้นต้องใช้พลังจิตและพลังใจเช่นกันค่ะ หากเธอหรือเขาป่วยยํ่าแย่อยู่ก่อนแล้วเช่นที่คุณยกมานี้อาการจะไปกันใหญ่นะคะ  คือจะหนักกว่าเดิมนั้นเป็นได้ สาเหตุเพราะเขาหรือเธอจะสับสนได้ค่ะ เพราะอาการของสติที่ผิดเพี้ยนกับการ"ไม่เข้าใจในสัจธรรมหรือธรรมะ" นี่คนละเรื่องกันค่ะ คุณต้องรักษาให้ถูกทางและขั้นตอนก่อนนะคะ  หรือคุณเองที่เข้าใจผิดไปนะ (หรือเปล่า)

ขอร่วมเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ.


0