มาดูศิลปะแห่งญี่ปุ่น "บูโต (Butoh)" ที่จะทำให้เราหลงใหล และซึมซับมันได้ดีเป็นพิเศษกับเนื้อเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมโบราณที่ซ่อนกลิ่นลึกลับเข้าถึงยากบางอย่าง แต่เสียดแทงถึงจิตใจ แต่บางครั้ง การพยายามนำเสน่ห์เหล่านั้นมาเป็นจุดขาย ก็ทลายเนื้อแท้ของสิ่งที่ใช้ประกอบการนำเสนอให้ปรุพังไปได้เหมือนกัน ความสุดโต่งกับความก้ำกึ่งที่ไม่ชัดเจนในโครงสร้างมักมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมันเสมอ
"คุณเคยรู้สึกหรือไม่ว่า การเดินของคน ทำไมต้องเดินด้วยวิธีและรูปแบบโครงสร้างเดียวกัน"
"คุณเคยงงหรือไม่ ว่า ซาดาโกะใน เดอะริง ทำไมต้องเดินหงิกๆงอๆเช่นนั้น"
"คุณเคยคิดอยากลองเคลื่อนตัวไหวตามเม็ดทรายที่เปราะบาง แล้วเอนตัวไหวตามเสียงลมและคลื่นที่ริมทะเล เพื่อลองสัมผัสกับการรับรู้ธรรมชาติแบบใหม่หรือไม่"
Butoh(舞踏) เป็นการเต้นเชิงนวัตกรรม ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการเต้นร่วมสมัย มีต้นตอจากอังโคกุบุโย (
暗黒舞踏 ankoku buyo– dance of darkness) กำเนิดในระยะแรกของบูโต เกิดหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยแนวคิดต่อต้านกระแสการชนกันของงานเต้นสองแบบ คือ
1ต่อต้านการเข้ามาแบบก็อปปี้รูปแบบของการเต้นร่วมสมัยแบบตะวันตก และ
2ต่อต้านการพยายามยื้อรูปทรงเก่าแบบอนุรักษ์นิยมของโน(Noh)
บูโตรุ่นแรกคือKinjiki (Forbidden Colours) by Tatsumi Hijikata, ถูกนำเสนอในงาน dance festival ปี1959 บูโตในยุคแรกถูกเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "Dance Experience." และปรับชื่อเป็นบุโทในภายหลังโดยฮิจิกิผู้คิดค้นการเต้นนี้ขึ้นมา
บูโตจะเน้นเกี่ยวกับการศึกษาภาวะเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นหลัก เริ่มจากการทดลองเคลื่อนที่แบบเปลี่ยนร่างกายมนุษย์ให้เป็นสัตว์ สู่การสร้างโครงสร้างแนวคิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและกระดูกที่ปรับสภาพไปตามทุกบริบทขั้นเล็กที่สุด ที่มากระทบร่างกายหรือประสาทสัมผัสใดๆ เป็นตรรกะเฉพาะของการชื่นชมข้อต่อ กล้ามเนื้อ ระบบประสาทสัมผัส และการเคลื่อนไหวในหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดสภาพแวดล้อม ให้ผันแปรไปเป็นแกรมม่่า
ระหว่างที่คุณเคลื่อนไหวในระบบบูโต ประสามสัมผัสคุณจะเปิดกว้าง กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของคุณจะส่งเสียงคุยกันจนคุณรู้สึกได้ อารมณ์ของคุณจะสื่อสารกับทุกมนูของอากาศและเมื่อทุกอย่างสิ้นสุด คุณจะรู้สึกราวกับร่วมรักกับธรรมชาติท่ีอยู่รอบตัวอย่างดูดดื่ม
การเต้นบูโตปัจจุบันเป็นไปเพื่อการสื่อสารหลากหลายแบบ ส่วนใหญ่เป็นเมสเสสเบื้องลึก แต่บางส่วนก็เป็นไปเพื่อความงามโดยเฉพาะ และในการสื่อสารความงามนั้น บางครั้งก็เน้นที่สาระของการนำเสนอ และบางครั้งก็เน้นที่การทดลองการเคลื่อนไหวเป็นหลัก(experimental dance)
ในส่วนของไทย ก็มีการเริ่มใช้ศิลปะบูโตเข้ามาประยุกต์ในการแสดง ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่อง "The Couple รัก ลวง หลอน" ที่นางเอกของเรื่องอย่างออม-สุชาร์ทีไ่ด้ไปฝึกศิลปะบูโตมาจากญี่ปุ่น โดยหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญ สะเทือนรักที่นางเอกของเรื่องถูกผีสิง จึงต้องแสดงการผสานการเคลื่อนไหวของร่างกายเข้ากับจิตวิญญาณที่รุนแรงและลึกลับ ผ่านร่างกายที่บิดเบี้ยว ทำให้เห็นภาวะของร่างกายที่ค่อยๆถูกผียึดร่าง ทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกผีสิ่งจริงๆ
ใครอยากชมศิลปะบูโตของออม-สุชาร์ สามารถชมได้จากภาพยนตร์เรื่อง The Couple รัก ลวง หลอน ที่จะเข้าฉายในวันที่ 30 ตุลาคมนี้
ที่มา: ximpletranslate.com
แสดงความคิดเห็น