(เมื่อไม่มีคนเข้าใจ+ไม่มีใครเคยมอง+ระบาย) เมื่อแม่คิดว่าเราเล่นเกม? แต่ผมแต่งนิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
ปล.ผมไม่มีเจตนาสื่อในเรื่องที่ผิด เพราะสิ่งที่ผมโดนกระทำมันเป็นสิ่งที่ผิด ผมอยากให้เห็นว่าสิ่งที่ผมโดนนั้นยิ่งทำให้ผมดิ้นรน ไม่มีใครรู้ดีนอกจากเรา ผู้คนในบอร์ดนี้ผมเชื่อว่าทุกคนแต่งนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ไม่มีใครขัดใครได้ ซึ่งผมกำลังโดนอยู่ ผมไม่มีเจตนาสร้างชื่อเสียงอะไรทั้งสิ้น แค่อยากให้ผู้คนในบอร์ดนี้คิดว่าเหตุการณ์นี้ มันมีอยู่จริง ซึ่งผมคิดว่าผมพิมพ์ครบถี่ถ้วนแล้ว ผมมีสติอยู่ครบในการพิมพ์มาครั้งนี้ และใช้เหตุใช้ผลมากที่สุด อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดว่าผมควรจะพิสูจน์ให้แม่ผมรู้อย่างแจ่มแจ้งได้อย่างไร?
12 ความคิดเห็น
สู้ๆ นะฮะ ทำสิ่งที่เรารักต่อไป สักวันต้องมีคนเข้าใจเอง
แต่คุณยังดีที่ได้แต่งนิยาย ผมนี่สิเปิดเวิร์ดทีไรแพ้ใจตัวเองตลอด กลับไปดูการ์ตูนอีกอยู่ดี
สู้ๆนะคะ สำหรับเราแล้ว เราเห็นแม่มาหลายประเภท(จากเพื่อนๆนะ) ที่เห็นชัดก็มีแม่ที่มองลูกไม่ดีสะทุกอย่าง แต่คนอื่นดีหมด แม่แบบนี้จะแอบภาคภูมิในลูกตัวเองนะ บางที่ก็มีการเอาลูกไปอวดบ้างก็มี แล้วก็มีแม่ประเภทอื่นๆ เช่นแม่เพื่อนเราจับยัดเรียนๆๆ อย่างเดียว ถ้าคนชอบก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเราเกลียดละ ชีวิตย่ำแย่ทันที อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ งื่ม แต่ที่คุณคิดก็ดีแล้วละ ถึงแม่จะมองไม่ดียังไง ถ้าคุณทำดีกาลเวลาจะพิสูจน์ตัวคุณเอง แต่แน่นอนว่าอย่าไปเถียงกับแม่นะ แต่ใช้การต่อรองแทน แบบถ้าผมได้เกรดดีๆ แม่ก็ต้องให้เวลาผมพักไปแต่งนิยายบ้างนะ อะไรแบบนี้ สรุปๆสู้ๆนะคะ
อะไรที่เราทำให้เขาเห็นจนติดตา มันยากที่จะเปลี่ยนให้เขาว่าเราทำอย่างอื่นเพียงชั่วข้ามคืนค่ะ หากเราไม่เปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ ตั้งใจกว่าเดิม ทำให้เขาเห็นว่าไม่ได้เล่นเกมนานแล้ว ตอนนี้แต่งนิยาย
แต่ถ้ามัวแต่แต่งนิยายไม่สนใจคนรอบข้าง แต่งแบบหลักลอย มันก็เหมือนเล่นแต่เกมแล้ววันๆไม่ทำอะไรเช่นกัน ท่านไม่ลองสละเวลาสักนิดไปช่วยงานบ้านพ่อแม่บ้างล่ะ แบ่งเวลาไปช่วยให้ผ่อนแรงเขาบ้างแล้วแบ่งเวลาไปเขียนนิยาย เมื่อเขาเห็นว่าคุณมีความตั้งใจจริงที่คุณ เขาก็จะยอมรับเอง ขอแค่ไม่ยอมแพ้ค่ะ
เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็คิดแบบท่าน แต่ตอนนี้ข้าพเจ้านั่งหัวเราะตัวเองเมื่อนึกถึงสมัยก่อน ฮะฮะฮะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มหาเงินเอง ต้องรับผิดชอบครอบครัว หรืออะไรก็แล้วแต่ เราจะโตขึ้นและความคิดนั้นจะเปลี่ยนไป สิ่งที่ท่านกำลังคิดอยู่ตอนนี้ท่านจะรู้สึกผิดที่คิดแบบนั้นเลยเชียว (มั้ง)
พยายามต่อไปนะคะ ^^ ให้เขาเห็นถึงความจริงใจ จริงจัง ถ้าเหลาะแหละ ยังไงความคิดคนก็ไม่เปลี่ยน
เข้าใจความรู้สึกค่ะ เราก็เป็นT^T
แม่เขาพูดให้คุณคิดไงครับ ว่าควรออกจากหน้าคอมแล้วไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกจมอยู่แต่หน้าคอมหรอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
แม้จะทำงานได้เงิน นั่งทำงานวิจัย นั่งเขียนโปรแกรม ก็ไม่วายโดนด่าหรอกครับ
คนโบราณเขาไม่เข้าใจ ว่าคอมพิวเตอร์มันทำอะไรได้มากกว่าเล่นเกมส์ เรื่องนี้คุณต้องเข้าใจแม่ของคุณด้วย
ส่วนเรื่องที่คุณโดนเปรียบเทียบ ผมไม่ขอยุ่งนะ
แต่จะแนะนำให้อย่าง คุณรีบปีกกล้าขาแข็งให้เร็วที่สุด ทำอะไรด้วยตัวคนเดียวให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ชีวิตจะเป็นของคุณ และจะไม่มีใครว่าอะไรคุณได้อีก...
เพราะว่าความเป็นแม่นั่นแหละที่ทำให้เค้าพูดแบบนั้น
ส่วนนึงมันก็มาจากความคาดหวังในตัวเราด้วยนะ และเค้าก็อยากจะเลี้ยงให้เราเป็นเด็กที่ดี อยากให้สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ แต่วิธีการ กับใจ กับปาก
มันก็แล้วแต่ว่าเค้าเลือกจะแสดงออกมายังไง
เคยได้ยินคำนี้ไหม.. หน้าที่ชื่นชมน่ะมันเป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่หน้าที่ดุด่า สั่งสอนขอสงวนสิทธิ์ไว้ให้กับคนเป็นพ่อกับแม่ พี่ว่าประโยคนี้มันใช้ได้ดีเลยนะ
ไม่ว่าใครก็หวังอยากให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตและปัจจุบัน อะไรที่เตือนๆ ได้ก็จะทำ
หวัง...อยากให้ลูกของตัวเองทำได้ดีกว่านี้ ทำได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
เรื่องผิดใจเล็กๆ น้อยๆ เนี่ย มันเกิดได้เสมอ เพราะเป็นครอบครัวเนี่ยแหละ
และบางทีแต่งนิยายมันก็ถูกมองว่าไร้สาระนะคะ มันไร้สาระเลยแหละ ไม่ว่าใครมองก็ต้องพูดแบบนี้ เราเองก็ต้องพยายามเข้าใจพ่อแม่ในจุดนี้ด้วย
แต่ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จนะคะ เพื่อจุดมุ่งหมายของเราน่ะ ตราบใดที่ยังมีความมุ่งมั่นอยู่ ดีใจที่กานต์เองก็ฮึดสู้นะ สู้ๆ ค่ะ พี่เป็นกำลังใจให้
นั่งเขียนนิยายลงคอมกับดูการ์ตูนตามเน็ตยังดีกว่าไปเปิดทีวีนั่งดูรายการปาห-ี่ไร้สาระ
สมัยที่บ้านยังไม่มีคอมติดเน็ต
เรานั่งดูทีวีเปิดดูรายการที่ชื่นชอบและนั่งอ่านหนังสือไปด้วย
แต่เดี๋ยวนี้มีแต่รายการอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด หนีไปเล่นคอมดีกว่า
ลองชี้ข้อดีของการแต่งนิยายให้แม่ของคุณดีมั้ย
แต่เราว่ามองอีกแง่นายก็ควรแบ่งเวลาด้วยนะ
บางทีแม่เค้าอาจจะรู้สึกว่าคุณเอาเวลาไปใช้กับนิยายมากไป
ที่บ่น ๆ ท่านแค่ไม่อยากให้คุณนั่งแช่อยู่หน้าคอมนาน ๆ ค่ะ วิธีแก้คือจัดสรรเวลาให้ดี จะนั่งหน้าคอมกี่ชั่วโมงก็ทำตามนั้นให้มันมีกำหนดเวลา ไม่ใช่แช่อยู่ทั้งวี่ทั้งวัน แม่ที่ไหนก็รู้สึกไม่ดีล่ะค่ะถ้าผ่านมาทีไรก็เจอลูกนั่งอยู่หน้าคอมตลอด ๆ แค่เล่นติดต่อกัน 4 ชั่วโมงนี่ก็เต็มที่แล้วค่ะ ลุกไปทำอย่างอื่นบ้าง อาจจะเป็นงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ โผล่ไปช่วยพ่อทำงานให้พวกท่านได้เห็นบ้างว่าเราก็ทำอย่างอื่นนะ
ผู้ใหญ่ไม่สนใจหรอกค่ะว่าคุณนั่งทำอะไรอยู่หน้าคอม อาจจะอนุโลมบ้างในเรื่องที่เป็นสาระ แต่ถ้าจะสาระอยู่หน้าคอมทั้งวันยังไงเขาก็ไม่ยอมหรอกค่ะ มันเสียสุขภาพ เสียนิสัย และเสียอีกเยอะแยะตามความคิดของผู้ใหญ่
ส่วนเรื่องพิสูจน์ตัวเอง ถ้าคิดจะแต่งนิยายให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับคนเป็นแม่ล่ะก็..เปลี่ยนเป็นตั้งใจเรียนดีกว่าค่ะ ให้ท่านได้เห็นว่า "การนั่งแช่อยู่หน้าคอมนานๆ ไม่ได้กระทบการเรียนของคุณ"
สรุปนะคะ
1.อยู่หน้าคอมให้เป็นเวลา
2.ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง
3.ตั้งใจเรียน หน้าที่ของคุณต้องมาก่อนนะคะ
เพราเจตนาของท่านแค่ไม่อยากให้คุณนั่งแช่อยู่หน้าคอมนาน ๆ จนมีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเรื่องการงาน การเรียน หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ท่านไม่ได้สนหรอกค่ะว่าคุณจะเอานิยายเป็นเล่มๆตีพิมพ์แล้วมาให้ท่านดูได้รึเปล่า งานอดิเรกทำได้แต่อย่าให้มันไปเบียดเบียนงานหลักค่ะ
ปกติพ่อไม่ค่อยว่าอะไรลูกหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะสังคมไทย ที่พ่อจะดูแลนอกบ้าน ถ้าไม่ร้ายแรงหรือหนักจริงๆพ่อก็จะเฉยๆ อาจเป็นที่นิสัยผช ง่ายๆด้วยล่ะ แต่สำหรับผญ มันต่างกันค่ะ คุณคิดว่าแม่มาวุ่นวายกับชีวิตคุณมาก กับครอบครัวมากใช่ไหมคะ อ่านยังไงก็เหมือนคุณต่อแม่ว่าทั้งเรื่องเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะคุณน้อยใจแม่ด้วย เชื่อเถอะค่ะว่าผญ เขามักคิดอะไรลึกซึ้ง คิดว่าเขาไม่เหนื่อยหรอคะที่ต้องพ๔ดอะไรซ้ำๆ ถ้าเรายังไม่มีอนาคต อย่าพึ่งเอาตัวเองไปผูกกับนิยายนักเลยค่ะ จริงอยู่ที่หลายคนประสบความสำเร็จจากนิยาย แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่การช่วยพ่อแม่ทำงาน จะทำให้เราเป็นงานนะคะ ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีปัญหา แล้วพี่คิดว่าน้องคงยังเด็ก อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหรือไม่ แม่เขาเลยห่วงมากขึ้น และจะบอกอีกเรื่องค่ะว่าไม่ใช่คนในนี้ทุกคนจะชอบแต่งนิยายเป็นชีวิตจิตใจ เราจะแต่งตอนที่อยาก จะแต่งตอนที่ว่าง เป็นงานรอง หลังจากงานหลักเสร็จสิ้น
เห็นด้วยค่ะ
อืม...แลจากที่ระบายมาทั้งหมดก็พอจับใจความสำคัญได้นะครับ
โอเค เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ครับ ที่จะเป็นห่วงเป็นใยกันมันเป็นเรื่องปกติ ผมเองก็ไม่ต่างกัน แต่ว่าตอนนี้อยากจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่าของผมนี่กรณีหนักกว่านั้นเยอะ...
ไม่ขอเล่านะว่าเจออะไร แต่เอาเป็นว่าในช่วงชีวิตเราบางครั้ง มักจะมีทางเลือกขึ้นมาให้เราเลือกเดินอยู่หลายทาง แน่นอนว่าในช่วงระหว่างที่เราเดินนั้นเอง เราก็อาจจะเจออุปสรรคบ้างเป็นบางครั้ง จนบางทีอุปสรรคบางอย่างก็อาจถึงขั้นเบี่ยงเบนความฝันของเราได้เหมือนกันนะ (#ว่าไปนั่น)
บางทีตอนนี้อาจจะคิดอยากเป็นนักเขียน แต่พอเวลาผ่านไปเราอาจจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ได้ ใครเล่าจะไปรู้?
สิ่งที่ผมอยากจะพูดเลยคือ มีหลากหลายเหตุผลที่เรามักจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเป็นตัวพิสูจน์ให้คนอื่น หรือว่าพ่อแม่ได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันมีประโยชน์ แล้วเราก็ไม่ได้เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ดีด้วย หรืออย่างน้อยๆ แล้ว เราก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครหรือว่าทำให้ใครเดือดร้อน
แต่จงจำไว้อย่างหนึ่งเลยที่ผมอยากพูดเลยว่า "ถ้าคิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่าทำเพียงเพื่อพิสูจน์คนอื่นเด็ดขาด"
ผมไม่รู้หรอกนะว่าความคิดแบบผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่สำหรับผม ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะดื้อบ้างในบางที และบ่นบ้างในบางครั้ง คำว่า "ผู้ใหญ่" อาจจะมีหลากหลายความหมายสำหรับใครบางคน
แต่การทำเพียงเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นได้เห็น แบบนั้นไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้ง ยังไงมันก็ต้องมีใครสักคนมาดูถูกเราอยู่ตลอดนั้นแหละครับ ถ้าหากเราลองปรับความคิดดูสักนิด จากที่เราทำเพื่อ "พิสูจน์" ตัวเอง ทำไมถึงไม่ลองเปลี่ยนไปเป็น ทำเพื่อ "ตัวเอง" ดูบ้างล่ะครับ?
พ่อกับแม่ ยังไงแล้วสักวันหนึ่งเขาก็ต้องจากเราไปอยู่ดี ญาติของผมหลายๆ คนทั้งคนที่ผมเคยเจอและไม่เคยเจอ ทุกวันนี้พวกเขาเองก็จากไปกันเกือบหมด พี่สาวของผมตอนนี้ก็รู้สึกจะได้ไปเรียนต่อในสาขาที่ตัวเองต้องการ
ในขณะที่ผม...กำลังหลงทางและสับสนในชีวิตอยู่ครับ
บ่น + ระบายมาเยอะ เอาเป็นว่าสรุปเลยละกัน ค่อยๆ ไปกันช้าๆ ให้กาลเวลาและสิ่งที่เราทำจะเป็นตัวตัดสินเราเองครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?