Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(เมื่อไม่มีคนเข้าใจ+ไม่มีใครเคยมอง+ระบาย) เมื่อแม่คิดว่าเราเล่นเกม? แต่ผมแต่งนิยาย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
                       เมื่อเช้า ผมยังไม่ตื่น เห็นแม่แอบบ่นว่าผมเล่นแต่เกม ซะที่ไหน? เพราะว่าปีนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นทุกที ดูไปดูมาเหมือนดาวฮอร์โมนส์ แม่ไม่เข้าใจผมเลยซักนิด แม่บอกว่าวันๆทำแต่เรื่องไร้สาระ ไม่ยอมช่วยพ่อทำงาน แต่พ่อผมเองก็บอกว่าทำไปเถอะ ซึ่งขัดกับแม่เหลือเกิน แม่ผมชอบพาลคนในครอบครัวสั่งให้ทำนู่นนี่เวลาต่อว่าผม ทั้งที่มันก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งผมก็แต่งนิยายอยู่ทุกวัน แม่ก็เห็น แต่แม่ก็นึกว่าผมเป็นเด็กปัญญาอ่อนคนนึง คิดว่าผมเล่นแต่เกม สำหรับผมสักวันเกมมันก็ต้องอ่อนล้าไปจากหัวเราอยู่ดี  ผมเลยไม่เล่น ผมเข้าใจแม่ว่าอยากให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ซึ่งผมก็กำลังทำอยู่นี่ แต่สิ่งที่แม่เข้าใจมันไม่ใช่ตัวตนผมเลย ผมเองก็อยากที่จะให้แม่เข้าใจว่าตัวผมเองเป็นอย่างนี้ การแต่งนิยายมันเป็นชีวิตจิตใจของผม ไม่มีใครขัดใครได้  ตลอดมาครับผมทนคำดูหมิ่นของแม่แทบไม่ไหว คิดว่าลูกคนอื่นเขาดีไปซะทุกอย่าง แม่ผมบอกว่าแม่ไม่น่ามีลูกแบบนี้เลย ซึ่งแม่ดูเหมือนไม่รู้ว่าผมได้ยิน ผมเองก็แอบร้องไห้ไป แต่อย่างน้อยก็ต้องชนะคำดูหมิ่น สบประมาทของแม่ให้ได้





ปล.ผมไม่มีเจตนาสื่อในเรื่องที่ผิด เพราะสิ่งที่ผมโดนกระทำมันเป็นสิ่งที่ผิด ผมอยากให้เห็นว่าสิ่งที่ผมโดนนั้นยิ่งทำให้ผมดิ้นรน ไม่มีใครรู้ดีนอกจากเรา ผู้คนในบอร์ดนี้ผมเชื่อว่าทุกคนแต่งนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ไม่มีใครขัดใครได้ ซึ่งผมกำลังโดนอยู่ ผมไม่มีเจตนาสร้างชื่อเสียงอะไรทั้งสิ้น แค่อยากให้ผู้คนในบอร์ดนี้คิดว่าเหตุการณ์นี้ มันมีอยู่จริง ซึ่งผมคิดว่าผมพิมพ์ครบถี่ถ้วนแล้ว ผมมีสติอยู่ครบในการพิมพ์มาครั้งนี้ และใช้เหตุใช้ผลมากที่สุด อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดว่าผมควรจะพิสูจน์ให้แม่ผมรู้อย่างแจ่มแจ้งได้อย่างไร?




                          

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

MacJack 15 ต.ค. 57 เวลา 10:26 น. 1

สู้ๆ นะฮะ ทำสิ่งที่เรารักต่อไป สักวันต้องมีคนเข้าใจเอง

แต่คุณยังดีที่ได้แต่งนิยาย ผมนี่สิเปิดเวิร์ดทีไรแพ้ใจตัวเองตลอด กลับไปดูการ์ตูนอีกอยู่ดี

0
kavasarew 15 ต.ค. 57 เวลา 10:28 น. 2

สู้ๆนะคะ สำหรับเราแล้ว เราเห็นแม่มาหลายประเภท(จากเพื่อนๆนะ) ที่เห็นชัดก็มีแม่ที่มองลูกไม่ดีสะทุกอย่าง แต่คนอื่นดีหมด แม่แบบนี้จะแอบภาคภูมิในลูกตัวเองนะ บางที่ก็มีการเอาลูกไปอวดบ้างก็มี แล้วก็มีแม่ประเภทอื่นๆ เช่นแม่เพื่อนเราจับยัดเรียนๆๆ อย่างเดียว ถ้าคนชอบก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเราเกลียดละ ชีวิตย่ำแย่ทันที อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ งื่ม แต่ที่คุณคิดก็ดีแล้วละ ถึงแม่จะมองไม่ดียังไง ถ้าคุณทำดีกาลเวลาจะพิสูจน์ตัวคุณเอง แต่แน่นอนว่าอย่าไปเถียงกับแม่นะ แต่ใช้การต่อรองแทน แบบถ้าผมได้เกรดดีๆ แม่ก็ต้องให้เวลาผมพักไปแต่งนิยายบ้างนะ อะไรแบบนี้ สรุปๆสู้ๆนะคะ

0
PetShall 15 ต.ค. 57 เวลา 10:56 น. 3

อะไรที่เราทำให้เขาเห็นจนติดตา มันยากที่จะเปลี่ยนให้เขาว่าเราทำอย่างอื่นเพียงชั่วข้ามคืนค่ะ หากเราไม่เปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ ตั้งใจกว่าเดิม ทำให้เขาเห็นว่าไม่ได้เล่นเกมนานแล้ว ตอนนี้แต่งนิยาย

แต่ถ้ามัวแต่แต่งนิยายไม่สนใจคนรอบข้าง แต่งแบบหลักลอย มันก็เหมือนเล่นแต่เกมแล้ววันๆไม่ทำอะไรเช่นกัน  ท่านไม่ลองสละเวลาสักนิดไปช่วยงานบ้านพ่อแม่บ้างล่ะ  แบ่งเวลาไปช่วยให้ผ่อนแรงเขาบ้างแล้วแบ่งเวลาไปเขียนนิยาย  เมื่อเขาเห็นว่าคุณมีความตั้งใจจริงที่คุณ เขาก็จะยอมรับเอง ขอแค่ไม่ยอมแพ้ค่ะ

เมื่อก่อนข้าพเจ้าก็คิดแบบท่าน แต่ตอนนี้ข้าพเจ้านั่งหัวเราะตัวเองเมื่อนึกถึงสมัยก่อน ฮะฮะฮะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มหาเงินเอง ต้องรับผิดชอบครอบครัว หรืออะไรก็แล้วแต่ เราจะโตขึ้นและความคิดนั้นจะเปลี่ยนไป  สิ่งที่ท่านกำลังคิดอยู่ตอนนี้ท่านจะรู้สึกผิดที่คิดแบบนั้นเลยเชียว (มั้ง) 

พยายามต่อไปนะคะ ^^ ให้เขาเห็นถึงความจริงใจ จริงจัง ถ้าเหลาะแหละ ยังไงความคิดคนก็ไม่เปลี่ยน

0
silver 15 ต.ค. 57 เวลา 12:30 น. 5

แม่เขาพูดให้คุณคิดไงครับ ว่าควรออกจากหน้าคอมแล้วไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกจมอยู่แต่หน้าคอมหรอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

แม้จะทำงานได้เงิน นั่งทำงานวิจัย นั่งเขียนโปรแกรม ก็ไม่วายโดนด่าหรอกครับ 

คนโบราณเขาไม่เข้าใจ ว่าคอมพิวเตอร์มันทำอะไรได้มากกว่าเล่นเกมส์ เรื่องนี้คุณต้องเข้าใจแม่ของคุณด้วย

ส่วนเรื่องที่คุณโดนเปรียบเทียบ ผมไม่ขอยุ่งนะ 

แต่จะแนะนำให้อย่าง คุณรีบปีกกล้าขาแข็งให้เร็วที่สุด ทำอะไรด้วยตัวคนเดียวให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ชีวิตจะเป็นของคุณ และจะไม่มีใครว่าอะไรคุณได้อีก...





0
มุจลินทร์ 15 ต.ค. 57 เวลา 13:34 น. 6

เพราะว่าความเป็นแม่นั่นแหละที่ทำให้เค้าพูดแบบนั้น
ส่วนนึงมันก็มาจากความคาดหวังในตัวเราด้วยนะ และเค้าก็อยากจะเลี้ยงให้เราเป็นเด็กที่ดี อยากให้สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ แต่วิธีการ กับใจ กับปาก
มันก็แล้วแต่ว่าเค้าเลือกจะแสดงออกมายังไง 
เคยได้ยินคำนี้ไหม.. หน้าที่ชื่นชมน่ะมันเป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่หน้าที่ดุด่า สั่งสอนขอสงวนสิทธิ์ไว้ให้กับคนเป็นพ่อกับแม่ พี่ว่าประโยคนี้มันใช้ได้ดีเลยนะ
ไม่ว่าใครก็หวังอยากให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตและปัจจุบัน อะไรที่เตือนๆ ได้ก็จะทำ
หวัง...อยากให้ลูกของตัวเองทำได้ดีกว่านี้ ทำได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
เรื่องผิดใจเล็กๆ น้อยๆ เนี่ย มันเกิดได้เสมอ เพราะเป็นครอบครัวเนี่ยแหละ
และบางทีแต่งนิยายมันก็ถูกมองว่าไร้สาระนะคะ มันไร้สาระเลยแหละ ไม่ว่าใครมองก็ต้องพูดแบบนี้ เราเองก็ต้องพยายามเข้าใจพ่อแม่ในจุดนี้ด้วย

แต่ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จนะคะ เพื่อจุดมุ่งหมายของเราน่ะ ตราบใดที่ยังมีความมุ่งมั่นอยู่ ดีใจที่กานต์เองก็ฮึดสู้นะ สู้ๆ ค่ะ พี่เป็นกำลังใจให้ 


0
Chanyanuch 15 ต.ค. 57 เวลา 14:34 น. 7

นั่งเขียนนิยายลงคอมกับดูการ์ตูนตามเน็ตยังดีกว่าไปเปิดทีวีนั่งดูรายการปาห-ี่ไร้สาระ
สมัยที่บ้านยังไม่มีคอมติดเน็ต  
เรานั่งดูทีวีเปิดดูรายการที่ชื่นชอบและนั่งอ่านหนังสือไปด้วย
แต่เดี๋ยวนี้มีแต่รายการอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด  หนีไปเล่นคอมดีกว่า

0
REDRUM 15 ต.ค. 57 เวลา 15:16 น. 8

ลองชี้ข้อดีของการแต่งนิยายให้แม่ของคุณดีมั้ย
แต่เราว่ามองอีกแง่นายก็ควรแบ่งเวลาด้วยนะ
บางทีแม่เค้าอาจจะรู้สึกว่าคุณเอาเวลาไปใช้กับนิยายมากไป

0
Red Hood 15 ต.ค. 57 เวลา 15:47 น. 9

ที่บ่น ๆ ท่านแค่ไม่อยากให้คุณนั่งแช่อยู่หน้าคอมนาน ๆ ค่ะ  วิธีแก้คือจัดสรรเวลาให้ดี จะนั่งหน้าคอมกี่ชั่วโมงก็ทำตามนั้นให้มันมีกำหนดเวลา ไม่ใช่แช่อยู่ทั้งวี่ทั้งวัน  แม่ที่ไหนก็รู้สึกไม่ดีล่ะค่ะถ้าผ่านมาทีไรก็เจอลูกนั่งอยู่หน้าคอมตลอด ๆ แค่เล่นติดต่อกัน 4 ชั่วโมงนี่ก็เต็มที่แล้วค่ะ ลุกไปทำอย่างอื่นบ้าง อาจจะเป็นงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ โผล่ไปช่วยพ่อทำงานให้พวกท่านได้เห็นบ้างว่าเราก็ทำอย่างอื่นนะ

ผู้ใหญ่ไม่สนใจหรอกค่ะว่าคุณนั่งทำอะไรอยู่หน้าคอม อาจจะอนุโลมบ้างในเรื่องที่เป็นสาระ  แต่ถ้าจะสาระอยู่หน้าคอมทั้งวันยังไงเขาก็ไม่ยอมหรอกค่ะ มันเสียสุขภาพ เสียนิสัย  และเสียอีกเยอะแยะตามความคิดของผู้ใหญ่

ส่วนเรื่องพิสูจน์ตัวเอง ถ้าคิดจะแต่งนิยายให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับคนเป็นแม่ล่ะก็..เปลี่ยนเป็นตั้งใจเรียนดีกว่าค่ะ  ให้ท่านได้เห็นว่า "การนั่งแช่อยู่หน้าคอมนานๆ ไม่ได้กระทบการเรียนของคุณ"

สรุปนะคะ
1.อยู่หน้าคอมให้เป็นเวลา
2.ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง
3.ตั้งใจเรียน  หน้าที่ของคุณต้องมาก่อนนะคะ

เพราเจตนาของท่านแค่ไม่อยากให้คุณนั่งแช่อยู่หน้าคอมนาน ๆ จนมีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเรื่องการงาน  การเรียน  หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง 

ท่านไม่ได้สนหรอกค่ะว่าคุณจะเอานิยายเป็นเล่มๆตีพิมพ์แล้วมาให้ท่านดูได้รึเปล่า งานอดิเรกทำได้แต่อย่าให้มันไปเบียดเบียนงานหลักค่ะ


0
nefertari 15 ต.ค. 57 เวลา 17:13 น. 10

ปกติพ่อไม่ค่อยว่าอะไรลูกหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะสังคมไทย ที่พ่อจะดูแลนอกบ้าน ถ้าไม่ร้ายแรงหรือหนักจริงๆพ่อก็จะเฉยๆ อาจเป็นที่นิสัยผช ง่ายๆด้วยล่ะ แต่สำหรับผญ มันต่างกันค่ะ คุณคิดว่าแม่มาวุ่นวายกับชีวิตคุณมาก กับครอบครัวมากใช่ไหมคะ อ่านยังไงก็เหมือนคุณต่อแม่ว่าทั้งเรื่องเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะคุณน้อยใจแม่ด้วย เชื่อเถอะค่ะว่าผญ เขามักคิดอะไรลึกซึ้ง คิดว่าเขาไม่เหนื่อยหรอคะที่ต้องพ๔ดอะไรซ้ำๆ ถ้าเรายังไม่มีอนาคต อย่าพึ่งเอาตัวเองไปผูกกับนิยายนักเลยค่ะ จริงอยู่ที่หลายคนประสบความสำเร็จจากนิยาย แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่การช่วยพ่อแม่ทำงาน จะทำให้เราเป็นงานนะคะ ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีปัญหา แล้วพี่คิดว่าน้องคงยังเด็ก อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหรือไม่ แม่เขาเลยห่วงมากขึ้น และจะบอกอีกเรื่องค่ะว่าไม่ใช่คนในนี้ทุกคนจะชอบแต่งนิยายเป็นชีวิตจิตใจ เราจะแต่งตอนที่อยาก จะแต่งตอนที่ว่าง เป็นงานรอง หลังจากงานหลักเสร็จสิ้น

0
Gaster 15 ต.ค. 57 เวลา 20:27 น. 12

อืม...แลจากที่ระบายมาทั้งหมดก็พอจับใจความสำคัญได้นะครับ

โอเค เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ครับ ที่จะเป็นห่วงเป็นใยกันมันเป็นเรื่องปกติ ผมเองก็ไม่ต่างกัน แต่ว่าตอนนี้อยากจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่าของผมนี่กรณีหนักกว่านั้นเยอะ...

ไม่ขอเล่านะว่าเจออะไร แต่เอาเป็นว่าในช่วงชีวิตเราบางครั้ง มักจะมีทางเลือกขึ้นมาให้เราเลือกเดินอยู่หลายทาง แน่นอนว่าในช่วงระหว่างที่เราเดินนั้นเอง เราก็อาจจะเจออุปสรรคบ้างเป็นบางครั้ง จนบางทีอุปสรรคบางอย่างก็อาจถึงขั้นเบี่ยงเบนความฝันของเราได้เหมือนกันนะ (#ว่าไปนั่น)

บางทีตอนนี้อาจจะคิดอยากเป็นนักเขียน แต่พอเวลาผ่านไปเราอาจจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ได้ ใครเล่าจะไปรู้?

สิ่งที่ผมอยากจะพูดเลยคือ มีหลากหลายเหตุผลที่เรามักจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเป็นตัวพิสูจน์ให้คนอื่น หรือว่าพ่อแม่ได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันมีประโยชน์ แล้วเราก็ไม่ได้เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ดีด้วย หรืออย่างน้อยๆ แล้ว เราก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครหรือว่าทำให้ใครเดือดร้อน

แต่จงจำไว้อย่างหนึ่งเลยที่ผมอยากพูดเลยว่า "ถ้าคิดจะทำอะไรสักอย่าง อย่าทำเพียงเพื่อพิสูจน์คนอื่นเด็ดขาด"

ผมไม่รู้หรอกนะว่าความคิดแบบผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่สำหรับผม ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะดื้อบ้างในบางที และบ่นบ้างในบางครั้ง คำว่า "ผู้ใหญ่" อาจจะมีหลากหลายความหมายสำหรับใครบางคน 

แต่การทำเพียงเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นได้เห็น แบบนั้นไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้ง ยังไงมันก็ต้องมีใครสักคนมาดูถูกเราอยู่ตลอดนั้นแหละครับ ถ้าหากเราลองปรับความคิดดูสักนิด จากที่เราทำเพื่อ "พิสูจน์" ตัวเอง ทำไมถึงไม่ลองเปลี่ยนไปเป็น ทำเพื่อ "ตัวเอง" ดูบ้างล่ะครับ?

พ่อกับแม่ ยังไงแล้วสักวันหนึ่งเขาก็ต้องจากเราไปอยู่ดี ญาติของผมหลายๆ คนทั้งคนที่ผมเคยเจอและไม่เคยเจอ ทุกวันนี้พวกเขาเองก็จากไปกันเกือบหมด พี่สาวของผมตอนนี้ก็รู้สึกจะได้ไปเรียนต่อในสาขาที่ตัวเองต้องการ

ในขณะที่ผม...กำลังหลงทางและสับสนในชีวิตอยู่ครับ

บ่น + ระบายมาเยอะ เอาเป็นว่าสรุปเลยละกัน ค่อยๆ ไปกันช้าๆ ให้กาลเวลาและสิ่งที่เราทำจะเป็นตัวตัดสินเราเองครับ




0