“ปรากฏการณ์ลึกลับ” ที่ยังเป็น “ปริศนา” ของโลก…(ซ้ำขออภัย)
“ปรากฏการณ์ลึกลับ” ที่ยังเป็น “ปริศนา” ของโลก…(ซ้ำขออภัย)
Angel Hair
“เส้นผมนางฟ้า” เป็นปรากฏการณ์ที่หายาก และไม่สามารถอธิบายได้ มันมีลักษณะเป็นเส้นคล้ายเส้นไหมและตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ถ้าเอื้อมมือไปสัมผัสละก็ มันจะอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกแต่จะพบบ่อยในแถบอเมริกาเหนือ,นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, และยุโรปตะวันตก ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าเกิดจากอะไรหรือแม้กระทั่งมันทำมาจากอะไร เป็นที่คาดการณ์ว่ามันอาจจะมาจากแมงมุม หรือจากแมลงชักใยชนิดอื่นๆ หรือแม้กระทั่งยูเอฟโอ เนื่องจากมันมักจะเกี่ยวข้องกับการพบเห็นยูเอฟโอ และเนื่องจากความบอบบางของมัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ เพราะว่ามันมักจะได้รับการปนเปื้อนจากไอเสียรถยนต์และการสัมผัสของมนุษย์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผลทางเคมีได้
Bélmez Faces
http://en.wikipedia.org/wiki/B%C3%A9lmez_Faces
เป็นปรากฏการณ์ประหลาด โดยมีการปรากฏใบหน้าของคน ปรากฏอย่างชัดเจนในบ้าน Bélmez de
Simulacrum in Eagle Nebula (Simulacrum)
http://www.cs.drexel.edu/~gcmastra/truth01.html
ปรากฏการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า “เทวทูตแห่งอากาศ” คือปรากฏการณ์ที่มนุษย์มองเห็นภาพบุคคล สัญลักษณ์ทางศาสนาจากเมฆ หรือ แล้วแต่จะจินตนาการตีความ ส่วนภาพด้านบนเป็นภาพที่ถูกถ่ายเมื่อปี 1995 โดยกล้องของ ฮับเบิล ได้จับภาพ Eagle Nebula (Nebula คือกลุ่มเมฆ หมอกของฝุ่น แก๊ส และพลาสมาในอวกาศที่เป็นต้นกำเนิดของดวงดาว) และแพร่ภาพออกอากาศทางสถานี CNN ประชาชนจำนวนมากที่ เห็นภาพดังกล่าว ต่างโทรศัพท์มาบอกทางสถานีว่า พวกเขาเห็นภาพของมนุษย์ เทพเจ้า พระเยซูฯลฯ และนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้
http://en.wikipedia.org/wiki/Taos_Hum
“เสียงฮัมลึกลับ” เป็นเสียงต่ำแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา (ในปี ค.ศ.1977),อังกฤษ และยุโรปเหนือ ที่มักได้ยินเสียงฮัมต่ำๆ คล้ายๆ เครื่องยนต์ดีเซลแปลกๆ (เช่นเครื่องใช้ในครัวเรือน, เสียงจราจรเป็นต้น) โดยเจ้าเสียงที่ว่านี้ ดังติดต่อกันตลอดเวลา แต่บางทีก็เว้นจังหวะเป็นระยะแบบสม่ำเสมอกัน และเสียงนี้จะเข้มข้นตอนกลางคืนทำให้ผู้ได้ยินเป็นประสาทตามๆกัน โดยเสียงที่ว่านี้จะต้องตั้งใจฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเท่านั้น เช่น ทะเลทรายในนิวเม็กซิโก, เกาะฮาวาย โดยไม่มีใครรู้ว่าต้นเสียงมาจากไหน
ใน ปี 1977 มีการตรวจสอบโดยตรงจากวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงในประเทศอเมริกา โดยทำการสำรวจและวัดคลื่นความถี่ของเสียงปริศนาในท้องที่และรอบๆ เมือง
The Man in the Iron Mask
เริ่มขึ้นเมื่อปี 1669 ที่เมืองท่าดันเคิร์ก ทางตอนเหนือฝรั่งเศส เมื่อมีข้ารับใช้กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ได้จับกุมชาย นิรนามคนหนึ่งแล้วถูกนำตัวส่งเข้าคุกลับแห่งปิกเนรอล นครตูลินประเทศตาลี (สมัยก่อนเมืองนี้เคยเป็นของฝรั่งเศส) ซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ชายนิรนามนี้มีเอกลักษณ์ซึ่งผู้พบเห็นเขาไม่มีวันลืมเลยคือใบหน้าเขาถูกคลุมด้วยหน้ากากเมอซิเออร์ แซงต์ มาร์ ผู้คุมสูงสุดแห่งคุกแห่งนี้ได้รับข้อความทำนองที่ว่า "นักโทษผู้นี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้บอกเรื่องราวใดๆ ของตัวเองแก่ผู้อื่นเด็ดขาด เจ้าจะต้องไปหาเขาวันละหนึ่งครั้ง เพื่อจัดการเรื่องอาหารและเรื่องสัพเหระในชีวิตประจำวันแก่เขา และจงอย่ารับฟังคำใดๆ ที่นักโทษผู้นี้พยายามบอกหากนักโทษยังไม่เลิกราที่จะเล่าเรื่องไร้สาระ เกี่ยวกับตัวเขาละก็จงมอบความตายแก่เขาเสีย" ขณะที่นักโทษนิรนามถูกจองจำอยู่นั้นจะต้องมีทหารองครักษ์สองคนคอยเฝ้าอยู่ไม่ให้ห่างตาและขู่ว่าจะสังหารเขาทันทีที่เขาถอดหน้ากากออก แต่กระนั้นเขาก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเป็นพิเศษ เวลานักโทษคนนี้ถูกย้ายไปอยู่คุกที่อื่น เขาต้องอยู่ในเกี๊ยวที่ปิดมิดชิดกันการสอดรู้สอดเห็นของผู้คนตลอดทาง นักโทษนิรนามนี้ตายในคุกเมื่อ ปี 1703 ในคุกบาสตีล หลังถูกจองจำมาอย่างยาวนานถึง 34 ปี ศพของเขาถูกฝังภายใต้ชื่อ Eustache Dauger ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นภายหลังเท่านั้น ส่วนหลักฐานอื่นๆ ถูกทำลายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นห้องคุมขังถูกทาสีใหม่ เพื่อป้องกันร่องรอยบางอย่างที่อาจหลงเหลืออยู่ โต๊ะเก้าอี้ภาชนะทุกชิ้นถูกเผาทิ้งไปเกือบหมดสิ้น ทำไมทางการถึงอยากลบตัวตนของเขานัก แม้มาบัดนี้เขาสิ้นชีวิตลงแล้ว แต่ปริศนาที่ว่าชายคนนี้เป็นใครทำไมถึงสำคัญหนักหนายังคงอยู่ พร้อมข้อสันนิษฐานต่างๆ นาๆ ว่าเขาน่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์และต้องมีความสำคัญเกินกว่าที่จะปลิดชีวิตทิ้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ทีจะปล่อยเขาเป็นอิสระ บางก็ว่าเขาจะเป็นพี่น้องฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่ต้องจองจำน้องไว้ภายใต้หน้ากากก็เพราะเพื่อให้บัลลังก์ผู้พี่เกิดความมั่งคงนั้นเอง หรือจะเป็นข้อสันนิษฐานของ ลอร์ด ควิกส์วูด เชื่อว่าชายสวมหน้ากากเหล็กก็คือบิดาแท้ๆ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยแนวคิดนี้มีผู้เชื่อถือกันไม่น้อย โดยให้เหตุผลคือเพื่อความมั่งคงของชาติ แต่ห้ามประหารเพราะสมัยนั้นข้อบังคับของศาสนายังเป็นเรื่องเคร่งครัด การสังหาร บิดาแท้ๆ เป็นความผิดใหญ่หลวง และพระเจ้าหลุยส์เองก็ไม่กล้าสังหารบิดาตัวเองจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดภายใต้ชายหน้ากากเหล็กตลอดกาล แต่หลังจากที่เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสเมื่อปี 1789 ได้ราวสองปี ข่าวลือเกี่ยวกับชายหน้ากากเหล็กจึงกล่าวถึงอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วชายคน นี้คือพระเจ้าหลุยส์ 14 นั่นเอง เอาเข้าไป…??? เพราะผลสรุปออกมาแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ ตัวนโปเลียนที่ก้าวมามีอำนาจหลังการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 มากกว่า
ข้อมูล : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=671383
เพิ่มเติม : https://ebooks.adelaide.edu.au/d/dumas/alexandre_pere/celebrated/chapter11.html
10 ความคิดเห็น
สยองอะ
เรื่องลึกลับนี่ทำไมส่วนใหญ่น่ากลัวจังเน้อ....
เรื่อง The man in The iron mask ผมเคยได้ยินมาก่อนนะ กษัตย์หลุยส์ที่ 14 เหมือนกับเจออะไรที่เหนือจินตนาการพวกเราจะคิดออกมาได้จากชายคนนี้ จนถึงขนาดต้องห้ามสื่อสารกันเลย ดูแลเป็นพิเศษและลบหลักฐานทุกอย่าง แต่ฆ่าไม่ได้ มันคืออะไรกันนะ
Simulacrum in Eagle Nebula (Simulacrum) “เทวทูตแห่งอากาศ” ผมเคยเห็นเป็นรูปร่างต่างๆนะครับ รูปสัตว์แปลกๆบ้าง แต่มีอยู่รูปนึง คล้ายหัวมังกรเลยครับ (ผมอาจจะจินตนาการเองก็ได้) แต่ใส่ภาพไม่เป็นอ่ะครับ ไม่งั้นก็อยากให้ลองดูกันหน่อยครับ
อ่านตอนกลางคืนด้วยอ่ะ แบบ .... หวิววว เลย
มีผมคนเดียวรึเปล่า ที่อ่านชื่อเรื่องแล้วดูภาพ ผ่านๆ
เรื่องสุดท้ายนี่ยังไง
ขอที่2หากเกิดที่บ้านใครไม่ขายบ้านก็ต้องจ้างหมอผีมาไล่ล่ะหว่าจริงไหม
รูปแรกเอิ่มม เราว่ามันธรรมดามากนะ หรือเราเจอบ่อยจนชินเลยไม่เคยสังเกตว่ามันเกิดจากอะไร
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?