Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

“ปรากฏการณ์ลึกลับ” ที่ยังเป็น “ปริศนา” ของโลก…(ซ้ำขออภัย)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ปรากฏการณ์ลึกลับ” ที่ยังเป็น ปริศนา ของโลก…(ซ้ำขออภัย)


Angel Hair


เส้นผมนางฟ้า เป็นปรากฏการณ์ที่หายาก และไม่สามารถอธิบายได้ มันมีลักษณะเป็นเส้นคล้ายเส้นไหมและตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ถ้าเอื้อมมือไปสัมผัสละก็ มันจะอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกแต่จะพบบ่อยในแถบอเมริกาเหนือ,นิวซีแลนด์ออสเตรเลียและยุโรปตะวันตก ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าเกิดจากอะไรหรือแม้กระทั่งมันทำมาจากอะไร เป็นที่คาดการณ์ว่ามันอาจจะมาจากแมงมุม หรือจากแมลงชักใยชนิดอื่นๆ หรือแม้กระทั่งยูเอฟโอ เนื่องจากมันมักจะเกี่ยวข้องกับการพบเห็นยูเอฟโอ และเนื่องจากความบอบบางของมัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ เพราะว่ามันมักจะได้รับการปนเปื้อนจากไอเสียรถยนต์และการสัมผัสของมนุษย์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผลทางเคมีได้

Bélmez Faces

http://en.wikipedia.org/wiki/B%C3%A9lmez_Faces

เป็นปรากฏการณ์ประหลาด โดยมีการปรากฏใบหน้าของคน ปรากฏอย่างชัดเจนในบ้าน Bélmez de la Moraleda บ้านส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ตั้งในถนนหมาย เลข 5  , เจยัน,ในประเทศสเปน โดยเริ่มต้นใน 23 สิงหาคม ปี 1971 เมื่อ María Gómez Cámara อ้างว่ามีการพบหน้ามนุษย์ประหลาดเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ในชั้นครัวของเธอที่ผนังซีเมนต์สามีและลูกของเธอจึงทำลายใบหน้านั้นด้วยขวานและฉาบปูนซีเมนต์ใหม่ แต่ปรากฏว่าใบหน้าใหม่ก็เกิดขึ้นอีก โดยส่วนใหญ่มักปรากฏบนคอนกรีตของบ้านอย่างต่อเนื่องและบางครั้งก็หายไป เมื่อเวลาผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งใบหน้าเหล่านี้จะปรากฏตัวเป็นระยะไม่สม่ำเสมอ หน้าแต่ละหน้าจะไม่เหมือนกัน รูปร่างแตกต่างกัน มีทั้งชายและหญิงและการแสดงออกต่างกันออกไป  ปัจจุบันบ้านหลังนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ยอดนิยมในการถ่ายรูป ของหลายสื่อไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ท้อง ถิ่น,ประชาชนนักท่องเที่ยวที่ต่างเข้ามาแวะเวียนกันเพื่อดูปรากฏการณ์ที่ว่านี้ หลายคนเชื่อว่าใบหน้าเหล่านี้ไม่ใช้ฝีมือของมนุษย์ และเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์  Thoughtographic (ความสามารถในการใช้พลังจิตฉายภาพลงบนกระดาษหรือรูปถ่าย) ที่เกิดจากพลังจิตของเจ้าของบ้านโดยไม่รู้ตัว แต่นักวิทยาศาสตร์ยังกังขากับปรากฏการณ์นี้ อาจเป็นการปรากฏการณ์ลึกลับหลอกๆ ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่าเกิดจากการล้างปูนซีเมนต์ และมีวิเคราะห์มวล,โมเลกุล ตัวอย่างซีเมนต์ในบ้านหลังนั้น และพบว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง แต่กระนั้นในเวลาต่อมาหลายคนไม่เชื่อ และนักวิทยาศาสตร์บางคนโดนฟ้องอีกต่างหาก ทำให้การไขปริศนาปรากฏการณ์นี้กลายเป็นเรื่องต้องห้าม เนื่องจากมันได้สร้างรายได้และกำไรเป็นกอบเป็นกำในเมืองแห่งนี้

Simulacrum in Eagle Nebula (Simulacrum)

http://www.cs.drexel.edu/~gcmastra/truth01.html

ปรากฏการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า เทวทูตแห่งอากาศ  คือปรากฏการณ์ที่มนุษย์มองเห็นภาพบุคคล สัญลักษณ์ทางศาสนาจากเมฆ หรือ แล้วแต่จะจินตนาการตีความ  ส่วนภาพด้านบนเป็นภาพที่ถูกถ่ายเมื่อปี 1995 โดยกล้องของ ฮับเบิล ได้จับภาพ Eagle Nebula (Nebula คือกลุ่มเมฆ หมอกของฝุ่น แก๊ส และพลาสมาในอวกาศที่เป็นต้นกำเนิดของดวงดาว) และแพร่ภาพออกอากาศทางสถานี CNN ประชาชนจำนวนมากที่ เห็นภาพดังกล่าว ต่างโทรศัพท์มาบอกทางสถานีว่า พวกเขาเห็นภาพของมนุษย์ เทพเจ้า พระเยซูฯลฯ และนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้


The taos hum

http://en.wikipedia.org/wiki/Taos_Hum

เสียงฮัมลึกลับ เป็นเสียงต่ำแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา (ในปี ค.ศ.1977),อังกฤษ และยุโรปเหนือ ที่มักได้ยินเสียงฮัมต่ำๆ คล้ายๆ เครื่องยนต์ดีเซลแปลกๆ (เช่นเครื่องใช้ในครัวเรือน, เสียงจราจรเป็นต้น) โดยเจ้าเสียงที่ว่านี้ ดังติดต่อกันตลอดเวลา แต่บางทีก็เว้นจังหวะเป็นระยะแบบสม่ำเสมอกัน และเสียงนี้จะเข้มข้นตอนกลางคืนทำให้ผู้ได้ยินเป็นประสาทตามๆกัน โดยเสียงที่ว่านี้จะต้องตั้งใจฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเท่านั้น เช่น ทะเลทรายในนิวเม็กซิโกเกาะฮาวาย โดยไม่มีใครรู้ว่าต้นเสียงมาจากไหน

ใน ปี 1977 มีการตรวจสอบโดยตรงจากวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงในประเทศอเมริกา โดยทำการสำรวจและวัดคลื่นความถี่ของเสียงปริศนาในท้องที่และรอบๆ เมืองTaos นิวเม็กซิโก (โดยปกติเสียงนี้พบยากต้องใช้ไมโครเฟนพิเศษช่วย) พบว่าเสียงฮัมเบาๆนี้มีความถี่ของเสียงประมาณ 30-80 Hz แต่เหลือเชื่อ ตรงที่ใช่ทุกคนจะได้ยิน มีบางคนที่ได้ยินเสียงนี่เท่านั้น โดยจากสถิตพบคนในเมือง Taos ได้ยินเสียงนี้เพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนสาเหตุไม่พบว่าเสียง ปริศนานี้เกิดจากอะไร บ้างก็สันนิษฐานว่า เป็นหูอื้อ,เสียงลมคลื่นมหาสมุทร ไม่ก็ยูเอฟโอ


The Man in the Iron Mask



เริ่มขึ้นเมื่อปี 1669 ที่เมืองท่าดันเคิร์ก ทางตอนเหนือฝรั่งเศส เมื่อมีข้ารับใช้กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ได้จับกุมชาย นิรนามคนหนึ่งแล้วถูกนำตัวส่งเข้าคุกลับแห่งปิกเนรอล นครตูลินประเทศตาลี (สมัยก่อนเมืองนี้เคยเป็นของฝรั่งเศส) ซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ชายนิรนามนี้มีเอกลักษณ์ซึ่งผู้พบเห็นเขาไม่มีวันลืมเลยคือใบหน้าเขาถูกคลุมด้วยหน้ากากเมอซิเออร์ แซงต์ มาร์ ผู้คุมสูงสุดแห่งคุกแห่งนี้ได้รับข้อความทำนองที่ว่า "นักโทษผู้นี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้บอกเรื่องราวใดๆ ของตัวเองแก่ผู้อื่นเด็ดขาด เจ้าจะต้องไปหาเขาวันละหนึ่งครั้ง เพื่อจัดการเรื่องอาหารและเรื่องสัพเหระในชีวิตประจำวันแก่เขา และจงอย่ารับฟังคำใดๆ ที่นักโทษผู้นี้พยายามบอกหากนักโทษยังไม่เลิกราที่จะเล่าเรื่องไร้สาระ เกี่ยวกับตัวเขาละก็จงมอบความตายแก่เขาเสีย" ขณะที่นักโทษนิรนามถูกจองจำอยู่นั้นจะต้องมีทหารองครักษ์สองคนคอยเฝ้าอยู่ไม่ให้ห่างตาและขู่ว่าจะสังหารเขาทันทีที่เขาถอดหน้ากากออก แต่กระนั้นเขาก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเป็นพิเศษ เวลานักโทษคนนี้ถูกย้ายไปอยู่คุกที่อื่น เขาต้องอยู่ในเกี๊ยวที่ปิดมิดชิดกันการสอดรู้สอดเห็นของผู้คนตลอดทาง  นักโทษนิรนามนี้ตายในคุกเมื่อ ปี 1703 ในคุกบาสตีล หลังถูกจองจำมาอย่างยาวนานถึง 34 ปี ศพของเขาถูกฝังภายใต้ชื่อ Eustache Dauger ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นภายหลังเท่านั้น   ส่วนหลักฐานอื่นๆ ถูกทำลายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นห้องคุมขังถูกทาสีใหม่ เพื่อป้องกันร่องรอยบางอย่างที่อาจหลงเหลืออยู่ โต๊ะเก้าอี้ภาชนะทุกชิ้นถูกเผาทิ้งไปเกือบหมดสิ้น ทำไมทางการถึงอยากลบตัวตนของเขานัก แม้มาบัดนี้เขาสิ้นชีวิตลงแล้ว แต่ปริศนาที่ว่าชายคนนี้เป็นใครทำไมถึงสำคัญหนักหนายังคงอยู่ พร้อมข้อสันนิษฐานต่างๆ นาๆ ว่าเขาน่าจะเป็นผู้สูงศักดิ์และต้องมีความสำคัญเกินกว่าที่จะปลิดชีวิตทิ้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ทีจะปล่อยเขาเป็นอิสระ  บางก็ว่าเขาจะเป็นพี่น้องฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่ต้องจองจำน้องไว้ภายใต้หน้ากากก็เพราะเพื่อให้บัลลังก์ผู้พี่เกิดความมั่งคงนั้นเอง หรือจะเป็นข้อสันนิษฐานของ ลอร์ด ควิกส์วูด เชื่อว่าชายสวมหน้ากากเหล็กก็คือบิดาแท้ๆ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยแนวคิดนี้มีผู้เชื่อถือกันไม่น้อย โดยให้เหตุผลคือเพื่อความมั่งคงของชาติ แต่ห้ามประหารเพราะสมัยนั้นข้อบังคับของศาสนายังเป็นเรื่องเคร่งครัด การสังหาร บิดาแท้ๆ เป็นความผิดใหญ่หลวง และพระเจ้าหลุยส์เองก็ไม่กล้าสังหารบิดาตัวเองจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดภายใต้ชายหน้ากากเหล็กตลอดกาล   แต่หลังจากที่เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสเมื่อปี 1789 ได้ราวสองปี ข่าวลือเกี่ยวกับชายหน้ากากเหล็กจึงกล่าวถึงอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วชายคน นี้คือพระเจ้าหลุยส์ 14 นั่นเอง เอาเข้าไป…??? เพราะผลสรุปออกมาแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ ตัวนโปเลียนที่ก้าวมามีอำนาจหลังการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 มากกว่า

ข้อมูล : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=671383
เพิ่มเติม : https://ebooks.adelaide.edu.au/d/dumas/alexandre_pere/celebrated/chapter11.html

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

Aurora Wall 4 พ.ย. 57 เวลา 07:42 น. 3

เรื่อง The man in The iron mask ผมเคยได้ยินมาก่อนนะ กษัตย์หลุยส์ที่ 14 เหมือนกับเจออะไรที่เหนือจินตนาการพวกเราจะคิดออกมาได้จากชายคนนี้ จนถึงขนาดต้องห้ามสื่อสารกันเลย ดูแลเป็นพิเศษและลบหลักฐานทุกอย่าง แต่ฆ่าไม่ได้ มันคืออะไรกันนะ

0
Yakyai 4 พ.ย. 57 เวลา 16:52 น. 4

Simulacrum in Eagle Nebula (Simulacrum) “เทวทูตแห่งอากาศ” ผมเคยเห็นเป็นรูปร่างต่างๆนะครับ รูปสัตว์แปลกๆบ้าง แต่มีอยู่รูปนึง คล้ายหัวมังกรเลยครับ (ผมอาจจะจินตนาการเองก็ได้) แต่ใส่ภาพไม่เป็นอ่ะครับ ไม่งั้นก็อยากให้ลองดูกันหน่อยครับตกใจ

0
Farlina 10 พ.ย. 57 เวลา 14:03 น. 10

รูปแรกเอิ่มม เราว่ามันธรรมดามากนะ หรือเราเจอบ่อยจนชินเลยไม่เคยสังเกตว่ามันเกิดจากอะไร

0