Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การสอบIGCSE

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีเพื่อนๆชาวเด็กดีทุกคนนะคะ นี่เป็นกระทู้แรกตั้งแต่เรามาสมัครเว็บเด็กดี เราชื่อเพรสลี่นะคะ สอบIGCSE ตั้งแต่ปี2014-2015ค่ะ ซึ่งก็จบมัธยมปลายโดยการสอบIGCSEเรียบร้อยค่ะ

*ตอนนี้ทางกระทรวงได้เปลี่ยนเรื่องการเทียบวุฒิม.6นะคะ ตามลิ้งค์นี้ค่ะhttp://houseofgriffin.com/blog/?p=1277ซึ่งกระทู้ของเราเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบนะคะ*


ตามหัวข้อกระทู้ ก็จะเกี่ยวกับIGCSEที่หลายๆคนสงสัยว่า สมัครยังไง ข้อสอบเป็นยังไง เกรดออกจะเช็คยังไง รับรองได้มั้ยว่าถ้าสอบIGCSEแล้วจะเข้ามหาวิทยาลัยได้มั้ย มหาวิทยาลัยรับมั้ย ก็จะมีคำถามพวกนี้ ซึ่งก่อนที่เราจะสอบ ก็เป็นเหมือนกัน
ซึ่งก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่เจ้าของลิ้งค์http://ak-igcse.blogspot.com/2014/02/igcse.htmlที่คอยช่วยเหลือเราตลอดๆเลยค่ะ

มาเริ่มกันเลยดีกว่า IGCSEเป็นการสอบเทียบชั้นม6 ไปดูลิ้งค์ข้างบน พี่เค้าจะมีการอธิบายค่อนข้างละเอียด แต่เราจะมาบอกแบบการสอบ ขั้นตอนต่างๆนะคะ
IGCSE มีการรับสมัครสอบปีละ2รอบ มีรอบMay-JuneกับOct-Nov และผลสอบจะประกาศค่อนข้างช้า ดังนั้นถ้าจะสอบก็ต้องรีบตัดสินใจและคิดให้รอบคอบนะคะ

1.ขั้นตอนการสมัคร ที่เว็บไซต์ http://www.britishcouncil.or.th/exam/igcse ก็จะมีวิธีการสมัคร ใบสมัครให้มาปริ้นท์ วันสอบ วิชาที่ให้เลือกสอบและอื่นๆ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัยใดๆก็ถามเจ้าหน้าที่ หรืออีเมลล์จะดีที่สุด เค้าจะกำหนดเวลาสมัครสอบไว้ ถ้าไปสมัครสอบช้ากว่ากำหนด เค้าจะมีรอบสำหรับLate registeration ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มวิชาละ 3พันบาท (ค่าสมัครสอบแต่ละวิชาจะตกวิชาละ5000-8000บาท เช็คดูให้แน่ใจก่อนนะคะ)

2.พอเราสมัครเสร็จ ถ้าสมัครสอบESL(English as a second language) วันที่ไปสอบspeaking(สอบที่British council,แล้วเจ้าหน้าที่จะให้Statement of entryที่จะต้องนำติดตัวไปในวันสอบข้อเขียน, รายละเอียดสถานที่จัดสอบ, วันและเวลาที่จะสอบในแต่ละวิชา, ป.ล. ทุกครั้งที่ไปสอบไม่ว่าจะspeakingหรือข้อเขียน จะต้องพกบัตรประชาชนหรือpassportไปด้วย เพื่อยืนยันว่าคนที่มาสอบคือตัวเราจริงๆ) ซึ่งวันที่เราจะต้องสอบspeaking เจ้าหน้าที่จะโทรมาบอกตามเบอร์ที่เรากรอกในใบสมัคร ก็ใส่เบอร์เรา เบอร์คุณพ่อ,คุณแม่ด้วย เผื่อเอาไว้เป็นหลักประกันว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ติดต่อเราไม่ได้ ก็จะได้ติดต่อคุณพ่อคุณแม่แทนค่ะ

ส่วนถ้าไม่ได้สอบesl เราคงต้องไปเอาเอกสารพวกนี้ที่British councilเอง อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ค่ะ

3. พอสอบspeakingเสร็จ ก็เตรียมตัวโดยการทำ Past papers ของวิชาที่จะสอบ และต้องดูรหัสวิชาให้ถูกต้องนะ http://papers.xtremepapers.com/CIE/Cambridge%20IGCSE/ อันนี้จะเป็นลิ้งค์ที่มีPast papers ของทุกๆวิชา ซึ่งเราต้องดาวน์โหลด และปริ้นท์เพื่อที่จะฝึกทำข้อสอบ บางวิชาในประเทศเราไม่มีให้สอบค่ะ แต่ถ้าเรียนพวกInter ก็จะมีวิชาให้เลือกสอบเยอะกว่าค่ะ เพราะมีเพื่อนที่อยู่นานาชาติและสอบกับทางโรงเรียน เหมือนลงกันคนละสิบวิชา(เยอะมากก)

4. ตอนไปสอบ ไม่ควรไปสายค่ะ ยิ่งถ้ารู้ว่าเป็นคนเขียนช้า คิดช้า จะไม่ทันเอา โดยเฉพาะListening ห้ามเลทเด็ดขาด เพราะถ้าเลท ก็จะไม่ได้เข้าสอบค่ะ
ตอนทำข้อสอบอย่าเหม่อลอย แล้วก็ตั้งใจทำข้อสอบมากๆๆๆๆๆ

5. พอสอบเสร็จก็รอผลสอบ ถ้ากลัวว่าไม่ผ่าน ก็ควรจะมีแผนสำรองเผื่อด้วยนะ 

ส่วนตรงนี้เราจะมาบอกว่าตอนสอบ วิชาอะไร พาร์ทอะไร เตรียมตัวอย่างไร (แล้วแต่ความถนัดเลย) 

ESL, speaking: สอบอันนี้ตอนเราไปถึงบริทิชเคานซิล แบบตื่นเต้นมาก เค้าจะให้เราไปนั่งรอในห้องที่มีแต่คนที่มาสอบ เหมือนให้สงบจิตสงบใจ พอถึงคิว เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ไปรอหน้าห้อง พอเด็กที่สอบอยู่ในห้องสอบเสร็จ(กรณีที่ไม่ได้สอบคนแรก) teacher ก็จะยังไม่เรียกเราเข้าไปทันที เหมือนเค้าจะให้คะแนนเด็กคนก่อน หลังจากนั้นสักพัก เค้าก็จะเรียกเราเข้าไป สอบถามพวก Personal info แล้วก็จะถามพวกความชอบ ความถนัด ซึ่งเค้าจะได้เอามาเลือกหัวข้อที่จะให้เราพูดในการสอบ ซึ่งต้องพูดคุยกับexaminerในหัวข้อดังกล่าวให้คลอบคลุมทุกปลีกย่อย 
*ถ้าไม่เข้าใจคำถามในใบที่examinerให้มา สามารถถามได้เลยค่ะ



ESL, reading and writing: อันนี้ควรจะทำpast paper ปี2007ขึ้นไป เพราะ exercise จะน้อยกว่า ปีแรกๆ ซึ่งเราแนะนำว่าให้ทำwriting ที่จะมี2แบบ ก็คือ แบบจดหมาย กับเขียนเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เพราะถ้าเราทำreadingก่อน จะทำให้เสียเวลาตอนเขียน เพราะสมองเริ่มตันค่ะ อยากให้ดูพวกแกรมม่าเยอะหน่อย พวกคำศัพท์เล็กน้อยค่ะ เราซื้อหนังสือมาติว แต่เนื้อหาในหนังสือนี่ไกลจากที่สอบมากๆ ค่ะ แนะนำว่าทุกวิชาควรทำ past paperค่ะ
ESL, listening: อันนี้ต้องตั้งใจฟัง ถ้าเหม่อหรือหลุด คือจบ แต่โชคดีที่แต่ละเรื่องจะอ่าน 2 รอบ แต่ก็ต้องตั้งใจฟังอยู่ดีค่ะ เรามีหลุดบ้างเล็กน้อย พอออกจากห้องสอบนี่กังวลเล็กๆเลยค่ะว่า เขียนถูกมั้ย บลาๆๆๆ
 
Math, paper 2/4: paper2 จะง่ายหน่อย เพราะว่าจะมีโจทย์หลายแบบ มีประมาณ20ข้อ แต่ไม่ค่อยมีข้อย่อยค่ะ ต้องทวนเรื่อง graph, equation, f(x), matrix, Transformation, shapes, probability,construct และอื่นๆ
ส่วน paper 4 จะมี10ข้อใหญ่ แต่ข้อย่อยเยอะมาก ข้อนึงมีพื้นที่2หน้า ก็ต้องพกพวกไม้บรรทัด วงเวียนไป เพราะต้องใช้ค่ะ
ส่วนตัวแล้วเราhappyกับวิชานี้มาก ตั้งแต่ตอนเตรียมตัวค่ะ เราแบบปริ้นท์มาทำหลายชุดต่อวันค่ะ สนุกดี
 
Biology: จำได้ว่ามี3 paperค่ะ มีที่เป็นlab, choice แล้วก็เขียนค่ะ แยกสอบเป็น2วัน ตอนสอบlab สำหรับเราคือแอบยากค่ะตรงที่ข้อสอบจะให้รายละเอียดมา แต่เราต้องนึกภาพตามโจทย์ค่ะ แล้วก็ตอบว่า ทำไมผลการทดลองเป็นแบบนี้ บลาๆๆ จำไม่ค่อยได้เพราะสอบเมื่อเกือบ2ปีที่แล้วค่ะ
Choice นี่ถือว่าโอเคนะคะ ถ้าข้อมูลแน่น จำได้ ก็น่าจะไม่ยากมากค่ะ
ที่เรากังวลสุดคือpaperที่ต้องเขียนค่ะ ขอย้ำเลยว่าต้องจำพวก body parts อวัยวะ ส่วนไหนอยู่ตรงไหน เพราะมีออกหลายตัวค่ะ เราลืมไปหลายอันเลย กลับบ้านมาดูก็มีที่ตอบถูก มีตอบผิดค่ะ
แนะนำว่าต้องทำโน้ตเลยค่ะ สำหรับวิชานี้ค่ะ
 
 
History: มี3 paperค่ะ ซึ่งเราไม่แนะนำให้สอบเลย ถ้าไม่ชอบพวกประวัติศาสตร์จริงๆ เพราะเราอ่านเยอะมากๆค่ะ ตอนไปเรียนวิชานี้ที่สถาบันสอนพิเศษ เรากลับบ้านมาร้องไห้เลยค่ะ หนังสือเยอะมาก การบ้านคือทำpast paper แล้วเขียนเยอะมากค่ะ วิชานี้คนสอบน้อยค่ะ ประมาณ6คนเองค่ะ
Paperแรกนี่จะสอบก่อนเลย มี3คำถามใหญ่ที่เราต้องทำค่ะ พาร์ทแรกคือเลือกตอบ2ข้อจาก 8ข้อค่ะ ซึ่งจะมี 19th century 4ข้อ กับ 20th century 4ข้อค่ะ แนะนำว่าให้ติว20th century เพราะว่าเราต้องติวdepth studyซึ่งจะไปเจาะลึกในข้อมูล สถานการณ์ในช่วง20th centuryของแต่ละประเทศค่ะ
ซึ่งในส่วนของdepth study เราเลือกทำแค่ข้อเดียวค่ะ
ทุกข้อใหญ่จะมีข้อย่อย3ข้อ และคะแนนจะไม่เท่ากันค่ะ ซึ่งคะแนนเท่าไหร่ก็เขียนจำนวนประโยคประมาณนั้นก็โอเคค่ะ เช่นข้อย่อยแรก 4คะแนน ตอบประมาณสี่ประโยคก็โอเคแล้วค่ะ แต่ถ้าข้อไหนที่ถามhow far มากกว่า10ประโยคจะดีมากๆเลยค่ะ
Paper 2 อันนี้จำได้ว่าสอบสุดท้ายเลย มี2คำถามให้เลือกทำ เป็นข้อ19th century กับ 20th centuryค่ะ ซึ่งเราต้องทำแค่ข้อเดียว ในข้อสอบจะมีsources มาให้ โดยเวลาเขียนตอบก็ต้องมีข้อมูลที่เราเรียนมารวมกับข้อมูลจากในsourceค่ะ
Paper4 อันนี้จะให้เลือกคำถามข้อเดียวเท่านั้นค่ะ แต่ต้องตอบเยอะมากๆ เพราะคะแนนค่อนข้างสูง เรียกได้ว่ารู้อะไร จัดให้เป็นระบบแล้วเขียนเลยค่ะ
วิชานี้ต้องอาศัยการอ่าน จำ และสนในมากๆเลยล่ะค่ะ บวกกับการเขียนด้วย
 
 
Travel and tourism: วิชานี้ได้ชื่อว่าง่าย แต่เป็นวิชาที่เรากังวลมากที่สุดค่ะ เพราะมันค่อนข้างจะเน้นความไว ไหวพริบ และความจำ ตอนเราซื้อหนังสือมาอ่านแรกนี่งง ว่าเราควรตอบยังไง เลยตัดสินใจไปเรียนค่ะ
ข้อสอบมี2 paper ค่ะ paper แรกจะเป็นเนื้อหาของทุกบท(มีอยู่6บทค่ะ) paper 2 จะเน้นบทที่5 Marketing,6 แต่มีบทแรกๆมานิดหน่อยค่ะ มันจะมีหลายอย่างที่ต้องจำได้เช่น การท่องเที่ยวมีผลดีผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร ซึ่งเราก็ต้องจำจากหนังสือ ปรับนิดหน่อยให้เข้ากับสถานการณ์ค่ะ

วันที่ไปสอบช่วงpaper ท้ายๆ เค้าจะให้ใบที่มีรหัสสำหรับเช็คเกรด พร้อมบอกด้วยว่าจะเช็คได้วันไหนค่ะ
 
ที่ต้องเน้นคือ   1.เลือกวิชาที่จะสอบให้ดี
 2.ดูsyllabusของทุกวิชาให้ละเอียดค่ะว่าจะออกประมาณไหน เราไหวมั้ย ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเตรียมตัวมากๆค่ะ
                        3.ทำpast paperค่ะ ควรลองทำ จับเวลา เหมือนตอนสอบจริง จะได้ไม่panicตอนวันสอบค่ะ
                        4.ขยันอ่านหนังสือค่ะ ถ้าเราขยัน ยังไงก็สอบได้ค่ะ
ทั้งหมดก็จะประมาณนี้ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ อีเมลล์มาถามได้ที่ praiselym@gmail.com ค่ะ
หรือแอดไลน์มาถามก็ได้ค่ะ id: praisely ค่ะ
 
สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่ตัดสินใจสอบIGCSEและคนที่กำลังจะสอบทุกคนนะคะ สู้ๆค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น