ไม่รู้จะตั้งชื่อมู้ว่าอะไร แต่วอนผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ [ปิดกระทู้เพราะจบเรื่องแล้วค่ะ]
ตั้งกระทู้ใหม่
http://pantip.com/topic/32823497
รวมอยู่ในนี้แล้วค่ะ พอดีตั้งไว้ละไม่มีคนมาตอบ
ช่วยหน่อยนะคะ..
เดี๋ยวเราลงรูปประกอบให้ดูกันเต็มๆนะคะ พอดีในพันทิปเรายังแทรกรูปไม่ได้
สองรูปนี้คือที่พี่เค้าไปแปะหน้าไทม์ไลน์เราค่ะ
ส่วนอันนี้ที่คุยกันนะคะ
ขออภัยที่สะเพร่าค่ะ T T
แก้ไข : ปิดกระทู้แล้วนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นบวกสอนเราไปในตัว ขอบคุณมากนะคะ ซึ่งเราก็ไปจ่ายค่าปรับเจ้าของร้านแล้วค่ะ แต่เพิ่งมีโอกาสมาอัพเดตวามเป็นไป
68 ความคิดเห็น
1.ทางร้านมีสิทธิ์ปรับค่าเช่าหนังสือที่ยืมไปมากกว่าราคาหนังสือหรือไม่ ก็ถ้าเกิดยืมไปปีนึงไม่เสียค่าปรับบานเลยเหรอคะ...
มีสิทธิ์ค่ะ เพราะเขาไม่ได้เสียไปแค่หนังสือ แต่เขาเสียโอกาสที่จะให้คนอื่นได้เช่าด้วย เขาเสียรายได้ค่ะ เขามีสิทธิ์จะเรียกร้องรายได้ในส่วนที่เสียโอกาสไปได้
จากที่พี่โมจิคำนวณให้ดู เขาลดราคาให้คุณแล้วด้วยซ้ำค่ะ
2.ที่ทางร้านทำเนี่ย จขกท.รำคาญนะคะ ตามทวงในเฟสบุ๊คแบบนี้ คือจขกท.ก็ให้ไปหลายเฟสอ่ะค่ะ พี่แกก็ตามทุกเฟส แท็กรายชื่อทุกเฟส แล้วจขกท.ก็ไม่เคยมีความสุขเวลาเข้าเฟสเลยค่ะ ยิ่งกว่าโดนเจ้าหนี้ทวงตังค์..
อ่านแล้วเรานี่เงิบเลย คือทางเขาเองก็อาจจะรำคาญนะคะที่ต้องมาทวงคุณ ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องเลย เขาแค่ทำอาชีพของเขา ทำงานของคุณ ทางคุณเองต่างหากที่ทำให้เขาต้องเสียโอกาสทำมาหากิน คุณมีสิทธิ์พูดคำว่า "รำคาญ" เขาได้อย่างนั้นหรือคะ?
คิดว่าเขาเหนื่อยมั้ยละคะที่ต้องไล่ตามทวงคุณทุกเฟส ทั้งที่อยากให้จบ คุณก็แค่ไปจ่ายเงินก็เท่านั้นเอง
3.หรือทางร้านตั้งใจไม่ติดต่อทางโทรศัพท์กับจขกท. เพื่อจะได้อัพค่าปรับให้สูงขึ้นคะ???
ทางร้านมีสิทธิ์จะติดต่อทางไหนก็ได้ค่ะ ยังดีที่เขาทวงด้วยซ้ำ ไม่ใช่ดองทิ้งๆไว้แล้วกะรวบเงินทีเดียว คุณเองก็เบี้ยวหลายครั้งจนค่าปรับมันพุ่งขึ้นด้วยไม่ใช่หรอคะ
ทางที่ดีอยากให้ผู้รู้มาช่วยเราจริงๆค่ะ ว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป หรือเราต้องจ่ายเงินเกือบพันให้เค้าเอาเข้ากระเป๋าสบายๆไปจริงๆคะ?
ดูๆไปแล้ว กว่าเขาจะได้เงินนี่ไม่สบายเลยนะ....
ตอนนั้นโมยืมหนังสือมา 1 เล่ม เอาไปดองอยู่ 6 เดือน พอเขาทวงมาโมก็หาหนังสือไม่เจอเสียแล้ว (ช่วงนั้นปี 54 น้ำท่วมบ้าน เลยคิดว่าหนังสืออาจจมน้ำไป เพราะตอนขนของออกวุ่นวายมาก น้ำมาเร็ว ) ทำให้ถูกปรับเงินตามกฏที่ทางห้องสมุดตั้งไว้ มีค่าปรับตามนี้ค่ะ
ค่าปรับต่อเล่มคือ 5 บาท คูณจำนวนวันที่ขาดส่งคือ 6 เดือน ซึ่งก็คือ 153 วัน
5 x 153 = 765
ค่าปรับทำหนังสือสูญหาย คิดตามราคาปกหนังสือ ซึ่งเล่มนั้นมีราคา 350
765 + 350 = 1,115 บาท
นี่ขนาดห้องสมุดมหาลัยนะคะ ยังคิดราคาปรับเท่านี้
แล้วกรณีของ จขกท. ยืมของทางร้านมา 6 เล่ม ขาดส่งมา 3 เดือน ตีเสียว่า 90 วัน ลองคิดราคาต่ำสุดค่าปรับเล่มละ 3 บาท
6 เล่ม x 3 x 90 = 1,620 บาท
แล้วจากที่โมอ่าน ค่าปรับของจขกท.ถูกกว่านี้ด้วยซ้ำ
แล้วที่ว่าทำไมทางร้านถึงไม่ปรับเป็นราคาที่หน้าปกไปเลย แล้วเอาเงินที่ปรับนั้นไปซื้อหนังสือใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ
ทำแบบนั้นก็เจ๊งสิคะ เพราะถ้าเจอลูกค้าแบบนี้สัก 5 รายต่อเดือน ร้านหนังสือก็ต้องซื้อหนังสือใหม่ตลอด ซึ่งหนังสือมันไม่ได้ผลิตกันออกมาตลอดแบบไม่มีที่สิ้นสุดนะคะ ไหนจะลูกค้าคนอื่นที่อยากได้หนังสือเรื่องนั้นไปเช่าอ่าน แต่หาไม่ได้เพราะลูกค้าคนอื่นยืมไปแล้วไม่เอามาคืน ร้านก็เสียรายได้ตรงนี้ไปอีก เขาจึงได้ตั้งกฏนี้มาเพื่อป้องกันพวกยืมแล้วส่งช้า เบี้ยว เพราะไม่ใช่แค่ลูกค้าคนอื่นเดือดร้อน ทางร้านคือผู้ที่เสียผลประโยชน์เต็ม
ตัวจขกท.เอง ตอนยืมของมายืมได้ แต่พอจะยืนติดปัญหาส่งคืนไม่ได้ ให้พ่อคืนแล้วพ่อไม่คืน บอกตัวเองก็ยุ่งไม่มีเวลา พอนัดวันกับเจ้าของร้านจะคืนก็ไปเบี้ยวเขาอีกรอบ แบบนี้ไม่ดีนะคะ ไม่มีความรับผิดชอบเลย มันผิดที่ตัวเองเต็มๆ เลยนะ
ปล. ระบบร้านเช่าหนังสือเป็นแบบนี้ค่ะ มันไม่ใช่การเอาเปรียบลูกค้า แต่เป็นกฏเพื่อป้องกันการถูกลูกค้าเอาเปรียบ เนื่องจากยืมแล้วไม่คืน คืนช้า รายไหนยอมคืนก็ดีไป รายไหนไม่คืนแล้วหายเงียบไปเลย เจอแบบนี้เข้าทุกเดือนๆ ละ 2-3 เล่มก็จบค่ะ ร้านเจ๊งแน่ๆ
ขอโทษนะคะ รบกวนกลับไปเปิดดูรูปที่เราแก้หน่อยค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เราลงรูปซ้ำกัน เลยไม่ได้เห็นรายละเอียดที่เราว่าเลย ขอโทษจริงๆค่ะ รบกวนด้วยนะคะ
ส่วนตัวเราเรารู้นะคะว่าผิด แต่เราไม่ได้อ้างนู่นนี่นะคะ แต่บางทีไม่สะดวกจริงๆ บางทีก็ลืม เพราะเราก็ไม่ได้จดจ่อกับเรื่องเดียว พอมารู้สึกตัวอีกทีเค้าก็แจ้งความไปแล้ว เราก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมทางร้านเค้าไม่ติดต่อเราทางโทรศัพท์ ทำไมต้องมาเจาะจงแค่เฟสบุ๊คด้วยล่ะคะ อ่า..เราอ่านที่คุณโมตอบแล้วนะคะ น้อมรับค่ะ แต่ช่วยตอบคำถามนี้ของเราอีกทีนะคะ พอดีเพิ่งรู้ว่ารูปมันผิดอ่ะค่ะ ข้อมูลเลยไม่ครบ
"เราก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมทางร้านเค้าไม่ติดต่อเราทางโทรศัพท์ ทำไมต้องมาเจาะจงแค่เฟสบุ๊คด้วยล่ะคะ"
จขกท.ยืมของเขาไปไงคะ และวิธีที่เห็นประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน และว่องไวในการทวงของ คือการบีบบังคับให้อีกฝ่ายอับอาย เพื่อเอาของมาคืน ยิ่งจขกท.เบี้ยวนัดเขารอบ 2 แบบนี้ใครๆ ก็ยิ่งอคติยิ่งมองว่าจขกท. เป็นคนไม่ดี ทั้งขี้โกง เชื่อถือไม่ได้ (หนักกว่าเก่าอีก) อีกอย่าง เวลามันผ่านมาตั้ง 3 เดือนแล้วนะคะ ในระหว่างนี้ไม่สะดวกคืนเลยสักวันเหรอคะ -*-
ทางที่ดีรีบไปจ่ายค่าปรับดีกว่าเรื่องจะได้จบไปค่ะ อย่าให้ตัวเองต้องมีประวัติติดตัวไปตั้งแต่อายุน้อยๆ แบบนี้เลย มันจะส่งผลต่ออนาคตตัวเองได้นะคะ
ปล.1 มันเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ ซึ่งคนเราต้องมีค่ะ
ปล2. อย่างที่บอกคือโมไม่ใช่นักกฏหมายค่ะ แต่พอดีมีเพื่อนเรียนกฏหมาย ลองเล่าให้เขาฟังเขาก็ว่าน้องผิดค่ะ แล้วอีกสักพักหนึ่งเขาคงมาตอบ (ตอนนี้เขาอ่านหนังสืออยู่)
มันมีประวัติไปแล้วไงคะ เค้าแจ้งความเราไปแล้ว.. เราเลยต้องออกมาหาคำตอบเองอ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้ความกระจ่าง
"เวลามันผ่านมาตั้ง 3 เดือนแล้วนะคะ ในระหว่างนี้ไม่สะดวกคืนเลยสักวันเหรอคะ -*-"
80%คือไม่สะดวกจริงๆค่ะ อีก20%คือลืม
ที่ว่าไม่สะดวก คือเราบอกไปแล้วว่าเรายุ่งเรื่องย้ายหอกลับมาอยู่บ้าน ละเดี๋ยวเราต้องเทียวไปเทียวมา ขนของอีก จัดห้องอีก แล้วเราก็ต้องไปต่างจังหวัดอีก ไม่รวมถึงวันที่ต้องไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดอีกนะคะ.. แต่เอาเถอะ ยังไงเราคงต้องหาเงินไปจ่ายเค้าอย่างเดียวล่ะค่ะ ดีเท่าไหร่ที่เค้าไม่คิดเรา2000เต็มๆ T__T
ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวเราไปแก้ชื่อกระทู้ดีกว่า ไม่ต้องเป็นนักกฏหมายก็ได้ ขอแค่คนที่มีความรู้หรือประสบการณ์มาตอบก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยตอบคำถาม^^
มีคนยืมหนังสือเราไป 3 ปีแล้วค่ะจนป่านนี้ยังไม่ได้คืนเลยค่ะ ทวงก็ไม่ได้เบอร์ก็ไม่มี แถมเอาบัตรปลอมมายืมอีก
ช่างโหดร้ายต่อคนให้ยืมยิ่งนักT^T
นอกเรื่องหน่อยนะคะ ทำไมตรงความเห็นที่ขอบคุณโดยเจ้าของกระทู้มันไม่ขึ้นเป็นความเห็นของคุณโมล่ะค่ะ มันขึ้นเป็นความเห็นของเราอ่ะ...
เข้ามาบอกวิธีปฏิบัติค่ะ ง่ายๆ นะคะ ยังไงมันก็แค่คดีแพ่ง จะเจรจาต่อหน้าเจ้าพนักงานหรือกับเจ้าของร้านโดยตรงก็ตาม
*แต่แนะนำให้คุยต่อหน้าตำรวจเพราะเขาจะได้แก้บันทึกประจำวันให้ด้วยว่าประนีประนอมยอมความกันเรียบร้อยแล้ว
**ไปคุยด้วยตัวเองจะดีที่สุด
1.บอกเขาไปว่าคุณยังเป็นนักเรียนนักศึกษา ไม่สามารถจ่ายตามจำนวนที่เขาร้องขอได้ เนื่องจากไม่มีรายได้ ขอจ่ายเพียงส่วนราคาหนังสือและเราขอคืนหนังสือได้หรือไม่
2.ถ้าเขาบอกว่าทำไมไม่ไปขอพ่อแม่ บลาๆ ก็บอกเขาไปว่า การที่หนูเช่าการ์ตูนกับพี่ เป็นการซื้อขายเฉพาะหนูกับพี่เท่านั้น พ่อกับแม่หนูไม่เกี่ยว หนูมีให้พี่แค่เท่านี้(ราคาหนังสือ) ถ้าพี่ไม่เอาคือไม่เอา ก็เอาแต่หนังสือคืนไปพอ ย้ำรัวๆ ว่าหนูเป็นแค่นักเรียนไม่มีงาน ไม่มีเงินมาให้พี่ หนูต้องจ่ายค่าหอ ค่าเทอม บลาๆ พ่อแม่หนูเขาไม่เกี่ยวเขาไม่มาจ่ายให้หนูหรอก
3.ถ้าเขาบอกว่าพี่ไม่ยอมจะเอาเงินกับคุณพ่อคุณแม่น้อง หรือพูดทำนองว่าจะให้พ่อแม่น้องรับผิดชอบ หรือขู่ถึงขั้นจะฟ้องนะงั้นงี้ ให้บอกเขาว่า หนูให้พี่เลือกเอานะคะ คือหนูก็ไม่มีเงินจริงๆ ถ้าพี่จะรับเงินค่าหนังสือเท่าที่หนูมีแล้วจบกันไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าพี่เลือกจะฟ้องหนู เอาเรื่องหนู ทางหนูเองก็คงไม่ยอมและจำเป็นต้องฟ้องกลับเรื่องพี่เอาชื่อ เอาหน้าหนูไปประจานหน้าร้านทำให้หนูเสื่อมเสียชื่อเสียง หนูเองก็มีสิทธิ์ฟ้องพี่ได้เหมือนกันนะคะ แต่หนูไม่อยากให้มันไปถึงขั้นนั้น ยังไงหนูขอให้พี่คิดให้ดีๆ นะคะ เพราะหนูสามารถจ่ายค่าหนังสือให้พี่ได้แค่..กี่บาทว่าไป.. ถ้ามากกว่านี้หนูคงจ่ายไม่ได้จริง ๆ ค่ะ
ประเด็นคือ ถ้าไม่อยากจ่ายเยอะ
- ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่มีเงิน จ่ายได้แค่นี้เท่านั้น
- พ่อแม่ไม่เกี่ยว*** พยายามอย่าพูดถึง
***เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องโมฆียะหรือไม่นะคะ เรื่องนี้ไว้พูดกันตอนขึ้นศาล ทนายจะเป็นคนจัดการเองว่าเขาจะพูดไปแนวไหน
ปล.ไม่ต้องกลัวเรื่องเสียประวัตินะคะ จำพวกประวัติต่างๆที่เขาพูดถึงในการสมัครงานหรืออะไรก็ตามคือหมายถึง เมื่อคดีที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น ง่าย ๆ คือโดนศาลตัดสินแล้วนั่นแหละค่ะ และคดีแพ่งส่วนใหญ่ก็มักจะจบตั้งแต่ชั้นพนักงานเจ้าหน้าที่ คือเขาให้เจรจาก่อนอยู่แล้วแหละค่ะ ถ้าเจ้าทุกข์ไม่ฟ้องก็ไม่เสียหายอะไร คดีเล็ก ๆ เขาไม่เอาความกับเด็กหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่อยากได้เงิน ถ้าขู่แล้วได้เยอะก็ดีไป ถ้าขู่ไม่ได้เขาก็ไม่เอาเรื่องหรอกค่ะส่วนมาก มันไม่คุ้ม
ย้ำอีกครั้งถ้าเขาแจ้งความแล้วให้นัดเขาไปโรงพักเพื่อคุยเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าพนักงานนะคะ อย่าไปโมเมคุยกันเอง งุบงิบจ่ายกันเองทั้งๆ ที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันแล้ว จำไว้ใช้ได้หลายกรณีนะคะเรื่องนี้ :)
ปล.สุดท้าย แค่จ่ายแค่คืนก็จบค่ะ มีเงินจ่ายก็จ่ายไปเถอะค่ะ ไม่ต้องคิดมาก ทางร้านเขาก็ทำมาค้าขายอ่ะเน๊าะ
ระบบมันรวนค่ะ เรื่องปกติของเด็กดี
เดี๋ยวสักพักก็เข้าที่เข้าทางเอง = ="
อยากถามว่าจขกท.ติดใจประเด็นอะไรกันแน่ คือถ้าตามเหตุผลและกฎของทางร้านจขกท.ผิดเต็มๆค่ะ ไม่ว่าจะอ้างอย่างไร เมื่อคุณไม่คืน หนังสือไม่ถึงมือเขาก็ถือว่าผิดกฎการคืนหนังสือ เขามีสิทธิปรับได้ เหมือนกรณีขโมยสินค้าในร้านซึ่งบางร้านจะแปะว่าปรับ10เท่าของราคาขาย
ดังนั้นร้านมีสิทธิตั้งราคาปรับได้ ไม่ว่าหนังสือจะเก่าหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะการที่จขกท.ไม่คืน ร้านก็มีหนังสือไม่พอ จึงทำให้ต้องไปซื้อหนังสือใหม่ แม้เขาจะได้ส่วนลด หรือจะซื้อการ์ตูนเก่ามาก็เป็นสิทธิ์ของทางร้านค่ะ เพราะตอนเด็กเคยขายการ์ตูนเก่าแล้วบางครั้งร้านเช่าแถวบ้านมาซื้อก็มี
เมื่อทางร้านมีกฎแล้ว ไม่ทำตาม จขกท.ก็ต้องทำตาม คือจ่ายค่าปรับค่ะ ส่วนการแจ้งความกับการติดตามทวงนั้นเป็นสิทธิ์ของเจ้าของทรัพย์มีสิทธิทวงติดตามได้
แต่ว่ามีบางอย่างที่เราสงสัย คือไม่แน่ใจว่าอ่านพลาดรึเปล่า เพราะเราอ่านข้อความในใบแจ้งความไม่ออก เลยขอถามว่า
ทางร้านแจ้งความผิดฐานฉ้อโกงหรือคะ
เพราะกรณีของฉ้อโกงมันต้องมีหลอกลวงด้วย แต่ถ้ายืมแล้วไม่คืนน่าจะยักยอกทรัพย์ เพราะเบียดบังทรัพย์ผู้อื่นเป็นของตน แต่ทว่ากรณีของจขกท. มีนัดแล้วไม่ไปตามนัด หากมีเจตนาที่ไม่ไปหรือมีกลอุบาย ก็อาจเข้าข่ายลักทรัพย์โดยอุบายได้
เพราะมีการแย่งการครอบครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ดิทเพิ่ม : ถ้าเป็นกรณีฉ้อโกง หรือยักยอก ยอมความกันได้ค่ะ จึงต้องตกลงกับทางร้าน ดังนั้นต้องเสียค่าปรับให้ทางร้านค่ะ
ถ้าเอาเงินไปคืนแล้ว ไม่แน่ใจว่าให้ทางร้านไปแจ้งชื่ออกจากการถอนแจ้งความนั้นได้ไหม
เดี๋ยวลองถามเพื่อนให้นะคะ แต่ต้องรอสักพักเลย เพราะเขาอ่านหนังสือสอบอยู่
ปล.ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยได้โมก็ช่วย
ก็อย่างที่เราว่าไปอ่ะค่ะว่าเราไม่เข้าเฟส คือถ้าเจ้าของร้านเขารู้สึกตัวหน่อยว่าเราไม่ได้ตอบข้อความหรือไม่ได้อัพเดตความเคลื่อนไหวแค่นั้นเค้าก็น่าจะรู้แล้วว่าเราไม่ได้เข้าเฟส ซึ่งเราก็บอกแกไปแล้วนะว่าถ้าติดต่อเราไม่ได้ให้ติดต่อพ่อเรา ให้เบอร์เรียบร้อยด้วยเอ้า.. งั้นถ้าเกิดเราไม่เข้าอีกสักสามเดือนเปิดมาอีกทีเรื่องขึ้นศาลไปแล้วเราไม่เงิบหรอคะ...
ที่เราใช้คำว่ารำคาญเราขอโทษด้วยนะคะ แต่เราก็พูดจริงๆตรงๆเลยนี่แหละ รำคาญที่มาตามทวงในพื้นที่ของเรา เรารู้ค่ะว่าเราผิด อ่า..พิมพ์ไปพิมพ์มามันก็จะวนๆอยู่อย่างนี้ ขอโทษด้วยนะคะ เบลอนิดนึง
โอเคค่ะ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล 55555
เราว่าโอเคเลยค่ะ เดี๋ยวเราเอากระทู้นี้ให้พ่ออ่าน แล้วก็จะทำตามความเห็นคุณด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้าใจเรา //หมอบกราบ
เราว่ามันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเลยนะคะ
ต่อให้ไม่มีเงินมาจ่ายจริงๆ ก็ควรจะหาทางหาเงินมาจ่าย อาจจะทำงานพิเศษหรืออะไรก็ว่าไป เพราะทางเรานี่ผิดจริง ไม่ใช่ว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ
การยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าไม่มีปัญญาจ่ายหรือขู่จะฟ้องกลับ เรามองว่าคุณกำลังเสี้ยมให้เด็กใข้เล่ห์กลเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
สามปี...โหดมากค่ะ แล้วท่านทำยังไงล่ะคะทีนี้..
ตามจริงมันอาจเป็นคดีแพ่ง แต่เนื่องจากทางร้านแจ้งผิดอาญาจึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญา แล้วหากเป็นคดีอาญา มันเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ซึ่งเมื่อมีการแจ้งความสามารถส่งเรื่องไปฟ้องร้องได้ค่ะ ดังนั้นต้องมีการยอมความกันค่ะ แล้วคดีอาญาก็ต้องดูด้วยว่าหมวดไหนกฎหมายบัญญัติว่ายอมความได้
ไม่มีเงินจ่าย = ไม่ต้องจ่าย
ตรรกะเพี้ยนๆนะคะ
ถ้าอย่างนั้นเขาจะมี "กฎ" ไว้ทำไมกันล่ะคะ แปะไว้เฉยๆไม่ให้ผนังร้านโล่งเกินไปหรือไง ก็ในเมื่อเราตกลงปลงใจจะยืมหนังสือของร้านนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับข้อตกลงและกฎกติกาของเขาด้วยสิคะ
5
ฉ้อโกงเป็นคดีอาญาครับ ไม่ใช่แค่คดีแพ่ง และไม่ใช่คดีเล็กๆ เลยด้วย
และปัจจุบันความผิดในคดีอาญาที่เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีกระทำ ผู้ปกครองมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย แต่ถ้าเกิน 18 แล้วนี่ก็รับผิดชอบตัวเอง ถึงจะเป็นนักศึกษาก็เถอะ...
ขอเงินพ่อแม่ไปคืนเขาแล้วให้ถอนแจ้งความก่อนเรื่องมันจะถึงชั้นศาลดีกว่า...
เรื่องขู่จะฟ้องกลับน่ะ ไม่เวิร์กหรอก ค่าทนายมันแพงกว่าค่าปรับเยอะ...
แง๊ะ เราบอกว่าในกรณีที่เขาขู่เราค่ะ และเราก็บอกไว้แล้วว่าถ้าจ่ายได้คือจ่ายไปเถอะค่ะ เพราะจ่ายแล้วเรื่องก็จบเขาก็ทำมาค้าขายเหมือนกัน
คือแบบ ถ้าน้องไม่มี ไม่สามารถจริงๆ เรื่องมันก็ต้องออกมาแนวนี้แหละค่ะ
และเราคงพิมพ์ยาวจนปล.ส่วนท่ายมันถูกบดบังอีกแล้วสินะ เหอๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?