Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากให้น้องๆทุกคนได้อ่าน เพื่อให้รู้ว่าเราไม่ได้"ท้อและกังวล" อยู่คนเดียว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จริงๆคิดมาซักพักแล้วค่ะว่าอยากจะแชร์ประสบการณ์ และ ความรู้สึกของตัวเองที่ผ่านการสอบมาซักพักแล้วให้น้องๆได้รับรู้ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ :D

เกริ่นก่อนนะคะว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ มันอาจจะมีส่วนที่ไม่น่าเอาเป็นตัวอย่าง และส่วนที่คิดว่า สามารถจะให้น้องๆได้มีกำลังใจมากขึ้นได้ ฉะนั้น ขอให้อ่านเรื่องนี้โดยถือว่ามาฟังรุ่นพี่เล่าเรื่องแล้วกันเนอะ ^^

ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่ใกล้จะจบการสอบมากๆแล้ว หลายๆคนอาจจะมีที่เรียนแล้ว หลายๆคนอาจจะมีคณะในใจแล้ว แต่พี่เชื่อว่า ยังมีบางคนที่ไม่แน่ใจในอนาคตตัวเอง ไม่มั่นใจว่าตัวเองอยากเป็นอะไร จะไปทางไหนดี จนถึงตอนนี้ หนึ่งในเด็กกลุ่มนี้คือพี่ค่ะ

ตัวพี่เองไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งเลยค่ะ เรียนปานกลางมากๆ กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมาก กีฬาก็ไม่เล่น เรียกได้ว่าจืดจางมากค่ะในชีวิตมัธยม ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเราไม่เก่งทางไหนซักทาง ทำให้ไม่มั่นใจแม้แต่จะเลือกว่าตัวเองจะเข้าที่ไหน คณะอะไร ไปสายไหน ทุกอย่างตอนนั้นเบลอไปหมด ได้แต่ผลัดวันประกันพรุ่งไปว่า เดี๋ยวค่อยคิดๆๆ

จุดเปลี่ยนในชีวิตจุดแรก คือการสอบตกวิชาที่ตัวเองภูมิใจนักหนาว่าทำได้เป็นครั้งแรก นั่นคือวิชาภาษาอังกฤษค่ะ เป็นการสอบตกที่เรียกได้ว่า ดึงเอากำลังใจและทุกอย่างในชีวิตของเราไปหมด ตอนนั้นไม่แน่ใจค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงสอบตก

ชีวิตหลังจากนั้นไร้จุดหมายหนักกว่าเดิมค่ะ หนักถึงขั้นเครียดมากจนต้องไปพูดคุยกับ "ที่ปรึกษา" ของโรงเรียน เพราะมีอาการหลายอย่างที่แสดงออกมาว่าเป็นโรคเครียดที่ค่อนข้างชัดเจน ทั่นคือการดึงผมตัวเอง (น้องๆบางคนน่าจะเคยเป็น ที่คิดอะไรไม่ออกแล้วถอนผมเล่น ฮาา) การเกาตัวเองซ้ำๆ มือสั่น ปากสั่นเวลาสับสนหรือโกรธ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นอกจากเรื่องอาการเครียดแล้ว ก็ยังไม่รู้ค่ะว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไปในอนาคต

หลังจากนั้นเหมือนยอมแพ้แล้วซึ่งทุกอย่างค่ะ ไม่เอาแล้วหนังสือ คิดถึงขั้นว่า ไม่มีที่เรียนก็ช่างมัน ช่างมัน ไม่เอาแล้วค่ะการสอบ หนังสือไม่อ่าน เรียนก็ไม่เรียน เป็นที่มาของการสอบตกอีกหลายๆวิชาในช่วงม.6 ซึ่งสำคัญมากๆ แต่บอกเลยว่าตอนนั้นไม่สนใจอะไรเลยค่ะ

จนมาถึงเทอมสอง เทอมสุดท้ายของชีวิตม.ปลาย อาการเครียดดีขึ้นบ้างค่ะ เริ่มยิ้มออกแล้ว เรียกได้ว่าปลงกับชีวิต 555 แล้วก็กลับมาอ่านหนังสือเฉพาะที่เรียน ไม่ได้อ่านเพิ่มเติมอะไรเลยค่ะ เหตุผลเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้คือ เราไม่พบที่ๆอยากจะเรียน หรือ ที่ๆเป็นตัวเราค่ะ

และแล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตรอบสอง ขณะที่การสอบใหญ่ใกล้เข้ามาทุกทีๆ ก็มีพี่ใจดีคนนึง เขาเห็นเราชอบวาดรูปค่ะ เขาเลยเอามหาลัยแห่งหนึ่งมาแนะนำ เขาบอกให้ลองสอบดู ลองดูว่าที่นี่อาจจะเป็นที่ที่ใช่สำหรับเรามั้ย

พี่ได้เข้าไปเช็คข้อมูลดูค่ะ เป็นครั้งแรกที่เข้าไปหาข้อมูลการสอบเข้า ความรู้สึกมันคือว่า ที่นี่แหละ ที่เราอยากจะเข้า ทีนี้ก็สมัครเลยค่ะ ไปสมัครสอบวันสุดท้ายพอดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร่งด่วนมาก ต้องขอบคุณพี่ที่ห้องแอดมิชชั่น และอาจารย์ที่โรงเรียนที่ช่วยกันมากๆ 555


เร่งทวนหนังสือวิชาที่จะใช้สอบตรงอย่างด่วนมากค่ะ เป็นครั้งแรกที่ตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบอย่างอื่นนอกจากที่โรงเรียน อ่านหนังสืออย่างหนัก พยายามหาข้อมูลให้มากที่สุด และก็ได้ไปเรียนวาดรูปเพิ่มเติมเอาในเดือนสุดท้ายก่อนสอบค่ะ แล้วจากนั้นก็ไปเข้าสอบด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ


การสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ รู้สึกกลัวมาก เราต้องมาเจอกับสิ่งที่มันเคยทำให้เราเกือบเป็นบ้าในอดีต เรารู้สึกตลอดเวลาว่า เราทำไม่ได้แน่ๆ เราไม่เก่งเลย เราไม่มีอะไรดีเลย เรามาจากโรงเรียนรัฐบาลธรรมดาๆ ห้องพัดลมหมุนติ้วๆ จะเอาอะไรไปสู้กับเด็กอินเตอร์ที่นั่งอยู่รอบๆตัวเรา

สุดท้ายก็พยายามตั้งใจทำค่ะ ตั้งสติกับตัวเองไว้เลยว่า เราต้องทำให้ดีที่สุด นี่เป็นโอกาสเดียว และเป็นโอกาสสุดท้ายของเราแล้ว เพราะตอนนั้นใกล้จบเทอมสองเต็มที พูดตรงๆว่า จากสภาพที่ไม่เอาอ่าวของตัวเอง สู้ทุกคนในแอดกลางไม่ได้แน่นอนค่ะ

พยายามตั้งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บอกตัวเองว่า ที่นี่แหละคือที่ของเรา เรามาถูกทางแล้ว เราต้องพยายามให้มากที่สุด ทุกอย่งผ่านไปได้แบบมึนๆ โดยที่ตอนนั้นเราไม่มั่นใจเลยว่าเราจะเข้าได้มั้ย เพราะปัญหาหลักที่กังวล คือภาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งนึกแล้วก็ตลกดี ที่สิ่งที่เราเคยภูมิใจมาก มันกลับกลายเป็นจุดอ่อนของเราเพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว


และแล้วก็ถึงวันประกาศผล แล้วก็ได้เข้าไปเรียนคณะนี้อย่างที่ใจหวังค่ะ :)

ความรู้สึกตอนนั้นคือเราดีใจมากอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ มันซาบซึ้ง มันตื้นตันที่เราทำได้ รู้สึกโล่งอก ที่ไม่ได้ปล่อยตัวเองให้ทำให้พ่อแม่เสียใจกับเราไปมากกว่านี้ จากนั้นมาก็ตั้งใจมากค่ะที่จะทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเราไปเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ :)

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมามันสอนพี่หลายๆอย่างค่ะ สรุปให้ฟังคร่าวๆก็คือ

1. การค้นหาตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือทุกสิ่ง
2. โอกาสมันมีอยู่เสมอ ไม่มีคำว่าสายไปถ้าเราคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้าเราเอาไว้
3. ถ้าเราตั้งใจทำอะไรซักอย่างแล้ว ผลที่ออกมามันจะไม่น่าผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ
4. อย่าจมอยู่กับความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของเราค่ะ ก้าวข้ามมันไปให้ได้ ล้มแล้วรีบลุกแล้ววิ่งตามเพื่อนๆไปนะคะ
5. สอบตกไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตค่ะ มันเป็นบทเรียนที่เราควรนำมาปรับปรุง ไม่ใช่นั่งจมกับมัน :)

หวังว่าจะมีคนที่อ่านจบนะคะ เขียนยาวเหลือเกิน 5555
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ถ้าใครมีคำถามอะไร ทิ้งไว้ได้เลยนะคะ จะเข้ามาตอบ โดยเฉพาะเรื่องสภาพอารมณ์ ความรู้สึกท้อ และการรับมือกับความเครียดนี่จะตอบได้มากเป็นพิเศษ xD

ถ้ามีคนสนใจจำนวนกนึ่ง ต่อไปอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับสภาพอารมณ์และความกดดันที่เด็กเตรียมสอบทุกคนต้องเจอให้ฟังค่ะ :)
สนใจเม้นทิ้งไว้นะคะ <3

สู้ๆนะน้องๆทุกคน!!

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Omnipresent 25 พ.ย. 57 เวลา 21:42 น. 4

ขอบคุณมากค่ะพี่ วันนี้เพิ่งสอบไปบอกได้เลยว่าท้อมาก รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้เลย แต่ได้อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นมากๆเลยค่ะ
หนูเป็นอีกคนที่เครียดและชอบกดดันตัวเอง อยากให้พี่เขียนแนะนำวิธีจัดการกับมันได้ไหมคะ บางครั้งรู้สึกตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

0
AlzheiMer Admisson58 25 พ.ย. 57 เวลา 21:45 น. 5

พี่ครับ ถ้าผมอยากจะถามว่า พี่อยู่คณะอะไร มหาลัยไหนอ่ะครับ แล้วจบจาก ร.ร.อะไรด้วยครับ เพราะผมก็ ร.ร. รัฐบาลอยู่ม.6ตอนนี้

0
`614CB92 25 พ.ย. 57 เวลา 23:28 น. 6

โง้ยยย หนูว่าหนูเครียดละนะมาเจอพี่นี่ความเครียดหนูกลายเป็นฝุ่นเลยอ่ะ
ขอบคุณจริงๆค่ะพี่ที่มาเเชร์ประสบการณ์ให้ฟัง คืออ่านเเล้วรู้สึกมีเเรงฮึบขึ้นมา
คือหนูก็ชอบวาดรูปเหมือนกันเลยค่ะพี่ อยากจะเรียนด้านนี้เหมือนกัน
เเต่ป๊ากับเเม่ไม่ให้เรียนทางสายนี้เลยค่ะ คือหนูก็พอเข้าใจอ่ะว่าหนูเป็นลูกคนโต
มันต้องสร้างฐานที่มั่นคงเพื่อเลี้ยงป๊าเลี้ยงเเม่ละก็เลี้ยงน้องต่อไป
ถ้าหนูได้เรียนในคณะที่หนูชอบมันคงดีมากๆเลยอ่ะพี่ T-T
เม้นต์ยาวอีกเเล้วอ่ะ ประเด็นคือดราม่าเฉยเลยอ่ะ
หนูอยากให้พี่มาเขียนเล่าต่อนะคะ มันเป็นประโยชน์มากๆเลย
จะรออ่านต่อนะคะ ขอบคุณพี่มากเลยค่ะ ♥

0
oilka 26 พ.ย. 57 เวลา 00:39 น. 7

ขอบคุณมากๆค่ะ ประสบการณ์ของพี่ทำให้กำลังใจที่มันห่อเ-่ยวของหนู
ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ^O^ ตอนสอบก็เป็นเหมือนกันเลยค่ะ
คือเมื่อทำข้อสอบพลาดแล้ว ก็เกร็ง มือเย็น สั่น แล้วสอบเสร็จก็มาโทษกับควาามสะเพร่า
ของตัวเอง TOT จนนอยด์ไม่หาย แต่พอได้อ่านบทความของพี่
ทุกคำพูด มันมีคุณค่า ที่ทำให้เด็ก 58 อย่างหนูฮึดต่อ ^O^
ขอบคุณสำหรับประโยคนี้ ที่ทำให้ใจชุ่มขึ้นนะค่ะ
"เราต้องทำให้ดีที่สุด นี่เป็นโอกาสเดียว และเป็นโอกาสสุดท้ายของเราแล้ว"
บอกเลยอ่านแล้ว ฮึด !!! 5555
โกรธแล้วนะ

0
Vani 26 พ.ย. 57 เวลา 23:10 น. 8

ดีใจนะคะที่ช่วยทำให้น้องๆฮึดได้ ^^ สู้ต่อไปนะคะ อย่าให้ความผิดพลาดมากำหนดเราค่ะ!!
เมื่อมันผ่านไปแล้ว บอกได้เลยว่า ความเครียดความเหนื่อยตลอดเวลาเตรียมสอบ เทียบกับตอนได้เรียนในสิ่งที่ชอบ มันคุ้มกันมากๆค่ะ หายเหนื่อยเลย สู้ๆนะคะ อีกนิดเดียวนะ ^^

0
Vani 26 พ.ย. 57 เวลา 23:13 น. 9

ขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ ดีใจที่มีส่วนช่วยให้ฮึดขึ้นมานะคะ อิอิ
เรื่องความชอบด้านศิลปะ เข้าใจเลยค่ะเรื่องผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย เพื่อนๆพี่หลายคนก็ทู่ซี้สอบเข้ามาโดยที่พ่อแม่คัดค้านกันหลายคน ถ้าน้องชอบด้านนี้จริง และคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่น้องทำไปได้อีกตลอดชีวิต ก็ลองคุยดูค่ะ

พี่จะบอกว่า เรื่องเงินเดือนน้อยจริงค่ะ 5555 บอกเลยว่าวิชาชีพนี้อยู่ด้วยความรักในอาชีพเป็นหลักเลยค่ะ ถ้าน้องพร้อมจะทุ่มเทกับมันขนาดนั้น ก็สู้ๆ แล้วมาเดินทางสายเดียวกันเนอะ ^^

0
Vani 26 พ.ย. 57 เวลา 23:15 น. 10

พูดตรงๆว่าพี่ไม่สะดวกออกสื่อนะ 555 พี่เขินเพื่อน เกิดมีใครมาอ่านนี่เขินตายเลย ภายนอกพี่ดูเป็นคนไม่เครียด แล้วดูไม่ค่อยคิดอะไร เดี๋ยวเพื่อนๆมาเจอด้านนี้แล้วล้อตายเลย 55555

ถ้ามีอะไรจะปรึกษาทิ้ง...อะไรดี 555 เมลล์ไว้ก็ได้ค่ะ xD หรือจะทวิตก็ได้นะ (แต่พี่ไม่ค่อยสันทัดทวิตเตอร์เลยง่ะ) ยินดีให้คำปรึกษานะคะ ^^

0
Vani 26 พ.ย. 57 เวลา 23:20 น. 11

ได้เลยค่ะ ไว้ถ้างานลดลงเมื่อไหร่จะรีบมาเขียนนะคะ xD พี่มีคนใกล้ตัวที่เป็นนักเรียนเตรียมสอบเหมือนกันค่ะ เลยอยากจะเขียนเรื่องนี้อยู่พอดี แนะนำคร่าวๆตรงนี้ เผื่อมาตั้งทู้แล้วน้องไม่เห็นเนอะ

การจัดการอารมณ์ที่ดีที่สุดคือการแยกให้ออกค่ะ ว่าเรารู้สึกไม่ดีกับอะไร แล้วแก้ทีละเรื่อง กดดันตัวเองแต่พอดีค่ะ อย่ากดดันจนตัวเองรู้สึกไร้ความสามารถ ไม่เก่ง ไม่ดี :D น้องๆทุกคนมีความสามารถอยู่ในตัวอยู่แล้วค่ะ เชื่อมั่นในตัวเองเอาไว้นะคะ ตั้งเป้าหมายแล้วค่อยๆหาวิธีไปหามัน

อย่ารีบ อย่ากลัวความผิดพลาด ผิดแล้วรีบแก้ไข ค่อยๆคิดค่ะ

ช้าแต่ชัวร์เนอะ ^^~ อะไรรอบตัวที่ไม่เกี่ยวกับอนาคตเรา เราปลงมันได้ก็จะดีค่ะ (พี่นี่ยิ่งโตยิ่งปลง) เราอย่าไปสนใจสิ่งอื่นๆ อาจจะดูเว่อร์ๆแต่โฟกัสเรื่องเรียน เรื่องตัวเองเป็นหลักก็ไม่เสียหายค่ะ ปีสองปีที่ยอมเหนื่อย มันจะคุ้มค่ามาก แล้วน้องจะไม่เสียใจทีหลังค่ะ ^^

0