Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรียนจบมหาลัยไม่มีงานทำ 1.5 แสนคน [ม.6และเด็กซิ่วที่งงคณะควรอ่าน+แนะแนวคณะน่าเรียนที่ไม่ใช่หมอ]

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เป็นข่าวมาหลายปีแล้ว แต่ก็อยากช่วยคนที่ตกข่าวอยู่เพราะเด็กๆคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจนลืมติดตามข่าวสาร



เราขอชี้แจงก่อน (ม.6ควรอ่าน และเด็กซิ่วที่งงคณะ)


พาร์ทแนะแนว



: ในเนื้อข่าวจะพูดถึงคณะทางสายศิลป์ซะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับบางสาขาเช่นสังคมศาสตร์บางทีก็เรียนเอาใบปริญญาไปเฉยๆแล้วกลับไปช่วยทำงานธุรกิจที่บ้านก็มี แต่ถ้าทางบ้านไม่ได้มีกิจการไรเป็นพิเศษก็อาจเตะฝุ่นได้เพราะบัณฑิตที่จบสาขาเหล่านี้ก็มีมากเหลือเกิน มหาลัยแห่กันเปิดแต่ไม่มีงานรองรับที่เพียงพอ วิศวะหางานยากสุดๆ เพราะบริษัทรับเหมาส่วนใหญ่ก็มีไม่กี่เจ้า ก็ใช้คนเก่าๆมีประสบการณ์ ดังนั้นเลยตกงานเยอะ ถ้าใจรักวิศวะควรเลือกเรียนสาขาดีๆที่มันขาดแคลน จบวิศวะ 4 ปีแล้วยังกลับมาเรียนหมอใหม่ก็มีแล้วนะ หางานหนึ่งปี หาไม่ได้ก็ตัดสินใจซิ่วก่อนสาย



!!!!!!ปัจจุบันเลือกที่เรารักอาจไม่ถูกเสมอไป เพราะพอเรียนจบ มันสำคัญที่ว่าเราต้องหางานทำมีรายได้เลี้ยงตัว!!!!!



อย่าเลือกเพราะเพื่อน ควรศึกษาที่มาที่ไปของคณะ !!!!!การเลือกสำคัญพอๆกับการสอบ!!!!! บางคนตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเดียว อ่านเยอะ ขยันมาก สอบติดด้วย แต่สุดท้ายยอมมาอ่านอีกรอบ ยอมแก่กว่าปีสองปี(หรือมากกว่านี้) เพราะคณะที่เลือกไปไม่ตรงตามต้องการ อยากฝากน้องๆทุกคนที่กำลังจะเข้าเรียนมหาลัย ถ้าเจอรุ่นพี่ที่ซิ่วมา ฝากไว้เลยนะว่าการซิ่วไม่ใช่เรื่องตลก!!!!! อย่าไปล้อเด็ดขาด นอกจากนี้!!!!!การเลือกมหาลัยก็สำคัญ!!!!! ศึกษาอินไซด์ด้วย ถ้ามีโอกาสนะควรลองไปเดินดูมหาลัยที่เราต้องการดูก่อน


!!!!!ช่วยแนะแนวมหาลัยแบบย่อๆเลยนะ!!!! ฬ ต้องสวยรวยเก่ง (จริงๆเก่งก็พอ) แต่พวกที่ทำตัวเด่นๆก็สวยรวยเก่ง สังคมไฮโซ มหิดล อยู่สบายกว่าหน่อย เรียนเยอะแต่อากาศดี ปีหนึ่งเพื่อนบอกเรียนรวมจีบหมอได้(4สถาบัน ศิริราช รามา วชิระ บรมราชนก) med sci ลือชื่อ ใครจะต่อต่างประเทศสายหมอมามหิดล แต่สายอื่นแนะนำว่าเรียน ฬ ธรรมศาสตร์ พวก นิติ บัญชี !!!!ถ้าเป็นไปได้เลือกมอรัฐดังๆในกรุงก่อนนะต่อด้วยมอรัฐดังต่างจังหวัด!!!! ไม่ผิดหวังแน่ๆ สามารถหาประสบการณ์การทำงานได้เยอะกว่าต่างจังหวัด เป็นการใช้ชีวิตวัยรุ่นตอนปลายให้คุ้มค่า การเรียนเข้มข้น มาเจอสิ่งใหม่ๆบ้างน้องยิ่งคนที่อยู่ตจวมาทั้งชีวิต เกาหลีกี่วงก็มาน้อง วันดี เลดี้กาก้าอะไรก็มาหมด การเดินทางสะดวกมากคือมันมีรถประจำทางผ่านทุกมอแหละ เกือบทุกมอมีรถเข้ามาอนุสาวรีย์ชัย ซึ่งต่อรถไฟฟ้าได้(ฬกะมศวติดรถไฟฟ้า) ต่อรถไฟฟ้าได้ก็หมายความว่าต่อได้ทั้งรถไฟใต้ดินแล้วก็แอร์พอร์ตลิ้งไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ด้วย (แต่ขอที่ทางบ้านมีฐานะหน่อยนะ คือพ่อแม่ทำราชการนี่ผ่าน มาเรียนเลยๆ ถ้าทำธุรกิจที่รายได้เท่าราชการเป็นต้นไป เพราะค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกัน ใครที่พ่อแม่รายได้ไม่มั่นคงก็อยู่ใกล้บ้านดีที่สุด ตั้งใจเรียนเอาน้อง สู้ๆนะ อย่าเสียใจไปเลย) แต่ก็ขอให้น้องๆกุมหัวใจตัวเองดีๆมันไกลบ้าน มัวเที่ยวเดี๋ยวเรียนไม่จบเอา เรียนมหาลัยอย่าพึ่งมีแฟนเลย เพราะต่อให้เข้ามหาลัยแล้วก็ยังเลิกก่อนจบซะส่วนใหญ่ ดูๆไว้พอ ตั้งใจเรียน เรื่องเพื่อนไม่ต้องห่วง เด็กต่างจังหวัดเหมือนกันมีเยอะแยะ ระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ครูที่ปรึกษาช่วยน้องได้ ออกมาเผชิญโลกจริงๆบ้างน้อง มันอยู่ยากขึ้นทุกที ถ้าน้องรู้ไม่เยอะ น้องก็โดนตัดโอกาส น้องก็แพ้เขา การเติบโตเป็นเรื่องที่ดี พี่ก็ต่างจังหวัด แต่มาเรียนในกรุงสมัยขึ้นมัธยม การเดินทางเดี๋ยวนี้มันสะดวกขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ หยุดติดกันหลายวันก็กลับบ้านไปพักใจได้ เรียนในกรุงหนักกว่าแต่สนุกกว่าแล้วก็มีโอกาสเยอะกว่า เจอเพื่อนที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วจากทั่วทั้งประเทศ



เข้าเรื่องใหญ่กันเถอะ !!!!แนะแนวการเลือกคณะ!!!!



อาชีพที่ดีที่สุดไม่ตกงานแน่ๆ คือ หมอ แต่ก็สอบเข้ายากเหลือเกิน จขกท.ลองซิ่วมาแล้วแต่ก็ติดแค่เด้นเท่านั้น(สักที่ในกรุงแหละ) แต่หมอก็งานหนัก เรียนยาก อยู่กะคนเก่งๆจนอาจรู้สึกว่าตัวเองด้อยไปเรียน(เฉพาะตอนเรียน) จบมาเก่งเว่อร์ เป็นผอ.โรงบาล(เพราะทั้งโรงบาลมีกูเป็นหมอแค่คนเดียว) แต่งานก็หนักเอาการเลย ทำงานให้กับรัฐรับคนไข้วันเป็นร้อย แต่มันไม่ตกงานแน่ๆ ส่วนเด้นได้ข่าวว่าเริ่มล้นแล้วเหมือนกัน แต่ยังล้นไม่มาก ประมาณได้ว่ายังมีงานทำ 100% เช่นเดียวกับหมออยู่



อาชีพต่อมา พวกข้าราชการ ก็เล็งๆดี มันมีสาขาที่คนเรียนแล้วล้น ทำให้สอบบรรจุยาก มันดีตรงที่ไม่ต้องใช้ชื่อเสียงมหาลัยมากเพราะยังไงก็มาสอบบรรจุรวมกันใหม่อยู่แล้ว (สำหรับคนที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี คณะที่ควรเรียนคือคณะเหล่านี้แหละ ไม่มหาลัยมหาหลอกแน่นอน เพราะจากประสบการณ์ ฐานะทางบ้านจขกทตอนรุ่นปู่ย่ายากจนมากทำนา พ่อแม่เรียนจบเป็นข้าราชการก่อนจะมาถึงรุ่นจขกทซึ่งไปถึงสายอาชีพพวกหมอได้ เป็นเพราะพ่อแม่มีรายได้มั่นคงมีตังส่งจขกทเรียนพิเศษ การเรียนพิเศษบอกตามตรงมีผลต่อการสอบเข้ามหาลัยในปัจจุบันมาก ถ้าไม่มีโอกาสเรียนอาจสู้คนอื่นไม่ได้(ต่อให้เรียนแล้วก็อาจสู้ไม่ได้เหมือนกัน)ก็ขอให้คิดว่าถ้าได้คณะเหล่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ทำความดีเยอะๆแล้วค่อยลุ้นเอาว่าจะได้ลูกเป็นหมอหรือเปล่า พ่อแม่จขกทเป็นคนดี ทำประโยชน์ให้สังคมเยอะเลยได้ลูกเก่ง อ่อ ไม่ได้อวยตัวเอง แต่ปารองเท้ามาก็ได้ถ้าช่วยให้สบายใจ5555(ขำๆนะ) เดี๋ยวเข้าโหมดซีเรียสต่อ....



Bonus : แนะนำคณะก็ !!!1.ครูระดับมัธยมปลายสายวิทย์!!! โดยเฉพาะเลขกะฟิ เราอาจจะอ่อนตอนแรกแต่พอเรียนเค้าก็ปั้นให้เราเข้าใจได้เองแหละ ประสบการณ์ตรงคือ ที่โรงเรียนแม่เราจัดสอบหาครูภาษาไทยมปลาย(ยังไม่ได้บรรจุ อัตราจ้าง)มาสอบประมาณ 12 คนได้ รับ 1 แต่ถ้ามาพวกเลข ฟิ เขารับแน่ๆเพราะมีคนสมัครแค่คนเดียว ทำอะไรยากๆได้ พอสำเร็จแล้วภูมิใจกว่านะบอกเลย อย่าหวั่นใจ !!!2.พยาบาล!!! นอกจากนี้ยังมีสหเวชศาสตร์อันนี้ศึกษาเอง เพราะจากเว็บผู้จัดการก็บอกมีงานทำ 100% เหมือนกัน จขกท.ไม่ดันเภสัชนะเพราะตอนนี้แอบล้น



ส่วนสาขารายได้ดีอย่างพวกที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจ อย่างบัญชี ก็มีหลายระดับ ทำที่ต่างจังหวัด จังหวัดเล็กๆก็รายได้ตามสภาพเศรษฐกิจในจังหวัด ทำที่จังหวัดท่องเที่ยวอาจได้เยอะหน่อย ที่บ้านมีกิจการก็ดีไป กลับไปช่วยได้ ที่ได้เยอะๆหน่อยก็ทำในกรุง แต่การแข่งขันก็สูงเหลือเกิน อ่อ นี่ขอเล่าเรื่องที่บ้านเลย ป้าเป็นผู้สอบบัญชี คือเก่ง เคยเป็นอาจารย์คณะบัญชีที่จุฬาด้วย แต่ตอนอายุเกือบๆ50ก็ถูกบีบให้ออกจากงานเฉย คือยิ่งอยู่นานยิ่งเงินเยอะ พอบริษัทขาดทุนก็ตัดงบ เอาป้าเราออก แล้วรับคนใหม่ เด็กๆ ไฟแรง เรียกตังน้อยกว่ามาแทน ป้าเราก็ตกงาน กลับไปอยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องหางานทำใหม่อะ แต่มีวิชาความรู้ มีเงินเก็บมันก็ไปได้อยู่แล้ว แต่จุดนี้คือความเสี่ยงความไม่มั่นคง อาชีพพวกข้าราชการที่กล่าวมาข้างต้นรายได้อาจน้อยกว่าแต่ถ้าเราไม่แย่จริงๆเขาไม่บีบเราออก แต่ก็ไม่แน่ ขาดดุลการค้าเยอะๆไม่มีตังจ่าย ตกเบิกแล้วตกเบิกเล่า เดี๋ยวนี้ไม่ให้บำนาญแล้วมั้ง ให้เงินก้อนตอนเกษียณ แล้วให้บริการด้านการรักษาโรคในราคาที่ถูกลงมั้ง เพราะถ้าให้บำนาญด้วย งบจ่ายด้านการรักษาสุขภาพไม่เพียงพอ (ฟังๆดูแล้วโลกนี้มันอยู่ยากจริงๆ)



!!!!!!!!!!!แล้วสำหรับคนที่หลุดคณะพวกนี้ วิธีที่จะพิจารณาว่าคณะไหนพอจะหางานได้ ขอให้พึงระลึกว่าประเทศเราเป็นประเทศผู้ผลิตอาหาร อะไรที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งอาหารและสิ่งแวดล้อมนั่นแหละที่พอจะหาลู่ทางได้ เช็คเลยว่าเราส่งออกอะไรมาก ผลิตอะไรมาก คณะที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตสินค้าเหล่านั้นนั่นแหละที่เป็นที่ต้องการ!!!!!!!!!!!!



วิศวะคอมตกเยอะ เพราะไทยเราไม่ได้มีบริษัทผลิตคอมงายยยย ง่ายๆเบย



แล้วสำหรับคนที่ไม่ไหวจริงๆอยากเรียนคณะสายศิลป์ ดูมาดีๆน้อง จบแล้วลู่ทางไปต่อยังไงได้บ้าง ดูว่ามีบริษัทรองรับงานทั้งหมดกี่ที่ พวกทำบริษัทเนี่ย หามหาลัยที่โปรไฟล์ดีหน่อย(Top5ในกรุงเลยนี่โอเค) เกรดต้องดีแล้วก็ต้องทำกิจกรรมด้วย(หัดทำงานเป็นทีม)



!!!เสริมเรื่องของ vision!!! จากปัญหายางพาราตกต่ำ ขอยกเป็นกรณีศึกษา(บางคนอาจงงว่าเกี่ยวไง)คือตอนแรกคนไทยแห่ปลูกยางพารากันเยอะเพราะรู้มาว่าแค่ปลูกยางรายได้ต่อกิโลเยอะกว่าข้าวเป็นไหนๆ ก็เลยหันมาปลูกยางกันหมด ปลูกยางเป็นอะไรที่ง่าย แค่ปลูกและรอ คนเลยปลูกกันเต็มบ้านเต็มเมือง แต่พอจีนลดการนำเข้า สินค้าเลยล้น ราคายางตกต่ำเพราะลดแล้วลดอีกไม่มีคนซื้อไปสักที จะเห็นได้ว่า !!!!เพราะมันง่าย...รายได้ดี!!!! อันนี้แหละ อาจเป็นหลุมพรางสำคัญ ใครๆก็ทำได้ไง เอาเรื่องนี้ไปพิจารณาเลือกคณะดีๆนะ อีกอย่าง ปลูกยางก็ใช้เวลาหลายปีด้วย เหอๆ ยาก แต่หางานทำไม่ได้ก็มีนะ ดูๆไว้ว่าประเทศเราต้องการแรงงานแบบไหนด้วย



วิศวะก็เรียนสาขาที่ขาดแคลน มีงานทำแล้วกัน เพราะคณะนี้บางสาขาตกงานเยอะมาก มา 200 รับคนเดียวงี้เลยก็มี มันดราม่ามานานแล้ว จบวิศวะไปขายก๋วยเตี๋ยวง่ะ(ugly truth มันจะกลายเป็นกระทู้พลีชีพมั้ยนะไม่แน่ใจ)



อ่อ ใครหัวใสกว่านั้น มีเงินทุน จะทำธุรกิจก็ได้นะไม่ว่ากัน แต่เรื่องนี้เราช่วยเยอะไม่ได้ ขออภัยจริงๆ



: จบพาร์ทแนะแนว : แชร์ให้คนที่คุณรักด้วยนะ ทำบุญเผื่อแผ่กันเยอะๆ เราสอบติดได้เราว่าเป็นเพราะเราทำดีเยอะจริงๆแหละ เราเก่งพอๆกับเพื่อนเรา แต่เรากลับติดแต่เพื่อนเราไม่ติด


มีข่าวเต็มให้อ่าน สรุปข่าวคือ สายอาชีพมีงานทำ แต่คนแห่เรียนมหาลัยเพราะค่านิยม เสริมให้นะ จริงๆแรงงานทักษะสูงมันใช้ไม่เยอะหรอก ต่างประเทศคนเลยเรียนมหาลัยไม่เยอะ สาเหตุเพราะค่าเทอมแพงด้วย แต่ไทยเราแห่เรียนมหาลัยเยอะไป วิศวะตกงานเยอะ โอกาสได้งานทำน้อยมาก






Credit ข่าว : http://news.thaipbs.or.th/




รายงานพิเศษ: ว่างงานปี 57 บัณฑิตจบใหม่ตกงาน1.5แสน- “คอมพิวเตอร์-วิศวกรรม” ติดอันดับ!



ว่างงานรวมปี 57 คาดนักศึกษาจบใหม่ตกงาน 1.5 แสนคน รวมว่างงานสะสมเป็น 4.9 แสนคน ตะลึง 5 อันดับสาขาที่เรียนแล้วตกงานมากที่สุดมีสายงาน “คอมพิวเตอร์-วิศวกรรม” คู่มากับสายสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ เจ้าหน้าที่กองวิจัยตลาดแรงงาน กรมการจัดหางานระบุ “สายช่าง” เป็นสายอาชีพที่ขาดแคลนหนัก-รายได้สูง แต่คนไม่อยากทำเพราะอยากได้ปริญญาบัตร ขณะที่มหาลัยแห่เปิดสาขาที่คนนิยมเรียนเพิ่มแม้จบแล้วไม่มีงานทำ

ปัญหาภาคแรงงานไทย มิเพียงแต่มีปัญหาแรงงานในระดับแรงงานระดับล่างที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาค้ามนุษย์ และคสช.กำลังมีการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวอย่างจริงจัง แต่ปัญหาภาคแรงงานไทยกลับเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง และเชื่อมกับปัญหาการศึกษาของไทยที่เป็นปัญหาหยั่งรากลึกที่ต้องแก้ทั้งระบบ

ไม่เช่นนั้น เด็กไทยอาจยังหลงทาง เรียนแล้วไม่มีงานทำกันให้ช้ำใจภายหลัง ที่แม้แต่สาขาวิศวกรรมก็ยังถือเป็นอาชีพที่เรียนแล้วอาจตกงาน!

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ตัวเลขการว่างงานของไทยในเดือนพฤษภาคม 2557 มีกำลังแรงงานประมาณ 38.37 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำแล้ว 37.76 ล้านคน และมีผู้ว่างงานอยู่ 3.62 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 0.9

สอดรับกับข้อมูลของบริษัทจัดหางาน จ๊อบส์ดีบี ที่ล่าสุดเพิ่งมีรายงานระบุว่า ปี 2557 นี้ทั้งปี คาดว่าจะมีนักศึกษาจบใหม่รวม 4 แสนคน แบ่งเป็น ระดับปวช. ปวส. 1 แสนคน และปริญญาตรีประมาณ 3 แสนคน ในจำนวน 4 แสนคนนี้ คาดจะมีคนตกงานประมาณ 1.5 แสนคน ปีนี้เมื่อนำไปรวมกับตัวเลขการตกงานที่ค้างอยู่เดิมจะมีตัวเลขคนตกงานสะสมประมาณ 490,000 คน

อนึ่ง ระดับของโครงสร้างแรงงานเวลานี้ จะมี 2 ระดับ คือแรงงานระดับล่าง และระดับสูง ในการหางานของแรงงานทั้งสองกลุ่มนี้มีความแตกต่างกัน แรงงานระดับล่างมักจะหางานโดยตรง หรือผ่านสำนักงานจัดหางาน แต่สำหรับแรงงานระดับบน หรือแรงงานที่เป็นนักศึกษาโดยเฉพาะนักศึกษาระดับปริญญาตรีในประเทศไทยจะหางานจากบริษัทเอกชนที่ให้บริการในสื่ออินเทอร์เน็ต หรือสื่อออนไลน์

แต่ข้อมูลของทั้งภาคเอกชนและของภาครัฐเวลานี้ตรงกัน คือ แรงงานที่ขาดแคลนหนักคือแรงงานสายช่าง

ข้อมูลจากบริษัทหางานเอกชน บริษัทจัดหางาน จ๊อบส์ดีบี ระบุว่ากลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการบุคลากรเข้าร่วมทำงานอย่างสม่ำเสมอ มี 5 อันดับได้แก่ 1.ธุรกิจการจัดการทรัพยากรบุคคลและธุรกิจที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคล 2.ธุรกิจด้านไอที 3.ธุรกิจบริการด้านการเงิน 4.ธุรกิจสายการผลิตและธุรกิจโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การตลาด และ 5. สายการผลิต โดยสายการผลิตถือว่าตลาดแรงงานไทยยังคงเป็นที่ต้องการในทุกอุตสาหกรรมที่มีการผลิตทั้งสิ้น โดยเฉพาะตําแหน่งช่างต่างๆ ที่กําลังขาดแคลน

เช่นเดียวกันกับภาครัฐ เจ้าหน้าที่กองวิจัยตลาดแรงงาน กรมการจัดหารงาน กระทรวงแรงงาน ที่ให้สัมภาษณ์กับ “ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์” ว่าความต้องการแรงงานในตลาดที่เป็นแรงงานสายช่างของเด็กที่จบ ปวช. ปวส.นั้นเป็นสิ่งที่ตลาดขาดแคลนอย่างหนัก

“ไม่ว่าเศรษฐกิจจะขึ้น หรือเศรษฐกิจจะลง สาขาช่าง เป็นสาขาที่มีความต้องการจากนายจ้างสูงตลอด”

โดยเฉพาะสายช่างทุกสาขาที่เป็นที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นช่างเครื่องยนต์ ช่างไม้ ช่างเหล็ก ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งเมื่อจบมาแล้ว มักจะได้รับค่าจ้างมากกว่าวันละ 300 บาทตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เนื่องจากเป็นสาขาที่ขาดแคลน และเด็กที่จบสายช่างมาจะเป็นผู้เลือกว่าจะทำงานที่ไหน มีคนแย่งตัวกันไปทำงานมาก นอกจากนี้หากใครที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาฝีมือแรงงานกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานด้วยอีก ค่าตอบแทนก็จะมากกว่าปกติ เพราะมีใบรับรองไปสมัครงานได้

แต่ปัญหาคือค่านิยมของคนไทยคืออยากให้ลูกหลานเรียนในระดับสูง ดังนั้นเมื่อลูกหลานเรียนจบสายช่างในระดับ ปวช.ปวส. ก็จะไปเรียนต่อเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษาปริญญาตรีในสาขาที่มีความนิยมเรียน ทำให้นักศึกษาที่เรียนจบปริญญาตรีจบมาครั้งหนึ่งจำนวนมาก มีดีมานย์ หรือความต้องการขายล้นตลาดมากเกินกว่าตำแหน่งงานที่เปิดรับ ทำให้ที่ผ่านมาเด็กที่จบในระดับปริญญาตรี ต้องกลับไปหางานโดยใช้วุฒิ ปวช. ปวส.

คำถามคือจะเสียเวลาไปเรียนปริญญาตรีเพื่ออะไร ในเมื่อความก้าวหน้าในอาชีพสายช่างจากประสบการณ์ก็มีอยู่สูง จึงแนะนำว่าหากใครที่จบสายช่าง ควรไปหางานทำไปเลย ดังนั้นทางออกคือต้องเลิกสนใจวุฒิการศึกษา

“ตอนนี้เด็กมักนิยมไปเรียนในสาขาที่มีการเปิดการเรียนการสอนเยอะๆ ทั้งมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชน เมื่อมหาวิทยาลัยเห็นคนอยากเรียนเยอะ ก็เปิดสาขาเพิ่ม รับคนเพิ่ม ปรากฎว่าพอเรียนจบมาจึงไม่มีงานทำเพราะแรงงานมีมากกว่าความต้องการของตลาด และที่สำคัญคือนายจ้างมักจะรู้สึกว่าได้คนมาทำงาน ไม่ตรงกับคุณสมบัติที่ต้องการ”

ปัญหาโครงสร้างแรงงานไทยจึงต้องแก้เรื่องระบบการศึกษาด้วย ประเด็นสำคัญคือวันนี้การศึกษาไทยเน้นปริมาณ มากกว่าคุณภาพหรือไม่?

การผลิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เน้นการขายหลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากเกินไป ทำให้ทุกวันนี้เกิดปัญหาว่าเมื่อสำนักงานจัดหางานได้ส่งคนไปทำงาน ปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดคือ นายจ้างไม่ให้พ้นโปร เพราะว่า ความคาดหวังของนายจ้างที่มีต่อคุณภาพผู้ที่จบการศึกษาสายต่างๆ นั้นไม่สอดคล้องกัน

พูดง่ายๆคือ เรียนจบสาขาดี แต่คุณภาพของบัณฑิตที่จบมาไม่ถึงกับสิ่งที่นายจ้างคาดว่าจะเป็น หลายคนจบมา แต่ทำงานไม่ได้!

เจ้าหน้าที่กองวิจัยตลาดแรงงาน กล่าวว่า ข้อมูลที่น่าสนใจคือข้อมูลที่สำนักงานสถิติแห่งชาติได้มีการสำรวจมา ว่า 5 อันดับของคนตกงานมากที่สุด คือสายอาชีพอะไรบ้าง พบว่าอันดับที่ 1 คือ อาชีพที่เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ/บริหารการพาณิชย์ อันดับที่ 2 คือ สายงานคอมพิวเตอร์ อันดับที่ 3 คือ สายวิศวกร อันดับที่ 4 คือ สังคมศาสตร์ และอันดับที่ 5 คือสายมนุษยศาสตร์

แทบเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างอาชีพสายคอมพิวเตอร์ และอาชีพสายวิศวกรที่มีการตกงานนำหน้าสายสังคมศาสตร์และสายมนุษย์ศาสตร์ไปแล้ว

ปรากฏการณ์ที่เห็นเกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้คือ บริษัทใหญ่ๆ ได้เข้าไปร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑิตในส่วนที่เขาต้องการขึ้นมาโดยเฉพาะ

คณะนวัตกรรมการจัดการข้อมูล สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นหนึ่งในนั้น ที่กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายบริษัท และภาครัฐ เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) บริษัทซีเกทเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ ได้เข้ามามีข้อตกลงร่วมกับสถาบันการศึกษาของไทย จัดตั้งหลักสูตรใหม่ๆ เพื่อผลิตคนในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ป้อนภาคอุตสาหกรรมที่ขาดแคลน

แสดงให้เห็นถึงปัญหาด้านการศึกษาของไทยได้เป็นอย่างดีว่า วันนี้การผลิตบุคคลากรกับความต้องการในตลาดนั้น ยังมีจุดอ่อน

อาชีพวิศวกรรมนี้เป็นตัวอย่างสำคัญ ที่คนในสังคมถือว่าเป็นคณะที่เรียนแล้วมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่ความเป็นจริงที่น่าตกใจคือคนที่เรียนสาขานี้มา มีอัตราการตกงานจำนวนมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ภาคอุตสาหกรรมยังมีความต้องการนักศึกษาที่จบสาขาวิศวกรรม แต่ในอดีตเป็นสาขาที่มีการผลิตบุคลากรน้อย ปัจจุบันกลับมีคนที่จบสาขานี้จำนวนมาก เพราะมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนต่างแข่งกันเปิดการเรียนการสอนสาขานี้ แต่จบออกมาส่วนหนึ่งได้ทำให้เกิดคำถามเรื่องไร้คุณภาพ ดังนั้นเพื่อให้ตอบรับกับระบบการผลิต ภาคอุตสาหกรรมจึงต้องโดดเข้ามาในแวดวงการศึกษาด้วยตนเอง ปัจจุบันเมื่อรวมจำนวนกับคณะวิศวกรรมของสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ บัณฑิตด้านนี้จึงจบออกมาเดินเตะฝุ่นมากขึ้น

เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญด้านแรงงาน และด้านการศึกษาของไทยที่ไม่ควรมองข้าม...

ณฐา จิรอนันตกุล: ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์



แชร์ต่อด้วยนะ ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ :)

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

สุกิต 29 พ.ย. 57 เวลา 10:32 น. 1

เฮ่อออ อ่านแล้วตกใจ จริง ๆ เลยครับ

วิศวกร ตกงาน เฮ่ออออ


ตอนน้ายังเด็ก เรียนมัธยม น้าก็ฝัน

อยากเรียน วิศวกร แต่ใจไม่กล้าพอ

น้าเลยผันไปเรียน สายอาชีพ

ก็จบบัญชี แต่แค่ ปวส นะ


ตอนนั้นจำได้ ว่าเพื่อนที่เค้ามุ่งมั่น

เค้าก็จบมาเป็นวิศวกร สาย ดูแลระบบไฟฟ้าบ้าง

เป็นสายโยธาบ้าง น้าเห็นก็แอบอิจฉา

แต่ไม่นึกว่า เดี๋ยวนี้ จะกลายเป็นตกงานเยอะ


อย่างบัญชีนี้นะ น้าว่า อาจหางานง่ายกว่า

เพราะจะว่าไป คนก็เปลี่ยนงานกันง่ายกว่าด้วย


แต่อย่างบริษัทที่น้าทำนี่นะ

ก็มีแต่คนแก่ ๆ ขนาดน้าปีนี้ 40 แล้ว

น้ายังเป็น คนหนุ่มเกือบที่สุดอะ

มีอยู่คนอ่อนกว่า แต่รายนั้นเพิ่งมาใหม่

นั่นก็ 29 แล้วนะ ส่วนใหญ่จะ 40-50 โดยเฉลี่ย

62 ยังมีอะ คือ เจ้านายน้า เค้าชอบคนเก่าคนแก่

คือเค้าไว้ใจอะนะ ทำด้วยกันมานาน อย่างน้า

ทำงานกับแกตั้งแต่ปี 2538 อะ เกือบ 20 ปี

เปลี่ยนแต่บริษัท แต่เจ้านายคนเดิมตลอด

(บริษัทแก เดี๋ยวตั้ง เดี๋ยวปิด แต่ก็มีที่อยู่นานนะ)


เฮ่อออ เห็นแล้วหนักใจแทน เด็ก ๆ

เคยคิดจะบอกว่า ชอบอย่างไหน เรียนอย่างนั้น

บางที ก็แนะนำ แบบนี้ไม่ค่อยได้แล้ว


ช่างอะ ขาดแคลนก็จริง ก็จะไม่ขาดได้ไง

หลานชายน้า (ลูกพี่ที่ทำงาน) ไปเรียนช่างอยู่

จังหวัดภาคอีสาน ไปโดนเค้าไล่ทำร้าย

ตอนนี้ อยู่สภาพไม่ต่างจากคนพิการอะ

ก็มันเล่นตีรันฟันแทง กันอย่างนี้

ใครมันจะทำใจ ส่งลูกไปเรียนไหวอะ


เออ แล้วยังผู้สอบบัญชี นี่ตกงานได้ด้วย

น้าอ่านแล้วตกใจ ระดับผู้สอบยังตกงาน

นี่อาชีพ ยอดนิยม สำหรับสายบัญชีเลย

แต่ไม่ได้เป็นได้ กันทุกคนหรอก ฮะ ๆ


ไหนจะวิศวคอม นี่ก็อาชีพในฝัน น้าเลยนะ

ตอนนี้ น้าก็เรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

(แต่เรียนเอง จบแล้วไม่มีวุฒิ)

นี่ก็หางานยากเหรอเนี่ย แต่เพื่อนน้าคนหนึ่ง

(เรียกอาจารย์ดีกว่า สอนเขียนโปรแกรมน้า)

เค้าเก่งมากเลย เงินเดือนก็ดีมาก เห็นเค้า

หางานง่าย ๆ แต่ก็นะ เค้าเก่งสุด ๆ อะ

โดยเฉพาะ เกี่ยวกับ database นี่เค้าระดับเซียน

น้าก็เรียนจากเค้านิด ๆ หน่อย ๆ


ก็นะ ของแบบนี้ ขึ้นกับความสามารถด้วยอะ

จบมา แต่ไม่เก่ง มันก็หางานยากอยู่นา

อย่างถ้าเรียนทางโปรแกรมเมอร์ แล้วเขียน

โปรแกรมเจ๋ง ๆ ไม่ได้ น้าว่าก็ป่วยการ

คืออย่างน้อยนะ น้าว่า ต้องเขียน

class utility ที่สามารถ เอาไปใช้

กับโปรแกรมอื่น แล้วทำให้ เพิ่มประสิทธิภาพได้

แบบนี้ ให้ได้ก่อน ไม่งั้นถ้าระดับ เขียนให้พอ

ทำงานได้ น้าว่าไม่พอหรอก แบบนั้น

น้าเรียนเอง น้าก็เขียนได้ เมืองนอก นี่เขียนกัน

เป็นงานอดิเรกอะ


เอาว่า เรียนอะไร ก็มีสิทธิตกงานได้สินะ

(ยกเว้นช่าง อันนี้เสี่ยงจริง อาจตาย

หรือพิการ ก่อนได้งาน)

แต่น้าเชื่ออย่างนะ ถ้าตั้งใจเรียนดี ๆ

แล้วเรียนเอาความรู้จริง ๆ นะ

ต่อให้เรียนสังคมศาสตร์ น้าว่าก็หางานได้

มันต้องมีคนที่เค้า ต้องการ คนที่มีความรู้จริง ๆ

แล้วก็มีความตั้งใจ อยากทำงานให้ดี

ไปทำงานให้ล่ะนะ เพียงแต่อย่าเกี่ยงงานมาก

อันนั้น อะสำคัญ เพราะคนเราเดี๋ยวนี้

ไม่ใช่หางานไม่ได้นะ แต่ได้แล้วไม่เอาก็มี

เพราะเกี่ยงว่างานหนักไม่คุ้มเงิน แบบนี้

0