Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Inter Coach!: เจาะลึกข้อสอบอินเตอร์ SAT

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
กลับมากันอีกครั้งนะคะ ครั้งที่แล้วพี่ได้ให้ overview ของข้อสอบที่เราต้องใช้เขาอินเตอร์กันไปแล้ว รอบนี้พี่จะมาเจอะลึกข้อสอบสุดถึกของหลายๆคน นั่นก็คือเจ้า SAT นั่นเอง วันนี้เราจะมาลงรายละเอียดกันเลยว่า ข้อสอบตัวนี้คืออะไร สำหรับคนที่เป็นมือใหม่อยากเข้าอินเตอร์ และข้อแนะนำในการอ่านหรือเรียน SAT แบบเจาะลึกให้น้องได้เอาไปใช้กันได้จริงเลยจ้าา

เรามาดูกันก่อนเลยว่า อะไรคือ SAT? ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่มาจากฝั่งอเมริกา คือปกติแล้วคะแนน SAT เนี่ยจะเอาไว้ยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยทางอเมริกากันตั้งแต่มหาลัยธรรมดาๆไปจนถึงท็อปๆอย่าง Standford, harvard, Princeton คราวนี้ประเทศไทยก็เอามาใช้เป็นคะแนนยื่นเข้าหลักสูตรอินเตอร์บ้าง

ข้อสอบ SAT จะมี 3 parts หลักๆด้วยกัน และพี่เชื่อว่าน้องๆหลายคนอาจจะเคยได้ยินมาแล้ว คือ Math, Verbal (English) และ Writing โดยในการสมัครมหาวิทยาลัยทางอเมริกา เค้าจะให้ยื่นทั้งสามพาร์ทเลย แต่ถ้าเป็นที่ไทยอย่างจุฬา ก็จะให้ยื่นแค่ 2 พาร์ทคือ Math และ Verbal (แต่ก็ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและคณะนะ อย่างธรรมศาสตร์บางคณะก็ขอสาม)

SAT แบ่งข้อสอบออกเป็น 10 section (อันนี้ section นะจ้ะ ไม่ใช่ part) พูดง่ายๆก็คือเค้าจะแบ่ง math, verbal หรือ critical reading และ writing ออกเป็น 10 ตอน สลับกันไป ไม่ใช่เป็นสามส่วนแล้วอยู่แยกๆกันไปทีละส่วน โดย section ที่ 1 จะเป็นพาร์ท writing สำหรับเขียน Essay ก่อนเสมอ และหลังจากนั้นก็อาจจะเป็นเลข หรืออังกฤษโผล่มา สลับๆกันไป Section ที่ 10 ก็จะจบลงด้วยพาร์ท writing ที่เป็นข้อกาอีกที ถ้าฟังแบบนี้แล้วยังงงอยู่ น้องๆสามารถเปิดดูหนังสือ SAT ประกอบได้เลยจะได้เห็นภาพมากขึ้นนะจ้ะ

แต่ละ section จะให้เวลา 20-25 นาที โดย section ที่ 1-7 จะให้เวลา 25 นาที และ section ที่ 8,9,10 จะให้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น รวมเสร็จสรรพการสอบ SAT ก็จะนานอยู่พอสมควรประมาณ 4 ชมเลยทีเดียว น้องๆหลายคนไปสอบก็สลบไปตามๆกัน 55555 ถ้าทำถูกจะได้ 1 คะแนน แต่เด็ดกว่านั้นคือถ้าน้องทำผิด จะถูกหัก 0.25 คะแนนนะจ้ะ พูดอย่างนี้หลายๆคนอาจจะกลัว แต่จริงๆมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะเรื่องการหักคะแนน ไว้ครั้งหน้าจะมีพูดเทคนิคเรื่องนี้กันอีกที

ในบทความนี้ พี่จะขอบอกภาพรวมของข้อสอบแต่ละ Part ก่อนว่ามีอะไรออกสอบบ้าง แล้วบทความหน้าเราค่อยมาลงรายละเอียดแบบลึกๆๆมากๆๆๆ อีกทีน้าา

Overview detail of each part

Math: Part math จะมีคำถามทั้งหมด รวมทุก section แล้วคือประมาณ 54 ข้อ เรียงจากข้อง่ายไปยาก (ข้อ 1 ง่ายที่สุด) แบ่งลักษณะข้อสอบเป็น 2 แบบคือ multiple choice (44 ข้อ) และ  student-produced response (Grid-in)โดยใน multiple choice ก็จะมีตัวเลือก 5 ตัวเลือกมาให้น้องกา ส่วน grid-in คือการเติมคำตอบเองโดยไม่มี choice มาให้ ถ้าอยากเห็นภพชัดๆมาดูตาราข้างล่างเลยจ้า
(http://professionals.collegeboard.com/testing/sat-reasoning/about/sections/math)

Verbal/Critical Reading/ English Part: 
เรียกได้หลายชื่อมากๆ 55555 พาร์ทนี้ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆคือ sentence completion และ reading passage 
sentence completion ชื่อนี้ได้มาจากการที่ส่วนนี้ จะให้เราเลือกคำศัพท์มาเติมลงในช่องว่างที่โจทย์เว้นไว้ โดยมีตัวเลือกให้ 5 ข้อเหมือนกัน section นึงมีประมาณ 5-8 ข้อ เรียงความง่ายไปยากตั่งแต่ข้อแรกถึงข้อสุดท้าย ซึ่งความหินของตัวนี้คือ คำศัพท์ยากและไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ น้องๆจำเป็นต้องท่องคำศัพท์เพิ่มแบบเยอะมากๆ แต่ก็เป็นข้อที่ทำคะแนนได้มากกว่า passage reading ถ้ารู้หลักการทำ และทำจนชำนาญ

Reading Passage จะมี article หรือบทความมาให้อ่าน ความยาวต่างกันไป และจำนวน passage ขึ้นอยู่กับ section ข้อสอบเป็น multiple choice ทั้งหมด แต่พาร์ทนี้ไม่ได้เรียงตามความยากง่ายนะจ้ะ ขึ้นชื่อว่าเป็น critical reading ระดับของข้อสอบไม่เหมือนข้อสอบภาษาอังกฤษของไทยแน่นอน ส่วนตัวพี่ว่ามันเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะอันนี้เป็นขั้นสูงกว่าเยอะ ต้องใช้กรวิเคราะห์ และประเทศไทยดราไม่ค่อยสอนให้เด็กอ่านแบบนี้ น้องที่มาจาก รร ไทย ก็อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร ต้องมีเวลาการเตรียมตัวที่นานพอ และต้องตั้งใจมากๆ 

เผื่อยังไม่ค่อยเห็นภาพ เรามาดูภาพรวมของคำถามส่วนนี้ทั้งหมดกัน
(http://professionals.collegeboard.com/testing/sat-reasoning/about/sections/critical-reading)

Writing: 
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้ในไทยกันสักเท่าไหร่ แต่พี่ก็อยากจะอธิบายให้ฟังนิดนึง เผื่อน้องคนไหนต้องใช้ยื่นบางคณะหรือ ที่อเมริกา ในส่วน writing จะแบ่งย่อยได้ 3 แบบ คือ improving sentence, error identification และ improving paragraph

ลักษณะของข้อสอบ improving sentence คือ เค้าจะให้ประโยคมาหนึ่งประโยค และขีดเส้นใต้ส่วนที่มีอาจจะมีข้อผิดเอาไว้ แล้วก็ให้เราเลือกจาก 5 choice ว่าข้อไหนเขียนดีกว่าหรือถูกแกรมม่ามากกว่าที่โจทย์ขีดเอาไว้ ด้วยตัวโจทย์แล้วจะไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่แอบโหดนิดๆเพราะ choice แรก จะเป็น choice ที่เหมือนกัยที่โจทย์ให้มา ซึ่งแปลว่า ที่เค้าขีดเส้นใต้มาอาจจะไม่ผิดก็ได้นะ

error identification ข้อสอบ error ของฝรั่งจะไม่ยากมากถ้าเทียบของไทย ส่วนนี้จะง่ายที่สุดในบรรดา 3 ส่วนในพาร์ท writing แต่ที่สำคัญคือ ต้องรอบคอบมากๆ บางคนนึกว่าง่ายแล้วประมาณก็เสียคะแนนกันง่ายเหมือนกัน

Improving paragraph จะตัด paragraph สั้นๆมาให้ แล้วให้เราดูตามที่โจทย์บอกว่าประโยคนี้ใน paragraph ควรจะแก้เป็นอย่างไร ควรจะเติมอะไรเข้าไปใน paragraph เพื่อให้ดู flow ขึ้นมั้ย ซึ่งมีอยู่แค่ไม่กี่ข้อเท่านั้น
Extra!! นอกจากข้อกาแล้ว SAT ยังมี writing essay อีกด้วย ก็คือใน section 2 นั่นเอง  โดยจะมีกระดาษให้เขียนไม่เกิน 2 หน้า และให้คำถามมาเขียนตามหัวข้อนั้นๆ ซึ่งให้เวลาเขียนทั้งหมด 25 นาที 
(http://professionals.collegeboard.com/testing/sat-reasoning/about/sections/writing)

อันนี้เป็นภาพรวมคร่าวๆของทั้งสามพาร์ทนะ หวังว่าจะเข้าใจรูปแบบของการสอบมากขึ้น แต่ถ้าอยากเห็นภาพแบบจริงๆให้น้องๆลองเปิดหนังสือ SAT ประกอบดูไปด้วย

ครั้งหน้าพี่จะมาลงรายละเอียดเทคนิคของการทำข้อสอบ SAT Critical reading ที่หลายๆคนมีปัญหามากที่สุด เพราะทั้งเหนื่อย ยาว และยาก อย่าลืมติดตามอ่านต่อนะจ้ะ ^^

P’Fairy
ที่มา: https://www.facebook.com/Fairyenglish

แสดงความคิดเห็น

>