จะติด F มหาลัยได้ ต้องแย่ขนาดไหน
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
22 ความคิดเห็น
ต่างจากมัธยมอย่างสิ้นเชิงค่ะบอกได้เลย บางคนจากเกรดมัธยมดีพอเข้ามหาลัยปุ๊บร่วงเลยก็มี
แล้วการคิดคะแนนก็แตกต่างเช่นกัน อาจจะเจอสอบ 100% ไม่มีคะแนนเก็บเป็นชิ้นงาน จิตพิสัย
หรืออาจจะมีแต่ก็เน้นคะแนนสอบอยู่ดี ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับหลายๆอย่าง ทั้งตัวเธอเอง ทั้งมหาลัย
แต่อย่าไปกังวลขนาดนั้น ถ้าขยันจริงๆ แบ่งเวลาเป็น ไม่ติด F ง่ายๆหรอกค่ะ
F นี่จะว่าติดง่ายมันก็ง่ายจะว่ายากมันก็ยาก แล้วก็เลิกดูถูกเรื่องการส่งงานไปได้เลยอย่างที่คณะผมงานไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน เช่น มีอยู่วิชานึงปีนี้รุ่นน้องได้ขอเสนอใหม่จากอาจารย์ให้เลือกว่าจะสอบเป็นหลักแล้วคะแนนงานนิดหน่อย กับทำงานส่งอย่างเดียว 100% ไปเลยคะแนนออกมาปรากฏว่าคนที่เลือกส่งงาน F ไป 2 - 3 คนและไม่มีใครได้ A เลย ดังนั้นเตือนๆไว้หน่อยว่าอย่าดูถูกการส่งงานเพราะเห็นจะเจอแต่คนขู่เรื่องสอบ 100% เลยกลัวว่าไปเจอวิชาที่ให้ส่งงานแล้วจะดูถูกมันจนไม่พยายาม
ขึ้นอยู่กับวิชาที่เรียน อ.ที่สอน คณะ มหาวิทยาลัยรวมตัวเราเองว่าขยันหรือพื้นฐานดีมากแค่ไหน
เอาเป็นว่ามีสิทธิ์ F ได้ทั้งนั้นถ้าประมาท อย่างบางวิชาบางภาคในจุฬา F กันระนาว เพราะวิชามันยาก อ.ก็ให้คะแนนโหดแล้วก็อีกหลายๆอย่าง
ถ้าไม่อยากติด F เลยให้ขยันหาข้อสอบเก่ามาทำก่อนเรียนหรือกำลังเรียนทุกวิชา อย่าเอาแต่อ่านกับอ่านเฉยๆ
เกณท์ทุนดูไม่เข็มข้นเลย เอาแค่ไม่ติด F
ที่ได้ยินมามีแต่ ต้องทำเกรดให้ได้ 3.5 ตลอดถึงจะยังได้ทุนอยู่
ถ้าหลุดก็หลุดเลย
ได้ F ไม่ได้ยากหรือง่ายหรอก เพราะเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
คนที่เรียนข้างๆเรา ก็คือคนที่คะแนนสอบเข้าอยู่ใกล้ๆเรา ความเก่ง
ใกล้เคียงกัน ถ้าเกาะกลุ่มไปกับเพื่อนส่วนใหญ่ได้ ก็ไม่ F หรอก
อยู่ที่คณะที่เรียนด้วยเป็นส่วนประกอบสำคัญ
คณะทางวิทย์ การสอบอยู่ที่ข้อสอบจริงๆ เช่น วิชาฟิสิกส์ 1 เต็ม 100 มีน 17 อย่างงี้คนที่ต่ำกว่า15
ถอนกันหมด มีนก็ขึ้น ถ้าเราได้ 18-19 ก็อย่าหวังเกรดดีๆ ปลายเทอมทำไม่ได้ก็ติด F ได้เหมือนกัน
ถ้าแค่ไม่ให้ F ก็ยังได้ทุนก็ไม่น่าเสี่ยงอะไร
อย่าเรียนชิวเกินไปก็พอ
ไม่ต้องกล้ว
ถ้าบอกว่ารื้อเรื่องการเรียนมัธยมทิ้งไปจะเว่อร์มั้ยเอ่ย จริงๆเรื่องFไม่Fมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย จะว่าได้Fกันง่ายมั้ยก็ง่ายนะคะ"ถ้าประมาท" เพราะส่วนใหญ่คะแนนมาจากการสอบเป็นหลักค่ะ แถมสอบบางทีอัตนัยมาแบบเพรียวๆ เช่น ฟิสิกส์ แคลฯ หรือไม่ปรนัยก็ยากเว่อร์ๆ ดังนั้นการอ่านหนังสือสอบต้องเป๊ะพอสมควรค่ะ ถ้าเวลาอ่านน้อย ทำให้อ่านไม่จบก็ไม่เป็นไรค่ะแต่ขอให้เนื้อหาที่อ่านมาหรือทำโจทย์มานั้นเป๊ะก็พอ อย่างวิชานึงเนื้อหาที่ต้องสอบมี10เรื่องแต่ถ้าเวลาน้อยอ่านได้แค่8เรื่อง เราก็ต้องเอาให้เป๊ะเนื้อหา8เรื่องที่ได้อ่าน ถ้าสอบครั้งหนึ่งๆ(เช่นmidtermหรือfinal)เก็บครั้งละ50% อย่างน้อยก็ชัวร์ค่ะว่าครั้งนั้นๆเราจะทำได้ประมาณ40+/-5%
อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญคือเกณฑ์ที่ใช่ตัดสินในแต่ละวิชาค่ะ เราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่อาจารย์รีวิวว่าใช้เกณฑ์อะไรในการตัดเกรด และอยากบอกว่าส่วนใหญ่จะชอบเก็บคะแนนจากการสอบ100% หรือเก็บสอบ80%งาน20% เวลามีงานก็ต้องทำค่ะ ดูถูกไม่ได้แม้คะแนน%มันจะน้อยไม่เหมือนมัธยมก็ตาม
1.ตัดเกรดอิงกลุ่ม >> ฮิตมากเลยในกลุ่มวิชาที่ลงเรียนตอนปีหนึ่ง เหมือนจะง่ายนะคะ เช่น วิชาXXXX คะแนน100% แบ่งเก็บจากmidterm50% final50% ถ้าสอบmiderm ผลmeanอยู่ที่30 แต่เราสอบได้คะแนนเกิน30มาไกล ยิ่งไกลมากๆจนเป็น outlier ค่อนสูงยิ่งดีค่ะ โอกาสได้Aจะสูงมาก ไม่ต้องเครียดfinalมากแต่ไม่ใช่ไม่อ่านเลยนะคะ เดี๋ยวงานเข้าค่ะ เรื่องนี้ประมาทกันไม่ได้ การสอบแบบอิงกลุ่มมีข้อดีคือ ไม่จำเป็นว่าคะแนนรวมต้องได้80%ขึ้นไปถึงจะgetAได้ ถ้าmeanต่ำ โอกาสได้Aสูงค่ะ และในขณะเดียวกันถ้าmeanสูงก็.... นั่นล่ะคะ ส่วนข้อเสียคือใครเป็นฐานนี่ร้อนๆหนาวๆเลยค่ะ บางคนถึงกับไปดร็อปกันเลยทีเดียว
2.ตัดเกรดแบบอิงเกณฑ์ >> ฮิตมากตอนที่เราเริ่มแก่สักปี2หรือแล้วแต่คณะ ซึ่งตัดแบบนี้ก็คล้ายๆม.ปลายค่ะ 80%ขึ้นไปก็A(บางวิชาอาจารย์อาจเปรี้ยวตัดที่85%อะไรงี้ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ดันไปลงไว้) ก็ต้องดูด้วยอ่ะค่ะว่าเกณฑ์ให้เกรดเป็นไง ข้อดีของการตัดเกรดอิงเกณฑ์คือ ไม่มีใครเป็นฐาน ตัวใครตัวมัน meanไม่ใช่เรื่องสำคัญ(มาก)อีกต่อไป ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง ข้อเสียคือคะแนนที่ได้จากตอนmidtermสามารถพยากรณ์ได้เลยว่าคุณได้ไปต่อรึเปล่า ขณะที่ตัดเกรดอิงกลุ่มมันคาดการณ์อะไรไม่ค่อยได้ เพราะขึ้นอยู่กับเราและเพื่อน แต่ตัดอิงเกณฑ์จะขึ้นอยู่กับเราล้วนๆ
สุดท้ายนี้ก็ขอให้โชคดีนะคะ ถ้าอยากห่างไกลจากF ให้ keep in mind เลยค่ะ 1.ไม่ประมาทในการอ่านหนังสือ 2.รู้เกณฑ์การตัดเกรดในแต่ละวิชา 3.วางแผนการเรียนการสอบให้ดีเพราะกิจกรรมเยอะมาก
Good Luck ค่ะ ^____^
จริงๆเค้าบอกเงื่อนไขเยอะอยู่ค่ะ ประมาณว่าต้องร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า10กิจกรรมใน1ภาคเรียน แล้วก็รายละเอียดย่อยๆอีกเยอะ แต่เราเอาแค่อันสำคัญๆมาถามอะค่ะ
ได้คณะนิเทศศาสตร์ค่ะ
พอจะระบุสาขาที่เรียนได้มั้ยคะ พอดีมีคนรู้จักเรียนนิเทศค่ะ เดี๋ยวถามให้
จริงๆถ้าตอน ม.ปลายเกรดโอเคก็แสดงว่าเราขยันพอควรมีความสามารถพอเอาตัวรอดได้แหละ ตอนพี่ปี1 ก็มีวิชานึงเรียนแทบไม่เข้าใจ แถมหลับตอนสอบอีก(ง่วง55) ก็รอดนะ ได้ D+มา
a. แบบทั่วไป คือ คะแนนเข้าเรียนและคะแนนการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน + คะแนนเก็บตามชิ้นงานในชั้น(น้อยนิดมากบางรายวิชาไม่มีส่วนนี้) + คะแนนสอบในชั้น(Quiz (ส่วนใหญ่เป็นแบบ popup คือส่วนใหญ่ไม่บอกก่อนว่าจะสอบด้วยนะ) + คะแนนสอบมิดเทอม/ไฟนอล
b. แบบไม่มีคะแนนเข้าเรียนหรือ แบบสอบล้วน แต่มีการเช็คชื่อเข้าชั้นเพื่อกันนักเรียนขาดเกินร้อยละ 20 และหมดสิทธิ์สอบ แบบนี้ก็จะใช้คะแนนสอบมิดเทอมและไฟนอลอย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์
c. แบบไม่มีสอบ(มีน้อยมากบางคณะอาจไม่เจอเลย) แบบนี้จะใช้คะแนนส่วนอื่นๆที่นอกเหนือจากการเข้าสอบในการออกเกรด
ทีนี้ขอตอบไล่ทีละคำถามเลยนะคะ
1. จะติด F ทั้งทีนี่ต้องแย่ขนาดไหนคะ (ม.1-ม.6 เราไม่เคยติด 0 ต่ำสุดเกรด 1 คณิต เฉลี่ย 5 ภาคก็เลย 3.5 นิดๆ)
คำว่าแย่นี่กำกวมอยู่นะคะ เอาเป็นว่าถ้าเมื่อไหร่คะแนนสอบแย่ คือถ้าเป็นวิชาที่คิดคะแนนแบบสอบล้วนแล้วคะแนนสอบทั้งสองครั้งไม่ถึงครึ่งหนึ่งก็หมดสิทธิ์ แต่ถ้าแบบทั่วไปก็หวาดเสียวเลยนะคะคะแนนสอบไม่ดี ความหวังริบหรี่นะคะ คะแนนส่วนอื่นก็ไม่ได้ช่วยฉุดเกรดขึ้นเท่าไหร่ งานนี้ไม่ F ก็ D ละค่ะ เพราะฉะนั้น การสอบจึงสำคัญมากๆ ควรใส่ใจเนื้อหาให้ดี และควรโน้ตทำความเข้าใจทุกคาบ ถ้าไม่ได้โน้ตไว้ก็ควรทบทวนตอนสอบให้ดีค่ะ อีกทั้งคะแนนเข้าเรียนก็สำคัญเพราะเราได้คะแนนมาฟรีๆดิบๆตั้ง 10 เปอร์เซ็นต์เลยนะ!
2. มีเกรดเฉลี่ยสะสม 2.50 ขึ้นไป กว่าจะทำได้ 2.50 นี่ยากไหมคะ (เหมือนกับมัธยมรึเปล่า)
สำหรับในภาคการศึกษาแรกๆยังง่ายอยู่นะคะในการทำเกรดให้ได้ 2.50 ขึ้นไป เพราะเนื้อหายังอยู่ในขั้นพื้นฐานมากๆ ดังนั้นควรตั้งใจทำไว้ให้ดี เพื่อไม่ให้ปีแก่ๆขึ้นไปลำบาก เพราะเก็บคะแนนยากขึ้นมาก การได้แค่่ 2.50 คือทุกเกรดควรอยู่ที่ประมาณ C+ ทุกตัวนะคะ เมื่อไหร่ที่มีเกรดต่ำกว่า C+ ควรเร่งทำตัวอื่นให้เกรดขึ้นนะคะ แต่ถ้าเก่งกว่านั้นคือทำได้ A หรือ B มาได้หลายๆตัวก็อาจมีเกรดเฉลี่ยถึง 3.00 ขึ้นไปได้
- แบบเข้าเรียนส่งงานครบไรงี้
เลิกคิดเลยนะคะ ส่งงานครบแล้วได้เกรดดี ในรั้วมหาลัยการส่งงานที่มีคุณภาพทุกครั้ง และส่งอย่างครบถ้วนเท่านั้นที่จะทำให้ได้เกรดดีๆ เพราะมีบางคนส่งงานที่ทำพอเสร็จมาแล้วได้คะแนนต่ำกว่าครึ่งหนึ่งทั้งหมด แล้วเกรดออกมาแย่ก็มีนะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคะแนนในด้านอื่นๆด้วย
ข้อแนะนำ -- เวลาเรียนควรมีส่วนร่วมในชั้นเรียนบ้างไม่ใช่นั่งเป็นท่อนไม้ถามอะไรก็ไม่ตอบนะคะ เพราะบางวิชาอาจารย์ท่านเห็นเราไม่ตอบก็นึกว่าเราไม่เข้าใจ ให้คะแนนเราต่ำอีก สุดท้ายนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆคือความตั้งใจค่ะ ใครตั้งใจเรียนมาก ก็รับรองได้ว่าไม่น่าจะมี F หรือ เกรดต่ำกว่า 2.50 หรอกค่ะ
**ลืมไปเลยนะคะการเรียนแบบมัธยม ในรั้วมหาลัยมันคือสงครามการศึกษาค่ะ!
***อีกอย่างหนึ่งการให้คะแนนโหดขึ้นมากนะคะ ในมัธยมส่วนใหญ่คุณครูจะให้จากคะแนนเต็มสิบ ส่วนใหญ่จะไม่ต่ำกว่า 5 แต่ในมหาลัยนี่บางทีได้ 3 หรือไล่กลับไปทำใหม่ก็มีนะคะ
จะว่ายากก้ยากเป็นบางวิชานั่นแหละครับ
แต่วิชาที่จะปล่อย F หรือป่าวต้องลองถามรุ่นพี่ในสาขาดู เพราะบางวิชาถึงเราจะแย่แค่ไหน เกรดก้จะได้ D แต่บางวิชาอย่างของผมเป็นแคลเค้าไม่สนใจอะไร ปล่อย F เยอะมาก ทั้งเซคมี 50 มีคนถอนไป 15 คน เพราะคะแนนต่ะกว่ามีนเยอะ พอเกรดออก ยังมี F ตั้ง 5 คน
ยังไงก็สู้สู้ คร้ช ผมก็ต่ำกว่ามีนตอนกลางภาคเยอะเหมือนกัน แต่พอเราตั้งใจมุ่งมั่น ก็เลยได้ D + เลย
W = F cos summer
วิทยุกระจายเสียงและะวิทยุโทรทัศน์ค่ะ
ถามให้แล้วนะคะ เค้าบอกว่าบอกไม่ค่อยถูกอ่ะค่ะ(?!) เอาเป็นว่าเรียนง่ายค่ะ ต้องไปเรียนทุกชม. ส่งงานทุกชิ้น(มีงานตัดต่อvideoเยอะ) สอบให้ได้คะแนนเกินครึ่งก็โอเคแล้ว จะยากตอนทำโปรเจคใกล้จบค่ะ นอกจากนี้ยังฝากบอกมาว่าเวลาทำงานจะมี3สาย 1.สายผู้ประกาศข่าว 2.สายดีเจ(เกี่ยวกับวิทยุ) 3.สายกองถ่าย จัดสตูดิโอ รายการต่างๆ ถ้าเริ่มงานจะอารมณ์เหมือนกรรมกรในกองถ่ายต้องเดินสายไฟ ได้เงินน้อย ถ้าไม่เป็นผกกหรือผช.ผกก หรือตากล้อง ประมาณนี้ค่ะ
ปล.ทั้งหมดนี้เค้าเล่ามานะคะ โชคดีค่ะ
เรื่องจริงในหลายๆคณะ
แจกFยังกะให้ดาวเด็กๆตอนอนุบาล
เกาะๆมีนก็dogได้ครับ
ขยันๆขึ้นมาหน่อยcat
อ่านหนังสือทุกวันอย่างต่ำก็bird
ที่เหลือคือเทพเจ้ามด
ปล.เกรดปี1 สำคัญมากเลยครับ โกยมาเยอะๆ แบ่งเวลาๆดีๆระหว่างการเรียนกับกิจกรรมอันล้นพ้น
สู้ๆครับ คนเก่งแพ้คนขยัน *--*
คืออยากเป็นผู้ประกาศข่าวอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
เป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่ม.1แล้วล่ะค่ะ คิดว่าน่าจะแบ่งเวลาได้ แต่อย่างว่านั่นแหละค่ะ เรายังไม่เคยมีประสบการณ์กับมหาวิทยาลัย มันก็ต้องต่างกับแบบที่เคยเจอมาอยู่แล้ว จะพยายามค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ
แฟนเราเรียนสายนี้นะ คือมันก็ไม่ง่ายไม่ยาก ถ้าเป็นพวกวิชาทฤษฏีจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นโปรเจ็คแบบตัดต่อ ทำเกี่ยวกับวิทยุหรืออะไรก็แล้วแต่จะหนักหน่อย งานพวกนี้ต้องทำเป็นทีมอะค่ะ ถ้าเจอเพื่อนที่ช่วยกันทำงานคงไม่มีปัญหา และได้เกรดดีๆไม่ยาก แต่ถ้าเจอเพื่อนงี่เง่าไม่ค่อยช่วยทำแบบที่แฟนเราเจอก็อาจจะเหนื่อยหน่อย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?