[รก+พูดคุย] เมื่อขาดสติซื้อหนังสือในร้าน และเมื่อถึงบ้านมองกองหนังสือแล้ว ...
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากถามครับ ตอนอยู่ร้านหนังสือทุกคนในบอร์ดนักเขียนแห่งนี้ ขาดสติกันแบบไหน และ ถึงบ้านแล้วมองกองหนังสือทั้งเก่าใหม่รู้สึกอย่างไรบ้างครับ
พอดีวันนี้หันมองมุมหนังสือน้อย ๆ ที่เพิ่งจัดใหม่ให้เข้าที่เข้าทางแล้วถอนหายใจ เลือกไม่ถูกว่าจะหยิบเล่มไหนอ่านก่อนดี เพราะงานที่ต้องทำก็มี แต่มองแล้ว เลือกไม่ถูกเลย ฮ่า ๆ ตอนซื้อนี่อ่านผ่าน ๆ ชอบหยิบ ขาดสติทั้งเดือนแห่งความรัก หนังสือที่รับได้เงินไปแล้วไม่อยากนับจำนวน ฮ่า ๆ และยังไม่ได้อ่าน แต่รักพวกเขานะ แต่ละเล่มนี่ต้องยื้อยุดฉุดกระชาก (จากใคร ?) กว่าจะได้มา กว่าพวกเขาจะผ่านสมรภูมิรบจนไปถึงเคาท์เตอร์คิดเงินได้ก็กินเวลารวมสองชั่วโมง ฮ่า ๆ
ความรู้สึกผมตอนนี้แบบ "เลือกอ่านไม่ถูกเลย" แต่วางแผนไว้ว่าจะไปซื้ออีกทั้งในร้านหนังสือออนไลน์ ร้านหนังสือ และงานหนังสือ ฮ่า ๆ
62 ความคิดเห็น
เราไม่เคยขาดสติในร้านหนังสือนะคะ
แต่จะขาดสติใน 'งานสัปดาห์หนังสือ' ค่ะ
ปีที่แล้วหมดไป8,000กว่าบาท
พอกลับถึงบ้านคือแบบ..
แบบว่าไม่คิดอะไรเลยค่ะ ไม่คำนวณเงินที่ใช้ไปเลย เพราะคิดแล้วมันจี๊ด 555+
กะว่าคงจะหลีกเลี้ยงไม่ไปอีกสักปีสองปี
นอกจากจะโชคดีได้ตีพิมพ์นิยายที่เขียนเองค่อยไปค่ะ 555+
ล่าสุดขาดสติเพราะวายสองเล่ม กลับมามองมันที่บ้านก็... รู้สึกดีนะคะ... // เปิดอ่านพร้อมรอยยิ้มใสๆ
แต่กรณีงานหนังสือเราขอบายค่ะ ความรู้สึกมันมากเกินกว่าจะหลั่งออกมาเป็นคำพูด(ฮา)
เราไม่ค่อยซื้อหนังสือบ่อยค่ะ นานๆ ซื้อที แต่ซื้อครั้งนี่นี่ไม่ต่ำกว่าสิบเล่มค่ะ...
ยิ่งถ้ารอซื้อในงานหนังสือ มักจะสิบเล่มขึ้นไปทุกครั้ง แบกกลับบ้านกันหลังแอ่นเลยทีเดียว
พอกลับมาบ้านแล้วก็ได้แต่นั่งมองกองนิยาย ของเก่ายังไม่ทันได้อ่าน ของใหม่ก็มาอีกล่ะ (จนถึงตอนนี้ นิยายที่ซื้อมาจากงานหนังสือครั้งที่แล้วยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ)
พอไม่รู้ว่าจะอ่านเรื่องไหนก่อน เพราะเลือกไม่ถูก ก็มักจะวางมันไว้อย่างนั้นจนลืมอ่านไปซะนี่ แล้วก็วกเข้าลูปเดิม...
#ชีวิตมันซับซ้อน
#หนังสือก็เช่นกัน...
แก้นะคะ 'หลีกเลี่ยง' พอดีพิมพ์ผิดค่ะ 55
ปกติขาดสติตอนงานหนังสือทั้งช่วงเมษากับตุลาค่ะ...หมดไปเยอะมากกกก พอกลับมาถึงบ้านมองกองนิยายที่ยังไม่ได้อ่านจากงานหนังสือครั้งก่อน ๆ รู้สึกผิดต่อนิยายเลยค่ะ...บางเล่มดองไว้เป็นปี กับบางเล่มที่ซื้อมาปุ๊บอ่านเลยจบภายในไม่กี่ชม. รู้สึกผิดต่อนิยายที่ดองไว้ค่ะ
ร้านหนังสือเราไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเท่าไหร่ แต่ก็ชอบเข้าไปดูหนังสือที่อยากได้ เพื่อเพิ่มอารมณ์ในการเก็บเงินสำหรับงานหนังสือ
เราขาดสติจริงเลยคือช่วงก่อนงานหนังสือและงานหนังสือช่วงเดือนตุลาค่ะ สำรวจโปรโมชั่น หนังสือออกใหม่และหนังสือที่อยากได้ของแต่ละสำนักพิมพ์ เขียนจดไว้เป็นลิสต์ ไปทีไม่เคยต่ำกว่า 6,000 เอากระเป๋าเดินทางสองใบไปใส่หนังสือ ยังใส่ไม่พอ ลำบากตอนขากลับมาก เพราะต้องนั่งรถตู้
กลับมาถึงบ้าน จัดหนังสือเท่านั้นล่ะค่ะ ไม่รู้จะเอาหนังสือไว้ไหนเลย T.T กว่าจะจัดเสร็จก็ปาไปสองวัน วิกฤตถัดมาคือ ไม่รู้ว่าจะอ่านเล่มไหนก่อนดี แต่ปกติจะอ่านเล่มที่อยากอ่านมากกกกที่สุดก่อน ตามด้วยของนักเขียนที่ชอบ และเรื่องอื่นๆค่ะ ปัจจุบันนี่ยังอ่านหนังสือที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้วไม่หมดเลย
แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือ ซื้อหนังสือมาซ้ำค่ะ เป็นอะไรที่เซ็งมาก ก็นะ เป็นเพราะเราทำลิสต์หนังสือไปไม่ดี แต่เราก็เก็บไว้อย่างดีนะ สภาพแบบมือหนึ่ง เพราะไม่ได้เอามาอ่านเลย เหอๆๆ
//เก็บเงินมาทั้งปีเพื่องานหนังสือวันเดียว อยู่ในวงจรนี้ตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปงานหนังสือค่ะ
ผมไปขาดสติกับพวกหนังสือลดราคาอะครับ ยิ่งงานหนังสือหนังสือลดราคาใหม่มาก เล่มละ 20-50 บาท
นี่
มัน
โอ้ววว
แล้วพอกลับบ้านมาเปิดอ่านดู มันไม่ใช่แนวที่เราอ่านสักเรื่องเลยวะครับ สุดท้ายก็ไม่ได้อ่านแล้วขายต่อ สรุปตูซื้อมาทำไมฟระ =A=;
โชคดีที่ไม่มีเงิน...
เหมือนกันเลย 20-50% นี่ไม่ดึงดูดเท่าเล่มละ 20-50 บาท ฮ่า ๆ
พอกันเลย แต่เราไปงานหนังสือนี่จะเจอมรสุมคนทำให้ตาลาย ไม่เคยเจ็บตัวจากงานเท่าไหร่ แต่ปีนี้คาดว่าเจ็บแน่ ๆ ปัญหาอยู่ที่ "จะอ่านเล่มไหนก่อน" และ "ของปีที่แล้วยังอ่านไม่หมดเลยแก" ฮ่า ๆ
พอ ๆ กันเลย บอกมันว่า "แกเป็นพี่เขา รอก่อนนะ ขอสำรวจ น้อง ๆ ก่อน" ฮ่า ๆ และทุกวันนี้เล่มนั้นยังมีที่คั่น คั่นอยู่เลย ฮ่ ๆ
คำว่า ขาดสติ นี่ก็เคยเป็นแบบกระปริบกระปรอยค่ะ เพราะปกติเงินในกระเป๋าตังค์จะไม่พอเลยได้แต่มองห่างๆ อย่างห่วงๆ
มาซาบซึ้งแทบกระอักกับคำว่า ขาดสติ เอาจริงๆ นี่ตอนงานหนังสือค่ะ เพราะเตรียมเงินไปพร้อมรบเต็มอัตราศึก มั่นใจว่างานหนังสือก็ไม่ได้กินเราหรอก
แต่ปรากฏว่า...น่าเกลียดมาก!!
เหมือนโดนสะกดจิต(โดนความโลภเข้าครอบงำ)
อยากได้! อยากได้! อยากได้!
หันไปทางซ้าย เฮ้ย ลดราคา ล้างสต๊อก
หันไปทางขวา เฮ้ย โปรโมชัน ซื้อหนึ่งแถมสอง ซื้อเซ็ตนี้ลดราคาเซ็ตนั้น
บะ บะ บ้าจริงพี่ชาย T____T
กวาดเรียบ เงินพาไปเท่าไหร่ เกลี้ยงไปเท่านั้น
กล้ามแขนปูดประหนึ่งนักเพาะกาย กระเป๋าตังค์เบาบางประดุจปุยนุ่น หัวใจซีกหนึ่งหวิวๆ เพราะเสียเงิน แต่อีกซีกกลับลิงโลดเพราะได้ครอบครองสิ่งที่รักและมีความสุข... เง้อ
พอกลับไปมองชั้นหนังสือที่บ้านเหรอคะ อารมณ์แบบ อ้าว เล่มนั้นมาได้ไง อ้าว เล่มนี้ซื้อตอนไหน อ้าว เล่มนั้นยังไม่ได้อ่าน 555555
หนังสือ...ฉันเกลียดนาย ได้ยินไหม ฉันเกลียดนาย! //ทำหน้าซึนเดเระ
จริงแท้ที่สุด กองไว้เป็นปี ยังไม่ได้แตะ แต่ก็โรคจิตนะ ต้องซื้อเยอะไว้ก่อน ฮ่า ๆ
หนังสือวายนี่ แค่ปกก็ทะลวงเส้นประสาทมือให้ไปหยิบมาไว้ในอ้อมกอดตลอด ฮ่า ๆ
ผมก็คิดว่าจะละเว้นหนังสือก่อนนะเมื่อตอนต้นเดือน แต่กลางเดือนได้มาอีกละ สัปดาห์หนังสือก็รอจะไปอยู่ ฮ่า ๆ งานเสียเงิน พูดกับตัวเองตลอด "ปีนี้พอเนอะ" สิ้นปีมา "เล่มนี้ไปได้มาตอนไหนวะนี่" ฮ้า ๆ
ตอนซื้อนี่มีความสุขนะครับ แต่พอมองใบเสร็จแล้วชอกช้ำเบา ๆ ฮ๋า ๆ
อ่าน คห นี้ผมไปต่อไม่ถูกเลย ผมเคยเป็นอารมณ์นี้นะครับ ตัดสินใจหนึ่งเล่มใช้เวลานานมาก ๆ
เดี๋ยวก็มีโอกาศได้ขาดสติอย่างผมครับ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมีเงิน ตอนนี้มีเงินจากทางนู้นนี้เลยเริ่มสะสม
หนังสือการ์ตูน 35 บาทยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย ไปซื้อเดือนละเล่ม
#ร้องไห้หนักมาก
จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะครับ ถ้ามีนี่หมดกระจ่าย
แต่ถ้าไม่มีเงินติดกระเป๋ามากนักแต่อยากได้หนังสือจริง ๆ ก็จะออกจากร้านไปกดตังค์ที่ตู้ ATM แล้วก็เข้ามาซื้อใหม่ค่ะ
ส่วนอารมณ์เวลามองกองหนังสือก็ประมาณว่า "เล่มนั้น / เล่มนี้อ่านไปยังหว่า?" กับ "อยากได้ชั้นหนังสือเพิ่มจังเลยน้า.." ค่ะ :)
(ปล.อยู่บ้านหลังเล็ก ๆ ค่ะ ตอนนี้การ์ตูนและหนังสือสัพเพเหระเต็มบ้าน เลยอยากได้ชั้นหนังสือมาจัดให้เข้าที่เข้าทางแต่ติดตรงที่หมดตังค์ไปกับหนังสือแล้วนี่สิ = =)
ทำงานอยู่ร้านหนังสือ
ภูมิต้านทานมันก็เลยเยอะค่ะ
แต่นี่ขนาดภูมิต้านทานเยอะ
ก็ยังมีกองมังงะที่ยังไม่ได้อ่านกองเท่าภูเขา
เราเป็นประเภท 'ถ้าชอบ' จะซื้อเก็บ ไม่อ่านฟรีค่ะ
#เขินจุง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?