Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สวรรค์จัดเรียง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวรรค์จัดเรียง,อ้างอิง ฌอห์ณ จินดาโชติ #Presentperfect
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เด็กวัย 15 ปี ที่ต้องมาเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล มีพ่อ น้า และเด็กชายที่ซับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา 
หน้าที่เขาคือ เย็นวันศุกร์จนถึงวันอาทิตย์ ต้องบอกก่อนแม่เข้าผ่าตัดขาซ้ายเหนือเข่าซึ่งก่อนหน้านี้แม่เป็นอัมพาตซีกซ้ายมานานกว่า10ปี 
ได้ทำกายภาพทุกวันเปลี่ยนประจำเลยกลับมาเดินได้แต่แขน-ขาซ้ายอ่อนแรง หน้าที่อยู่โรงพยาบาล คือ อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ล้างก้น 
ล้างช่องฉี่ ป้อนข้าว อาบน้ำ และกิจกรรมทุกอย่างที่แม่ทำไม่ได้ ทุกๆวันจันทร์-พฤหัสบดี เราต้องอยู่บ้านคนเดียวนอนคนเดียวและทำงานบ้านจะต้องเสร็จภายในวันพฤหัสเย็น อาทิ ซักผ้า รีดผ้า เพื่อเตรียมชุดนักเรียนไว้ในอาทิตย์ถัดไป ถ้าอาทิตย์ไหนมีการบ้านและมีเหตุการณ์อื่นที่สำคัญกว่ามาแทรก 
บ้างอาทิตย์ก็ต้องเอาเสื้อผ้าแอบไปรีดที่โรงพยาบาล ทำอย่างนี้เป็นประจำ 1เดือนครึ่ง ที่เด็กชายต้องเปลี่ยนวัฏจัรกการเรียน กิจกรรมประจำวันออกไป 
เย็นวันพฤหัสเด็กชายนั่งรถกลับจากโรงเรียนในตัวเมืองซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 30 กิโลเมตร กิจกรรมวันนั้นที่ต้องทำคือซักผ้า ทำการบ้าน งานบ้านทุกอย่าง แต่ภาพที่เห็นคือแม่กลับบ้านแล้ว(สมัยนั้นไม่โทรศัพท์) แบบงงๆนะ ทุกอย่างกลับเป็นปกติเกือบทุกอย่าง ชีวิตมันเหมือนเดิม แต่หน้าสลับกัน 
แม่ต้องนอนอย่างเดียวเพราะมีแผลผ้าใหญ่มาก นั่งได้แต่ไม่นานเพราะปวดแผล กิจกรรมเราต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง พาแม่ไปขึ้นรถเข็น ไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนแพทเพิต มีอยู่ช่วงหนึ่งนะที่บ้านไม่ค่อยมีตัง แพมเพิดก็แพง บางครั้งต้องใส่ซ้ำอ้ะ คือแม่ไม่ฉี่หรืออุจจาระใส่ เก็บใส่ต่อวันถัดเพื่อประหยัด แสร็จแล้วพาออกไปนั่งที่ร่มไม้ข้างบ้านร่ม อากาศดี ไม่ร้อน เตรียมข้าวเช้า-กลางวันไว้ ยา เตรียมของทุกๆอย่างไว้พร้อม มื้อกลางวันพ่อจะมาป้อนตอนพ่อกลับจากไร่ บ้านเรามีอาชีพทำไร่อ้อย-มันสำประหลัง หลังจากเตรียมแม่เสร็จก็ถึงตัวเอง รีบแต่งตัวรอรถประจำมารับตอน 7โมง ก่อนออกจากบ้านเราจะหอมแม่และก็สวัสดี พอตอนเย็นเลิกเรียนเพื่อนๆต่างก็มีกิจกรรมกันต่อ แต่เรานึกเพียงอย่างเดียวต้องรีบกลับบ้านมาพาแม่อายน้ำ เปลี่ยนแพมเพิม ใส่แพมเพิมมันอบ 
บางครั้งก็เป็นผื่น พาแม่กินข้าว ดูโทรทัศน์ จากนั้นก็ทำกิจกรรมส่วนตัว และกลางคืนที่ไม่ใส่แพมเพิดละทำไง แม่ต้องปลุกเราทุกครั้งที่ปวดฉี่ให้เอาโถฉี่ให้ ส่วนหน้าที่ล้างแผลจะน้ากะพ่อพาไป รพ.ช่วงบ่ายทุกวันเป็นประจำ จนแม่อาการดีขึ้น แม่เป็นคนชอบทำงานบ้าน อะไรที่ช่วยได้แม่จะทำ แม่อาการดีขึ้นเรื่อยๆแผลหายดี แม่ก็นั่งรถเข็นทำไง เริ่มจากดาวบ้าน จัดโน้นจัดนี่ให้เรียบร้อย แม่ก็เริ่มมีพัฒนาการมาเรื่อยๆกาวในบ้านได้ เริ่มอยากจะกวาดนอกบ้าน เริ่มทำมากขึ้น แม่บอกไม่ต้องห้ามแม่ แม่ทำได้ หุงข้าวได้ ทำกับข้าว ด้วยมือข้างเดียวและนั่งรถเข็นอยู่ จะบอกว่าบ้านเราสะอาดกว่าบ้านของคนที่ช่วยเหลือตัวเองได้ซะอีก จนแม่ช่วยเหลือตัวได้ทุกๆ ตอนเห็นแม่ทำก็เป็นห่วงจะทำได้มั้ย ถ้ารถเข็นคว่ำล่ะ ก็แอบมองแม่นะเวลาแม่ทำอ้ะ แม่อาการแต่พ่อกลับอาการแย่ พ่อเป็นโรคหัวใจกับไต ไปมาโรงบาลบ่อย และคนที่เฝ้าทุกครั้งจะเป็นเรากับน้า ต้องเข้ามารักษาใน กทม. ถ้าตรงกับวันที่เราหยุดเราจะมาด้วยเสมอเพราะถ้าเราอยู่พ่อจะดูสบายใจ เพราะเป็นคนตามใจพ่อ ไม่ขัดใจ พ่อเลยชอบที่จะอยู่กับเรา และก็มีน้า น้องสาวแม่ดูครอบครัวเรามาทุกอย่าง เป็นอย่างดี จนมารู้ว่าพ่อเป็นมะเร็งอาการพ่อเริ่มทรุดลงวัน แม้กระทั่งแรงที่จะเดินยังไม่มีต้องนั่งรถเข็นของแม่อีกคัน ภาพที่เห็นคือแม่นั่งรถเข็น เข็นพ่อที่นั่งรถเข็นมานอนหลังบ้าน จนถึงวันที่พ่ออาการเริ่มไม่ดี แย่ลงทุกวัน ตอนนั้นเราเรียนอยู่ปี2 คณะพยาบาลศาสตร์ ที่มาเรียนเพราะพ่อแม่ อยากที่รักษาพ่อ แต่ก็ไม่ทัน เหตุการณ์ไม่ค่ดคิดก็เกิดขึ้น ช่วงนั้นฝึกงาน ก็มีสายที่ไม่ได้รับ "พ่อ" ไม่ได้รับปิดเสียงไว้ พอเห็นก็รีบโทรกลับ คิดว่าพ่อจะโทรมาถามว่าฝึกงานเป็นไงมั้ง แต่ไม่ใช่เลยเป็นน้า โทรมาบอกว่าพ่อเสียแล้ว เริ่มจากงง ทำอะไรไม่ถูก ด้วยวัยเพียง 19 ปี กับเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ตอนนั้นร้องให้หนักมากไม่ใครเห็น อยู่หอน้ามารับไปรับพ่อกลับจาก รพ. หลังจากนั้นช่วงหรือที่อยู่ในงานจะไม่มีใครเห็นน้ำตาเราเลย คิดว่าถ้าเราอ่อนแอไปอีกคน ใครจะดูแลแม่ แม่อยากร้องๆไป เราอยู่ข้างแม่เสมอเวลาแม่ร้องให้ จนงานเสร็จชีวิตเราต้องดำเนินต่อ เรากลับไปเปป็น นศ.พยาบาล มีหน้าที่เรียน ทุกๆวันที่เรามาเรียนจะต้องโทรกลับหาแม่ทุกวัน ไม่มีการขาด เหตการณ์ต่างๆเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งหนี้สิ้นอีกมากมาย ลูกหนี้ที่เคยยืมเงินพ่อหายหมด โดนโกง (นี่มันละครน้ำเน่าดีๆนี่เอง) จนตอนนี้เราอยู่ปี3แล้ว อีกปีเดียวเราก็เรียนจบ มาดูแลแม่อย่างเต็มตัว อย่างจะพาแม่ไปเที่ยวทุกๆที่ที่เราเคยไป แม่เพียงได้ยินจากคำบอกเล่าว่าที่นั้นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จิตนการไปเอง วันที่เรามีความสุขคือแม่ยิ้ม ที่บ้านคนตลกเราเลยมีนิสัยติดตลก ไม่ยอมแพ้ เพราะเรื่องที่เข้ามาในชีวิต ล้วนแต่ไม่เล็ก
ถามว่าท้อมั้ย?? ท้อนะ เพื่อนครอื่นๆได้เที่ยวสนุกสนาน แต่กลับไม่ 
บางครั้งก็คิด นี่คือบทเรียนของสวรรค์กำลังจัดเรียงสิ่งเหล่านี้มาให้เรา แม้จะช้าเราก็รออย่างมีความหวัง ไม่ใช่ความฝัน 
ความหวัง = มีจุมหมาย
ความฝัน. = ไร้จุดหมาย
ทุกๆที่เหตุการณ์เข้ามาล้วนเป็นบททดสอบให้กลับเรา ท้าทายเรา  แม้ข้างทางจะไม่ได้สวยหรู เรียบง่าย สบาย แต่รับรองเส้นชัยต้องคนปรบมือต้อนรับเราอยู่ 

แสดงความคิดเห็น

>