Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รุ่นพี่แวะมาแนะแนว Admission’58 #เอกภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


タマサート大学教養学部日本語学科へようこそ

 
เนื่องจากปี61มีการเปลี่ยนระบบสอบเข้า น้องๆ สามารถติดตามข้อมูลอัพเดตปี61ได้ที่ลิ้งค์นี้เลยนะคะ https://www.dek-d.com/board/view/3809385/

อยากรู้จักภาควิชาภาษาญี่ปุ่นมากกว่านี้ คลิกเลย!!!(กรุณาเข้าเว็บไซต์ในคอมเนอะ ในเว็บภาคมีมัลติมีเดียต่างๆที่ใช้แฟรชค่า ถ้าใช้คอมเปิดจะฟรุ้งฟริ้งมากๆอิอิ) เลือกปุ่มสำหรับนร.ที่สนใจค่ะ และแอด favoriteไว้เลยนะคะน้องๆ
เว็บไซด์ภาคภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รูปโฉมใหม่เต็มรูปแบบ!!!!

ภาควิชาภาษาญี่ปุ่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และกระทู้รีวิวPat7.3จากรุ่นน้องผู้น่ารัก เอกภาษาญี่ปุ่น มธ.ปี58ค่ะ ได้ประโยชน์สุดๆ
http://www.dek-d.com/board/view/3551600/1

พิเศษตบท้ายกระทู้..น้องๆกดติดตามกระทู้กันไว้นะคะ พี่เอกภาษาญี่ปุ่นมธ.57ทั้งครึ่งแรกครึ่งหลัง จะทยอยมาเล่า มาแชร์ มาเม้าส์มอยประสบการณ์ โหดมันฮาของเอกภาษาญี่ปุ่นที่ข้างล่างคอมเม้นต์ค่ะ จับตากระทู้นี้ไว้ให้ดีๆนะ  
   
                                               จาก พี่ๆ เอกภาษาญี่ปุ่น มธ.57



ฝากกระทู้เพื่อนบ้านพี่ๆด้วยน้าาาา

เอกภาษาและวรรณคดีอังกฤษ
เอกภาษาอังกฤษ
เอกจิตวิทยา
เอกภาษารัสเซีย

แสดงความคิดเห็น

>

117 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 18:43 น. 1-1

พี่ว่าติดนะคะ สำหรับเอกรวมถ้า 20,xxxอัพ พี่ว่าเซฟนะคะ
ปล.แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดการของพี่น้าาาา

0
BbguniiZz 10 เม.ย. 58 เวลา 19:13 น. 1-3

สาธุ!! ขอขอให้ติดเข้าเอกญี่ปุ่นได้ด้วยเถิดดด5555

0
Nana 10 เม.ย. 58 เวลา 19:21 น. 2

ขอขอบคุณรุ่นพี่มากๆเลยค่าาาาาาาาาาาโกรธแล้วนะ
เพียงเท่านี้หนูก็หายสงสัยแล้ว กระจ่างชัดเเจ่มเเจ้งเเดงเเจ๋เลยยย ก่อนหน้านี้ก็นั่งกลุ้มใจอยู่นานเลย Orz

1
Wernwern in Ponyland 10 เม.ย. 58 เวลา 20:51 น. 2-1

ทางทีมงานที่ทำกระทู้ก็เป็นปลื้มที่ทำออกมาแล้วน้องเข้าใจค่ะเยี่ยม

0
pfunnkongubol 10 เม.ย. 58 เวลา 19:22 น. 3

หนู 20,xxx สุ่มเสี่ยงเอา มธ. ปุ่นไว้ที่ 1 ค่ะ T__T (Pat ได้แค่ 237)
แต่หนูสับสนตัวเองกับ วารสารศาสตร์อยู่

หวังว่าจะได้เป็นรุ่นน้องพี่ๆนะคะ

2
กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 21:37 น. 3-1

ยื่นมาเลยค่ะ!!!!
รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลองงงง
คะแนนน้องมีลุ้นนะคะ อาจจะติดก็ได้ แล้วขอให้โชคดีมาเจอกันวันแรกพบนะคะ

รักเลย

0
Zaraki Haku 11 เม.ย. 58 เวลา 10:06 น. 3-2

ยื่นเลยครับ อย่างน้อยๆก็ไม่เสียดายที่จะได้ยื่น เพราะพี่ก็ติดมาแบบคะแนนใกล้ๆน้องเลยครับ

0
Wernwern in Ponyland 10 เม.ย. 58 เวลา 19:46 น. 4

คอมเม้นต์นี้เป็นส่วนเพิ่มเติมนะแจ๊หนูๆทั้งหลาย
หลังจากที่อ่านข้อมูลที่แลดูวิชาการ กลัวน้องเครียดเนาะ มาดูกันดีกว่าว่า
เด็กศิลปศาสตร์ที่นี่เค้าทำไรกันบ้างโน้ะ
(อ่านยากหน่อยนะ พิมพ์จากWordจ้ะ555)

สังคมคณะศิลปศาสตร์ เป็นคณะที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกทั้งเป็นคณะที่ไม่มีระบบโซตัสในการรับน้อง ไม่ต้องเข้าห้องเชียร์เพื่อเอารุ่น แต่จะมีเป็นกิจกรรมของโต๊ะ**(ซึ่งไม่เป็นการบังคับแต่อย่างใด)  เนื่องจากจำนวนนักศึกษาที่จำนวนมากนั้นอาจทำให้นักศึกษาอาจรู้จักกันไม่ทั่วถึง จึงเป็นที่มาของ โต๊ะ** โต๊ะในที่นี้คืออารมณ์คล้ายๆแบ่งเป็นบ้านๆเหมือนในแฮร์รี่พ็อตเตอร์ ที่ศิลปศาสตร์จะมีอยู่ 6 โต๊ะ ซึ่งจำนวนโต๊ะทั้ง6นั้นมาจากสัญลักษณ์ของคณะ ได้แก่ 1.ลายสือ 2.ปากจอว์ 3.น้ำพุ 4.ลานโพ 5.จิ้งหน่อง 6.สวนศิลป์ ในการจัดแบ่งโต๊ะนั้นเริ่มแบ่งโต๊ะตอนน้องๆมาวันแรกพบ ในโต๊ะจะมีเพื่อนๆมาจากหลายๆเอกมารวมกันและจะทำกิจกรรมด้วยกันไปจนวันที่น้องๆจบ(ถ้าหากว่าน้องไม่ออกจากโต๊ะซะก่อน55>>ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองว่าชอบหรือเปล่า อันนี้ไม่ได้บังคับเช่นกัน แต่การมีเพื่อนโต๊ะถือว่าได้มีสังคมไปอีกแบบหนึ่งนอกเหนือจากการเพื่อนในเอก ประสบการณ์พีคๆเยอะเลยแหละจะบอกให้ อิๆ) ที่นี้มาเข้าเรื่องกิจกรรมกันดีกว่า โดยเริ่มจากวันแรกพบค่ะ เป็นวันที่ได้มาเจอเพื่อนใหม่ จัดขึ้นที่ท่าพระจันทร์(คนแน่นมากเด็กทุกคณะมากันนี่ ท่าพระจันทร์แทบแตก=3=)ก็จะทำกิจกรรมสันทนาการกับแบ่งโต๊ะนี่แหละค่ะ อยากจะบอกว่าศิลปศาสตร์นี่แจวเรือทั้งวันเลย55555 หลังจากวันแรกพบไปได้ซักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์จะมีกิจกรรมคณะคือ งานสืบสานตำนานศิลป์ งานนี้จัดโดยเฉพาะของศิลปศาสตร์ นอนค้างที่ท่าพระจันทร์คืนนึงค่ะ นอนที่ตึกคณะด้วยแหละ เหอๆๆๆๆ (ไม่ได้นอนโซนลิฟต์แดงวางใจได้จ้ะ555)ก็จะมีการแบ่งเป็นสีๆไป สีคณะศิลปศาสตร์คือสีส้ม ฉะนั้นแต่ละชื่อของกลุ่มสีคือสีส้มค่ะแต่คนละภาษา@w@ เช่นออเรนจิ โอแรงเย่อ ลาลันจ้าไรงี้เป็นต้น(พี่จำได้ไม่หมด555) แต่ขอบอกเลยสนุกมาก หลังจากงานสืบสานก็คงจะเป็นกิจกรรมของมหาลัย ซึ่งก็คือรับเพื่อนใหม่กับปฐมนิเทศ โปรดอย่าพลาดค่ะ ย้ำเลย การแสดงเพียบบบบบ พูดแล้วยังอยากไปดูอีกเลยล่ะค่าาา ถัดจากนั้นก็จะเป็นพวกปฐมนิเทศเอกค่ะ อันนี้แล้วแต่คณะว่าจะกำหนดวันไหนเมื่อไหร่ พอใกล้ๆช่วงเปิดเทอมตอนรุ่นพี่ตอนนั้นพอดีพี่ๆปี4เค้ารับปริญญากันมีการไปบูมบัณฑิต(เพื่อหาเงินสำหรับไปรับน้อง) เอ้อเกือบลืมไปเลย มันจะมีช่วงให้น้องลงเรียนวิชาเรียน ถ้าให้ดีวันปฐมนิเทศเอกอย่าขาดนะเพราะเค้าจะมีอธิบายพวกนี้อยู่ ขอเตือนน้องๆว่าวันลงทะเบียนวิชาเรียน เน็ตต้องแรง มือน้องต้องไวนะ555 ทีนี้ขอกลับมาเรื่องโต๊ะต่อ 55 พอเปิดเทอมแล้วคณะศิลปศาสตร์เราจะมีอาทิตย์นึงที่เรียกว่า "Crazy Week" เป็นอาทิตย์แห่งการแต่งตัว(หลุดโลก ถ้าน้องมั่นพอ55) วันแรกคือBack to Schoolคือการแต่งตัวย้อนไปวัยมัธยมจ้า คนในคณะแลดูหน้าเด็กทุกคน555วันถัดๆมาก็จะเป็นธีมต่างๆซึ่งแต่ละปีจะมีไม่เหมือนกัน พอมาถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์จะเป็นวันแสดเดย์หรือจะเรียกอีกอย่างว่าวันประกวดโต๊ะ เป็นวันที่ชาวศิลปศาสตร์ร่วมกันใส่เสื้อสีแสดของคณะ และเป็นวันที่เด็กปี1 จะมาประกวดโต๊ะที่ช่วยๆระบายสีกัน+การแสดงที่ต้องเข้ากับคอนเซ็ปต์รูปที่ระบาย (ปัจจุบันโต๊ะไม่มีให้ระบายแล้วTwTเป็นไม้อัดแทน เศร้าจัง) มีเวลาอาทิตย์นึงในการเตรียมตัวแสดงซึ่งอาทิตย์นั้นก็คือ Crazy Week นี่แหละค่ะ หลังจากนั้นเกือบๆครึ่งเทอมก็จะมีการแสดงเชียร์โต้ของคณะ เป็นการแสดง+ประสานเสียงของแต่ละโต๊ะ ใครได้มาร่วมงานนี้เป็นอะไรที่พีคนะแต่ก็แลกมากับความเหนื่อยตอนซ้อมนี่แหละ คุ้มค่าค่ะ ประทับใจแน่นอน หลังจากนั้นก็จะมีรับน้องโต๊ะอันนี้แล้วแต่ว่าโต๊ะไหนจัดเมื่อไหร่กันค่ะ และอีกหลายกิจกรรมอาทิ Sleepless night>>สำหรับน้องสาวๆประเภทสอง โชวฝีมือกันให้เต็มที่นะ เพราะในงานนี้มีประกวดMiss L’Arts กับประกวดดินโต๊ะจ้า สนุกแน่นอน พอมาถึงช่วงปลายๆเทอม1 เป็นงานที่เด็กปี1รอคอย ซึ่งก็คือ Freshy Games>w<!!!!! น้องปีหนึ่งต้องร่วมแรงร่วมใจกันนะคะ ทั้งทำแสตนด์เชียร์ พาเหรดอะไรพวกนี้ ใครที่มาร่วมงานนี้จะยิ่งได้รู้จักเพื่อนมากขึ้นไปอีก อาจจะเกือบทั้งคณะ5555:p งานนี้ก็สู้ๆเนอะ พวกพี่ๆปีอื่นๆก็คอยเอาใจช่วยจ้ะ วันจริงเราต้องไม่น้อยหน้าเด็กคณะอื่น>w< อิๆ ยัง ยังไม่จบนะพอมาประมาณเดือนพฤศจิกายนจะมีOpen Houseของมหาลัย ทางคณะศิลปศาสตร์ก็จะมีแนะแนวน้องๆมัธยมกับการแสดงต่างๆ รวมทั้งขายอาหารของแต่ละเอกจ้า อร้ายสนุกจุงเบย5555 หลังเฟรชชี่เกมส์ยังมีอีกงานนึงที่ใหญ่ไม่แพ้กันคือ งานเชียร์ธรรม งานเชียร์ธรรมมันเหมือนงานเชียร์โต้แหละแต่ว่ามันใหญ่กว่า คืออันนี้แข่งเป็นคณะๆเลย โอ้โหวววววอลังค่ะบอกเลย แต่ละคณะนี่จัดเต็ม จนถึงบรรทัดนี้ก็เขียนมาเยอะมากพอสมควร น้องคนไหนที่อ่านมาถึงตรงจุดนี้ น้องถึกมากบอกเลย5555 ทั้งหมดนี้แค่เทอมแรกนะ เดี๋ยวto be continued เทอมสองแจ้ ม้วฟๆ

4
Wernwern in Ponyland 10 เม.ย. 58 เวลา 19:47 น. 4-1

พาร์ทเทอมสองแจ้ หลังจากเทอมแรกผ่านไปน้องคงจะรู้ซึ้งเกรดเทอมแรกกันดี TwT สู้ๆเนาะเป็นช่วงปรับตัวเป็นเรื่องปกติของเด็กมหาลัยปี1แหละ เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันต่อ ในส่วนของเทอมสองนั้นเริ่มหลังจากช่วงปีใหม่ กิจกรรมก็จะไม่ค่อยมีแล้วล่ะ เรียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆพอมาเดือนกุมภาพันธ์(ของปีพี่นะปีน้องอาจจะจัดเดือนอื่น อันนี้ไม่แน่ใจครัช) งานที่ลูกแม่โดมรอคอยมานานนั่นก็คือ งานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์จ้า จัดที่สนามกีฬาศุภชลาศัย(มันคือสนามกีฬาแห่งชาติน่ะแหละ=3=)น้องๆสามารถเป็นส่วนหนึ่งการแปรอักษรภาพหรือจะซื้อตั๋วเป็นผู้ชมไม่ก็สมัครเป็นสตาฟก็ได้น้า แต่อยากให้ช่วยขึ้นเชียร์บนแสตนด์จัง555ของฟรีของรางวัลเพียบจ้างานนี้ก็ห้ามพลาดเช่นกานอิๆ พอมาเดือนมีนาคม ก็จะมีงานL’Arts Gamesจ้า เป็นงานกีฬาสีของคณะเลย เพิ่งจัดปีพี่ปีแรก (และพี่ก็ไม่ได้เข้าเพราะชนกับวันรับน้องเอกญี่ปุ่น) เอ่อพี่ลืมไปเลย เรื่องรับน้องเอกญี่ปุ่นเทอมสองจะเป็นรับน้องใหญ่นะ คือรวมครึ่งแรกครึ่งหลังจ้า ส่วนก่อนหน้านี้คือเทอมแรกจะรับน้องครึ่งแรกที่มหาลัยไปก่อนอีกทั้งจับสายเทค น้องครึ่งหลังจะจับสายเทคก็ตอนเทอมสองน่อ เขียนวนไปวนมาน้องอย่าเพิ่งงงนะ55555 โอเคมาต่อๆ หลังจากงานกีฬาสีคณะก็จะเป็นงาน One Arts จ้า เป็นงานที่จัดกิจกรรมร่วมกันระหว่าง คณะอักษรศาสตร์กับศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทั้งสี่แห่ง นั่นก็คือ อักษรศาสตร์จุฬา ศิลปศาสตร์ธรรมศาสตร์
อักษรศาสตร์ศิลปากร และ ศิลปศาสตร์มหิดลจ้า กิจกรรมน่าจะหมดแล้วเนอะเอาเท่าที่พี่นึกออก คนเขียนแทบกระอัก55555
จากพี่เอกญี่ปุ่นคนหนึ่งผู้ซึ่งชอบเข้ากิจกรรม 5555 (ปกติเอกญี่ปุ่นจะถูกมองว่าเป็นเอกเนิร์ดเอกหลืบ=w=55>>ก็ควิซกับการบ้านมันเยอะนี่นาTwT)
สุดท้ายนี้ก็ขอให้น้องๆที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเอกญี่ปุ่นศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์หรือจะเด็กเอกอื่นๆก็ตาม ใช้ชีวิตปี1ให้คุ้มนะหนู เพราะเวลามันผ่านไปเร็วมากกกกกกกกกกกก อะไรที่อยากทำก็ทำซะ เล่นเรียนให้เต็มที่ โอ๊สสสสส!!!>w<b
ปอลิง คอมเม้นที่พี่เม้นมาใต้กระทู้เอกญี่ปุ่นนี้น้องเอกอื่นอ่านได้เน่อ ส่วนเรื่องรายละเอียดข้อมูลเอกอื่นๆก็รอติดตามกันจ้า

0
Wernwern in Ponyland 10 เม.ย. 58 เวลา 20:03 น. 4-3

นั่งปั่นหนึ่งคืนค่ะพี่ทายจูเนียร์55555อินเนอร์มาเต็มข่าาาาอารมณ์ดี

0
เฟย์จังผู้น่ารัก 10 เม.ย. 58 เวลา 20:12 น. 5

สวัสดีค่ะ พี่ชื่อเฟย์นะคะ เป็นเอกญี่ปุ่นครึ่งหลังจ้า
ตอนม.ปลายพี่เรียนวิทย์-คณิตมาก่อน (ซึ่งพี่ก็มั่นใจว่าน้องสายวิทย์-คณิตหลายคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไม่สามารถใช้ชีวิตกับมันได้อีกต่อไปแล้ว 5555555) ก็จะมาเล่าประสบการณ์ของตัวเองในการเป็นปี 1 ในรั้วมธ.นี้เนอะ อาจจะอ่านยากและงงๆ มึนๆ หน่อยนะเพราะปกติพี่ไม่ค่อยพิมพ์อะไรยาวๆ แบบนี้เท่าไหร่ 55555

เริ่มที่การเรียนในช่วงปี 1 ของพี่ก่อนแล้วกันนะ ขอพูดถึงตัวที่น้องต้องเรียนแน่ๆ อย่าง JP171 + JP172 (ภาษาญี่ปุ่น 1 กับภาษาญี่ปุ่น 2 ตามลำดับเลย) แล้วกันเนอะ
สำหรับคนที่ไม่มีพื้นแบบเราๆ ก็เริ่มกันที่วิชา JP171 (ภาษาญี่ปุ่น 1 เรียนปี 1 เทอม 1) นี่แหละ ซึ่งเป็นตัวที่สำคัญสำหรับเราๆ ที่จะเข้าเอกญี่ปุ่นมากๆ เพราะต้องใช้เกรดของวิชานี้ยื่นเข้าเอก วิชานี้จะมีทั้งคำศัพท์ คันจิ ไวยากรณ์ และฟังพูดระดับพื้นฐานโดยจะเรียนกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่น 3 ชั่วโมง(เน้นศัพท์ คันจิ ฟังพูด)และอาจารย์ขาวไทย 3 ชั่วโมง(เน้นไวยากรณ์) ต่อสัปดาห์จ้ะ สำหรับพี่แล้วคิดว่าไปค่อนข้างไวเลยนะสำหรับคนไม่มีพื้น อย่างพวกตัวอักษรพวกฮิรางานะ+คาตาคานะรู้สึกจะสอนแค่สัปดาห์เดียว เพราะงั้นพี่แนะนำให้จำมาก่อนเลยดีกว่า แล้วระหว่างเรียนก็แนะนำให้น้องดูศัพท์+ไวยากรณ์มาก่อนขึ้นบทใหม่มาก็ดีนะเพราะในห้องมันไปค่อนข้างไวจะได้ตามทัน(อย่างน้อยก็ฟังที่อาจารย์พูดๆ อยู่แล้วรู้ว่ามันอยู่ตรงไหนของหนังสือก็ยังดีนะ ฮี่) แล้วก็เรื่องที่อยากจะเตือนเลยคือถึงจะเห็นว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นตัวแรกก็เถอะแต่ควิซกับการบ้านนี่มาบ่อยและมาเต็มมากกกกกกก ควิซนี่คือแบบมาทุกบทอะ แล้วแบบสัปดาห์นึงเรียนบทนึง สัปดาห์ต่อมาก็ควิซแล้วก็ขึ้นบทใหม่แล้วก็วนลูปแบบงี้ การบ้านก็สั่งบ่อยและให้ส่งเร็วมากด้วย เพราะงั้นน้องต้องขยัน ต้องถึกด้วยนะ ต้องไม่ตายคากองการบ้านและคะแนนควิซ ต้องผ่านมันไปให้ได้
ส่วน JP172 (ภาษาญี่ปุ่น 2 เรียนปี 1 เทอม 2 ซึ่ง ณ ปัจจุบันพี่กำลังจะตายกับตัวนี้อยู่) นี่เร็วและอัดกว่า JP171 อีก ศัพท์และคันจิจะถาโถมมากโดยเฉพาะคันจิ อย่าง JP171 แต่ละบทจะมีคันจิให้จำประมาณ 10 ตัว (อันนี้ของบทหลังๆ นะ บทแรกๆ ก็จะน้อยๆ เหมือนค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาให้) แต่ของ JP172 จะเลเวลอัพเป็นประมาณ 20 – 30 ตัวต่อบท ซึ่งมันก็ควิซทุกสัปดาห์เหมือนเดิมด้วย 55555 เพราะงั้นต้องขยันยิ่งกว่าเดิม ไวยากรณ์ก็จะซับซ้อนขึ้นด้วย (แหงละ) ซึ่งวิชานี้สำหรับเด็กเอกญี่ปุ่นต้องได้เกรด B ขึ้นไปด้วยนะ ถ้าได้น้อยกว่านี้น้องต้องลงเรียนใหม่แล้วสอบให้ได้ B ขึ้นไป (เรียกแบบนี้ว่ารีเกรดจ้า)

แล้วก็สังคมกับกิจกรรม คณะศิลปะศาสตร์นี่กิจกรรมส่วนใหญ่ไม่บังคับเข้านะ ช่วงเทอม 1 กิจกรรมของคณะจะเยอะแบบถาโถมมาก (ซึ่งพี่ก็ทำมันเกือบทุกอันเลย นึกคึกอะไรไม่รู้) ซึ่งกิจกรรมมันก็หลากหลาย มีตั้งแต่วาดรูประบายสี ร้องเพลง เล่นละคร ไปจนถึงงานกีฬาใช้แรง พี่แนะนำให้เข้าร่วมบ้างก็ดีนะเพราะเราจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ จากกิจกรรม (ส่วนตัวของพี่เองนะกิจกรรมอะไรพวกนี้ก็ทำให้พี่สนิทกับเพื่อนๆ ในโต๊ะแล้วก็รู้จักเพื่อนๆ เอกอื่นมากขึ้นนะ) พี่ว่าถ้าแบ่งเวลาดีๆ กิจกรรมกับการเรียนก็ไปพร้อมๆ กันได้นะ ยังไงก็มาลองดูก่อน :3
ส่วนสังคมนี่คณะศิลปศาสตร์ถือว่าเป็นคณะที่เฮฮาและเกรียนเป็นอันดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเลย คนในคณะส่วนใหญ่จะเฟรนลี่และเป็นกันเอง พร้อมที่จะบ้าๆ บอๆ ไปด้วยกัน (เกรียนกันยันงานระดับมหาวิทยาลัยอะ 555555) ส่วนสังคมของเอกญี่ปุ่นนี่พี่อาจจะพูดอะไรมากไม่ได้เพราะเพิ่งอยู่มายังไม่ถึงเทอมเลย แต่จากการพูดคุย เข้าหา ล่อลวง(?) พี่ว่าเพื่อนเอกและรุ่นพี่ทุกคนน่ารักนะ ทุกคนดูพร้อมจะบ้าบอไปด้วยกันได้ 5555

สรุป โพสต์นี้มีสาระอะไรมั้ย
ก็ไม่
อ่านรู้เรื่องมั้ย
ก็ไม่
พี่ยังงงงงและก่งก๊งกับที่ตัวเองพิมพ์เลย 555555555555555555555555555

ไว้มีอะไรเพิ่มเติมจะมาอีดิทนะ หรือถ้ามีคำถามอะไรติดแฮชแทค #TUJP ในทวิตเตอร์ก็ได้นะ เดี๋ยวตามไปตอบให้ แฮ่!
ขอให้น้องๆ ทุกคนสู้ๆ แล้วเจอกันน้า ~

8
พยายาม 20 เม.ย. 58 เวลา 21:17 น. 5-3

ขอสอบถามหน่อยนะคะ เอกรวมนี่ ต้องใช้ คะแนนเท่าไหร่ในการยื่นหรอค่ะ แล้วต้องสอบ pat1 ไหมอะคะหรือสอบแค่ pat7 อย่างเดียวอะคะ รบกวนด้วยนะคะ TT

0
พยายาม 21 เม.ย. 58 เวลา 19:53 น. 5-5

แล้วใช้คะแนนแพท7 เท่าไหร่อะคะ // ต้องมากกว่า 225 ขึ้นเหมือนแพทญี่ปุ่นรึป่าวค่ะ

0
domtoey 1 ก.ย. 58 เวลา 20:29 น. 5-6

พี่ครับพี่เรียนเอกรวมมาก่อนใช่มั้ย? คือตอนนี้ผมยุม6 ถ้าอยากเข้าเอกรวมห้ามสอบpat7.3ใช่มั้ย เเล้วต้องยื่นอะไรบ้างอ่ะครับ 0.0

0
🐹กระรอกอาร์กติก🐹 2 ก.ย. 58 เวลา 00:41 น. 5-7

ตอบแทนให้นะคะ ห้ามสอบแพท7.3ค่ะ ไม่ว่ากรณีใดๆก็ห้ามสอบนอกจากนั้นก็ห้ามอยู่ศิลป์ญีาปุ่น ห้ามเคยไปหรืออยู่ญี่ปุ่นเกิน3เดือนค่ะ ส่วนยื่นอะไรบ้างก็ลองหาๆดูเนอะ ข้อมูลหาไม่ยากเลยค่ะ

0
สงสัยค่ะ 10 เม.ย. 58 เวลา 20:16 น. 6

ขอถามหน่อยนะคะ ถ้าจะเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชาโทเเต่ไม่มีความรู้พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นต้องสอบ PT มั้ยคะ ขอบคุณค่าาาา

3
เฟย์จัง งัง งัง 10 เม.ย. 58 เวลา 20:29 น. 6-1

สำหรับน้องที่จะเรียนวิชาโทเป็นภาษาญี่ปุ่น จะสอบหรือไม่สอบ PT ก็ได้ค่ะ
ถ้าน้องไม่สอบน้องก็จะต้องเริ่มเรียนจากภาษาญี่ปุ่น 1 (วิชา JP171) ค่ะ

0
Yukuro \'z 10 เม.ย. 58 เวลา 20:32 น. 6-2

ไม่ต้องสอบครับ การสอบPTมีไว้สำหรับคนมีพื้นเพื่อจะได้ข้ามตัวพื้นฐานครับ

0
7347 10 เม.ย. 58 เวลา 20:18 น. 7

แล้วถ้าจะแอดเข้าแบบใช้คะแนนสายวิทย์นี่มันจะไม่เสียเปรียบเหรอครับ เพราะเอกรวมนี่คือรับแบบรวมกัน

ทุกแบบการยื่นคะแนนเลยรึเปล่าอ่าครับ (พอดีดูในโปรแกรมคำนวณแล้วคะแนนขั้นต่ำมันเท่ากันหมด)

ขอบคุณพี่ๆมากครับ

2
Wernwern in Ponyland 10 เม.ย. 58 เวลา 20:46 น. 7-1

เอ่อ น้องหมายถึงยื่นแพทเลขรึเปล่าคะ
คือถ้าใช่ก็เสียเปรียบหน่อยน่ะค่ะ
เพราะว่าเค้ารับรวมกันแบบนี้มานานแล้วค่ะฮือฮือ

0
秋森 10 เม.ย. 58 เวลา 21:40 น. 8

ลุ้นคะแนนpatรอบสอง ได้เกินเกณฑ์มานิดนึง (>w<)/ เย้~

---แก้ไขลบคะแนนตัวเองทิ้งค่ะ กลัวคนอื่นเห็น(??)---
PTนี่มันมีสอบตกมั้ยคะ?
ตอนนี้เริ่มลืมญี่ปุ่นแล้ว ต้องกลับมาอัดพื้นใหม่ T_T

3
กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 21:44 น. 8-1

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ ศิลปศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่นค่ะ 555555555555555555555555555555

สอบP.T.ไม่มีตกค่ะ ถ้าจะมีก็คือมีไม่ผ่านเกณฑ์ซึ่งเราอาจจะข้ามตัวเรียนบางตัวไม่ได้ค่ะ สมมุติทั้งเอกผ่านเกณฑ์มีเราไม่ผ่านเกณฑ์เราก็จะอดเรียนตัวเดียวกับเพื่อนนั่นเองค่าาา

0
秋森 10 เม.ย. 58 เวลา 21:47 น. 8-2

ขอบคุณมากค่าาา >w<
อย่างงี้ต้องพยายามให้สมกับที่ทำคะแนนpatผ่านเกณฑ์แล้วสินะคะ
ตั้งใจ

0
2K239 10 เม.ย. 58 เวลา 21:52 น. 9

ขอบคุณพี่ๆมากนะคะ เป็นประโยชน์มากๆ  ช่วยรับหนูไปเป็นรุ่นน้องด้วยยยยยยยยยย TT

รอแอดค่ะ คะแนนพอไปวัดไปวา แต่ไม่รู้จะไปถึงรังสิตไหมแง
(ยื่น PAT ญี่ปุ่นค่ะ เกิน75% มานิดนึง 555)

ถามค่ะ เอกญี่ปุ่น คุ(นั่นแหละค่ะ..) เยอะไหมคะ?

4
กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 21:57 น. 9-1

เจอกันวันแรกพบนะคะ อิอิ
เอกญี่ปุ่นจะมีคนหลายประเภทค่ะ เพื่อนๆที่ชอบการ์ตูนมากๆๆก็มีค่ะ แต่ก็มีจำนวนนึงนะ ไม่ได้เยอะ เทียบกับคนที่ชอบดูเฉยๆ(อย่างพี่เป็นต้น) หรือรู้สึกเฉยๆกับการ์ตูน หรือคนที่แบบว่าไม่รู้จักการ์ตูนเลย ก็มีค่ะ(เชื่อมะ นางไม่รู้จักการ์ตูนญี่ปุุ่นเรื่องไหนเลย ยกเว้น โดราเอมอน กับคิดตี้ 5555555555555555555555555555 ตายนางมาอ่านพี่ซวยเลย 555) ติ่งวงเคป๊อปเกาหลีก็มีค่ะ ติ่งเจป๊อปญี่ปุ่นก็มีค่ะ ติ่งปรัชญายังมีค่ะน้อง เยอะมาก .... ช่างเป็นเอกที่แปลกจริงๆ 55555555555555555

0
กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 22:51 น. 9-4

ไม่ต้องกลั้ว 555555
พี่ว่าตลกเพื่อนดีค่ะ เวลาเพื่อนทำอะไรแปลกๆเราจะตลกค่ะ 55555 เป็นเอกที่มีสีสันออกน้า บอกแล้วอาจจะไม่เข้าใจ ต้องเข้ามาสัมผัสเองค่ะ อิอิ

0
ถามแทนเพื่อน 10 เม.ย. 58 เวลา 22:34 น. 10

พี่ครับเพื่อนผม ยื่นแบบ แพทยุ่น ได้คะแนนแอด 23240 นี่มีสิทธิ์หลุดไหม๊ครับ มันอยากได้ที่นี่มากๆ ส่วนตัวผมคิดว่ามันคงไม่หลุด แต่กลัวปีนี้คนเทมาไรงี้คับ

7
กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 22:36 น. 10-1

ไม่หลุดค่ะ ไม่หลุดจริงๆนะ 55555 ฝากบอกเพื่อนว่า "ยินดีต้อนรับเข้าเอกญี่ปุ่น มธ. " นะคะ 555555555555555
ขำ

0
กระรอกอาร์กติก 10 เม.ย. 58 เวลา 23:28 น. 10-5

พี่ก็ตกใจนึกว่าเป็นเด็กซิ่ว 5555 บอกเพื่อนน้องว่าไม่ต้องซีค่ะ วันรอผลแอดก็ใช้ชีวิตสบายๆ ซื้อหัวเข็มขัด เนคไทเผื่อไว้พลางๆค่ะ 55555 อ้อ แล้วก็อ่านหนังสือทวนเพื่อสอบP.T.ด้วยนะ อันนี้ห้ามลืม อิอิ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

BANK 10 เม.ย. 58 เวลา 23:06 น. 11

อยากไปเป็นรุ่นน้องจังครับ -0- ผมสไตล์เดียวกับพวกพี่ๆ เลยบ้าๆต๊องๆ คะแนน
22057 จะได้ใหมเนี่ยครับ จากเด็กแผนศิลป์ญี่ปุ่นมาก่อนช็อค

3
Guno 10 เม.ย. 58 เวลา 23:06 น. 12

(เอกญี่ปุ่นครึ่งแรก 57ครับ)
สวัสดีครับ ผมเชื่อว่าเรื่องราวโดยทั่วไปเกี่ยวกับชีวิตและการเข้าเอกภาษาญี่ปุ่นนั้นได้ถูกอธิบายอย่างดีเยี่ยมแล้วในกระทู้ด้านบนและคอมเมนต์อื่นๆ แต่ถ้าคอมเมนต์ของผมจะอวดวิเศษได้ก็คงเพราะ
ประการที่๑ ผมมาจากสายวิทย์-คณิต
ประการที่๒ ผมเป็นผู้ชาย
ประการที่๓ ผมจะพยายามคลี่คลายมายาคติผิดๆที่มีต่อการเรียนต่อสายนี้ครับ
ผมจะเล่าแบบค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน

สมัยมัธยมผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา และเรียนทางวิทย์-คณิต แต่ผมสนใจเสพอนิเมะ และนิยายญี่ปุ่น เลยตั้งใจจะเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย แรกๆก็นึกอยากเข้าศิลป์ญี่ปุ่นเหมือนกันนะครับ แต่ด้วยเกรดภาษาอังกฤษที่น่าเวทนา และผมก็ยังที่ทัศนคติทางบวกกับวิชาวิทย์ด้วย ผมเลยไม่ได้เข้า แต่ก็ศึกษาเอาเองโดยซื้อหนังสือสอนภาษาญี่ปุ่นเล่มเล็กๆมาอ่านๆดูแทน แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร แค่จำตัวฮิรางานะกับคาตากานะได้และรู้ไวยากรณ์กระจอกๆเท่่านั้น หลังช่วงน้ำท่วมผมถึงตัดสินใจเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ที่สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นแถวๆสุขุมวิท โดยคาดหวังว่าจะสามารถเสพสื่อญี่ปุ่นโดยตรงได้สักวันหนึ่ง เวลาที่ผมดูอนิเมะผมจะจดคำพูดที่พอจะแกะได้ หรือคันจิประหลาดๆไว้ในกระดาษทดที่วางไว้ที่โต๊คอมพิวเตอร์ ฟังดูขยันใช่มั้ยครับ? แต่มันไม่ต้องขยันหรอกนะครับถึงจะทำได้ ผมทั้งหมดนั่นด้วยอาการประหนึ่งกิจวัตรธรรมดาเท่านั้น ความพยายามที่ใช้ก็พอๆกับการผูกเชือกรองเท้าก่อนออกจากบ้านนั่นแหละครับ ศัพท์ที่จดๆมาผมก็จำได้ไม่ถึงครึ่ง

ระหว่างที่ความพิสมัยต่อวิชาสายวิทย์กำลังถอยถอยอย่างรวดเร็ว ผมก็ขึ้นม.๖และรับรู้โดยไม่ต้องคิดว่าผมไม่มีความต้องการใดๆที่ะต่อสายที่ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์หรือชีวหรือเคมีหรือฟิสิกส์ ขยาดเกินกว่าจะอ้าแขนยอมรับพวกมันมาจุ้นจ้านในชีวิตผมไปอีกหลายปี ผมไม่ได้คิดเลยว่าจะเรียนต่อภาษาญี่ปุ่น และคิดด้วยซ้ำว่าไม่เห็นจะจำเป็นต้องต่อ ในเมื่อขอแค่สอบวัดระดับถึงN1ได้จะจบมาหรือไม่จบมาก็ไม่เห็นต่างกัน ไม่สู้ไปร่ำเรียนวิชาอื่นดีกว่า แต่ก็ไม่รู้จะเรียนอะไร ผมมีความสนใจเป็นพิเศษกับสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าปรัชญา จิตวิทยาและศิลปะ แต่ด้วยไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักผมจะไม่บอกว่าทำไมถึงไม่ต่อสาขาเหล่านี้ หลังจากดูเพื่อนฝูงติดที่นู่นที่นี่ไปที่ละคนด้วยความยินดีปนสะเทือนใจลึกๆ(แต่น้องรุ่น59คงไมม่มีฟีลนี้กัน เพราะการรับตรงถูกจับมาสอบทีเดียว ไม่รู้หัวเราะหรือร้องไห้ดี #การศึกษาไทยจงเจริญ) ผมเลยตัดสินใจจะต่อสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น เพราะผมเชื่อว่ายิ่งผมเข้าใจภาษาพวกเขาเร็วเท่าไหร่ ก็จะเข้าถึงความรู้ต่างๆที่ไม่พบในภาษาไทยทั้งปรัชญา จิตวิทยา แนวคิด นวนิยายได้เร็วเท่านั้น และการเรียนสายนี้จะทำให้มีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วย แทนแผนเดิมที่จะเรียนอะไรสักอย่างแล้วใช้เวลาว่างเรียนภาษาญี่ปุ่น และผมเชื่อแบบซื่อๆว่าสายนี้ไม่ตกงานอย่างแน่นอน ผมที่แทบจะนอนสอบตอนโอเน็ตจึงต้องมาพยายามทำเกรดและคะแนนแพท๗.๓ให้ได้มาที่สุด ถึงตรงนี้นับว่าตัดสินใจยากพอสมควรเพราะด้วยความเป็นสายวิทย์ผมจะแสร้งโง่เข้าเอกรวมก็ได้ แต่ผมไม่ทราบว่ามหาลัยจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าผมเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นในสถาบันอื่น ผมก็ดันซื้อใบสมัครสอบวัดระดับN4ไปแล้วด้วย แถมไม่อยากเรียนเรื่องที่รู้ๆอยู่แล้วด้วย(ขณะนั้นเรียนตำรามินนะฯเล่ม๔ต้นๆ) ด้วยประการต่างๆนี้ผมต้องหยิบหนังสือมาอ่านอย่างเร่งด่วน

ที่ผมตัั้งใจเลือกธรรมศาสตร์เป็นอันดับ1 เพราะจากคำแนะนำของเหล่าเซนเซที่สสท. และเหตุผลที่ไม่มองจุฬาเพราะผมเข้าใจดีถึงความสูงส่งทางวิชาการของที่นั่น เลยประเมิณไว้ว่ามันน่าจะเกินมือผม ถึงตรงนี้อาจมีบางคนเห็นเป็นประเด็นอ่อนไหว ขอพูดตามตรงว่าบางครั้งผู้บริหารธรรมศาสตร์บางท่านเองก็มักเปรียบเทียบจิกจุฬาบ้างเหมือนพวกมีปม เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิงสำหรับผม คณาจารย์หลายท่านก็ไม่ได้จบจากธรรมศาสตร์ และบางท่านก็จบจากจุฬาฯ แะท่านเหล่านั้นก็ใช้เวลามาประสาทวิชาแก่นักศึกษา(อย่างหนักและเต็มที่) เป้าหมายของผมอยู่ที่การเข้าถึงสื่อภาษาญี่ปุ่น และถ่านทอดความรู้นั้นๆสู่สังคมไทยหากทำได้ ด้วยวิธีอะไร มหาลัยไหน ขอแค่ผลลัพธ์เป็นตามเป้าหมาย ผมก็ไม่สนใจ ถึงจะไม่ติดสาขาภาษญี่ปุ่นผมก็เรียนของผมไปเรื่อยๆ ประเด็นนี้พอ

เพื่อที่จะสอบPAT7.3ให้ได้คะแนน225ขึ้นไป ผมต้องหาข้อมูลทุกๆอย่าง ตั้งแต่คะแนนสูง-ต่ำสี่ปีของทุกสาขาทุกที่ที่สนใจ(แผนสำรองเผื่อไม่ติด) คำนวนกับ-ส่วนคะแนนโอเน็ตและGPA หาว่าต้องทำในระดับไหนจึงจะเซฟ ถ้าGATเท่านี่้PATเท่านั้น จะมีโอกาสแค่ไหน แผนสำรองพอจะเป็นไปได้รึเปล่า ตรนี้ต้องให้เครดิตโปรแกรมคำนวนคะแนนแอดมิดชั่นของเด็กดี ที่บอกสิ่งที่ผมอยากรู้ทุกอย่าง ขอขอบคุณจากใจริง นอกจากนี้ผมที่ไม่ได้อานิสงส์ความรู้ใดๆจากสายศิลป์ญี่ปุ่น ต้องพยายามเรียบเรียงความเข้าใจด้วยตัวเอง เริ่มจากไปซื้อหนังสือรวมไวยากรณ์และคำศัพท์ตำราอากิโกะฯที่สายศิลป์ญี่ปุ่นรร.ผมใช้เรียนกัน กับหนังสือสรุปไวยากรณ์ชื่อเข้ามหาลัยให้ได้ใน๗วันซึ่งจัดหมวดไวยากรณ์และข้อแตกต่างยิบย่อยไว้อย่างวิเศษมาอ้างอิง ผมเรียงคำศัพท์ทุกตัวตามหมวดหมู่โดยแบ่งเป็นคำกริยา คำคุณศัพท์ และคำนามที่แยกหมวดอีกที่ตามชนิด แยกไวยากรณ์เป็นกลุ่มๆตามความเข้าใจโดยอิงจากหนังสือสรุปไวยากรณ์ดังกล่าว กับแบ่งชนิดตามการผันรูปโดยอิงจากส่วนสรุปที่เขียนไว้ท้ายมินนะฯเล่ม๔ แต่ผมดันมานึกได้แล้วปริ้นแพทญี่ปุ่นปีก่อนๆพร้อมเฉลยมานั่งทำก่อนสอบแค่สองสามวัน ดังนั้นผลการสอบรอบแรกผมจึงได้แค่สองร้อยนิดๆแต่ไม่ถึงเกณฑ์

ความจริงแล้วฟ้าได้ประทานพรมาให้ผมหลายประการผมถึงเข้าเอกญี่ปุ่นได้ หนึ่งในนั้นคือกปปส. ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังคุกรุ่น การสอบGATPATครั้งแรกจากกำหนดธันวา56ต้องเลื่อนไปราวมีนา57ถ้าจำไม่ผิด ถ้าผมที่ไม่มีแรงจูงใจตอนนั้นไปสอบ คะแนนคงจะอนาถกว่านี้นัก เรื่องราวต่อจากนั้นก็ตามเดิม เพียงแค่ผมพยายามทำPATญี่ปุ่นและหาพยายามเหตุผลของคำตอบทุกข้อโดยไม่มีใครให้ปรึกษา และด้วยความระทึกคะแนนที่ประกาศออกมาคือ225ซึ่งพอดีเกณฑ์ แต่ยังดีใจไม่ได้ เพราะยังไม่พ้นขีดอันตรายเมื่อเทียบกับสถิติปีก่อนๆ พรจากฟ้าประการที่สองจึงเริ่มสำแดงผล อย่างที่ทราบกันว่าปีนั้นเป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาในการเปิดภาคการศึกษา คะแนนแอดมิชชั่นนั้นต้องรอนานกว่าจะออก สภาวะที่ไม่มีหลักปักฐานจะทำให้หลายคนไม่ตัดสินใจแอดมิดชันแต่จะเข้าทางโครงการรับตรงและโครงการพิเศษอื่นๆแทน นี่คอสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ และดูจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าเอกนี้ได้ ทำไมน่ะหรือ เพราะคุณสามารถทราบคะแนนแอดทิดชันผมได้จากการไปดูคะแนนต่ำสุดของปี 57

ถึงตรงนี้อยากจะเป็นกำลังใจให้น้องสายวิทย์หรือศิลป์อื่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ถ้าพยายามสักหน่อยก็อาจจะเข้ามาในเอกนี้ได้ สำคัญคืออย่ามาอ่านหนังสือก่อนเดือนสองเดือนเหมือนผม นิสัยที่ฉุดรั้งความเจริญผมก็คือความขี้เกียจนี่แหละ และตอนนี้ก็ยังไม่หาย ผมจะทำสิ่งต่างๆเมื่อจำเป็นหรืออยากทำเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าอวด และถึงแม้จะไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นเลยจนกระทั่งม.6ก็อย่าพึ่งหมดหวังไป มีคนในเอกคนนึงมาจากสายวิทย์เหมือนผมเช่นกัน เธอเล่าว่าเพิ่งมารู้ตัวตอนม.6 ว่าชอบญี่ปุ่นเลยหาหนังสือมาอ่านเอง ดูเหมือนเธอจะเข้าสาขาญี่ปุ่นที่มหาลัยแห่งหนึ่งแต่ซิ่วมาธรรมศาสตร์ในต่อมาคือปี57 คะแนนPat7ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่250+ แผนระยะยาวไม่ใช่เรื่องน่าอับอายครับ และสำหรัคนที่กังวลเรื่องงานความขัดแย้งระหว่างแนวโน้มเงินเดือนกับความชอบ ผมจะไม่พูดนะว่าคุณจงเรียนสาขาที่ชอบไปเถอะ บางที่เรื่องที่ชอบยังไงๆคุณก็จะทำเองอยู่แล้ว เรื่องจริงจังไปเรียนเรียนอย่างอื่นซะก็เป็นแนวคิดที่ไม่เลว แต่ขอให้ยึดมั่นในเป้าหมาย ไตร่ตรอง คาดการณ์ รู้ตัวว่าต้องการอะไร ทำอะไร รับผลของมัน ส่วนสายศิลป์บางคนที่จะน้อยใจที่สายวิทย์มาแย่งสาขา ผมขอให้อุทาหรณ์ไว้ว่า สาขานั้นๆมันไม่ได้เป็นของสายศิลป์แม้แต่น้อย ใครๆก็ต้องพยายามทั้งนั้นปัจจุปันยังมีสาขาภาษาบางแห่งที่ไม่รับคนที่มาจากสายวิทย์ด้วยเหตุผลด้านผลสัมฤทธิ์ทางการสอน อันนั้นก็ว่ากันตามหลักสูตร แต่เรื่องแบบนั้นไม่มีที่ธรรมศาสตร์ เพราะเรามีระบบการรับสองครั้ง คือจากแอดมิดชันกับจากเอกรวม

ในส่วนของชีวิตในมหาลัยคนอื่นๆคงพูดได้ละเอียดแล้ว แต่ผมพอจะรับรู้ความไม่สบายใจที่มักไม่มีใครแนะนำบางประการได้บ้าง เกี่ยวกับสาขานี้บางคนคงจะเข้าใจว่า(อย่างน้อยก็เอกครึ่งแรก)เป็นโอตาคุกันหมด นั่นมันผิดครับ อย่างแรกไม่ใช่ทึทุกคนจะตื่นเต้นกับมังงะY หรือพูดเรื่องอนิเมะแบบที่คนไม่เสพไม่รู้เรื่องกันทุกคน คนที่ไม่เสพอะไรเลยก็มีครับ ส่วนผมแม้จะชื่นชอบนวนิยายและอนิเมะญี่ปุ่น แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะตื่นเต้นยินดีกับสาวน้อยเวทมนต์หรือจะต้องคุยเรื่องฉากเซอร์วิสในอนิเม คอยจิ้นเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความจริง อย่างที่สองสมควรรับรู้ไว้นะครับว่าอนิเมะหรือนิยายที่มีเนื้อหาต่างจากนั้นก็มีอยู่ ทั้งที่เป็นกระแสหลักและกระแสนอก การที่เสพสื่อเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเป็นโอตาคุหรอกนะครับ และสื่อเหล่านี้ก็มีเนื้อหาที่นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจหลายประการนอกจากการสนองความบันเทิงและความพอใจทางเพศด้วย

เอกญี่ปุ่น หรือจะให้พูดว่าคณะศิลปศาสตร์นั้นมีประชากรชายใน-ส่วนที่น้อยครับ แต่มันไม่ได้แปลว่าผู้ชายหรือหญิงทางสรีระทุกคนจะต้องมีGenderเป็นเพศที่สามนะครับ การถูกอนุมานและคอยตีความพฤติกรรมของผู้ชายคณะศิลปศาสตร์ว่าเป็นเพศที่สามทำให้พวกผมลำบากไม่น้อยเลยครับ การตีความนั้นทำให้สังคมเข้าใจพวกเราผิดๆ และเป็นการสร้างรูปแบบที่ควรจะเป็นของความเป็นผู้หญิงและความเป็นผู้ชายด้วย ซึ่งหากได้เรียนในธรรมศาสตร์แล้วคุณจะพบว่านั่นเป็นความคิดที่คับแคบ แล้วคนที่ไม่มีลักษณะของความเป็นชาย/หญิงที่สังคมตั้งมาชุ่ยๆนั่นก็จะโดนมองว่าไม่ใช่ชาย/หญิง ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยครับ การถูกนิยามตามใจแบบนี้

อีกประการคือเรื่องความคิดเห็นด้านสังคมหรือการเมือง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหมกมุ่นเรื่องนี้นะครับ ไม่ต้องกลัวด้วยว่าจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ส่วนหนึ่งของการแสดงความคิดเห็นที่พบบ่อยในธรรมศาสตร์นั้นเป็นผลมาจากการศึกษาครับ เพื่อที่จะเข้าใจความจริงของสังคมอย่างแรกคือเราต้องพิจารณาสิ่งต่างๆอย่างเท่าเทียมไร้อคติ หรือก็คือต้องเป็นอิสระ อย่างน้อยก็ทางความคิด ดังนั้นความคิดเห็นทุกรูปแบบยอบรับให้แสดงออกได้ ส่วนความจริงนั้นคืออะไรก็ต้องมาถกกัน นี่เป็นสภาพปกติในธรมศาสตร์ ไม่ว่าความจริงนั้นจะเป็นหัวข้ออะไรก็ตามตั้งแต่ความเห็นต่อรสชาติอาหารเที่ยง วิจารณ์ละคร ไปจนถึงดราม่าในสังคม หรือการเมืองหรือปรัชญา วิชาซึ่งส่งเสริมให้ใช้ความคิดและพยายามเข้าถึงความจริงต่างๆก็คือ TU110 TU120 หรืออาจจะรวมTU100ด้วย(มั้ง) ดังนั้นการเข้าธรรมศาสตร์ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเป็นliberalismเสมอไปนะครับ

ขอให้โชคดี

6
Chop-per 10 เม.ย. 58 เวลา 23:56 น. 13

สวัสดีจ้ะว่าที่เด็กเอกญี่ม.ธ58ทุกคน

พี่ชื่อชอปนะคับ เป็นเด็กครึ่งแรก จบม.ปลายศิลป์จีนมาาาา (เอ่า งงหล่ะสิ เรียนศิลป์จีนมีปัญญาสอบแพทญี่เกิน225ได้ไงง 55555) อันนี้จะเล่าเผื่อเด็กแอดปี59-60ไว้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆเลย คือพี่เริ่มเรียนญี่ปุ่นตอนม.5เทอมสอง เพราะรู้สึกไม่โอเคกับภาษาจีน บวกกับมีความสนใจเกี่ยวกับอะไรหลายๆอย่างของประเทศญี่ปุ่นมาก ก็เลยไปลงเรียนพิเศษญี่ปุ่นข้างนอก แล้วก็เคล็ดที่จะทำให้ทำแพทเกิน225+ได้นี้คือ "ทำข้อสอบเก่า" คับบ ทำแม่งให้หมดทุกปี ทำแล้วทำอีก ทำจนกว่าจะไม่เหลือข้อสอบให้ทำ แล้วน้องก็จะจับทางข้อสอบได้ห้ะ ยากแหละ แต่ไม่ยากเกินไปสำหรับคนที่สู้นะ 

ต่อไปจะเป็นเรื่องเม้ามอยสำหรับเด็ก 58 เน่อ เรื่องเรียนหนัก การบ้านถาโถม ควิซกระจายอะไรเทือกนั่น ป้าๆข้างบนคงเล่าไปหมดและเนาะ บวกกับพี่เป็นคนขี้เกียจเขียนอะไรยาวๆทางการๆ งั้นพี่จะมาเล่าเรื่องแปลกๆที่พี่เจอตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ละกันน

เรื่องแปลกๆที่น้องจะได้ประสบพบเจอในเอกญี่ ม.ธ

1.โอตาคุ - น้องบางคนสงสัยแปลกตรงไหนครับ? เป็นเอกญี่ก็ต้องมีอยู่แล้ว..... แปลกสิครับ!!! คือมองในมุมมองพี่ พี่เรียนศิลป์จีนมาไง แล้วมากสุดก็เจอแค่คนชอบดูอนิเมะญี่ปุ่น แค่นั้น แต่พอมาที่นี่เท่านั้นแหละ โอ้ว พระเจ้า เค้าคุยอะไรกัน เมะๆ เคะๆ โลลิๆ พี่ก็พึ่งจะมารู้จักสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "สาววาย" ที่นี่แหละ ทุกวันนี้พี่ยังไม่เข้าใจพวกเธอเลย ว่าทำไมพวกเธอถึงมีความสุขทุกครั้งที่เห็นผู้ชายจะ**กัน แต่สำหรับน้องที่ไม่ได้เป็นอย่าพึ่งกลัวไป อย่างน้อยโอตาคุก็เป็นมนุษย์นะ เค้ากินข้าวเป็นอาหารหลัก เดินด้วยเท้า หายใจทางจมูกเหมือนกับเรา เรียนไปเรื่อยๆเราจะเข้ากับเค้าได้เอง (แต่บอกเลย พวกโอตาคุเนี่ย ตัวโหดคะแนนทอปๆ พูดญี่ปุ่นอย่างกะพ่นไฟใส่กัน)

2.นักปราชญ์ - อันนี้ปีน้องจะมีรึเปล่าไม่รู้นะ(แต่ขอให้มี 55555) แต่ปีพี่มีนักปราชญ์เข้ามาด้วย เป็นคนติ่งปรัชญาอย่างที่ป้าๆข้างบนว่าไว้ คนแบบนี้เวลาพูดอะไรจะดูยิ่งใหญ่ น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก (แต่ฟังไม่รู้เรื่อง 5555555) (-เจ้าของเม้นข้างบนนั่นแหละ อ่านรู้เรื่องมั้ย?? ถถถถถถ)

3.ลูกครึ่งญี่ปุ่น - ลูกครึ่งญี่ปุ่นจะมาเรียนเอกญี่ปุ่นทำไม? หลายคนสงสัย พี่ก็สงสัย แต่แทบทุกปีจะมีเด็กลูกครึ่งเข้ามาตลอด ปีพี่มีสองคนแหละ น่ารักมากๆ หน้าตาญี่ปู๊นญี่ปุ่น (น้องๆจำข้อนี้ไว้นะ แล้วพอเข้ามาได้แล้วมาตามหาลูกครึ่งญี่ปุ่นปีพี่กัน!!!)

และอีกมากมายที่น้องเข้ามาแล้วจะได้เจออะไรสนุกเหมือนกัน พี่รอน้องๆที่น่ารักทุกคนอยู่นะครับผมม แล้วเจอกันวันแรกพบเน่อออ

5
ป้อม 11 เม.ย. 58 เวลา 00:53 น. 13-1

คุณครูสอนพิเศษข้างนอกสวยก็งี้แหล่ะค่ะ 55555555555555

0
Chop-per 11 เม.ย. 58 เวลา 00:57 น. 13-2

ต้องยกความดีความชอบให้พี่ปังคนสวยรวยเคงคิวคนนี้เลยยยย 5555555

0
waniwani 23 เม.ย. 58 เวลา 23:18 น. 13-3

พี่คะ หนูก็ศิลป์จีนแต่คงไม่มีปัญญาไปสอบแพท7.3 TTฺแงง แพทจีนมันนรกมากคะพี่ TT

0
mumi 20 ต.ค. 58 เวลา 09:46 น. 13-4

หนูเรียนศิลป์จีนเหมือนกันค่ะ แต่ก็อยากเข้าเอกยุ่นอ่าาา เพราะชอบยุ่นมากกว่าจีนอีก T^T คงต้องสู้สอบแพทจีนเอาไปยืนสินะคะ TwT

0
2K239 27 พ.ย. 58 เวลา 21:54 น. 13-5

เจอรุ่นพี่ลูกครึ่งแล้วค่ะ 5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
#เอกญี่58คนหนึ่งว์

0
Chop-per 11 เม.ย. 58 เวลา 00:32 น. 15-1

มีคับ แต่ปีพี่57 (ดูเหมือนจะ)ไม่มี 555555555

0
BbguniiZz 11 เม.ย. 58 เวลา 09:11 น. 15-5

คุณพจมาน ขอLineหรือFBไว้คุยกัยหน่อยได้ไหมคะ เพราะเราก็เป็น55555
จะเข้าเอกญี่ปุ่นด้วยยย ><

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

mikumiku 11 เม.ย. 58 เวลา 00:28 น. 16

หนูอยากรู้แนวข้อสอบ PT อะคะว่าออกประมานไหน ยังไง อยากเรียนเอกญี่ปุ่นมากเลยค่ะ แค่แพทขาดไปนิดเดียวเอง( ขาดไปไม่กี่คะแนนจริงๆค่ะTT น้ำตาแทบกระเด้นตอนเห็นคะแนน) แต่หนุก็สมัครโครงการช้างฯ นะคะ ถึงยังไม่ประกาศผลก้เถอะTT (นานมากค่ะสัมภาษกพ. ประกาศเมษา) หนุเลยอยากรู้ว่าออกประมานไหน จะได้ไปทวนได้ถุกจุดอะคะ ฮือฮือ

4
Chop-per 11 เม.ย. 58 เวลา 00:38 น. 16-1

ประมาณข้อสอบแพทอ้ะจ้า(อาจมีคันจิN3โผล่มานิดนึง แต่ไม่ต้องซีเรียส) แต่จะมีฟังด้วยนะ ก็ไม่ยากเท่าไหร่ ปีพี่ผ่านกันยกเอกเลยย

0
กระรอกอาร์กติก 11 เม.ย. 58 เวลา 00:49 น. 16-2

จริงๆน้องคอยติดตามกระทู้นี้ไว้นะคะ เดี๋ยวจะมีพี่โครงการที่ติดเอกญี่ปุ่นมาเม้นกระทู้แล้วมาเล่าให้ฟังว่าเค้าผ่านมาได้ยังไง รอติดตามน้า คิดว่าจะมาในเร็วๆนี้ค่ะ สู้ๆน้าาาา
เยี่ยม

0
ชื่อสวยค่ะ 11 เม.ย. 58 เวลา 01:24 น. 16-3

สวัสดีจ้าา พี่ก็สอบเข้าผ่านโครงการพิเศษเหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่านะ :)

0
ThisIsTa 11 เม.ย. 58 เวลา 01:16 น. 17

สวัสดีจ้า น้องๆทุกคน

พี่ชื่อต๊ะ อยู่เอกญี่ปุ่น(ครึ่งแรก) แน่นอนว่าพี่ไม่ได้เนียนมาจากคณะไหนแน่ๆ
พี่ค่อนข้างเป็นคนประหลาดกว่าคนอื่นรึเปล่านะ ไม่เนอะ พี่แค่เป็นคนขี้อายไม่ค่อยพูดกับคนอื่นเป็นอันดับแรก และคำพูดของพี่จะแปลกๆหน่อย ฟังไม่รู้เรื่อง ถ้านึกไม่ออกให้น้องๆนึกถึงคนบ้าแถวๆบ้าน นั่นแหละใช่เลย(อันนี้ก็เกินไป) และพี่ก็เป็นคนคิดนาน ถ้าถามอะไรพี่ อาจจะได้คำตอบอีกทีก็1เดือน(อันนั้นก็นานไป) และพี่ก็ชอบ VOCALOID จะเรียกคลั่งเลยดีมั้ยนะ เพราะพี่ชอบฟังVOCALOIDก่อนนอน พี่ไม่ได้รู้จักเพลงVOCALOIDดังๆอย่างเดียวนะ เพลงไม่ดังพี่ก็รู้จัก เพลงไหนเพราะก็ฟัง และพี่ก็ป่วยเรือ เอ้ย พี่ดูอนิเมะบ้าง แต่ไม่ถึงกับดูทุกเรื่อง ถ้าพี่ชอบเรื่องไหนพี่ก็จะตามดูจนจบ แต่อย่าคุยเรื่องการ์ตูนYพี่ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น และพี่ชอบเล่นเกมแนวน่ารักๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง กิงก่องแก้ว อย่าง Dark soul II bloodborne(ไม่ใช่ละ)

หลายๆคนสงสัย(หรือไม่สงสัย)ว่า น้ำหน้าอย่างพี่เข้ามาเอกญี่ปุ่นได้ไงไม่น่าเชื่อ
ก่อนอื่นพี่ขอออกตัวก่อนว่า พี่เคยซิ่วมาจากคณะมาจากคณะรัฐศาสตร์ ตอนแรกพี่เรียนม.ปลาย ศิลป์ภาษาญี่ปุ่น แต่เนื่องจากคำขอพูดจากครอบครัวบอกว่าเรียนรัฐศาสตร์ง่ายและก็ยังดูมีอนาคตกว่า(ที่บ้านจบรัฐศาสตร์) เราก็เชื่อ
ผลสุดท้ายได้เกรด 1.XX อันนี้ไม่ได้มาจากความไม่ถนัดอย่างเดียว แต่มันเป็นความขี้เกียจของพี่ด้วย (น้องๆอย่าทำเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาด)
เหตุการณ์นั้นทำให้เริ่มคิดว่า เฮ้ย มันไม่ใช่อะ ก็เลยลาออกแล้วก็สมัครใหม่ในปีต่อมา
และพี่ก็เอาวิชาที่เรียนมาตอนเรียนรัฐศาสตร์มา"โอนหน่วยกิต"ได้ด้วย(ต้องขยายเพราะพี่กำลังหาเพื่อนร่วมชะตากรรม อิอิ)เอาจริงๆมันเป็นวิชาพื้นฐานที่นักศึกษาปี1ทุกคนต้องเรียนอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเรียนใหม่ ศิริรวมแล้วพี่เรียนที่ธรรมศาสตร์ถึง 2 ปี
เอาจริงๆพี่เกือบไม่ได้เข้าเอกญี่ปุ่นเพราะตอนนั้นโชคดีที่Gat Patมันเลื่อนเลยสมัครทัน และก็โชคดีอีกเพราะพี่สอบได้แค่ 231 คะแนนซึ่งถ้าพี่ตอบผิดอีก 3 ข้อ ตอนนี้พี่อาจจะอยู่แถวๆสะพานลอยก็ได้(เวอร์ไป) และก็โชคดีอีกแล้ว คะแนนพี่ตอนนั้นได้แค่ 21811 แต่พี่ก็ยังอุตส่าห์รอดมาได้อีกกกกกก

สำหรับเรื่องเรียน พี่คิดว่าเพื่อนพี่คงอธิบายไปหมดแล้วเนอะ เอาเป็นว่าถ้าคิดว่าสนุกมันก็สนุก ถ้าคิดว่าน่าเบื่อมันก็น่าเบื่อ เอ้ย มันไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดแน่นอน

หลายคนอาจจะสงสัยเรียนไปทำอะไรได้บ้าง
อันนี้พี่ก็ไม่ทราบเพราะพี่ยังเรียนไม่จบ(อ้าวๆ)
ที่แน่ๆบางคนอาจจะได้ไปทำงานถึงญี่ปุ่นซึ่งไม่รู้พี่จะมีวาสนาได้ไปมั้ย
แต่วัฒนธรรมเรากะวัฒนธรรมเค้าต่างกันมาก สิ่งเราทำจนเคยชินอาจทำให้เราโดนเขม่นจากผู้คนรอบข้าง ที่แน่ๆอย่าไปเต้นแร้งเต้นกาบนรถไฟฟ้านะไม่เอา(ในไทยก็ไม่เต้น) อยากเต้นก็ไปเต้นผับโน้น ดึงสติหน่อยน้าาา

สรุป สาระในความเห็นของพี่คืออะไร คำตอบก็คือไม่มีนั่นเอง
เอาเป็นว่าขอให้กำลังใจน้องๆที่กำลังจะเป็นรุ่นน้องของรุ่นพี่ผู้เหลวแหลก แดกดัน จัญไร ไม่เอาอ่าวคนนี้
See you ณ วันแรกพบ
รึเปล่านะ

2
กระรอกอาร์กติก 11 เม.ย. 58 เวลา 01:19 น. 17-1

ต๊ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
มาตอบด้วย เราดีจั้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!! น่ารักจังเลย ขอบคุณมากน้าาาาาา
ฮือฮือ

0
7Bloom 11 เม.ย. 58 เวลา 01:31 น. 18
//เห็นรุ่นน้องเขียน แล้วอยากเขียนมั่ง //เอกญี่ปุ่น 56
สวัสดีครับทุกๆ คน คาดว่าเรื่องรายละเอียดของการสอบเข้า และเนื้อหา/สังคมเอกคร่าวๆ คงอ่านจากข้างบนแล้ว
เนื่องจากตอนนี้อยู่ปี 2 ก็เลยอยากจะเพิ่มเติมรายละเอียด บวกกับแชร์เรื่องราวของเอกญี่ปุ่นปี 56 เพื่อจะเพิ่มความสนใจให้น้องๆ ได้บ้าง
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าพี่เรียนสายวิทย์-คณิตมาตอนม.ปลาย ด้วยเหตุผลบางประการทางสภาพสังคมของโรงเรียนตอนนั้น
และเนื่องด้วยว่าเป็นพวกชอบเขียน/อ่าน เคยเขียนงานที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น แล้วใช้ภาษาผิด ก็เลยโดนรุ่นพี่ด่า จากนั้นก็เลยเริ่มเรียนญี่ปุ่น
ตอนนั้นอยู่ม.5 หลังจากเริ่มเรียนได้สักพัก รู้สึกว่าอยากจะได้อะไรที่มากกว่าแค่พูดประโยคพื้นฐานได้ ก็เลยตั้งใจว่าจะเรียนเอกญี่ปุ่น
ด้วยความที่เป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว (//ผิด) ก็เลยหางานญี่ปุ่นมาแปล ทั้งๆ ที่ตอนนั้นตัวเองเพิ่งจะเริ่มเรียน
แต่เพราะฝึกแปล โดยเทียบภาษาอังกฤษ ก็เลยทำให้หลังจากเริ่มเรียน 1 ปี (เรียนพิเศษสัปดาห์ละครั้ง) ก็เลยสอบได้ N4
หลังจากนั้น ก็เลยมั่นใจไปสอบPAT แล้วก็ได้มา 228
ถึงตรงนี้ อยากจะบอกว่า เด็กสายวิทย์ทั้งหลาย ที่กำลังคิดว่าอยากจะเปลี่ยนมาเรียนภาษา แต่กลัวว่าจะสอบสู้คนที่เรียนภาษามาไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการใฝ่หาความรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก ในการเรียนต่อๆ ไป
เอาล่ะ กลับเข้ามาที่เรื่องสังคมและการเรียนในเอก
หลังจากที่เราผ่านปี 1 กันมาอย่างโชกโชน(ด้วยควิซและวิชาพื้นฐาน)แล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเรียนวิชาเฉพาะแล้ว
สำหรับปี 2 นั้น วิชาเกี่ยวกับญี่ปุ่นจะแยกย่อยเป็นสาขาที่ชัดเจนขึ้น
โดยในเทอมแรก เราจะต้องเรียนวิชาพื้นฐานด้านสังคม-วัฒนธรรม และด้านวรรณกรรม
ถึงตรงนี้ ทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง จะได้เรียนด้วยกัน โดยทุกคนจะมีจุดเริ่มต้นที่ 0 หมด ไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบไปกว่ากันนัก
ในวิชาสังคม-วัฒนธรรมนี้ เราจะทำความรู้จักกับญี่ปุ่นอย่างถ่องแท้ เราจะรู้จักทุกจังหวัดในญี่ปุ่น เราจะรู้ว่าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นมาอย่างไร และเราจะรู้ว่าคนญี่ปุ่นเชื่อและคิดอย่างไร ทำให้เราเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้น
วิธีการเรียนอาจจะแตกต่างจากตอนม.ปลาย ที่ว่า มาท่องจำประวัติศาสตร์ เราจะต้องรู้ถึงความเป็นมาและความเปลี่ยนแปลงของญี่ปุ่นในแต่ละช่วงเวลาด้วย
วิชานี้ ถือว่าเป็นวิชาที่หินวิชาแรกๆ ในการเรียนเอกญี่ปุ่นเลยล่ะ แต่ถ้าสามารถผ่านไปได้แล้ว เวลาเราอ่านบทความญี่ปุ่น หรือคุยกับคนญี่ปุ่น จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นมากเลย
ส่วนในวิชาวรรณกรรม ก็จะพูดถึงแต่เรื่องวรรณกรรมอย่างเดียว เราจะได้อ่านวรรณกรรมญี่ปุ่นบางส่วน ซึ่งมีหลายเรื่องสนุกมาก ส่วนการเรียนก็จะคล้ายๆ กับวิชาสังคม-วัฒนธรรม
ทั้งสองวิชาถือเป็นการปูพื้นฐาน ให้เรารู้จักญี่ปุ่นมากกว่าการรู้ภาษา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
สำหรับเทอมที่ 2 ก็จะเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นการเรียนทักษะภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ โดยจะแยกเป็นวิชา ฟัง-พูด / อ่าน / เขียน ซึ่งเราจะได้ฝึกใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ที่เราเรียนมาอย่างจริงจังนั่นเอง
เอกญี่ปุ่นนั้น ได้รับการขนานนามว่า "เอกญี่ปุ่นและการควิซ" หรือ "เอกญี่ปุ่นและการละคร"
ทำไมน่ะเหรอ? อย่างที่พี่ๆ ปี57 ได้บอกไปแล้ว เอกญี่ปุ่นมีควิซบ่อยมาก ทุกสัปดาห์
แต่สำหรับปี 2 นั้น การมีควิซทุกวัน วันละ2วิชา เป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจาก มีกุศโลบายที่ว่า เราจะต้องอ่านหนังสือทบทวนตลอดเวลา และไม่หมักหมมไปตอนสอบ
ส่วนเรื่องของการละครนั้น เราจะมีวิชาฟัง-พูด ซึ่งจะมีการ ให้เราแสดงละคร ซึ่งตรงนี้ เราจะได้เห็นธาตุแท้ของเพื่อนหลายคน...
สำหรับสังคมและความเป็นอยู่ในเอกญี่ปุ่น ในมุมมองของปี 2 คุณจะได้พบกับ
1) สาววาย : แน่นอน ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขาดไม่ได้ แต่ไม่ต้องตกใจไป สาววายเหล่านี้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะพวกเขาจะจิ้นอยู่แค่ 2D เท่านั้น อาจจะแวะมาแซะผู้ชายอย่างเราบ้าง บางเวลา
แต่ว่า หากอยู่กับสาววายเหล่านี้ไปแล้ว 1 ปีขึ้นไป จะเริ่มชินไปเอง และไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร //เผลอๆ จะไปนั่งอ่านโดกับพวกเธอก็ได้
2) นักกล้าม : เอกลักษณ์ของปี 2 ที่หาไม่ได้ในปีอื่น เป็นเด็กหนุ่มผู้มีความชื่นชอบในกันดั๊มอย่างมาก และเค้า จะเป็นคนปล่อยมุกเสี่ยวๆ ให้พวกเราได้ผงะกัน
3) ผู้บรรลุใน N1/2 : เพียงแค่เข้ามาปี 1 เราจะพบผู้ที่สอบได้ N2 แล้ว ซึ่งคนพวกนี้ คือเสาหลักในการปรึกษาปัญหาด้านภาษา
4) Seeder : เนื่องจากเอกเรามีความกลมเกลียว และสนิทกันค่อนข้างมาก ในวิชาที่อ่านเยอะ และเข้าใจยากนั้น จะมีผู้รวบรวมสรุปเนื้อหา และแจกจ่ายให้กับทุกคนไปอ่านก่อนสอบ รวมถึงจัดติวตามโอกาส ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกันติว
5) นักวาดภาพอิสระ : เอกเรา มีนักวาดการ์ตูน เพราะฉะนั้น เมื่อมีงานเอก ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดฝ่ายศิลป์
6) พี่หมีใจดี : อันนี้ขอให้น้องๆ มาตามหาความหมายกันเองดีกว่า
7) ผู้ชำนาญการพิเศษ : เรามีทั้งนักวาดภาพ นักแสดงดีเด่น โปรแกรมเมอร์(?) นักแปล(โดจิน)อิสระ และอีกมากมาย
8) อาจารย์ผู้ชำนาญการ : แน่นอนว่าอาจารย์ในภาควิชาของเรานั้น แต่ละท่านมีความสามารถ และผลงานมากมาย แต่การที่ได้เรียนกับท่านอาจารย์เหล่านั้น จะทำให้น้องๆ ได้พัฒนาความสามารถของตัวเองไปได้อย่างมาก
หลักจากที่อยู่มา 2 ปีแล้ว ทำให้รู้ว่า สังคมเอกญี่ปุ่นนั้นมีอะไรมากกว่าอนิเมะ โอตาคุ หรือสาววาย ทุกคนในเอกคอยช่วยเหลือกันทั้งการเรียนและกิจกรรม อาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้างเล็กน้อย แต่ทุกคนก็เข้าใจกัน
พูดเรื่องตัวเองไปเยอะแล้ว ก็มีสิ่งที่อยากจะฝากถึงน้องๆ ที่กำลังจะแอด และยื่นเข้าเอกญี่ปุ่น ในปี 58 นี้
1) อย่างแรกเลยคือ อย่ากลัวที่จะยื่น การที่มีเกณฑ์PATที่ 225 นั้น ทำให้ตัดคู่แข่งคะแนนสูงที่ได้PATไม่ถึงไปได้บ้างแล้ว รวมถึงพวกที่คะแนนสูงๆ จริงๆ มักจะยื่นรับตรงที่อื่นไปหมดแล้ว (จากประสบการณ์ในปีนั้น)
2) อย่าเครียด อย่างที่เห็น ทุกปี จะมีคนที่ได้คะแนน 225 พอดี ยื่นติดก็มี
3) เอกเราอบอุ่นมาก ทุกคนทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รวมถึงอาจารย์ทุกคนคอยเอาใจใส่กันละกัน
4) ขอให้ทุกคนสู้ๆ แล้วเจอกัน นะจ๊ะ

//อยากรู้เพิ่มเติมถามได้นะ ถ้ารู้จะตอบ ถ้าไม่รู้จะไปเรียกพี่ปีสูงมาช่วย //อาเร๊ะ?
1
กระรอกอาร์กติก 11 เม.ย. 58 เวลา 01:38 น. 18-1

เย้ๆๆๆๆๆ ขอบคุณพี่ปี2ด้วยค่ะ ที่มาร่วมเม้าส์มอย เล่าประสบการณ์ให้น้องๆฟัง บางเรื่องปี1เองก็ยังไม่รุ้เลยนะเนี่ย ขอบคุณมากๆค่ะ
ตั้งใจ

0