ขึ้นม.4แต่ไม่มั่นใจในการเลือกสายการเรียน (ปัจจุบันอยู่สายวิทย์)

[Aa]

สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกคน และน้องๆที่กำลังเลือกสายการเรียน
ตอนนี้อยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ชั้นม.4ค่ะ สายวิทย์คณิต เมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ทางโรงเรียนเราได้จัดการเรียนการสอนเตรียมความพร้อมเข้าม.4ของแต่ละสาย
เมื่อก่อนไม่เคยอยู่ห้องเก่งเลย แต่เพราะความมั่นใจว่าอยากเป็นหมอมาก!!!!!!!
เลยพยายามทำเกรดเทอมสุดท้ายให้ดีที่สุด ที่จะได้เข้าสายวิทย์ และสุดท้ายก็เป็นไปตามที่ต้องการ แต่เมื้อได้ลองเรียนดูแล้วก็เกิดความกังวนว่าจะเรียนไม่ไหว ในความคิดของเราถ้าจะเรียนให้จบก็ทำได้

แต่เรียนให้ได้เกรดดีในทุกๆเทอมคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงเป็นโรงเรียนเอกชนก็ไม่ได้ให้เกรดกันง่ายๆ และเราเป็นคนหัวช้าชนิดเต่าเรียกแม่

ด้วยทีอนาคตเราอยากเป็นหมอมากกก เราเลยไม่ได้สนใจอาชีพอื่นเลยย เราให้อาชีพหมอไว 100% เลย

เราคิดน่ะว่าเราเรียนพิเศษไปเยอะกว่าสายอื่นๆในโรงเรียนเรา เพราะว่า เราเรียนทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตเพื่ม ค่าเรียนพิเศษต่างๆก็เยอะมาก แต่ทุกครั้งเรียนเส็จก็มาทบทวนกันกับเพื่อนบ่อยๆ แล้วถ้า เราไม่ติดหมอจิงๆแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเรียนคณะไหนในมหาลัยเลย ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรเลยด้วย ภาษาเราก็ไม่ได้เก่ง เราเรียนวิทย์เพราะเราอยากเป็นหมอ เรารู้ว่าหมอไม่ได้สบาย เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะมาก แต่เรารู้สึกรักอาชีพนี้

ถ้าเราเข้าสายศิลป์ก็อยากได้งานที่เอาดีทางด้านภาษาไปเลยแต่ก็ไม่รู็ว่าจะทำอาชีพอะไร เพราะเราก็ไม่ได้รักละสนใจกับมัน



เราอยากรู้ค่ะ ว่าเราควรจะเลือกอะไร เราอยากลองเรียนวิทย์ไปเรื่อยๆน่ะ แต่ถ้าไม่ไหวกลางคันก็กลัวจะเป็นภาระของพ่อแม่ที่ต้องมาส่งให้เรียนใหม่ เราอยาหรู้ว่าถ้าเราไม่ได้แพทย์แล้วจะสามารถเข้าสายไหนที่ใช้ความรู้ความสามารถใกล้เคียงหมอได้


ปล. ถ้าเรียนสายวิทย์แล้วเข้ามหาลัยในสายศิลป์ก็เสียดายความรู้ที่เรียนมาและกลัวจะตามเพื่อนที่เรียนศิลป์มาไม่ทัน
ปล2. หมอที่เราพูดถึงรวม ทันตะ เภสัช สัตวแพทย์
ปล3. เพื่อนเราหลายคนกำลังประสบปัญหาในทางนี้เหมือนกัน
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ถ้าเขียนผิดก็ขอโทษด้วยนะค่ะและถ้าเขียนวนไปวนมาก็ขอโทษด้วยค่ะ

Comments

[Ink Black]

เลือกเรียนสายวิทย์ก็ดีนะ 
มีตัวเลือกในการสายในการเข้าใน มหาลัยได้เยอะดี
เรียนสายวิทย์มันเหนือยเเต่ก็สู้ๆๆ 

[AAaa]

คงต้องสู้อ่ะค่ะ ๕๕๕๕๕๕

[jkaddict]

พี่ว่าเรื่องหัวช้าไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการเรียนสายนี้นะ ถ้าน้องอยากจะทำอาชีพนี้จริงๆ น้องก็ต้องขยันและพยายามมากกว่าคนอื่นหลายๆเท่า ตอนนี้น้องเพิ่งได้เรียนแค่ซัมเมอร์ อาจจะรู้สึกว่ายังปรับตัวไม่ค่อยได้ ลองเรียนสักปีนึงแล้วดูว่าไหวไหม ถ้าไหวก็เดินหน้าต่อ เหมือนพี่ตอนขึ้นม.4 แรกๆ เกรดร่วง จากคนที่เคยได้ 3.50+ เหลือ สามนิดๆ แต่พอตั้งใจให้มากขึ้น เกรดก็อัพขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ไหว น้องต้องคิดดีๆนะว่าจะเบนไปศิลป์หรือฝืนต่อ เพราะถ้าน้องเรียนศิลป์ น้องจะมีสิทธิสอบแค่หมอกับทันตะ วิทย์สุขภาพตัวอื่นน้องจะสมัครไม่ได้ และโอกาสที่จะติดหมอกับทันตะก็จะน้อยไปอีก เพราะศิลป์ฐานไม่แน่นแบบวิทย์ ต้องไปเรียนเพิ่มเติมมากๆ แต่ถ้าฝืนเรียนแล้วไม่โอเคจริงๆเกรดน้องมันจะฉุดลง 

ส่วนเรื่องอาชีพอื่นๆที่คล้ายหมอ ก็จะเป็นพวกวิทย์สุขภาพต่างๆ เช่น เทคนิคการแพทย์ รังสีเทคนิค กายภาพบำบัด แพทย์แผนไทย สาธารณสุข ฯลฯ แต่ละอาชีพหน้าที่จะต่างออกไปแต่ทำงานในรพ.เหมือน แต่คงไม่เหมือนแพทย์เป๊ะๆแน่นอน ลองหาข้อมูลดูนะ

[AAaa]

เราไม่เคยได้เกรดเกินสองจุดห้าเลย เคยได้แค่สองครั้ง ๕๕๕๕๕ แต่เราก็ต้องพยายามอ่ะนะ เพราะคงจะทำตัวแบบเก่าไม่ได้ ที่จำไปสอบแล้วลืม แต่เราต้องเข้าใจเพื่อไปสอบแล้วเอาความรู็ไปต่อ ขอบคุณนะค่ะที่มาให้ความคิดเห็น

[DDDD]

น้องควรเลือกในสิ่งที่รัก มีความสุข ถ้าเบนสายมาเรียนศิลป์ภาษามั่นใจหรอว่าทนได้ น้องไม่ได้มีความสนใจ ไม่ได้รัก แค่นี้น้องก็เรียนแพ้คนอื่นแล้ว ภาษาจะเก่งได้อยู่ที่ตัวน้อง มั่นท่อง ฝึกฝน ใช้ จำ ซึมซับ คุ้นเคย สนุกไปกับมัน รอแต่ครูไม่ได้ เรียนพิเศษเป็นแค่การเรียนรู้เพิ่ม ยังเอาไปทำอะไรไม่ได้เลย ไหนจะโดนดูถูกอีก พี่เคยโดน ม.3 พี่ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษเลย ไม่มั่นใจในตัวเอง สุดท้ายก็เลือกภาษา เมื่อก่อนโดนดูถูก พี่ก็ร้องไห้ พี่เรียนเก่ง มีความรับผิดชอบสูง ไม่ได้โง่เลยเรียนภาษา ให้ไปเรียนวิทย์คณิตพี่ก็ทำได้ แต่มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่พี่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือ รักในสิ่งที่ทำ

[AAaa]

ไม่ได้ชอบภาษาเลย ไม่คิดจะทำอะไรเลยด้วย ๕๕๕๕๕

[I_am_Kuslin]

ในเมื่อเธอตั้งเป้าชัดเจนแล้วว่าจะเป็นหมอก็วิทย์โลด
ยังมีอะไรให้เรียนรู้กันอีกเยอะ อีกสองสามปีจะเข้ามหา'ลัยก็ลองสังเกตตัวเองแล้วก็เสริมตัวเองให้เป็นคนเก่งซะ
วิทย์มันกว้างกว่าค่ะ ถ้าเธออยากเป็นหมอจริงๆ แต่ถ้าเธอมีความคิดว่าไม่ได้อยากเข้าสายสุขภาพ เข้าสายคำนวณ วิศวะ แล้วน้องต่อสายศิลป์ มันก็โอเคค่ะ 
ภาษาไม่ง่ายจริงๆ ค่ะ ยิ่งภาษาที่ 3 มีทั้งฟัง ดู อ่าน เขียน โดนบังคับสอบนี่นั่นนอกระบบของโรงเรียนเพียบค่ะ เช่น HSK TOEIC อะไรเทือกนี้ ไม่ก็โดนบังคับให้ไปลองสอบชิงทุนไปนอก 
เราเป็นเด็กซิ่วนะ ปีที่แล้วก็อยู่วิทย์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ซิ่วมาศิลป์ญี่ปุ่นแล้ว

ตอนอยู่สายวิทย์ เชื่อไหมว่าเรามีความคิดจะซิ่วตั้งแต่เริ่มเรียนเลย เราไม่ได้สนใจวิทย์เลยนะ ตรงข้ามเลย เรากลับสนใจอังกฤษมากๆ แล้วก็สอบชิงทุนได้ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาใต้ด้วย เกรดเราตกมาก 555 พอเทอมสอง เราไม่ไหวแล้วเลยขอซิ่ว ก็โอเค เราไม่ได้สนใจเรื่องเสียเวลานะ เพราะเรามีแผนจะต่อมหา’ลัยในสายศิลป์อยู่แล้วซิ่วไปเรียนใหม่เลยดีกว่าอยู่วิทย์แล้วไม่มีเวลาอ่านหนังสือสอบเข้าคณะสายศิลป์

[พลูโตโอ้โหเฮะ]

สายวิทย์สำหรับเรา เราว่าไม่ต้องเก่งมาก แต่ต้องขยัน มีความรับผิดชอบ ตอนแรกๆเราก็เป็นนะเออ ช่วงปรับพื้นฐานก่อนขึ้นม.4 ที่เขาจะเอาเด็กที่มาจากคนละห้องในม.ต้น(ส่วนใหญ่ได้โควตาเรียนต่อที่เดิม) แล้วเราเจอกับเด็กห้องgifted. ฮืออออ วันแรกเหมือนโดนปล่อยแสง เพื่อนส่วนใหญ่ในห้องรู้เรื่องเข้าใจสิ่งที่ครูพูด ถามปุ๊บตอบปั๊บ แต่เรานี่นั่งงเป็นไก่ตาแตกตาหลุดออกจากเบ้า ช่วงนั้นเครียดมาก คิดว่าตัวเองคงไปไม่รอด แค่ปรับพื้นฐานยังขนาดนี้ แล้วตอนเรียนจะขนาดไหน คิดจะย้ายสายด้วยซ้ำ เพราะที่เข้าสายวิทย์ตอนแรกแค่เห็นมีแต่คนบ่นว่ายาก แล้วก็ตามเพื่อน ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไร แต่พอคิดใหม่ ว่า เห้ย รุ่นพี่คนอื่นๆเค้าก็จบกันมาได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้วะ! ตอนนั้นแหละ เราบุกเลย55555 วิทย์ก็วิทย์เถอะ จนตอนนี้ก็เรียนรอด กำลังจะขึ้นม.5ละ ย้อนกลับไปก็คิดว่าโชคดีที่ตอนนั้นไม่ย้ายสาย เพราะตอนนี้เราอยากเป็นหมอ เย่5555 จขกท.ก็สู้ๆนะ ถ้าอยากเป็นหมอก็ลุยสายวิทย์เลย พยายามมากๆ ขยันหน่อย fight !!!