(Y) ช่วยด้วยครับ! ผมแอบชอบเพื่อนสนิทและรอเค้ามาแล้ว 19 ปี ผมจะบอกเค้าได้รึยัง?
ตั้งกระทู้ใหม่
Part 1 : วัยประถมกับความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
เราสองคนรู้จักกันและพบกันครั้งแรกในโรงเรียนต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ตอนนั้นคือตอนป.2 ใหม่ทั้งครู ทั้งนักเรียน ตึกอาคารไปยันนักการภารโรงเพราะเป็นโรงเรียนที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ(ขนาดย้ายห้องย้ายตึกยังต้องให้นักเรียนแบกโต๊ะเก้าอี้ส่วนตัวของตัวเองไปยังอีกตึกอย่างงั้นเลยล่ะ) การไปเรียนช่วงแรกๆผ่านไป 1 ปีก็ยังไม่มีอะไรมากครับ จนมาถึงป.3 วันนั้นหลังจากเข้าแถวในตอนเช้า ห้องของผมก็มีเด็กนักเรียนใหม่เข้ามาคนนึง เป็นเด็กผู้ชายที่มีพ่อแม่มายืนส่งลูกเข้าเรียนวันเปิดเทอมวันแรก ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่พอพ่อแม่ส่งนายคนนั้นให้ครูเท่านั้นแหละ ร้องไห้ โวยวายเลย ร้องแบบสะอื้นจริงจังเสียงดังน่ารำคาญมาก ครูลากให้เข้าห้องก็ไม่เข้าปากพูดแต่จะกลับบ้านๆ จนครูต้องปล่อยให้นั่งร้องอยู่หน้าห้อง จนสายๆมันเหนื่อยก็หยุดร้องครูเลยพาเข้ามาให้นั่งในห้อง ถ้าจำไม่ผิดเห็นครูมองๆว่าจะให้ตรงไหน ในวันแรกของการเปิดเทอมห้องเรียนมักจะมีที่ว่างๆอยู่บ้าง เพราะเด็กยังมาไม่ครบบ้างล่ะ หรือเพราะจำนวนที่นั่งมันเยอะกว่าเด็กอันนี้ก็ไม่รู้ สุดท้ายครูชี้ให้มานั่งข้างผมที่นั่งอยู่ติดหน้ากระดานดำ เอาจริงๆข้างๆผมมันก็ว่างล่ะครับ เด็กๆส่วนมากไม่ชอบนั่งหน้ากันแต่แม่ผมสั่งไว้ว่าต้องนั่งข้างหน้าเท่านั้นเพราะจะได้เรียนเก่งๆฉลาดๆรู้เรื่อง(แต่ก็ดูเหมือนมันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมฉลาดขึ้นมากมายนะผมว่า 55)
ต่อจากนี้ผมขอแทนเด็กคนนั้นว่า "เอ" นะครับพิมพ์ง่ายดี ต่อๆ หลังจากที่เอนั่งลงข้างๆผมมันก็ยังมีสะอื้นๆอยู่นะ หน้าตานี่ทีแต่คราบน้ำตา นั่งๆไปผมก็ถามว่ามันชื่ออะไร ถามแค่นั้นเพราะมันก็เหมือนไม่อยากตอบ จนผ่านไปหลายอาทิตย์ทุกๆเช้าเหมือนวนลูปเดิมๆคือพ่อแม่มันมาส่งหน้าห้อง ร้องไห้ (ซิสเตอร์ก็แล้ว ครูก็แล้ว พวกเค้าเองก็คงเหนื่อยใจ ครูทั้งชั้นมาปลอบ มากล่อมยังไงก็ไม่ฟัง) สายๆเหนื่อยหน่อยถึงจะกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะ ตอนนั้นคือคิดแบบว่า ตูงอแงแล้วเจอ-นี้เข้าไปเรานี่จิ๊บๆไปเลย ลูกแหง่มาก ผ่านพักหลังๆระยะเวลาร้องไห้ก็ค่อยๆลดลงจนหลายร้องไม่ในที่สุด พูดมากขึ้น ชวนเราเล่นมากขึ้น เอาของเล่นมาโชว์ทุกวันแต่ดีหน่อยที่ยังชวนเราเล่นด้วย จากเป็นแค่เป็นนั่งคู่กับกลายเป็นเพื่อนสนิท ก็จะไม่ให้สนิทได้ไงมันมาติดผมแจเลย จะไปกินข้าว ไปห้องน้ำหรือไปเล่นไหนๆก็จะตามไปด้วยตลอด ตอนเข้าแถวก็ยังชวนเล่นถูกครูเอ็ดหน้าเสาธงยืนตากแดดทำโทษเพราะมันก็เคยมาแล้ว แต่มันก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือขี้ร้องมากๆ และด้วยบุคคลิกที่น่าแกล้งมันที่อยู่ไม่นิ่ง ไฮเปอร์ๆก็จะโดนเพื่อนและรุ่นพี่แหย่ตลอดนะ ครั้งนึงเราเล่นตอนพักเที่ยงกันอยู่ดีๆก็มีรุ่นพี่สองคนมาแกล้งเราแกล้งท่าไหนก็จำไม่ได้ จำได้แต่ว่ามันพุงไปทุบไปต่อยเค้าจนปากแตก จนครูมาเห็นและเรียกไปคุย -เราก็ต้องไปเพราะอยู่ในเหตุการณ์และไปเป็นพยานให้มัน สรุปโดนตีทั้ง 4 คน คือตูไม่เกี่ยวมั้ยล่ะ? มาเป็นพยานชี้ตัวคนผิดเฉยๆมั้ย T T และครูก็ปล่อยขึ้นไปเรียนตามปกติ
ในตอนนั้นถ้าถามผมว่าผมรู้สึกดีไหม มันก็มีความรู้สึกดีๆนะครับแต่แบบว่ามันยังบอกตัวเองไม่ได้ว่าคืออะไร ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่ารักหรือเรื่องทอมเกย์กระเทยนี้แล้วใหญ่ เอาเป็นว่ารู้สึกดีแล้วกันแบบว่าอยู่ๆมีคนมาตามติด(เหมือนวิญญาณ) อยากกินน้ำกินขนมบอกเอ เอก็จะไปเข้าแถวซื้อให้ ตอนเข้าค่ายลูกเสือไม่ได้อยู่หมู่เดียวกัน มันก็จะเดินมาหามาเล่นอยู่บ่อยๆ และด้วยความที่เราขี้งอนเวลามันไปเล่นกับใครก็มักจะน้อยใจ เคืองๆอารมณ์หึงเพื่อนล่ะตอนนั้น มันก็จะมาง้อมาตื้อให้คืนดี มาวอแวถามว่าเป็นอะไรๆอยู่บ่อยๆ จนก็กลับไปเล่นกันเหมือนเดิมทุกที เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนใกล้จะจบป.3 ครูบอกว่าจะมีการจัดอันดับแล้วจะมีการแยกห้องสำหรับคนที่มีผลการเรียนดี+โรงเรียนน่าจะมีจำนวนนักเรียนที่มาสมัครเพิ่มมากขึ้นเพราะเป็นเอกชนที่ค่อนข้างจะดีที่สุดในจังหวัดจึงได้มีการเพิ่มห้องแบบนี้ และแน่นอนตอนประกาศผลสอบมีใบบอกคะแนนและหมายเหตุสำหรับผู้ที่ต้องย้ายห้อง ผมน่ะเหลอ ตกซัก 4-5 วิชาได้มั้ง โดนแม่เขกกระโหลกด้วยตอนนั้น ส่วนเอได้ย้ายห้องไปอยู่ห้อง 1 ผมก็อยู่ห้อง 2 ไปตามระเบียบครับ
เราสองคนตั้งแต่ปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันอีก จะโทรจะเมลอะไรในสมัยนั้นก็ยังไม่มี จะมีแต่ก็เพจเจอร์(ที่จะเลิกบูมแล้วเพราะโทรศัพท์รุ่นกระติกน้ำบ้องใหญ่ๆดำๆที่เริ่มจะเข้ามาแทนที่) ผมกับเอเจออีกทีก็วันแรกของการเปิดเทอม ป.4 มันเดินมาหาบอกว่าได้ย้ายห้อง ผมก็บอกไปว่ารู้แล้ว แต่ตอบแบบไม่ดีๆ ความรู้สึกตอนนั้นคือแบบว่าทำไมต้องย้ายแล้วตูล่ะ ง่ายๆคือไม่อยากให้ย้ายแล้วก็พาลมันบอกว่าจะไปไหนก็ไปไม่ต้องมายุ่งแล้วเดินหนีมัน มันก็ยังตามๆมาแหย่จนเสียงออดเข้าแถวดังขึ้นก็แยกย้ายกันไป วันแรกมันเหวงๆ มันรู้สึกได้จนจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ อยากให้เอมันมานั่งกวนๆ อยากนั่งดูมันเขียนแล้วขำตัวหนังสือที่มันเขียน ผมจะบอกมันเสมอว่า "นี่ๆลายมือไก่เขี่ย" คือใครๆหรือครูก็ชมมันแบบนี้ เพราะมันลายมือแย่มากอ่านแทบไม่ออกเลยจริงๆ พอถึงเวลาพักเที่ยงด้วยความที่ว่าโรงเรียนคริสต์(แต่ไม่ได้นับถือนะ)เราจะต้องสวดกินข้าวก่อนออกจากห้อง (โมทนามีอาหาร ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า..) แล้วพอดีห้องผมสวดเสร็จเร็วก็เลยได้ปล่อยก่อนกับห้องของเอที่อยู่ติดกัน ผมก็เดินๆไปกับเพื่อนแต่ก็รู้สึกว่ามีใครมันตามมา แว่บไปแว่บมาหันไปก็ไม่เจออะไร จนพอมาถึงโรงอาหารก็ซื้อข้าวมานั่งกินกับเพื่อนห้องผม มันมาจากไหนไม่รู้มานั่งกินข้าวด้วย แต่ผมก็วางฟอร์มเหมือนเดิม คือไม่อยากยุ่ง "-คนทิ้งเพื่อน!" ไม่ได้ตะโกนแต่ในสมองตอนนั้นคิดประมาณนี้ ผมกินไปโดยไม่คุยกับเอ รีบกินให้เสร็จแล้วลุกไปเก็บจานเลย พอซื้อขนมผมก็เดินไปตึกอนุบาลข้างๆโรงอาหาร เหมือนเดิม เหมือนมีอะไรแว่บๆตามหลังแต่ที่นี้เห็นเป็นชายเสื้อ กางเกงโผล่มาคือผมรู้แล้วล่ะว่าต้องเป็นมัน มันก็ตามไปเรื่อยๆหลบหลังกระถางต้นไม้ พุ่มไม้บ้างล่ะ ในใจก็ขำๆนะแต่พอนึกว่ามันยิ้มย้ายห้องไปแล้วก็เคืองมันอีก เลยหยุดเดินแล้วหันไปถามมันว่า ตามมาทำไม? มีอะไร มันก็บอกว่าอยากเล่นด้วย ยิ้มๆมาแล้วถามว่าหายโกรธยัง? ผมก็ไม่ตอบหันหลังเดินไปต่อแต่ก็ได้ยินเสียงมันเดินตามผมเลยหันไปว่ามันว่า "เลิกยุ่งซักที จะไปไหนก็ไป รำคาญ ไม่ต้องมาตามอีก" พูดประมาณนี้แต่คำพูดจริงๆไม่รู้ว่าพูดยังไงแต่ก็น่าจะแรงอยู่ เพราะพูดเสร็จมันก็หน้าจ๋อยเหมือนจะร้องไห้ตามนิสัยของเอแล้วก็เดินจากไปเลย และนั้นคือครั้งสุดท้าย ครั้งที่ผมไม่คิดว่าเราสองคนจะไม่ได้คุยและเจอกันอีกต่อไป..
หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกัน เจอกันมันก็ไม่ทักเหมือนเดิม ไม่มีมาวอแวก่อกวนอะไรอีก ผมเดินไปเล่นห้องมันบ่อยๆ(เพราะเพื่อนตอนป.3ก็ย้ายไปอยู่หลายคน) มันก็ไม่สนใจ นั่งนิ่งบ้างเล่นกับคนอื่นอยู่บ้าง ผมก็รู้สึกเสียใจนะที่มันไม่สนใจผมเหมือนเดิม แต่อย่างว่าผมเป็นที่ชอบวางฟอร์มยังเล่นตัวต่อไปจนผ่านไปได้เกือบเดือนหรือหลายๆเดือนนี่แหละ ผมถามเพื่อนที่อยู่ห้อง 1 ว่า "เอมันไม่มาเรียนเหรอ?" เพราะผมไม่เห็นมันที่โต๊ะ เพื่อนผมตอบกลับมาว่า "เอ มันลาออกไปแล้วน่ะ" คือตอนนั้นผมก็อึ้งๆนะทำอะไรไม่ถูก คือมันเหมือนอะไรหายไป เพื่อนที่ผมสนิทมันไม่อยู่แล้ว คิดเสียใจ โทษตัวเองที่ทำตัวเองเรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเองที่มันงี่เง่า จะทำยังไงจะแก้ไขยังไงก็ไม่รู้ (ใครหลายๆคนสงสัยว่าเด็กขนาดนั้นมันโทษตัวเองได้แล้วหรือ บอกเลยว่าได้) สมัยนั้นอย่าว่าแต่ Internet แชทอย่าง MSN หรือตัวไหนๆก็ยังไม่มีเลย ผมต้องเก็บความรู้สึกผิดมาตลอดจนจบป.6 พ่อแม่ได้ทำเรื่องย้ายให้ผมเข้ามาเรียนที่กทม. และแน่นอนความรู้สึกผิดที่ยังติดอยู่ในใจมันได้ทำให้ผมคิดที่จะเริ่มตามหาเอ ว่าแต่ผมจะตามหาเค้ายังไง...
27 ความคิดเห็น
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ><
เธอไม่เคยตาย : ขนมจีน
ผมตั้งไว้สองที่เนื้อหาเหมือนกันนะครับ
http://pantip.com/topic/33542628
เอิ่ม ถ้าคุณจะบอกชอบเขา คุณก็ควรทำใจไว้บ้างก็ดีนะครับ อาจจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือเขาจะหายไปจากชีวิตด้วย ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนครับ
สู้ๆนะ ครับเป็ยกำลังใจให้ ขอให้คุณโชคดีกัน 19 ปีของคุณ
ขอบคุณนะครับ
ร้องไห้แปป เนื้อเรื่องยาว ขก.อ่าน
//เอาเป็นว่าจะขอทำความเข้าใจจากหัวข้อกระทู้และการอ่านส่วนย่อสุดท้ายนะคะ -w-''
จากที่ดูก็เข้าใจความรู้สึกของพี่จขกท.นะคะ เคยเป็นเหมือนกัน แต่อยากจะแนะนำว่า
ถ้าเกิดว่าการที่เราไม่บอกแล้วมันทำให้เรามานั่งคิดมาก หรือทุกข์ใจอะไรก็แล้วแต่ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ ลองรวบรวมความกล้าแล้วบอกเขาไปก็น่าจะดีกว่านะคะ ถึงโอกาสมันจะมีน้อย แต่เราจะได้รู้ไปเลยว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ได้ จริงอยู่ว่ามันก็ดีที่จะรักษาความเป็นเพื่อนไว้ แต่ลองถามใจตัวเองดูนะคะ ว่าพี่จขกท.อยากบอกความรู้สึกที่มีให้เขารับรู้ถึงแม้มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ (รึเปล่า) กับการที่ไม่บอกเขาแล้วอยู่ในสถานะแบบนี้ต่อไป อะไรคือความสุขจริงๆของพี่จขกท.
..ความสุขของคนเรามันต่างกันนะคะ บางคนเลือกที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ เพราะกลัวเสียเขาไป มันอาจจะเจ็บตรงที่ว่า เราไม่ได้บอกรักเขา และอาจเห็นเขามีความสุขกับคนอื่นที่ไม่ใช่เรา
หรือถ้าเลือกที่จะบอกก็อย่างที่พี่จขกท.คิดน่ะค่ะ ถึงแม้โอกาสมันอาจจะมีไม่ถึงครึ่ง ถึงจะต้องเสียใจ แต่มันก็ดีที่เราจะได้รับรู้ และอยู่อย่างไม่ต้องอึดอัดอีก (ส่วนนี้คงต้องใช้เวลาในการทำใจสักหน่อยนะคะ)
จะยังไงก็แล้วแต่ที่บอกมาทั้งหมดนี้ก็คงต้องแล้วแต่พี่จขกท.จะตัดสินใจเท่านั้น.. ยังไงก็ขอให้พี่จขกท.โชคดีนะคะ
ปล.ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกมั้ยนะคะกับที่เขียน ยังไงก็ลองๆดูนะคะ 55555 สู้ๆ
เข้าใจประมาณนั่นล่ะครับ ขอบคุณนะครับ ^^
อ่า จากที่อ่านมาเเล้วคือ เค้าคงไม่ได้ชอบคุณอ่ะนะ
เเต่ว่าลองเริ่มจากการตี้ซี้ไหมคะ เเบบว่าเป็นเพื่อนสนิท
หาเรื่องนู้นเรื่องนี้ชวนคุยไปมั่วๆอาจจะเดาทางถูกว่าเค้าชอบหนัง การ์ตูน เพลงอะไรงี้ หรือไม่ก็คุย ปัญหาชีวิต เรื่องเรียน บลาๆ
เเล้วก็เเบบ ...คือจขกท.เป็นเเล้วก็เคยมีเเฟนมาสามคนเเล้วใช่ไหมคะ
ลองเลียบๆเคียงๆก่อนว่า เค้ารับอะไรพวกนี้ได้ไหม
ถ้าไม่ก็ไปเลยน่าจะดีที่สุด เเต่ถ้าเค้าเฉยๆรับได้ ก็ลุยต่อ
พอเค้ารับได้เเล้วก็ลองหยอดมุกดู เเบบกวนๆไปไรงี้
ผ่านไปจนที่จขกท.คิดว่ามาถึงตรงนี้คงต้องบอกเเล้ว ก็บอกเลยค่ะ
ว่าเเบบจขกท.รู้สึกยังไง หรือไม่ก็มีวิธีที่เร็วกว่านั้นนะคะ เเต่ถ้าจบก็เหมือนตกเหว
อืม..ก็บอกไปตรงๆเลยค่ะวาชอบนะ เรื่องเป็นไง เผื่อเค้าจะรู้สึกดีๆกับเราบ้าง จำๆได้มั่ง 55555
ยังไงก็สู้สู้นะคะ จขกท.เข้มเเข็งมากเลยนะ ที่มาได้ขนาดนี้
อวยพรให้สมหวังนะคะ
ขอบคุณมากๆครับน้องสำหรับคำแนะนำ :)
ไม่รู้ว่าอ่านครบหรือข้ามอะไรอย่างไงนะครับ แต่มีเป็นข้อๆให้อ่านเล่นๆ
-ตอนที่เขาติดซี้กับคุณ อาจจะแค่อยากเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เพราะความเป็นเด็กมันก็อยากมีเพื่อนฝูงเพื่อนสนิทเยอะๆไรงี้
-คือตอนนั้นมันก็แค่ 'ประถม' นะครับ ไม่อยากให้คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง
ปล.ถึงตอนประถมจะมีความรักได้จริงๆก็เถอะ
-เจอกันช่วงมหาลัย ผมอ่านไปก็ดูออกนะ ว่าทุกอย่างมันไม่มีเหมือนเดิมเลย อย่างที่บาง คห. บอกว่า เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน
-ตอนนี้ยังไม่สายที่จะหาใครมาดูแลเรานะครับ เรื่อง ช-ช เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อยากให้ตัดสินใจดีๆ หาคนดีๆ
อย่างไรก็สู้ๆนะครับบบ #ยาวเลย
อ่านแล้วเข้าใจทุกข้อเลยครับ ความจริงมักจะโหดร้ายเสมอเลยเนอะ(คิดไปเอง) ไว้ยังไงจะมาอัพเดทนะครับ ขอบคุณครับ ^^
เป็นกำลังใจให้นะคะ เผื่อใจไว้บ้างก็ดีค่ะ สู้ๆค่ะ
สู้ๆครับ ขอบคุณครับ
อ่านไม่หมดนะ แต่อยากบอกว่า มันอยุ่ที่นายแหละ ไม่บอกเขาก็ไม่รุ้ แล้วนายก็จาอยุ่แค่นี้ละ
ถ้านายบอก ผลลัพมานกะออกมายุ 3แบบมั้ง 1 เลิกลา 2 เป็นเพื่อนต่อ 3 อาจได้คบกัน ข้อ2 น่าจะมีโอกาศสุด 3นี่ ลุ้นเอา 1นี่ ถ้าเป็นเพื่อนกันจิงๆมานจาไม่เกิดขึ้นหรอกคับ ถ้าเรื่องแค่นี้ทำให้เลิกคบได้ กะเลิกคบไปเถอะ
แต่ที่คุณจาได้แน่ๆคือ ความสบายใจหลังจากบอกแล้ว ถ้าจาบอกก็หาโอกาศเหมาะๆกะได้ เพราะอนาคตมานไม่แน่นอน ไม่ใช่พอจาบอกจิงๆ เขาดันไปชอบใครอีกละก็ ตอนนั้น ก็ได้หนุกหนานกันแน่ๆ เอาใจช่วยคับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ^^ จริงอย่างว่าอนาคตไม่แน่นอนจริงๆ
18 คือไม่เด็กแล้วมั้ย? 55
ขอบคุณครับแล้วจะลองคิดดูดีๆครับ ปล.หลังๆนี่ชม? (- -")
อ่านจนจบ และคิดว่า บอกไปเลย!! ผลจะเป็นยังไงช่างมัน!! เชียร์ จขกท นะคะ แต่อยากให้พยายามเผื่อใจไว้ด้วยนิดนึง ยังไงก็สู้ๆนะ!! เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณนะครับที่อ่านจบ ยาวน้ำเยอะแต่แบบว่าอยากให้เข้าใจอารมณ์ลึกๆแต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันมากแค่ไหนอ่ะครับ แต่แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว ^^
อืมม ถ้าถามหนูหนูว่าบอกไปเถอะค่ะพี่ คือถ้าเค้าคิดเหมือนเราก็จะได้สมหวังไป แต่ถ้าเค้าไม่คิดเราก็จะได้ตัดใจไปดีกว่ามานั่งเครียดอยู่คนเดียวน้าาา สู้ๆค่ะเชียร์อยู่ๆหนูอยากให้ผู้ชายรักกันอยู่แล้ว
พี่ก็แอบคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แล้วถ้าได้บอกจะมาอัพเดทนะครับ
อ่านไม่จบ แต่ก็พอจับจุดได้นะคับ = =
Me ก็เป็น Y นะคับ ส่วนตัวไม่เคยบอกชอบเขาหรอก 5555 ชอบให้เพื่อนไปบอก 555 ไม่ค่อยจะแนะนำนะคับ จขกท. เราบอกเอง จะดูเท่มากกว่า 5555 เราบอกไป เขาก็เข้าใจเรานะ ถึงเราจะไม่ได้เป็นแฟนกะเขา แต่ก็ทำให้เรารู้สึกสบายใจ และไม่เก็บกด ดีอีก เขายังมาให้กุหลาบมาให้ผมวันวาเลนไทล์ด้วย 5555
ทุกคนก็มีสิทธิชอบนะคับ เราไม่ผิดที่ชอบเขา แต่ถ้าเขาจะคิดยังไง ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา แต่ผมเข้าใจนะ ซักวันเขาจะต้องเข้าใจ ว่าทุกคนมีสิทธิชอบ
ไม่ต้องเสียใจถ้าเขาไม่ได้อะไร หรือโกรธเกียจเรา เราต้องเดินหน้าต่อไป สู้ๆ จขกท.
ขอบคุณมากเลยครับ อ่านแล้วได้แง่คิดใหม่ๆอยู่พอสมควร ^^
อ่านจนจบเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
งั้นขอเป็นกำลังใจให้นะคะ^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ^^
อยากให้พี่บอกเค้าไปนะครับ เพราะผมเคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันแต่วันที่ผมหาเค้าเจอเค้าก็ไม่อยู่บนโลกแล้วได้แต่โทษตัวเองทีไม่ได้พูดไปครับ
ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ T T พี่เองก็ว่าจะบอกจริงๆหล่ะ รอจังหว่ะดีๆก่อน แล้วจะมาอัพเดทนะครับ
เราเป็นเด็กผู้หญิง อายุก็อ่อนกว่าจขกท.พอควรนะคะ
แต่เราก็เคยมีเรื่องประมาณแนวๆนี้เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้นานเหมือนจขกทก็เถอะค่ะ
เรื่องที่จขกทถาม ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าจะบอกความรู้สึกไป อาจจะมีผลอย่างสองอย่าง
อย่างแรกคือ เค้ารับได้ คบกัน แฮปปี้เอนด์
อย่างที่สอง เค้ารับได้ แต่ไม่ตอบรับความรู้สึกนั้น ยังคงเป็นเพื่อนกันต่อไป
อย่างที่สาม เค้ารับไม่ได้ แล้วหายไปจากชีวิตจขกท.เลย
ถ้าอยากจะบอกจริงๆ ก็ต้องเตรีมใจไว้เลยล่ะค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้ผลจะออกมาเป็นแบบไหน
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ เราเชื่อว่า 19 ปีที่ผ่านมา จะไม่ไร้ค่าแน่นอนค่ะ ^ ^
พี่ก็เคยคิดแบบน้องเลยนะครับ 3 ข้อ พี่คิดว่าถ้ามันจะไปตกอยู่ข้อไหนซักข้อนึง มันก็เป็นสิ่งที่พี่เลือกเองพี่ก็ว่าน่าจะทำใจได้ แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงพี่ก็กลัวใจตัวเองเหมือนกัน ขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำและกำลังใจดีๆที่มีให้ ^^
อ่านจนจบเลยนะคะ โดยส่วนตัวคิดว่า
บอกไปเลย!!! แล้วเราจะโล่งไม่อึดอัดค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่นิสัยของบุคคลนะคะ
เช่นตัวเราเองชอบความชัดเจน ไม่ชอบอะไรลังเล
ตัดสินใจได้ก็จะทำ ดิบๆเนอะ55555
แม้ผลที่ออกมาไม่ดีหรือไม่เป็นดังที่หวัง
ก็จะยอมรับเพราะเป็นทางที่เราเลือกแล้ว:)
อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่ทุกๆคอมเมนต์ได้ว่าไว้แหละค่ะ
ส่วนตัวนะคะ คิดว่าคนเรามักจะมีทางเลือกที่เราเลือกไว้อยู่แล้วในใจ
ยังไงก็ สู้ๆๆๆๆ นะคะะะ
ปล. ตั้ง19ปี ยาวนานนะคะ หาได้ยากนะคะเนี่ย555
ส่วนตัวประทับใจมากกกกกค่ะ
ตอนนี้กำลังคุยให้บ่อยๆขึ้นนะ แล้วรอโอกาสอ่าครับ ขอบคุณมากๆนะครับแล้วไว้จะมาอัพเดทเรื่อยๆ
บอกต่อหน้าไม่กล้าอ่าครับ ขอเป็นทางไลน์ดีกว่าเนอะ ห้าห้า
ที่ผมอยากจะแนะนำคือ การเตรียมใจ และลืมนิสัยของตัวเอง
เพราะจากที่อ่านมา พี่ดูเหมือนจะเป็นคนขี้นอย เพราะฉนั้นการที่พี่ลืมนิสัยของตัวเองคือสิ่งที่จำเป็นมากๆ
-พี่ลองนัดเขาแล้วเอาเรื่องทั้งหมดที่พี่พิมพ์มาปริ้นใส่กระดาษไปด้วย แล้วสารภาพความจริงกับเขาไป
-ถ้าคำตอบคือ ไม่ พี่ก็บอกเขาไปว่า ไม่เป็นไร แล้วยิ้มรับความจริง แล้วค่อยยื่นกระดาษที่เตรียมมาให้เขาไปอ่าน บอกเขาว่า อ่านให้จบนะ มันดูเหมือนอาจจะไร้สาระ แต่มันคือสิ่งที่ช่วยเราได้ นอกจากจะทำให้ความเป็นเพื่อนไม่หายไปแล้ว เขาอาจจะเข้าใจพี่มากขึ้น แล้วลองให้พี่พิสูจตัวเองก็ได้ เขาอาจให้โอกาศพี่
-ถ้าคำตอบคือ ใช่ พี่ก็ให้เขาอ่านเหมือนเดิม เขาจะได้รู้ว่าเรารอเขามานานแค่ไหน
ความรักมันไม่มีผิด เพราะความรักคือสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเกิดกับเพศไหนก็ตาม
ขอบคุณมากครับที่อ่านจนจบและคำแนะนำทั้ง2ความเห็นเลย จะลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?