ความคิดเห็นเรื่องศาสนาของทุกคนเป็นไงมีใครคิดแบบเราบ้าง
ตั้งกระทู้ใหม่
ดิฉันคิดว่าถ้าจริงใจต่อกันก้ออยู่ร่วมกันได้ส่วนเรื่องศาสนาเราว่าคนเรานับถือได้ทุกศาสนาพร้อมกันได้นะเพราะศาสนาสอนให้เป็นคนดีเหมือนกันพระกำเนิดขึ้นมาบนโลกเพื่อสอนให้มนุษย์รู้จักคำว่าความสุขให้หาทางออกให้มนุษย์พบกับความสุขไงอย่าง
พระพุทเจ้าท่านเป็นพระสอนมนุษย์ท่านหาความสุขทางธรรมให้มนุษย์คือทำใจจิตใจสงบ
พระเยซูท่านสอนมนุษย์ว่าควรมีความรักเมตตานั้นก้อความสุขทางใจแล้ว
พระอัลเลาะสอนให้ทำดีต่างๆนั้นก้อความสุข
แล้วมนุษย์ก้อทำตามคำสอนของพระเจ้าทุกองค์เลย ก็เลยคิดว่าเรานับถือพระเจ้าหลายองค์ไปพร้อมกันได้ค่ะ เเล้วแต่มนุษย์ก้อคิดกันไปเองว่าเข้าศาสนาอิสลามออกไม่ได้ อิสลามต้องมีภรรยาเยอะได้ อิสลามกินหมูไม่ได้ พุทธห้ามโน้นนี้ คริสห้ามโน้นนี้
เพราะพระเจ้าท่านมีจิตใจประเสริฐกว่ามนุษย์ท่านไม่ได้บังคับว่าจะต้องเชื่อฟังคำสอนท่านไม่ได้สั่งห้ามแล้วมนุษย์ก้อตีความโดยใช้สมองผ่านตัวอักษรมากกว่าใช้ใจ เชื่อสิว่าก้ออย่างที่บอกไปว่าพระเจ้าเป็นผู้ประเสริฐท่านคงไม่ทะเลาะกันเพื่อแย่งคนเคารพนับถือเพราะพระเจ้ารักทุกคนแล้วพร้อมที่จะให้อภัยเราเสมอ
ดังนั้นเราจะเห็นว่าการที่ต่างศาสนาจะอยู่ด้วยกันมันไม่ใช้เรื่องยากและผิด
มีใครคิดเหมือนเราบ้างว่าเรานับถือศาสนาพร้องกันทุกศาสนาได้โดยไม่แบ่งแยก
มีใครคิดเหมือนเราบ้างว่าเรานับถือศาสนาพร้องกันทุกศาสนาได้โดยไม่แบ่งแยก
5 ความคิดเห็น
นิดนึง... อิสลามมีข้อห้ามและบทลงโทษชัดเจนนะครับ ส่วนของศาสนาหลักอื่นๆไม่เข้มงวดขนาดนั้น
ส่วนเรื่องที่ว่านับถือหลายศาสนาได้ไหม? จริงๆตามกฎหมายมันก็ได้แหละ
แต่คำสอนของแต่ละศาสนาเมื่อพูดถึงศาสนาอื่นมันจะออกมาแนวๆเดียวกันว่า
"นับถือศาสนาของเราก็พอแล้ว ศาสนาอื่นนั้นไม่จำเป็น"
มีของศาสนาพุทธที่แหวกแนวหน่อยบอกว่าของเราก็ยังไม่ต้องเชื่อ
"ลองก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ"
แล้วที่สำคัญเราว่าเจ้าทำความเข้าใจระหว่าง
'นับถือทุกศาสนา'กับ'ยอมรับทุกศาสนา'
ออกจากกันให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่า
สวัสดีค่ะ
ส่วนตัวนั้นเป็นพุทธโดยแท้และพื้นฐานค่ะ การที่เป็นพุทธนี้ละมั้งจึงเข้าใจว่า ทุกๆศาสนานั้นแท้จริงพยายามสอน ชักจูง แนะนำ แนะแนวทาง เพื่อให้ทุกๆคนเป็นคนดีและพบเจอความสุขสงบค่ะ
เป็นคนที่นับถือทุกๆศาสนาค่ะ รองจากพุทธคือ ยิว คริสต์ คาทอริกส์ ฮินดู อิสลาม หรือแม้ทุกๆศาสนาเก่าแก่ดั้งเดิมหลายๆศาสนาทั่วโลกค่ะ (ชอบอ่านนะ อ่านๆแล้วก็พิจารณาตาม) เข้าใจว่าทุกๆศาสนามีเจตนาและจุดมุ่งหมายเดียวกันแม้ว่า วิธี กล อุบาย การเปรียบเทียบเพื่อการเรียนรู้ของทุกๆปรัชญาของทุกศาสดา จะแตกต่างกันก็จริงแต่ก็เห็นและเข้าใจว่าศาสดาทุกๆองค์มีความต้องการและจุดมุ่งหมายเดียวกันค่ะ
หรือที่เป็นเช่นนี้เพราะดิฉันเป็นพุทธโดยแก่นสาร ขออนุญาติยกตรงนี้ ของหคที่ 1มานะคะ"ลองก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ" พุทธสอนไว้เช่นนั้นจริงๆ หรือจะเปรียบอีกครั้งคือ " ธรรมะ (ในที่นี้คือธรรมชาติแห่งความศรัทธานะคะ)ผู้ที่ปฎิบัติเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่พึงได้รับ" การนับถือและยอมรับในทุกศาสนานั้นเจ้าของเม้นต์นี้ได้ลองปฎิบัติด้วยตนเองแล้ว และรู้สึกได้ว่า...
"เมื่อ...มีโอกาสจะเข้าไปสักวาระบูชาทุกสถานที่ของทุกๆศาสนาเพื่อระลึกถึงศาสดาและคำสั่งสอนของท่านทุกองค์ค่ะ ทุกที่รู้สึกสงบและเป็นสุขได้ไม่ต่างกันเลย"...หรือเพราะสาเหตุมาจากที่ว่าดิฉันนั้นเป็นพุทธจึงสามารถรับความรู้สึกเช่นนี้ได้นะ "พุทธ"...สอนอีกว่า ทุกอย่างบนโลกนี้ ในห้วงจักรวาลนี้ ภพนี้คือสิ่งเดียวกัน และ นี่คือธรรมะ" หรือคือธรรมชาตินั้นเอง ความหมายนี้เป็นไปได้ที่ดิฉันจะตีความหมายหรือเข้าใจไปเองหลังจากศึกษาพุทธมานาน ก็เป็นได้
ทั้งหมดนี้คือความเชื่อที่ดิฉันศรัทธาค่ะ แลกเปลี่ยนกันนะคะ
ความรู้สึกดีๆสุข สงบ ทุกครั้งในทุกสถานที่ที่สามารถสื่อถึงทุกองค์แห่งศาสดาและปรัชญของทุกศาสนา...
แลกเปลี่ยนนะ ที่คุณอธิบายมาเรานิยามว่า'กลวง'
ศาสนามันละเอียดอ่อนเกินกว่าจะใช้เหมารวม ถ้าสนใจแค่ปรัชญาภาพรวม แล้วมองข้ามวัตถุทางศาสนา พิธีกรรม กฎของศาสนา อะไรที่มันยิบย่อยและสำคัญของแต่ละศาสนา ก็นั่นแหละย้อนกลับไปอ่านคำนิยามเรา
สวัสดีค่ะ คหที่3-1
ดีใจและยินดี ที่คุณเข้ามาทักทายค่ะ แต่ที่คุณบอกว่า"กลวง"ที่ดิฉันอธิบายมานั้นเกิดเป็น(นิยาม)ความรู้สึกที่คุณสัมผัสได้หลังจากคุณอ่านเม้นท์บอกเล่าของดิฉันนะคะ นั้นเป็นความรู้สึกของคุณค่ะ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ
"อะไรที่มันยิบย่อยและสำคัญของแต่ละศาสนา ก็นั่นแหละย้อนกลับไปอ่านคำนิยามเรา "...อ่านแล้วค่ะ เม้นท์ของคุณนะคะดิฉันก็ยอมรับว่าเป็นความเข้าใจและความรู้สึกของคุณค่ะ ยอมรับและให้เกียรติในความเชื่อในรูปแบบของคุณที่เป็นคุณค่ะ คนเรามองเห็นอะไรๆแตกต่างแง่มุมมกันได้นะคะ คุณรู้หรือเปล่าคะ และนั้นก็เป็นธรรมชาติด้วยค่ะ
คุณเป็นพุทธหรือเปล่าคะนี่ ดิฉันได้บอกไปแล้วว่า.... "เข้าใจว่าทุกๆศาสนามีเจตนาและจุดมุ่งหมายเดียวกันแม้ว่า วิธี กล อุบาย การเปรียบเทียบเพื่อการเรียนรู้ของทุกๆปรัชญาของทุกศาสดา ของทุกศาสนาจะแตกต่างกันก็จริงแต่ก็เห็นและเข้าใจว่าศาสดาทุกๆองค์มีความต้องการและจุดมุ่งหมายเดียวกันค่ะ"...ข้างบนของดิฉันนะคะ คุณได้อ่านคำบอกเล่าของดิฉันด้วยหรือเปล่านคะนี่ ในที่นี้แน่นอนคือรวมพิธีกรรมยิบย่อยด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นมีและเกิดขึ้นได้เป็นธรรมชาติค่ะ ไม่เป็นไรนะหากเราจะแลกเปลี่ยนความเชื่อของซึ่งกันและกัน คุณยอมรับได้หรือเปล่าคะ ดิฉันยอมรับความคิดที่คุณมีได้นะคะ โดยไม่ทุกข์และไม่ทรมานเลยและไม่มีความรู้สึกว่าจะตีความหรือนิยามไปมากกว่าที่คุณกล่่าวมาในเม้นท์แลกของคุณค่ะ เชื่อคุณตามที่คุณกล่าวมานะ เชื่อว่านั้นเป็นความคิดเห็นของคุณค่ะ
ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองนั้นตนเองนั้น อิ่ม และ เต็ม สงบ และสุข ในจิตวิญญาณอย่างแปลกประหลาดในทุกวินาทีค่ะ หากคุณเป็นห่วงหรือหวังดีต้องขอขอบคุณ คุณเป็นอย่างสูงค่ะ
คุยกันในกระทู้ต่อๆไปนะคะ
ยินดีที่คุณเสียใจ กับคำนิยามเรา เพราะมันแสดงว่า คุณก็ไม่ได้สงบอย่างที่คุณบอก
แล้วเราก็ยินดีมากที่เรานิยามคุณถูก
และเรายินดีที่สุดที่คุณบอกว่าเราแตกต่างจากคุณ
เรานับถือทุกศาสนาไม่ได้ เราเข้าใจถึงความแตกต่างมากเกินไป
แต่ก็ดีนะเห็นระบบความคิดคุณแล้วก็ได้อะไรบางอย่าง อะไรที่มันเหมือนจะมีแก่นสารแต่ก็ว่างเปล่า อ้อ กลวง นี่เอง
ถ้าเราเข้าใจอะไรผิด ก็แสดงแก่นสารของคุณ ทำให้เราเข้าใจสิ เรารออะไรที่เป็นแก่นสารจากคุณอยู่นะ อ้อ อะไรที่มันไม่ใช่ปรัชญาภาพรวมยกข้อดีขึ้นอ้างด้วย
ข้อตัวอย่างรูปธรรม ถ้าไม่ได้ก็ตัวอย่างนามธรรมที่เจอบ่อยๆ
สวัสดีอีกครั้งค่ะ
ดิฉันพยายามจะบอกว่า "ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ" กับคุณค่ะ ความรู้สึกเสียใจกับความรู้สึกที่ดิฉันมีนี้ภาษาพุทธเราเรียกว่า อารมณ์เมตตาและปรานีที่ดิฉันมีต่อคุณค่ะ ขอให้คุณรับไปนะคะ (เป็นคนใจดีมีเมตตา^ ^)
"แล้วเราก็ยินดีมากที่เรานิยามคุณถูก"...ดิฉันบอกคุณว่าคุณนิยามดิฉันผิดค่ะ คุณอย่าตีความไปเอง ดิฉันจะเป็นบาปค่ะ ที่บอกมานี้เพราะอยากส่งคุณข้ามสะพานค่ะ ส่งให้พ้นความสับสนที่คุณมีต่อดิฉันนะคะ
"คุณก็ไม่ได้สงบอย่างที่คุณบอก"...เป็นเรื่องแล้วไมล่ะ ดิฉันคุยอยู่กับใครกันนี่? คุณคะดิฉันมีความสุขค่ะ มีความสุขน้าค้า เชื่อดิฉันสิ เชื่อตามนั้นนะค้า
คุณนิยามมานั้นดิฉันอ่านแล้วเห็นว่าไม่ตรงตามความรู้สึกและเข้าใจในความรู้สึกที่แท้จริงของดิฉันค่ะ คุณนิยามผิดนะค้า เชื่อน้า เจ้าตัวบอกเองนะคะนี่ เจ้าตัวค่ะ เจ้าตัว คือดิฉันนะ ไม่ไช่คุณค่ะ
"เรานับถือทุกศาสนาไม่ได้ เราเข้าใจถึงความแตกต่างมากเกินไป"...ทะแม่งๆล่ะจะพูดกันรู้เรื่องหรือเปล่าละนี่ หรือว่าจะต้องหลิ่วตาอีกแย้วเรางานนี้ ดิฉันนับถือทุกศาสนาด้วยใจอย่างเคร่งครัดค่ะ โดยเฉพราะ ยิว คริสต์ คาทอริกส์ เชื่อนะคะ ไปโบถส์บ่อยๆค่ะ
"แต่ก็ดีนะเห็นระบบความคิดคุณแล้วก็ได้อะไรบางอย่าง อะไรที่มันเหมือนจะมีแก่นสารแต่ก็ว่างเปล่า อ้อ กลวง นี่เอง"...อ่านตรงนี้คล้ายคุณไม่มีศาสนาค่ะ เพราะหากคุณมีศาสนานะคุณจะไม่พูดแบบนี้นะ ทุกศาสนาสอนว่าไม่ให้ทำอะไรๆเช่นที่คุณทำอยู่นี้ค่ะ คุณไม่เคารพและยํ่าเกรงความคิดของผู้อื่นค่ะการที่คุณเขียนมานี้ ดิฉันเข้าใจเช่่นนั้นนะ ลองไปวัดทำบุญบ้างนะคะ ความรู้สึกกระด้างของคุณจะละเอียดอ่อนลงค่ะ นั้นจะเกิดเป็นความรู้สึกดีๆได้ค่ะ
แต่ดิฉันไม่กลวงค่ะ รู้สึก อิ่ม เต็ม สงบ และสดชื่นเสมอเลยค่ะ (หน้านี่ใสระรื่นตลอดเวลาล่ะค่ะ รู้สึกมีความสุขค่ะ^________^)
"ถ้าเราเข้าใจอะไรผิด ก็แสดงแก่นสารของคุณ ทำให้เราเข้าใจสิ เรารออะไรที่เป็นแก่นสารจากคุณอยู่นะ อ้อ อะไรที่มันไม่ใช่ปรัชญาภาพรวมยกข้อดีขึ้นอ้างด้วย"...ตลกสิคุณ คุณหิวข้าวดิฉันทานแทนคุณได้หรือเปล่า ไม่ได้นะคะ คุณก็รู้ เรื่องแบบนี้คุณต้องศึกษาเรียนรู้เองค่ะ แต่ออ..พุทธศาสนาสอนไว้ว่า การที่จะถึงธรรมได้ หรือจะสามารถสัมผัสได้จนมีความเข้าใจ จนพบความสุขสงบได้นั้นต้องมีกรรมดี และผลบุญสะสมไว้มากพอดูนะคะ ไม่สามารถได้มาง่ายๆนะคะ คุณคงต้องเริ่มลงมือปฎิบัติเองมังคะนี่
"ข้อตัวอย่างรูปธรรม ถ้าไม่ได้ก็ตัวอย่างนามธรรมที่เจอบ่อยๆ"...จะไม่ยอมลงทุนเองเลยเหรอคะนี่ จะได้รับสิ่งใดๆในชีวิตแท้จริงแล้ว เวรใครกรรมเขาค่ะ เรื่องแบบนี้ทำแทนกันไม่ได้นะคะ "ธรรมะผู้ที่พึงปฎิบัติเท่านั้นค่ะ ที่จะเป็นผู้พึงได้รับ" พึงสอนไว้แบบนี้ค่ะ
หิวข้าวแล้วค่ะ (ดิฉันต้องไปทานเองนะคะต้องไปแล้วน้า) หากหายไป ขออภัยด้วยนะคะ ไว้คุยกันกระทู้หน้าก็ได้ค่ะ
สวัสดีเช่นกัน เราชอบคำว่า กระด้าง นะ
เราไม่ได้ข้องใจศาสนาสักศาสนาเดียว เราเห็นจุดร่วมและจุดขัดแย้ง ศาสนาแต่ละศาสนาเป็นน้ำดับกระหายคนละชนิด ถ้าคุณดื่มพร้อมกันมันก็ไม่ใช่น้ำชนิดเดิมมันไม่เหมือนเดิม
เราข้องใจคนที่ดื่มน้ำพร้อมกัน พอเราบอกว่าน้ำแต่ละชนิดมีสรรพคุณขัดแย้งกันจนเป็นพิษ เขาก็บอกว่ามันไปกันได้มันหลอมรวมกันได้ เราอิ่ม เราสุข แล้วเราก็จะถามว่าต่อว่าอะไรที่ทำให้คิดว่าน้ำหลอมรวมกันได้โดยที่สรรพคุณยิบย่อยไม่ถูกทำลายจนเป็นพิษ แล้วเขาก็บอกให้เราลองดื่มเอง จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง ท้ายสุดเขาก็ไม่อธิบายไงว่าสรรพคุณที่ขัดแย้งมันเป็นยังไงต่อ กรองทิ้งไหม? เขาข้ามจุดที่เราสงสัยที่สุดไป แล้วก็สวนกลับมาว่าเราไม่เคยดื่มน้ำอะไรเลย ถ้าเราเคยดื่มน้ำเราจะไม่สงสัยในน้ำดื่มทั้งหลายทั้งปวง?
ถ้ามีคนมาชี้ว่านี้เป็นน้ำสะอาดดื่มได้โดยที่ไม่บอกส่วนประกอบ เราจะตัดสินใจพิจารณามัน และเราจะดื่มทันที ถ้าเขาไขข้อข้องใจเราหมด ถ้ายังพูดแต่ภาพรวมดีดี แล้วข้ามเรื่องสรรพคุณที่ขัดแย้งกันในน้ำ เราจะทำแค่เปิดใจพิจารณาแต่ไม่กรอกเข้าปาก
ป.ล. จุดร่วมและจุดขัดแย้งของแต่ละศาสนา เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่เอามารวมกันไม่หลอมรวม นี่คือแนวทางการยอมรับทุกศาสนาของเรา
สุดท้ายนี้กราบขอบพระคุณจริงๆที่แนะแนวทางหลอมรวม ,ช่วยปรับทัศนคติใหม่ด้วยว่าการสงสัยข้องใจไม่ใช่การไม่เคารพแต่มันคือการต้องการหาคำตอบ และ เก็บคำว่ากลวงที่มันตรงข้ามกับอิ่มและเต็มไปคิดบ้าง ลา
สวัสดีอีกครั้งค่ะ
ไช่คะดิฉันยืนยืนคำเดิมนะคะ คุณกระด้างค่ะ คำว่ากระด้าง จริงแล้วเป็นคำที่ไม่บอกถึงผู้ที่ถูกใช้คำนี้นั้นเกิดเป็นอะไรที่น่าเกลียดนะคะ แต่บอกถึงผู้ที่กระด้างนั้นสร้างความรู้สึกไม่ดีไม่นอบน้อม ไม่ยอมรับ แข็งขืน ไม่ให้เกียรติ หรือควมผู้ที่กระด้างนั้นเป็นอะไรที่ทำให้คนรอบข้างต้องใส่ใจมากขึ้นคือต้องเมตตาเขาล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นทำให้เกิดเป็นสังคมต้องโต้เถียงแบบข้างๆคูๆ หรือต้องถกเถียงกันในเนื้อหาที่มีอาณาเขตที่คับแคบ เกิดเป็นเสียงดังโวยวาย เกิดเป็นประเด็นและคำที่ทิ่มแทงจิตใจของใครๆได้ นี่คือความกระด้างค่ะ
เพราะจริงแล้วนะอาการกระด้างนั้นมีความหมายตรงข้ามของอ่อนช้อย (นอบน้อม น้อมรับ) หากการที่ไม่รู้ไม่เห็นด้วย (คืออาการด้างนะ)ก็สามารถอ่อนช้อยหรือน้อมรับ หรือนอบน้อมได้นะโดยการแสดงอาการหรือคำพูดที่สามารถแสดงออกมาในรูปแบบที่อ่อนช้อยได้นะคะ หากคนคนหนึ่งหรือคนเหล่านั้นได้ ผ่านการขัดเกลาของศาสนามาบ้าง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดทุกๆศาสนาจะพยายามสอนให้คุณหรือทุกคน อ่อนน้อมนอบน้อม(อ่อนช้อย) นั้นเป็นอย่างแรกๆเลย คือพื้นฐานแรกเลยทีเดียวนะคะ
ต่อไปนี้ขอยกตัวอย่างนะคะ ตัวอย่างที่มีความหมายที่มากกว่าความกระด้างนะ...
...เพราะหากคน คนนั้นหรือเขาเหล่านั้นไม่อ่อนช้อย ไม่น้อมรับไม่นอบน้อม อย่าว่าแต่คน คนนั้น หรือคนเหล่านั้น จะไม่สามารถที่จะมีโอกาสศึกษาเข้าใจปรัชญาในศาสนาใดๆได้เลย นี้คือความจริงที่เขาทั้งหลายเองที่แสดงอาการให้เห็นๆ ในการอยู่ เป็น การแสดงออกในทุกๆวันของเขาเลยทีเดียว
เช่นยกตัวอย่างนะคะ ใครๆหลายๆคนบอกว่าฉันนะเข้าใจในทุกๆปรัชญาของทุกศาสนานะ แต่ก็ก้าวร้าว บางคนนี้ดิบเลยทีเดียวนะ จะทำจะพูด ไม่มีการกลั่นกรอง ยิ่งในวันนี้ราวกับเขาทั้งหลายแบก เอ็ม16 เดินเที่ยวเล่นกันสบายอารมณ์ในสังคม ไม่พอใจใคร ไม่ถูกใจใครเห็นอะไรขัดหูขัดตา ในอารมณ์ดิบๆของเขานะ กราดด้วย เอ็ม16 เลย(เอ็ม16 ในที่นี้ขอเปรียบเช่นความดิบ ความก้าวร้านะคะ) ดูสิวันนี้ในสังคมเกิดอะไรขึ้น? ทั้งในชีวิตจริงหรือทางโลกออนไลน์ต่างๆ สงครามค่ะ สงครามที่เกิดจากความดิบดีๆนี้เอง
คนส่วนมากเป็นเช่่นนั้นเขาเหล่านี้มีศาสนาจริงเหรอ? ไม่ไช่แล้วค่ะ คนที่มีศาสนารู้สิว่าเขาเหล่านี้ไม่มีศาสนา หรือแม้ตัวเขาเองก็รู้ว่าเขาไม่มีศาสนา หากเขามีศาสนาน่ะนะ เพราะหากเขามีศาสนาเขาจะไม่เป็นได้เช่นที่เขาเป็นค่ะ คือหากเขามีศาสนาเขาจะรู้เป็นอย่างดีว่านั้นเป็นอะไรที่ศาสนาเกิดมาเพื่อขัดเกลาเขาเหล่านี้ หากจะเปรียบก็ไม่ต่างกับพระพุทธเจ้าเฝ้าโปรด องคุลีมารหรือเหล่าเปรตที่ทุกข์ทรมานทั้งหลายนั้นล่ะ (คุณเห็นภาพนะคะ)
อีกอย่างคนที่มีศาสนานะคะ เขาจะรู้สึกตัวได้ว่าเขาต้องเกรงต่อคำสั่งสอนและองค์ศาสนาดาค่ะ หากเขาปฎิบัติตามศาสนานั้นๆได้อย่างที่เขาตั้งใจ เขาจะกลมกลืนกลายเป็นศาสนาในตัวของเขาทั้งหลายเองค่ะ นั้นคือเขาทั้งหลายจะ เกิดอาการ เป็น อยู่ คือ ศาสนานั้นๆ ค่ะ ตัวตนของเขาจะเป็นได้ดังศาสนาเลยทีเดียว คือไม่กระทำหรือควรกระทำในสิ่งที่เป็นคำสั่งสอนค่ะ
มากกว่านั้นหากคนที่มีศาสนาะนะคะ จะนอบน้อมต่อศาสนานั้นๆจะเทิดทูนบูชาทั้งศาสดาและคำสั่งสอนของท่านด้วยการแสดงออกและเป็นผู้สื่อและส่งผ่านปรัชญาที่เขาทั้งหลายศรัทธาค่ะ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติหากเขาทั้งหลายปฎิบัติได้จริงนะคะ
อ้าง...ข้างๆคูๆ ก้าวร้าว ดิบ นี่คืออาการของเปรตค่ะในศาสนาพุทธ ตัวเองยํ่าแย่ ก็พยายามดึงให้คนอื่นแย่ลงไปด้วย เพราะเปรตนั้นเป็นเปรตค่ะ ในธรรมชาติชองเปรตมืดมน ทุกข์และทรมาน เปรตเป็นอะไรที่ทำให้พระพุทธเจ้าต้องทำงานหนักมากเพราะท่านต้องการให้เปรตพ้นทุกข์ เฝ้าสอน เฝ้าโปรดเพื่อชี้ทาง หรือว่าที่ท่านบังเกิดนั้นก็เพราะเหล่าเปรตนี้เป็นปัจจัยนะ เคยสงสัยเช่นกันค่ะ
ทั้งหมดนี้ดิฉันอธิบายมุมมองและความเข้าใจของดิฉันต่อผู้คนที่ดิฉันพบเห็นค่ะ หากเราจะแบ่งปันกันในความคิดเห็นเรื่องศาสนาตามประเด็นของเจ้าของกระนะคะ
ในข้อความที่3-6 ของคุณที่คุณอธิบายมานั้น ดิฉันไม่สามารถจับใจความที่คุณพยายามสื่อเพื่อส่งผ่านในการปฎิบัติหรือวิธีคิดของคุณค่ะ ในรูปแบบที่คุณเปรียบเทียบมานั้นสำหรับดิฉันนะคะ ไม่เข้าใจค่ะ รู้สึกไม่มีแก่นสาร ไม่มีที่มาและไม่มีที่ไป สัมผัสไม่ได้เป็นรูปธรรมที่เป็นระเบียบขั้นตอนคืออ่านๆไปแล้วคล้ายลมๆแล้งๆคล้ายกับว่าคุณไม่เคยผ่านการสัมผัสในการปฎิบัติผ่านศาสนาใดๆมาก่อนเลย ดิฉันจับใจความอละจุดประสงค์ที่คุณจะแบ่งปันไม่ได้นะคะ
แต่มีสื่อที่ดิฉันสามารถสัมผัสได้คือ คุณต้องการให้ดิฉันพยายามช่วยคุณเข้าใจในศาสนามากกว่า ไม่ค่ะ ไม่ เหตุที่คุณต้องการนั้นนะแม้ในธรรมชาตินี้ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ที่ใครๆจะทำอะไรๆแทนกันได้ในเรื่องนี้ค่ะ เหตุที่ดิฉันสัมผัสได้ในจุดที่คุณต้องการเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ
ธรรมะผู้ที่พึงปฎิบัติเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่พึงได้รับ" หรือที่คริสต์ มีไว้ว่า "พระเจ้าจะทรงช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่ช่วยเหลือตนเองก่อนเท่านั้น พระเจ้าจะทรงอยู่กับทุกคนที่เป็นเช่นนั้นเท่านั้นค่ะ"
"ป.ล. จุดร่วมและจุดขัดแย้งของแต่ละศาสนา เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่เอามารวมกันไม่หลอมรวม นี่คือแนวทางการยอมรับทุกศาสนาของเรา"...ตรงนี้เห็นด้วยกับคุณนะคะ ซึ่งดิฉันก็บอกไปแล้วว่า แม้จะต่างวิธี กล อุบาย ที่จะซสื่อปรัชญาของแต่ละศาสนา นั้นมิได้มีความหมายเดียวกันตรงที่ว่า จุดขัดแย้งหรอกหรือ? แน่นอนคนปรกติธรมดาจะสามารถเข้าใจได้นะคะว่านี่คือความต่าง ไม่ต้องจี้เขาก็เข้าใจค่ะคุณ
"ช่วยปรับทัศนคติใหม่ด้วยว่าการสงสัยข้องใจไม่ใช่การไม่เคารพแต่มันคือการต้องการหาคำตอบ"...เชิญเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้หากคุณต้องการได้คำตอบนะคะ คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้ไม่ได้มาง่ายๆค่ะคุณ คุณต้องบุกนํ้าลุยไฟไปเอามาเองค่ะ คุณจึงจะได้มา แต่ได้มาแล้วคุ้มมากค่ะ แต่ขอเตือนหากคุณอยากได้จริงคุณต้องเป็นคนที่อึดมากนะคะ ทุกข์ สุข ทรมานคุณต้องผ่านการทดสอบไปให้ได้ นั้นคือโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริงค่ะ ไม่ง่ายค่ะ โกหกไม่ได้ มั่วไม่ได้ โมเมไม่ได้ ชวนใครๆทะเลาะเบาะแว้งก็ไม่ได้มาค่ะ ประชดประชัน ใส่ไฟ เหน็บแนม ขู่เคี่ยวเข็น รังควาญ ก็ไม่ได้ ตรงกันข้ามจะกลายเป็นเปรตค่ะ
เคยอ่านจากที่ไหนนะ เคยมีนะคะ คนที่อยากลองศึกษาธรรมะแล้วกลายเป็นเปรต เพราะดิบเพราะกร้าน เพราะก้าวร้าว จะไปศึกษาธรรมะนะ ก็กลับกลายเป็นว่าจะไปโค้นล้มพระพุทธเจ้าเสียอย่างนั้นล่ะ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าผิดหมดล่ะตั้งตนจะสอนพระพุทธเจ้าเสียเองกลายเป็นเปรตไปเลย สงสัยคุณตาคุณยาย(มั้ง)เล่าให้ฟังนิยายก่อนนอนแน่ๆจำได้ลางๆ
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ศาสนาทุกๆศาสนากำลังจะสาบสูญเพราะมันอยากเกินไปในยุคที่อะไรไก็ง่ายๆเช่นยุคนี้ ความอดทนของผู้คนลดน้อยลงนั้นเอง เพราะเหตุนี้มั้งนะ เรื่องนี้เราเรียนแทนกันไม่ได้ ขอแสดงความเสียใจด้วยกับคุณค่ะ และขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
"และ เก็บคำว่ากลวงที่มันตรงข้ามกับอิ่มและเต็มไปคิดบ้าง"...คำว่ากลวงที่คุณส่งเข้ามาครั้งแรกดิฉันเข้าใจจุดประสงค์ของคุณในทันที ค่ะ เห็นๆมาแต่ไกลเลย ว่าคุณต้องการสื่ออะไร (ไม่น่าเชื่อสินะว่าดิฉันสามารถเห็นอาการเหล่านี้ได้) คุณต้องหัดมีจุดยืนสิคะ หากไม่ทีหลังหัดคิดก่อนทำค่ะ ภาษานะถูกสร้างมาสวยงามถูกต้องได้ตามที่เราต้องการจะสื่อ นี้ไม่ไช่เหตุที่เป็นปัญหาอะไรเลยที่เราต้องการจะสื่อสิ่งดีๆต่อกัน เช่นคนที่มีศาสนา(จริงๆนะ) จะสามารถสื่อกันได้ค่ะ เขียนดี เขียนเพราะ เราเขียนได้ค่ะ แม้จะบอกแนะนำให้เปลี่ยนเรื่องราวที่แย่ให้เกิดเป็นสิ่งดีๆนั้นเราๆก็สามารถทำได้ค่ะ และที่คุณเขียนมาดิฉันเข้าใจค่ะ และก็ได้เกิดเป็นผลที่ดิฉันต้องคุยกับคุณยาวๆนี้ค่ะ (คุณเข้าใจนะคะ นี้ต่างหากที่คุณต้องการ และดิฉันก็สนองค่ะ)
คนที่มีความสุขและบอกว่าอิ่มเต็มนั้นเป็นอะไรที่น่าจะเก็บไว้ และต้องฉงนกับความรู้สึกของตนทั้งที่ฝักใฝ่ศึกษาและต้องการสัมผัสความรู้สึกนี้มาตลอดชีวิตนี่นะคะ ไม่ค่ะคุณ ขอบคุณนะ คุณทำอะไรอยู่คะนี่คุณรู้ตัวหรือเปล่า ที่คุณทำอยู่นี้บาปอย่างมหันต์นะคะคุณชี้แนะให้คนพวงและสงสัยในศรัทธาธรรมทั้งที่เจ้าตัวเขารู้สึกได้ว่าควรเป็นเช่นไร มาวันนี้เห็นๆมีอยู่มากมายคนเช่นคุณนี่ล่ะ หากดิฉันไม่มีภูมิต้านทานนะคงหลงกลเชื่อคุณและก็สับสนสินะ ไม่คะตรงกันข้ามดิฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร วิธีของคุณดิฉันเข้าใจว่าพุทธศาสนาบอกไว้ว่า เป็นมารศาสนาค่ะ
เจ้าตัวบอกว่าอิ่มนะ คุณบอกดิฉันไม่อิ่ม เจ้าตัวบอกว่ารู้สึกสุขนะคุณบอกว่าดิฉันทุกข์ เจ้าตัวบอกว่าสงบนะคุณบบอกดิฉันวุ่นวาย เจ้าตัวบอกว่าเข้าใจนะได้ปฎิบัติมาทำการบ้านมาอย่างดีนะคุณบอกว่าโง่กลวง เป็นไปได้อย่างไรกันคนปรกติเป็นได้อย่างนั้นหรือ? เห็นหรือยังคะว่าคุณเป็นคนที่น่าสงสารมาก คุณไม่ควรที่จะกระทำแบบนี้กับใครๆนะคะ หากเขาเหล่านั้น อ่อนแอสับสนอยู่ก่อนแล้วเหตุการณ์จะยิ่งแย่ค่ะ เป็นบาปนะคะ แต่สำหรับดิฉันขอแผ่เมตตาให้คุณค่ะ
"ลา"...คำนี้เป็นคำหรือปรัชญของศาสนาไหนคะ คนเราคุยกัน คุณบอก ลา ลาเป็นคำลอยๆ คำสุดท้ายทิ้งไว้ให้คู่สนทนาคิด...(จะให้คิดถึงอะไร?คะ)ลาในที่นี้คือสัตว์ที่เราๆเรียกว่าเป็นสัตว์ชั้นตํ่าไม่มีสมองหรือมีสมองน้อยนิดแต่มีไว้เพื่อใช้งาน เช่น ควาย อีกชนิดนะคะ หรือลาที่มีความหมายถึงเราคงไม่ได้พบเจอกันอีก อยากรู้ว่าคุณต้องการสื่ออะไรคะ คนมีศาสนานะคะต้องชัดเจนค่ะ ไม่สามแง่สามง่าม เพื่อสร้างสื่อเรียกความสับสนเพื่อการทะเลาะวิวาทวุ่นวายค่ะ คนมีศาสนาเขาจะไม่กระทำอะไรๆแบบนี้ค่ะ เขาจะเป็นคนมีระเบียบวินัยและรู้ว่าเหตุการณ์ใดจะนำอะไรมานะคะ
สำหรับดิฉันนะคะ ที่เขียนมายาวๆนี้ ก็เพื่อส่งผ่านความเข้าใจที่ดิฉันมีต่อศาสนาดังประเด็นที่เจ้าของกระทู้ตั้งมา เข้าร่วมกิจกรรมสังคมดีเนาะ สนุกๆชอบๆ เกิดเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ(ไม่ได้เข้ามาเพื่อก่อเรื่องนะคะ ดิฉันมีศาสนาค่ะ)
ก่อนจากกันนะคะ ขออวยพรให้พระเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาคุณให้คุณสามารถเห็นเข้าใจได้ถึงสัจธรรมที่จะนำมาซึ่งความอ่อนช้อย ความนอบน้อม ความสงบ ความสุข ด้วยเทอญค่ะ ที่อวยพรให้คุณนี้เป็นวิธีของคนที่มีศาสนาทั้งหลายทั่วโลกเขากระทำค่ะ "การให้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้พร"
ขอบคุณสำหรับการทักทายและเปิดโอกาสให้ดิฉันได้ปล่อยความคิดเห็นและมุุมมองของดิฉันที่มีต่อคนที่เป็นอยู่ในรูปแบบที่คุณเป็นค่ะ เชื่อเสมอว่า ทุกอย่างมีเหตุเป็นปัจจัยนะคะ
ยาวๆมากๆขออภัยอีกครั้งค่ะ หวังว่าเราจะได้สนทนากันอีกในครั้งต่อๆไปค่ะ โชคดีนะคะ
ความศรัทธาอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเราจะศรัทธาทุกศาสนาใครจะมาห้ามได้? และในทางกลับกันถ้าเราไม่ศัทธาในศาสนาใดเลยก้ไม่มีใครมาบังคับให้เราศัทธาได้เช่นกัน - -
เราไม่คิดว่านับถือทุกศาสนาในคราวเดียวกันจะทำได้นะคะ แต่เราคิดว่าเราสามารถศึกษา เข้าใจ และยอมรับได้ ถามว่าทำไมถึงนับถือรวมกันไม่ได้ แต่ละศาสนาก็มีส่วนที่แตกต่างกันน่ะค่ะ บางศาสนาก็บอกไว้ว่าให้นับถือศาสนาเดียวห้ามนับถือศาสนาอื่น บางศาสนาไม่เคารพรูปปั้นในขณะที่บางศาสนาก็บูชา มันค่อนข้างจะแตกต่างค่ะ แต่แตกต่างไม่ใช่แตกแยก อยู่รวมกันได้แต่นำมาผสมปนเปกันไม่ได้
แต่เราก็คิดนะคะว่าคงมีคนคิดแบบคุณจขกท.อยู่แล้วแหละ แต่เขาก็คงคิดใคร่ครวญตัดสินใจอย่างดีแล้วไม่อย่างนั้นเขาคงสถาปนาศาสนาขึ้นมาใหม่ไปแล้วหากมันมีข้อดีมากพอ แต่หากคุณจขกท.จะนับถือเราก็ไม่ได้ว่านะคะ ตามคห. 1 ค่ะ กฎหมายไม่ได้ห้าม คุณจะนับถือก็ทำได้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?