มาร่วมแชร์ วิธีเขียนครั้งแรกกันดีกว่า
ตั้งกระทู้ใหม่
ของผมเริ่มจาก
นาง ก : อย่านะ นี้แหนะๆๆๆ *ทุบตีนาย ข*
ช่วงนั้นอินโนเซนต์มากครับ ยังเขียนผิดๆถูกๆ (ตอนนี้ก็ยังเขียนผิด ...)
แล้วเพื่อนๆ วิธีเขียนครั้งแรก เขียนแบบไหนครับ ?
16 ความคิดเห็น
ใช้คำซ้ำกันเยอะมากกก คลังศัพท์น้อย
และแต่งเป็นบทละคร คล้ายของ จขกท. เลยฮะ
ย้อนไปอ่านยังฮา
นี่แต่งไปได้ยังไง
นั้นสินะ ย้อนกลับไปอ่านก็รู้สึกอาย 55555
1-1 แหม่ ใช่เลย
แต่ตอนนี้มันหายสาบสูญไปแล้วละฮะ
ไม่เหลือหลักฐานให้อาย
วะฮ่ะฮ่า // หัวเราะอย่างสะใจ
Edit - แก้คำผิด
ระ .. ร้ายกาจ!!!
1-3 แหม ผมเปล่าร้ายกาจซะหน่อย มันหายไปเอง
แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดี(?) นะครับ ^ ^
"เอ๊ะ ตรงนั้นมีลำธารด้วย สวยจังเลย"
"ฮิๆ พี่สาวมาเที่ยวเหรอ"
"ใช่จ้า หนูก็มาเที่ยวเหมือนกันใช่ไหม"
"พี่สาวเห็นหนูเหรอ"
"เห็นสิจ๊ะ" เอ้าเด็กคนนี้นิ ฉันไม่ได้ตาบอดนะจะไม่เห็นได้ยังไง..หรือว่า....
"แต่หนูตายแล้วนะ.."
"...." นั่นไงล่ะ เอาอีกแล้วสิเรา
ประมาณนี้ค่ะ....
ก็ประมาณนี้แหละครับ
[ความเฮงซวยของผม]
พูดตามอักษร เฮง หมายถึงสิ่งดีๆ ซวยแปลว่าโชคร้ายหรือสิ่งร้ายๆ ตามหลักแล้วน่าจะนำมาจากภาษาจีน คำว่าเฮงซวยจึงอาจหมายถึงเรื่อดีหรือเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น แต่ส่วนมากจะใช้กับเรื่องไม่ดีซะมากกว่า
ความเฮงซวยในแต่ละวันนั้นมันช่างวุ่นวายและบั่นทองสมาธิและปัญญาของใครหลายๆคนไปด้วยและถึงขั้นต้องเจ็บตัวเพราะความเฮงซวย ซึ่งขอวินิจฉัยว่า อาการการติดเฮงซวยนั้นมาจากความสามารถของตัวเองหรือมาจากคนอื่น ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณเป็นคนขี้ลืมคุณก็จะพบกับความเฮงซวยที่ว่าคุณต้องลืมเอาการบ้านหรืองานมาส่งและวันนั้นคือเส้นตาย หากเป็นความเฮงซวยจากคนอื่นก็ง่ายๆ ในชั่วโมงพละ คุณถูกเพื่อนคนเดิมๆโยนลูกบาส พลาดมาโดนหัวหรือส่วนไหนก็ได้ของร่างกายของคุณหลายๆรอบนั่นแหละความเฮงซวยจากคนอื่น
"ระวังหัว!"
"ห๊ะ?"
ไขควงอันหนึ่งตกลงมาจากฟ้าหล่นใส่หัวดังตุ๊บ!
ผมยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมบทพูดถึงไม่เว้น 555
คล้ายๆ ของจขกท. นั่นแหละค่ะ ชื่อก็รักษาความเป็นไทยมาก (ฮา)
สมชาย: เธอมาตีเราทำไม
สมจิต: ก็เธอมาตีเราก่อนน่ะ นี่แน่ะ! *ตีแขนสมชายอีก*
*รู้สึกถึงรังสีเหนือม่วงแถวนี้*
"ดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังจำฉันได้นะ" มิรันพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ดีใจจัง!"
พูดจบเธอก็เตรียมยิงลำแสงใส่พวกมิคาสะอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว
"เอจิส! ก-" ยูนะพยายามจะทำอะไรบางอย่าง แต่มิคาสะก็เข้ามาห้ามเอาไว้
"จะทำอะไรน่ะ พี่!!" ยูนะตะโกนถามพี่สาวเธอเสียงดัง จนเธอต้องอุดหูไว้
"เธออยากให้หมอนั่นรู้ว่าพวกเราเป็นใครงั้นเหรอ..!!"
พูดจบเธอก็ชี้ไปยังชายหาดที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเธอโดยไม่สนว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่...
"อย่าเข้ามานะ!!"
การเขียนช่วงแรกๆของผมก็ประมาณนี้แหละครับ ใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์จนเฝือ ก็ถือว่าสมควรแล้วสำหรับคนที่เริ่มเขียนแฟนตาซี (แนวจริงๆของเรื่องคือไซไฟแฟนตาซี) โดยไม่เอาประสบการณ์อ่านนิยายสยองขวัญมาช่วย
เราเขียนแต่ประโยคคำพูดก่อนค่ะ มาร์คบรรยายไว้นิดหน่อย
พอจบตอนแล้วค่อยมาเพิ่มบรรยายอีกที
ตอนเริ่มเขียนนิยายเราเป็นอะไรที่พิสดารมากเลย
เริ่มแรกเราเขียนเป็นการ์ตูนก้างปลาไม่มีคำพูด มีแต่บทบรรยายสี่ช่องจบค่ะ//พอดีตอนนั้นเพื่อนในห้องเห่อกันวาดการ์ตูน
หลังจากนั้นก็พัฒนามาเป็นบทละครแบบเจ้าของกระทู้ประมาณว่า
A: อรุณสวัสดิ์ หายป่วยแล้วเหรอ?
B: สวัสดี ฉันกินยามาแล้วดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ บลาๆๆๆๆ
แล้วก็มีบรรยายนิดหน่อย(นิดจริงนะประมาณว่าทั้งหน้าบรรยายอยู่คำสองคำ)
นอกนั้นก็คำพูดไม่ก็ความคิดในหัวหมดเลย...
สวัสดีค่ะ คุณเจ้าของกระทู้
มาร่วมแชร์ วิธีเขียนครั้งแรกกันดีกว่า
ฮา ฮา ฮา เข้ามาหัวเราะสองบรรทัดนั้นอินโนเซ็นต์(จริงๆหรือเปล่า)
นายข ปล่อยให้เขาทุบตี หัวเราะชอบใจอีกด้วย สงสัยซาดิสซ์แน่ๆเลย อ่านแล้วหัวเราะงอหายค่ะ ทนแบบนั้นน่ายืมมาซ้อมแทนกระสอบทรายค่ะ
วิธีเขียนครั้งแรกเขียนนิยายไทยฝันว่าจะเขียนให้จงได้ค่ะ แต่ตอนนี้ดองอยู่ แต่จริงแล้วมีนิยายอยู่หลายเรื่องค่ะ มีเป็นพล็อตเค้าๆอยู่เพื่อนๆบอกว่าจะเขียนให้นะเห็นเป็นพลอ็ตที่ดีและน่าสนใจมาก
บอกด้วยว่าหากเขียนออกมาต้องกลายเป็นหนังแน่ๆ555 สงสัยล้อเลียนเราแน่ๆเลย (เรื่องจริงนะคะ)เพื่อนๆนักอ่านนักเขียนมีหลายคนค่ะ หากแต่ให้เขาเขียนก็เป็นผลงานของเขาสิเนอะ ไม่ค่ะ จะเขียนเองแต่ตอนนี้ดองอยู่นะ
เขียนผิดๆเช่นกันค่ะ ตอนนี้ก็ยังผิดอยู่เช่นกันนะและคงจะผิดไปเรื่อยๆอีกด้วยละมั้งดูท่าทาง แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเขียนเสร็จจ้างคนตรวจทานและแก้ไขให้ก็ได้เนาะจิ๊บจ๊อย
แต่เนื้อเรื่องที่แท้จริงอยากเขียนเองค่ะ จะผิดหรือถูกอยากเขียนเองค่ะ^________________^
เม้นท์นี้เข้ามาแชร์วิธีดองค่ะ 5555 (ดองนานๆได้ไหมนะ การดองก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีเขียนด้วยนะคะ)
ก็เริ่มต้นแบบเดียวกันเลยครับ ตอนนี้พัฒนาไปไกลโขเลยทีเดียว
เขียนครั้งแรกเหรอค่ะ ก็จะมีพวก -_- ^o^ >/////< T^T ฯลฯ เยอะแยะจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ
ครั้งแรก มาเป็นบทละคร ไม่ต่างจากของ จขกท. เลยครับ
พอมาช่วงที่สอง ก็เริ่มมีบทการบรรยายบ้างเป็นบางช่วง
ของเราแบบนี้เลยค่ะ...
บรรทัดติดกันเป็นพรืดดดด บทสนทนาก็ติดกันเป็นพรืดดด ไม่บอกว่าใครพูดใครทำ ๕๕๕๕๕
"บลา ๆ"
"บาล ๆ"
แบบนี้เลย กลับไปอ่านอีกครั้งก็ "นี่เขียนอะไรวะนี่ โอ๊ย อาจารย์อ่านรู้เรื่องได้อย่างไร !" งงมาก
ของคู่กันบนถนน
ฉันนั่งมองรถหลายรุ่นหลายขนาดเรียงรายแน่นขนัดในถนนสายหลักด้วยสายตาละห้อยละเ-่ยเหมือนกับหน้าคนขับคนอื่นบนท้องถนนนั่นแหละ น่าเบื่อกับการจราจรตรงหน้า จนสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่มีร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ มีเคาน์เตอร์ร้านอาหารเล็กๆที่มีเมนูหลายอย่างไว้บริการคนเดินทางและมีที่นั่งสำหรับรับประทานพร้อมสรรพ
พอดีเห็นกระทู้นี้เลยลอง google เรื่องที่ตัวเองแปะไว้เมื่อ 11 ปีก่อน (นานอยู่แฮะ - -) ตั้งแต่แปะเรื่องสดเพราะไม่มีล็อคอินให้แก้ไข แล้วดันเจอโป๊ะเชะพอดีเลยก๊อบมาแปะ
ที่จริงก็ไม่ได้ดูพิสดารอะไรนะขอรับ ปกติดี แต่ดูเหมือนจะชอบใช้เครื่องหมาย ! ขอรับ (เพิ่งสังเกตเห็นเหมือนกัน มือใหม่จริงๆ)
บนเตียงกว้างสีน้ำเงินเข้ม โบตั๋นยังคงนอนนิ่งใต้ผ้าห่มผืนนุ่มที่ถูกคลุมจนถึงคอ เผยให้เห็นเพียงดวงหน้าหวานใสภายใต้กรอบผมซอยสั้นที่กำลังหลับสนิท เรียวคิ้วได้รูปพาดผ่านเหนือดวงตากลมที่ถูกทาบปิดด้วยเปลือกตาบาง จมูกโด่งเชิดน้อยตามนิสัยดื้อรั้น แก้มขาวเนียนอมชมพูระเรื่อตามเชื้อสายแดนมังกรพองเล็กน้อยให้รู้ว่าเป็นคนเจ้าเนื้อพอประมาณ ริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดส่งเสียงฟี้เบาๆอย่างคนที่กำลังหลบสบาย
อีกร่างนอนคว่ำหน้ากับหมอนใบนุ่มเผยเห็นเสี้ยวเพียงหน้าด้านเดียว แต่กระนั้นก็มากพอให้รู้ว่าชายหนุ่มเจ้าของดวงหน้าเสี้ยวนั้นรูปงามปานใด ริมฝีปากสีชมพูสด จมูกโด่งรับกับรูปหน้าสายเลือดครึ่งเสี้ยวที่ไหลเวียนอยู่ในตัว คิ้วดกหนาตัดกับผิวขาวสะอาด เปลือกตาบางปิดสนิทซ่อนดวงตาคมสีนิลเข้มไว้ภายใน ลำแขนเรียวสวยพาดผ่านเอวคอดกิ่วของคนข้างๆอย่างแสดงความเจ้าของ แผ่นหลังเปลือยเปล่ามีร่องรอยขีดข่วนหลายรอยให้รู้ว่าทั้งสองเพิ่งผ่านกิจกรรมอันใดมา
ร่างหนาขยับกายเล็กน้อยเมื่อแสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านสีทึบเข้ามาในห้อง ทำให้อีกร่างที่นอนร่วมเตียงต้องพลิกตัวหนีไปอีกทาง โดยเฉพาะยิ่งความรู้สึกหนักอึ้งบริเวณหน้าท้องทำให้เธอหงุดหงิดมากยิ่งกว่าเดิม โบตั๋นงัวเงียตื่นจากการหลับใหล มือเรียวยกขึ้นหยีตาก่อนจะปรือขึ้นให้เห็นดวงตากลมหวานสีน้ำตาลเข้ม ทั้งที่สายเลือดครึ่งหนึ่งของเธอเป็นคนจีนแต่โบตั๋นและพี่น้องทุกคนกลับมีดวงตากลมโตอย่างมารดาชาวไทย
ร่างเล็กกวาดมองไปรอบๆห้องนอนหรูพร้อมอ้าปากหาวกว้างก่อนจะทิ้งตัวลงนอนต่อเมื่อเข้าใจว่าคงพักอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งของโรงแรม แต่อาการหนักอึ้งของบางสิ่งที่กดทับหน้าท้องทำให้เธอต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งและครานี้มีความสงสัยอยู่เต็มดวงหน้า...มันคืออะไร
โบตั๋นไล่สายตามองลงไปบริเวณช่วงเอวคอดของตัวเองก่อนจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันแน่น สมองที่ยังตื่นไม่เต็มที่คิดทบทวนว่าเมื่อคืนได้พาใครมานอนด้วยหรือไม่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีใคร เพราะเธอได้บอกให้เพื่อนสนิทมารับเนื่องจากอยู่คอนโดเดียวกัน...แต่เดี๋ยวก่อนมันมารับเธอแล้วจะมานอนบนเตียงกับเธอได้ยังไง ดวงตากลมหวานไล่สายตาไปเรื่อยๆตามท่อนแขนหนาที่เดาว่ามันคงไม่ใช่ของเธอ และไม่ใช่ของสาวๆที่เธอควงอยู่ ทอมสาวจ้องเขม็งที่ท่อนแขนนั้นราวกับมันคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไล่เรื่อยขึ้นไปจนถึงช่วงไหล่กว้างและแผ่นหลังเปลือยเปล่าของใครบางคน
ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น มือเรียวค่อยๆยื่นเข้าไปผลักไหล่ร่างนั้นให้นอนหงายและมันก็ทำให้เธอได้เห็นหน้าตานั้นชัดเจน โบตั๋นอ้าปากค้างก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่นอนอยู่ข้างเธอ
“-รบ! แกมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
หึหึหึ
แต่งครั้งแรกได้เก่งมากครับ TwT ..
ขนาดนายยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครฉันรู้ไหมล่ะ นายขอไข่ตอบ
.... นายกอกไก่เงียบ
แบบนี้แหละค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?