Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ให้กำลังใจน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบนะครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ฝากถึงน้องๆ ที่ยังไม่รู้จะเลือกเรียนอะไรดี คณะที่เราเลือก อาชีพต่างๆ ที่เราเลือกจะใช่เราไหม ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ


*หมายเหตุ บทความทั้งหมดนี้ จขกท. เป็นผู้เขียนเองทั้งหมด ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งหรือบรรทัดไหนก็ตามของบทความ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนหรือหากจะนำไปเผยแพร่ต้องทำลิงค์กลับมาที่กระทู้นี้เท่านั้น


- อาชีพในอนาคต น้องอยากเป็นอะไรน้องปักหมุดให้อยู่ครับ มีเป้าหมายที่ชัดเจนกับตัวเอง ตอนนี้เหมือนเราเล่นเกมเขาวงกต น้องอยู่ที่ปากทางเข้า หน้าที่ของเราคือเริ่มเกมจากจุดเริ่มลากตัวเองไปสู่ทางออก ถ้าเราอยากโกงเกมก็ง่ายๆ ลากจากทางออกไปหาทางเข้า เกมก็ง่ายขึ้นเพราะเราไม่ต้องงมทางที่จะไป

พี่เปรียบจุดหมายหรือทางออกเหมือนอาชีพ การโกงเกมคือเราเลือกอาชีพก่อน แล้วมามองคณะ เด็กสมัยนี้เลือกคณะก่อนโดยไม่รู้ว่าคณะนั้นสามารถไปประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง อย่าเป็นแบบนั้น ให้เริ่มคิดว่าอยากทำอาชีพอะไร แล้วไปมองที่คณะ อาชีพนั้นเราต้องรักที่จะทำมันด้วย ถ้าเราไม่รักมัน เราจะทำมันไม่ได้นาน และทำมันได้ไม่ดี คนปัจจุบันเปลี่ยนงานบ่อยมีได้หลายความหมาย คือ เขาเก่งและออกไปหาความก้าวหน้าของชีวิตในแบบของเขา หรือ เขายังไม่รู้จักตัวเองว่าเขารักที่จะทำงานแบบไหน


- การเลือกคณะ เมื่อได้อาชีพที่ชอบแล้วมามองคณะ คณะที่ชอบควรจะมีอันดับ 1 2 3 4 เพื่อที่เวลาที่เราล้มแล้วเราจะได้ลุกได้ ล้มแล้วไม่เจ็บ ล้มในที่นี้คือการสอบไม่ติด เราทุกคนไม่ได้เก่งที่จะติดอันดับหนึ่ง เพราะงั้นมีทางเลือกสำรองไว้เสมอ กันเอาไว้อย่าให้ตัวเองเจ็บ เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ติดอันดับหนึ่ง แต่ถ้าอันดับสองยังพอเรียนได้ พอเรียนไหวและยังชอบอยู่ ก็มาเลือกเรียนอันดับสองได้

- ถ้าถามว่าทำไมต้องเลือกเรียน เลือกทำอาชีพโดยเราต้องรักมันจริงๆ ต้องชอบมันจริงๆ ให้ดูง่ายๆ จากวิชาในโรงเรียน ขนาดวิชาที่น้องไม่ชอบน้องก็ไม่อยากจะเข้า นับประสาอะไรกับคณะที่มันใหญ่กว่านี้มาก เราเข้าไปเรียนโดยที่เราไม่ชอบคณะ มันจะมีประโยชน์อะไรครับ


บางคนบอก พี่บางทีชีวิตมันก็เลือกไม่ได้นะว่าจะเรียนอะไร จะทำอาชีพอะไร พี่เข้าใจว่ามีปัญหาไม่ว่าจะเป็น ฐานะทางบ้าน, พ่อแม่หรือญาติไม่อยากให้เรียน -- พี่อยากให้เราแก้ปัญหาให้ดี เพราะชีวิตหลังจากนี้คือตัวเราเองทั้งนั้น พ่อแม่หรือญาติ ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต ความสำเร็จมันทดแทนกันไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราเป็นในสิ่งที่มันไม่ใช่เรา คนอื่นอาจจะมองว่าอาชีพนั้นนี้ดีแล้ว แต่คนทรมานกลับเป็นเรา นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่น้องไม่ต้องกังวลครับ โลกเราเปลี่ยนไปแล้วพอสมควร เราสามารถทำตามความฝันได้แน่นอน ขอแต่เรากล้าที่จะทำครับ


ถ้ามีอาชีพที่ชอบแล้วดี เพราะจะเลือกคณะได้ถูก และน้องจะอยากเรียนในคณะนั้น อยากทำงานในอาชีพนั้นโดยไม่เบื่อเลย


ถ้ายังไม่มีอาชีพที่ชอบ ไม่เป็นไร ให้มองคณะที่เราชอบไว้แล้วศึกษาต่อยอดว่าคณะนั้นสามารถประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง อาชีพไหนที่เราชอบในสายคณะที่เราเรียน ค่อยๆ ก้าวเดินไป


- การสอบ ปลายปีนี้และต้นปีหน้ามีการสอบมากมาย น้องหลายคน พี่เชื่อว่าจะตระเวนสอบเหมือนรุ่นพี่หลายๆ ปี ด้วยเหตุผลที่น้องกลัวว่าจะสอบไม่ติด การตระเวนสอบนั้นมันสำหรับคนที่ไม่มีหมุดครับ เวลาที่น้องเอาไปนั่งสอบ เงินที่น้องเอาไปสอบ น้องเอาไปนั่งอ่านหนังสือซื้อหนังสือดีๆ มาอ่านเพื่อเอาคณะที่เราอยากได้จะดีกว่า เปรียบเทียบกันสองคน คนนึงตระเวนสอบทุกที่ที่เปิดเพราะกลัวไม่มีที่เรียน อีกคนตั้งเป้าไว้แค่คณะที่เราชอบในใจอันดับ 1 2 3 4 พอประกาศผลมา คนที่เขาตั้งในเขาก็ย่อมได้ในคณะที่เขาเลือก แต่เปรียบกับน้องที่ตระเวนสอบ หนังสือก็ไม่ได้แตะ และไม่ได้เตรียมพร้อมเลยที่จะไปสอบแต่ละครั้ง มันก็ไม่แปลกที่จะไม่มีชื่อน้องในการประกาศผลคณะที่น้องชอบ


เพราะฉะนั้น อย่าเขว อย่าเลือกไปสอบหลายๆ ที่มากเกินไปโดยที่เราไม่ได้ชอบคณะนั้นๆ ถ้าอยากลองสนามสอบไม่ว่ากัน แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดี เพราะเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน และอาจทำให้เราไม่พร้อมในการอ่านหนังสือสำหรับการสอบครั้งต่อๆ ไป

แต่ยังไงก็ตามคนที่ชนะทุกสนามสอบได้ ไม่ใช่คนที่เก่งมาก แต่เป็นคนที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอ อ่านหนังสือสม่ำเสมอ เขาถึงพิชิตได้แทบทุกสนามสอบ

- เรื่องเล่าจากรุ่นพี่ รุ่นพี่ที่ตระเวนสอบเป็นยังไงประสบความสำเร็จดีไหม รุ่นพี่บางคนติดหลายคณะ หลายมหาลัยแต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะเอาตัวเองไปทางไหนเพราะไม่รู้ว่าชอบอะไร คิดแต่ว่าเรียนอะไรก็ได้เพราะชอบหมด เรียนได้หมด จริงอยู่ที่เราเรียนได้หมด แต่การที่น้องไม่มีความรักในมัน พอถึงจุดๆ หนึ่งมันจะมีทางตัน ถ้าหากมีอุปสรรคมาหาเรา เราก็จะแก้ได้ยาก อดทนที่จะใช้เวลานานๆ การแก้ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้รักมัน อีกอย่างถ้าน้องไม่ได้รักในคณะ สุดท้ายวันหนึ่งน้องก็ต้องทิ้งคณะ ทิ้งงาน แต่ถ้าน้องรักมันตั้งแต่แรก อุปสรรคแค่ไหนน้องก็ไม่กลัวครับ

มีต่อครับ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

BlogGE 24 พ.ค. 58 เวลา 15:13 น. 1

ฝากถึงน้องที่ไม่รู้จะเก่งวิชาอะไร ยังไม่รู้ว่าชอบอะไร ขอฝากไว้ 2 วิชาคือ คณิตและอังกฤษ ทำไมต้องเป็นสองวิชานี้ น้องๆ อย่าลืมว่า GAT PAT 1 ใช้เข้ามหาลัยมากกว่า 80% ของคณะในประเทศไทย อีกอย่างสองวิชานี้เป็นวิชาหากินเพราะเกือบทุกสนามสอบต้องมีสองวิชานี้แน่นอน และสองวิชานี้ยังเป็นจุดอ่อนของเด็กม.หลายคน ถ้าน้องเก่งในวิชาที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ น้องก็จะพุ่งตัวเองไปสู่คณะที่น้องเล็งไว้ได้ไม่ยากเลย


การเตรียมตัว จะเตรียมตัวทันไหม เหลือเวลาอีก 4 เดือน จะหาสิ่งที่ชอบทันไหม ค่อยๆ หาไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ต้องรีบ แต่เวลาที่น้องหาน้องต้องอ่านหนังสือไปด้วยนะ เพื่อเตรียมให้ตัวเองพร้อมในการสอบตลอดเวลา

การอ่านหนังสือ น้องคนไหนที่ขี้เกียจ รู้ว่าตัวเองไม่อยากใช้เวลาทั้งวันในการอ่านหนังสือ น้องก็อ่านหนังสือวันละ 1 บทก็พอ อย่างพี่มี 5 วิชาหลักต้องอ่านก็เป็น 5 บทต่อวัน บางคนถาม พี่มันจะทันหรอแค่วันละ 1 บทเอง มองเผินๆ เหมือนจะอ่านไม่ทันแต่เราอ่านแบบนี้ วันนี้อ่านบทที่ 1 วันต่อไปอ่าน 1 2 วันต่อไป 1 2 3 วันต่อไป 1 2 3 4 นั่นก็คือ วันนี้น้องอ่านไปบทที่ 1 อ่านเสร็จแล้วทำโจทย์ วันต่อไปน้องต้องกลับมาทวนเนื้อหาบทที่ 1 พร้อมกับข้อที่ผิดว่าผิดเพราะอะไร ทวนเสร็จค่อยไปอ่านบทที่ 2 ต่อ วันที่ 3 ก็ทำเหมือนกัน ทำแบบนี้มันคือการทวนพร้อมขึ้นบทใหม่ไปในตัว ทำแบบนี้ยิ่งหลายๆ วันเข้า บทแรกๆ น้องแทบจะไม่ต้องอ่านเลยเพราะน้องจำได้หมดแล้ว แทบจะเปิดผ่านเลยด้วยซ้ำ วิชานึงมี 20 กว่าบทน้องใช้เวลา 1-2 เดือนก็อ่านจบแล้ว ถ้าเริ่มวันนี้ อีก 4 เดือนจะสอบ น้องใช้เวลา 2 เดือนอ่าน อีก 2 เดือนที่เหลือทำโจทย์วันละ 1 พ.ศ. พี่ว่ามัน happy นะเพราะพี่เชื่อว่าพวกเราขี้เกียจ พี่เป็นคนนึงที่ขี้เกียจมาก น้องไม่ต้องอ่านหนักเหมือนที่คนอื่นเขาอ่านก็ได้ น้องสละเวลาวันละ 5-6-7 ชม. มาอ่านหนังสือ วันนึงมี 24 ชม. น้องเหลือเวลาอีก 17-18-19 ชม. ที่จะเอาไปทำอย่างอื่น เช่น เล่มเกม เล่น Facebook IG Twitter เที่ยวกลางคืน ได้สบายครับ ไม่ต้องจมปลักกับหนังสือเรียน ค่อยๆ อ่านไปแบบนี้ดีกว่าไปเร่งเอาตอนจะสอบโดยอ่านวันละเป็น 14-15 ชม. ที่มีแต่ความกดดันเข้ามาว่ากลัวอ่านไม่ทัน แล้วสุดท้ายมันจะไม่ได้อะไร

ขอย้ำ : การอ่านหนังสือแบบนี้สำหรับคนที่ขี้เกียจและไม่อยากใช้เวลาทั้งวันอ่านหนังสือ แต่ถ้าใครอึดอยากอ่านวันละเป็น 10 ชม. ก็ไม่ว่ากัน

*หมายเหตุ วิธีการอ่านหนังสือแบบ 1 2 3 4 ไปเรื่อยๆ เป็นของ อาจารย์อุ๊ (อาจารย์ อุไรวรรณ ศิวะกุลขอขอบคุณอาจารย์ที่ให้คำแนะนำด้วยนะครับ ไม่งั้นผมคงไม่มีโอกาสสอบติดเลยครับ ขอบคุณอาจารย์ครับ

ทุกครั้งที่จะไปสอบ อยากฝากเรื่องการทำบุญ นะครับ บางคนอาจไม่เชื่อแต่พี่พูดเลยว่าจริง ยกตัวอย่างคนที่ไม่ได้แพทย์ทั้งๆ ที่เก่งเพราะอะไร คะแนนวิชาอื่น 60-70 หมด แต่คณิต 26 คณิต 28 (ขั้นต่ำ 30) มีมาเยอะนะครับ ทำบุญเพื่อความสบายใจของเรา และก่อนไปสอบ ไปกราบขอขมาคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องอายแล้วครับ ท่านไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน พี่ไม่ได้แช่งแต่พูดความจริง เราไม่สามารถรู้อนาคตได้เพราะงั้น ทำเหอะ อย่าอาย วิธีการขอขมามีในเน็ตไป search ดูได้ พี่ทำแล้วพี่ถึงสอบติดคณะที่หวัง คนที่มีความกตัญญูประสบความสำเร็จทุกคนครับ

เริ่มที่จะเปลี่ยนตัวเองได้แล้วนะครับ ไม่ต้องสนใจว่าตัวน้องนั้นจะเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน ติดยามาก่อน เรียนไม่เก่งมาก่อน สอบไม่ติดมาก่อน ผ่านเรื่องร้ายอะไรมาก็ตาม อยากให้จำไว้ว่า อดีตไม่ได้กำหนดอนาคตแต่ปัจจุบันเพียงอย่างเดียวที่กำหนดอนาคต น้องลองดู Robert Downey Jr. หรือคนที่รับบท Tony Stark ใน Ironman) ในประวัติเขา เขาเคยติดยามาก่อน แต่แล้ววันนึงเขาคิดได้ว่าชีวิตเขามันห่วยมาก มันแย่มาก เขาถึงได้ออกจากเส้นทางนั้นแล้วมาเริ่มใหม่ จนทุกวันนี้เขาได้กลายเป็นนักแสดงที่ทั่วโลกยอมรับ (พี่ไม่ได้จะเอาความหลังเขามาตอกย้ำ แต่อยากจะเอามาแนะให้น้องๆ เห็นว่าชีวิตคนเรามันเปลี่ยนได้ อยู่ที่ความคิดของเรา)

และอยากให้น้องได้ดูคนที่เขาประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้อย่าง Steav Jobs (Apple), Bill Gates (Microsoft), CP, คุณตัน อิชิตัน : พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้จบสูงมากมาย แต่เขารู้ว่าเขารักอะไร เขาชอบที่จะทำอะไร เขาถึงประสบความสำเร็จ หรืออย่าง Mark Zuckerberg (Facebook) ตอนแรกเรียนที่ Havard University แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะทิ้งใบปริญญา แล้วไปเป็น CEO ของ Facebook เต็มตัว ทุกๆ คนที่ยกตัวอย่างมานี้ล้มเหลวเยอะมากมาก่อน แต่สิ่งที่พวกเขามีโดยที่หลายคนไม่มีคือ เขากล้าที่จะลุกในทุกครั้งที่ล้ม เขาล้มมาหลายครั้ง และทุกครั้งที่ล้มเขาลุกขึ้นได้ เขาไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เขาไม่เลิกทำเพราะเขารักที่จะทำในสิ่งนั้นจริงๆ ลองคิดดูว่าถ้าเขาไม่ได้รักในสิ่งนั้นเขาก็คงทิ้งมันไปแล้ว แต่เพราะเขาชอบ เขารัก เขาถึงสามารถอยู่กับมันได้นาน

คนระดับโลกเหล่านี้ไม่ได้ใช้เวลาแค่ 4, 5 หรือ 6 ปีในการประสบความสำเร็จ เขาใช้เวลาเป็น 10 ปีถึงหลาย 10 ปี กว่าจะก้าวมาอยู่ในระดับนี้ แล้วน้องเป็นใครที่จะใช้เวลาเพียงแค่ 4 ปีในมหาวิทยาลัย 5 ปีในโลกของการทำงานแล้วจะบอกว่าเราประสบความสำเร็จ มันเป็นไปไม่ได้เลย แล้วถ้าน้องไม่มีความอดทน น้องไม่รักในสิ่งที่ทำ แล้วน้องจะประสบความสำเร็จได้ยังไง คนที่เขารักเขายังใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะประสบความสำเร็จ แล้วถ้าน้องไม่ได้รัก วันนึงน้องก็ต้องทิ้งคณะ ทิ้งอาชีพที่เราไม่ได้รักไป เราก็จะยิ่งเสียเวลาในชีวิตไปอีก

อย่าท้อ ไม่ว่าน้องจะผ่านการสอบมากี่ครั้ง สอบไม่ติดมาเยอะ หรือตัวน้องเองโดนเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นเพื่อน รุ่นพี่ก็ตาม จากปากใครก็ตาม ว่าทำไมไม่เป็นเหมือนคนนั้น ทำไมไม่เป็นเหมือนรุ่นพี่คนนี้ อยากให้เราเก็บคำพูดเหล่านั้นมาคิดและเป็นแรงผลักดัน ว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จในแบบที่เป็นเราให้ได้ ถ้าสอบไม่ติดเยอะก็เริ่มคิดได้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร เตรียมตัวพร้อมไหม หาปัญหาให้เจอแล้วแก้มันซะ อย่าปล่อยมันค้างคา อย่าเอาปัญหามาตอกย้ำแต่ให้เอามาแก้ไขตัวเอง คนเรามีวิถีทางในการประสบความสำเร็จในชีวิตแตกต่างกันไป ถ้าน้องเดินตามทางที่คนอื่นคิด ทางที่คนอื่นปูไว้ให้ ถึงวันนึงมันต้องถึงทางตัน หรือวันที่อุปสรรคหนักมากมันถาโถมเข้ามาหาน้อง ถ้าน้องไม่ได้รักในตัวคณะ ในตัวอาชีพจริงๆ น้องจะประสบความสำเร็จยากครับ

อย่าดูถูกตัวเอง อย่าดูถูกคนอื่น เด็กที่เคยเกเรก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้าน้องเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิดน้องเองว่าน้องทำได้ ตั้งเป้าแล้ว ปักหมุดแล้ว เก็บวิชาที่ต้องใช้ เตรียมตัวให้พร้อมกับการอ่านหนังสือ ถึงแม้แค่วันละ 1 บทก็ยังดี ถ้าเราล้ม เราต้องลุกให้ได้ อย่าเสียใจนาน รีบหาปัญหาว่าทำไมถึงล้มแล้วแก้ปัญหาซะ เพื่อว่าการลุกครั้งใหม่นี้ปัญหาเดิมจะไม่สามารถทำลายเราได้

-เรื่อง Internet และ Application ต่างๆ นะครับ ถ้าน้องแบ่งเวลาเล่นไม่เป็น ถ้าน้องอ่านหนังสือแล้วน้องยังหยิบมันขึ้นมาเล่น พี่แนะนำให้น้องลบ Application เหล่านี้ทิ้งไปเลยทั้ง Facebook IG Twitter นะครับ ในส่วนของ Facebook นะครับพี่ไม่ได้ลบแค่แอพแต่พี่ลบ Account พี่ทิ้งถาวรไปเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า พี่ไม่สามารถหักห้ามใจได้ แบ่งเวลาเล่นไม่ได้ ก็ตัดไฟแต่ต้นลมซะ แล้วสละเงินค่าโทรศัพท์โทรถามการบ้านเพื่อนเอา ทั้งนี้เพื่อนพี่ชื่อ ปิง ได้บอกเอาไว้ว่า Application เหล่านี้น้องโหลดกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อนใน Facebook น้องเอากลับคืนมาได้ในเวลา 2-3 วัน แต่เวลาที่น้องเสียไป ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อมันกลับคืนมาได้นะครับ

คนเก่งบนโลกนี้มีมากมายแต่เวทีโลกไม่ได้เปิดให้กับคนเก่ง โลกยุคนี้ต้องการคนที่ เก่ง กล้า และมีความชัดเจนในตัวเองว่ารักที่จะทำอะไร Google ได้ตีโจทย์คำว่าความรู้แตกไปแล้ว ความรู้มีอยู่ทุกที่ แต่ประสบการณ์อาจไม่สามารถหาได้ในโลกออนไลน์แห่งนี้

วันนี้คนที่เขาเก่ง กล้า และรู้ว่าตัวเองรักอะไร คนเหล่านี้เขากำลังก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเอง คนเหล่านั้นเขากล้า และชัดเจนแล้วนะครับว่าเขารักที่จะทำอะไร แล้วน้องละ กล้ารึเปล่าที่จะออกไปทำ ออกไปตามหาสิ่งที่น้องรัก สิ่งที่น้องอยากทำจริงๆ พี่ขอฝากไว้แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ

ทิ้งท้าย : ถ้าสิ่งที่พี่พิมพ์วันนี้มันทำให้น้องเปลี่ยนใจจากคณะที่น้องเล็งไว้แสดงว่าน้องไม่ได้รักมันจริงๆ แต่ถ้าน้องอ่านแล้วน้องไม่เปลี่ยนใจจากคณะเดิม แสดงว่าหมุดน้องแน่นมากพอ และน้องจริงใจกับตัวเอง รู้ว่าตัวเองรักที่จะทำอะไร ยังไงพี่ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในแบบของตัวเองนะครับ

จบ

 

0