Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากเรียนอักษรแต่พ่อแม่ไม่ปลื้ม!!!ㅠㅠ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ  안녕 จขกท. ชื่อปาล์ม อายุจะ 17 ปีแล้ว กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 นะคะ งิ้งงงง

ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ
คือต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่ชอบภาษามาก(โดยเฉพาะเกาหลี)  แต่ดันอยู่ห้องเรียนพิเศษด้านวิทย์คณิต แต่ชอบภาษาคือแบบภาษาอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ภาษาตัวเลข คือเราไม่ชอบวิทย์คณิตอย่างมาก แบบไม่ชอบเข้าไส้เลยค่ะ
แล้วคือเราเป็นติ่งเกาหลี ชอบดูซีรีย์เป็นชีวิตจิตใจ แบบนางเอกพระเอกในซีรีย์เกาเวลาเค้าพูดเราก็จะพยายามพูดตามคือภาษาและเสียงมันน่ารักมาก >,<
                SO !!!
เพราะงั้นเราจึงชอบภาษามากและอยากเข้าอักษรศาสตร์จุฬามากค่ะ แต่...
ความฝันเหมือนดับวูบค่ะ พ่อแม่เราเค้าไม่ปลื้มค่ะ 오 마이갓 [OMG!!!]
                         ㅠㅠ  ท่านอยากให้เราเรียนหมอ  
TT เราก็เลยบอกว่า หนูอยากเรียนอักษรอ่า ท่านก็บอกว่า เรียนอักษรแล้วจบมาจะทำอะไร จะมีเงินเลี้ยงตัวเองไหวมั้ยเพราะในอนาคตมันไม่แน่ไม่นอน แล้วจะตกงานรึเปล่า
เราก็แบบนั่งนิ่งค่ะก่อนจะตอบไปว่า หนูไม่รู้ว่าจบมาจะทำอะไร อาจจะเป็นไกด์เพราะชอบเที่ยว เป็นล่ามแปลเพราะจะได้ใกล้ชิดกับนักร้องเกาที่ชอบ หรือไม่แน่ใจว่าจะมีเงินพอมั้ยแต่หนูคิดว่าการทำในสิ่งที่ตัวเองรักทำแล้วมีความสุขเดี๋ยวสิ่งดีๆก็จะตามมา
(คือยังไงก็ได้อะในตอนนั้นคืออยากให้ท่านใจอ่อนบ้าง)
 เราคุยกับท่านเรื่องนี้บ่อยมากค่ะ แต่ท่านก็ยังยืนยันคำเดิมว่าให้เราเรียนแพทย์ 
...
เราควรทำยังไงดีอะคะ ใครพอมีคำแนะนำบ้างมั้ยคะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
เราเครียดมาก คือ3ปีแล้วที่เรารู้ตัวว่าชอบภาษา
(รู้ตัวตั้งแต่ม.2 แต่ที่ม.ปลายเลือกเรียนห้องเรียนพิเศษวิทย์คณิตแบบเดิม
เพราะม.ปลายของ รร.เรา แผนศิลป์ภาษามีแค่จีนกับญี่ปุ่นแล้วส่วนมากจะไม่ได้เรียนค่ะจะเป็นชม.ว่างมากกว่าแล้วเด็กแผนศิลป์ในรร.เราจะถูกมองว่าเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง ทั้งๆที่บางทีเค้าอาจจะเก่งภาษามากกว่าเราก็ได้
 แล้วบวกกับเผื่อเราอยากจะเรียนแพทย์ขึ้นมา แผนวิทย์คณิตมันสามารถสอบได้กว้างกว่า เราจึงเลือกเรียนวิทย์คณิตต่อค่ะ ซึ่งทรมานมากๆในตอนนี้ ) 

 
ขอบคุณทุกคนนะคะที่เสียสะเวลาในการดูซีรีย์(?) ไม่ๆๆๆ555 เสียเวลามาอ่านกระทู้นี้ ถ้าใครอยากพูดคุยกับเราเพราะเรื่องราวคล้ายหรือเหมือนเรา
อันนี้ ID line เรานะคะ lllshm_ 
kakaotalk ก็มีนะ 555 เราติด kakaoมากกว่า งิ้งงงงง 

แสดงความคิดเห็น

>

31 ความคิดเห็น

Mickey199662 27 พ.ค. 58 เวลา 00:52 น. 2

หืมม เราว่าเรียนพวกอักษร มนุษย์นี่ไม่น่าตกงานนะคะ หางานได้เยอะค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นไกด์หรือล่าม คืองานด้านนี้เยอะมากกกก งานอาจจะไม่ตรงสายตามที่เรียนมาเป๊ะๆ แต่งานเยอะอยู่นะคะ ถ้าไม่เลือกงานไม่ตกแน่นอนค่ะ

แล้วเราว่าคนที่เรียนภาษาได้เปรียบกว่านะ ยิ่งเป็นภาษาที่สามยิ่งได้เปรียบ
สังคมปัจจุบันต้องการคนรู้ภาษาเยอะอยู่นะคะ คนที่ทำงานไปแล้วบางคนยังหาเวลาว่างไปลงเรียนภาษาที่สามเพิ่มเลย จะเป้นภาษาอะไรก็แล้วแต่คนเลือกไป

0
Kant.A 28 พ.ค. 58 เวลา 12:14 น. 4-1

รู้สึกปริ่ม เจอคนร่วมชะตากรรมเพียบเลย -.- เดี๋ยวแอดไลน์ไปหาน้องด้วยดีกว่า เผื่อช่วยน้องเขาได้

0
kimjaewonnie 27 พ.ค. 58 เวลา 07:35 น. 5

คห1 ใช่ค่ะ เราก็คิดแบบนั้นถ้าเราเข้าไปเรียนแพทย์แล้วมันไม่ไหวแบบสุดๆเราก็คงใหม่ไม่ก็ดร็อปไว้ ซึ่งทำให้เสียเวลาㅜㅜ

0
0847851271 28 พ.ค. 58 เวลา 07:39 น. 7-1

ตอนนี้พี่ก็เป็นเหมือนน้องเลยค่ะ อยากเรียนศิลป์ญี่ปุ่น ลงแอดไปแล้วด้วย แต่แม่พี่บอกไม่อยากให้เรียน อยากให้เรียนพยาบาลกะครูอ่ะ พี่กลุ้มมากตอนนี้ ถ้าเกิดติดน่าเสียดายมากๆอ่า เหตุผลคล้ายๆกะน้องค่ะ เศร้าจัง

0
ริโกะ 28 พ.ค. 58 เวลา 22:10 น. 7-2

-เธอเรียนญี่ปุ่นไปก็ได้นิ 4 ปี แล้วค่อยมาต่อครูทีหลังแค่ 1 ปีเองนะ
-ส่วนพยาบาลเราก็เรียนไป 4 ปี แล้วก็มาแนวดูแลคนแก่ไรงี้ เดียวนี้คนแก่จากญี่ปุ่นมาไทยเยอะมาก เงินเดือนดีกว่าพยาบาลธรรมดาอีก

บอกเลยภาษาทำได้เยอะมาก เรายกตัวอย่างพวกนี้ให้ที่บ้านฟัง ไม่มีใครขัดเลย สู้ๆตั้งใจ

0
Shalnark Diabolus 27 พ.ค. 58 เวลา 13:09 น. 9

มีเงินก็จริง แต่ลองคำนวนเอาครับว่าเวลางานกับเวลาใช้เงินอันไหนเยอะกว่ากัน ที่สำคัญหมอแสตนด์บายตลอดนะครับ ถ้ามีคนไข้ฉุกเฉินหลับอยู่ก็ต้องตื่นไป เพราะถ้าไม่ไปคนไข้ก็อาจตายได้ รับผิดชอบไหวมั้ย ใจรักพอรึป่าว เรียน6ปีจบแต่อยู่กับมันไปจนเกษียณก็20-40ปีนะ - -

0
kimjaewonnie 27 พ.ค. 58 เวลา 19:59 น. 10

เราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงนะคะ แต่เราเป็นพนที่ชอบอิสระด้วยอ่า ทางแพทย์คงจะไม่ไหวแต่พ่อก็บอกว่าอย่าพึ่งบอกว่าไม่ไหวถ้ายังไม่ได้ทำแต่ถ้าเราทำแล้วเราไม่ไหว เราจะเสียเวลาไปฟรีๆเลยนะ ในความคิดเรา แหะๆ

0
฿i฿leX 27 พ.ค. 58 เวลา 23:07 น. 11

ผมกอเป็นคนหนึ่งที่เรียนวิทย์-คณิต แต่อยากเข้าอักษรนะครับ  พ่อแม่ผมนี่หนักเลยแอนตี้สุดๆบอกเลย เค้าบอกกับผมว่า "จะไปเรียนทำไม ภาษง ภาษา
ไปเรียนวิศวะดิ จะเรียนทำไม จบวิทย์-คณิตเข้าภาษา ได้อะไร" แต่ตัวผมกอไม่ยอม ในเมื่อผมรักของผม ผมชอบภาษา ผมกอยืนกรานกับพวกท่าน ค่อยๆ
กัดกร่อนความคิดของท่านวันละนิด พูดถึงข้อดี-เสีย จนสุดท้ายท่านก็บอกกับผมว่า "อืม...ตามใจเราละกันอยากเรียนอะไรก็เรียนแต่ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง ถ้าคิดว่ามันดีแล้วอย่ามาเสียใจภายหลังนะ" แค่นี้หล่ะครับ(ร่ายซะยืดยาวเลย555) 

0
ฟิล์ม ดา ซิลวา 27 พ.ค. 58 เวลา 23:21 น. 12

เราต้องเลือกในสิ่งที่เราถนัดสิ่งที่เราชอบ เราจะมีความสุขกับสิ่งที่เราได้ทำ แม้จบมางานจะไม่ค่อยมีแต่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำซะเมื่อไหร่ จบงานทุกอย่างดีหมด อยู่ที่เราจะทำให้มันดีหรือเปล่า ชีวิตเกิดมาต้องใช้ให้คุ้มนะคะ เลือกทางเดินที่ดีสำหรับเรา ถึงเวลาที่เราจะต้องเห็นแก่ตัวเพื่ออนาคตของเราบ้าง

0
didyoumissme 27 พ.ค. 58 เวลา 23:39 น. 13

ไม่ต้องไปเครียดหรอกครับ คณะแพทย์ไม่ได้เข้าง่ายๆ แค่พ่ออยากให้เรียนเข้าไม่ได้หรอก ไม่ได้ดูถูกจขกท.นะครับ แต่คนที่ออกตัวเลยว่าไม่ชอบวิทย์คณิตเข้าไส้นี่ ผมว่าไม่น่าจะสอบหมอได้หรอก ถึงตอนนั้นถ้ามันไม่ติดแล้ว ท่านก็คงเข้าใจครับ

0
Morutaka 28 พ.ค. 58 เวลา 00:24 น. 14

พบเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ 1 ea #ไม่ใช่ละ

เอาจริงๆสายภาษาเองก็น่าจะเป็นคณะที่มาแรงค่ะ เราเองอยากเรียนคณะสายวิทย์แต่ก็อยากเรียนภาษาที่สามเพิ่มอีกเช่นกัน

ลองอธิบายให้พ่อแม่ฟังว่า สายภาษานี่ดียังไง และสายแพทย์มีข้อเสียยังไง

ps. แอบคิดนะว่า ทำไมไม่มี pat เกาหลีมั่ง 5555+

0
Mommy_2 28 พ.ค. 58 เวลา 09:10 น. 15

พี่ก็เป็นเหมือนหนูเลยค่ะ เชื่อเถอะว่าถ้าเรียนคำนวณไม่รู้เรื่อง 99% สอบไม่ติดแพทย์ที่ดังๆ แน่นอน สมมติฟลุคสอบได้ก็ต้องไปนั่งทรมานเรียนวิชาที่ไม่ชอบตั้ง 6 ปี หนูคิดว่าทนไหวเหรอคะ อนาคตของหนูขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้ พี่ดื้อมาแล้ว แต่ในที่สุดพ่อแม่เค้าก็ดีใจที่เราได้เรียนสิ่งที่ชอบแหละค่ะ อักษรจุฬา เรียนให้เก่งไปเลยค่ะงานมีเยอะแน่ ทุกวันนี้นั่งอยู่บ้านเฉยๆ ก็ทำเงินได้ค่ะ

0
whoami 28 พ.ค. 58 เวลา 09:32 น. 16

จขกท.คะคณะแพทย์นะคะ สิ่งที่คนจะสอบแพทย์ต้องรีกมากที่สุดคือวิชาคณิต-วิทย์คะแล้วถ้าจขกท.อยากเรียน ม.ดังๆตัวพร่่เองว่าคงยากนะคะ เพราะพี่สอบไม่จิดแพทย์ จุฬาคะ แต่พี่ติดวิศวะ ม.ธรรมศาสตร์คะ พี่คิดว่าน้องคงไม่ติดหรอกคะ ย้องเกลีพี่ไม่ได้ดูถูกนะคะ แต่พี่พูดความจริงทุกอย่างคะ แต่พูดถึงอักษรแล้ว พี่ส่าคณะนี่คนตกงานเยอะนะคะน้อง แถบว่ายเยอะมากกกกดเลยตั้งหาก เพราะมีแต่คนเรียน แต่ถ้าน้องอยากเรียนอักษรจริง พี่คิดว่าถ้าน้องได้เรียนอักษรแล้ว ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดคะ ให้ได้เกียรนิยมเลยก็ดีคะ ยิ่งเรียนเก่งมาก คนก็ยิ่งสนใจคะ ไม่มีช่องไหนเขาเอาคนที่สวยใสแต่ไร้สมองหรอกนะคะ พยายามเข้านะคะโกรธแล้วนะ

0
MGZ HISO - Catta 28 พ.ค. 58 เวลา 10:24 น. 17

พี่ก็เป็นเด็กห้องเรียนพิเศษวิทย์-คณิต ตั้งแต่ ม.1 - ม.6 ครับ
ตอนนี้เรียนอยู่ปี3 ที่อักษร จุฬาฯ เอกภาษาไทย โทภาษาเขมร

พี่เข้าใจน้องนะ ที่บ้านพี่ก็ไม่อยากให้เรียนเหมือนกัน ทะเลาะกันหนักมาก ตอน ม.6 นี่พ่อไม่พูดด้วยเป็นเทอมเลย

จนพี่สอบติดแล้วเข้ามาเรียน พ่อกับแม่เห็นพี่มีความสุขในการเรียน
ได้เรียนอะไรที่อยากเรียนจริง ๆ 
ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้ว คอยซัพพอร์ตพี่เต็มที่เลย

สู้ๆนะครับ พี่เป็นกำลังใจให้

0
jkrl 28 พ.ค. 58 เวลา 11:01 น. 18

ตอนนี้อยู่อักษรฯค่ะ ตอนมัธยมอยู่ห้องเรียนพิเศษวิทย์-คณิต ผลการเรียนอยู่ในระดับดีมาก สามารถสอนเพื่อนทำโจทย์ได้ เป็นตัวแทนแข่งขันคณิตศาสตร์ของห้องหลายรอบ แต่โดยส่วนตัวแล้วรู้ตัวเสมอว่าชอบภาษามากกว่า การที่เราเรียนคณิต/วิทย์ดีไม่ได้แปลว่าเราจะชอบมัน ตรงกันข้ามเรากลับมีความสุขกับการเรียนภาษา/สังคมมากกว่า

แม่เปรยอยู่เรื่อยๆว่าให้เรียนหมอ และถ้าพิจารณาเรื่องผลการเรียน เราก็มั่นใจอยู่พอสมควรว่าถ้าเราพยายามกว่าเดิมสักนิดก็คงจะสอบเข้าได้อยู่แล้ว แต่ตัวเองก็ไม่ได้ตอบอะไรมาก ปล่อยให้พูดไป ตอนม.หกเราก็เรียนวิทย์-คณิตในระดับเดิม แต่เราทุ่มเวลากับไทยสังคมอังกฤษมากเป็นสามเท่า (แบบอ่านวิทย์คณิตรอบเดียวพอ แต่สามวิชาหลังอ่านสามรอบ) พ่อกับแม่ไม่รู้หรอกค่ะว่าเราอ่านวิชาอะไรอยู่ จนถึงช่วงที่ต้องสอบหมอ เพื่อนทั้งห้องไปสอบ เราไม่ไปค่ะ เราไม่สอบหมอเลยสักสนาม รับตรงคณะสายวิทย์ไม่เคยยื่นเลยค่ะ พอถึงวันที่เพื่อนไปสอบเราถึงบอกแม่ว่า วันนี้มีสอบคณะนี้ แต่ไม่ได้ไปนะ แม่ก็บ่นบ้างแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เรายื่นแค่คณะสายมนุษย์ พอถึงวันประกาศว่าเราติดอักษรฯที่ตั้งใจไว้ก็บอกผลแม่ว่าเราติด แม่ก็ยินดีด้วยค่ะ

จนถึงตอนนี้ไม่เคยคิดว่าเสียดายเวลาที่เรียนวิทย์-คณิตตอนมัธยมเลยค่ะ แต่ก็รู้สึกขอบคุณตัวเองเสมอที่กล้าตัดสินใจแบบนี้ ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่มีความสุขเท่าตอนนี้ก็ได้
เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
L 28 พ.ค. 58 เวลา 12:24 น. 20

เราบอกกับทุกคนที่งี้ไปว่า คนที่จบสายนี้แล้วประสบความสำเร็จมี ถึงจะน้อย แต่เราเชื่อว่าเราเก่งพอที่จะเป็นหนึ่งในนั้น


น้าเราเคยถามว่าแล้วจบไป ไปทำงาน ก็ได้แค่งานกินเงินเดือนน้อยๆ งานนักเขียน งานแปล แต่เราตอบไปว่า เราจะไม่เลือกทำแค่อย่างเดียว แต่จะทำทุกงานนั่นแหละ เท่าที่ทำได้ อาจจะเหนื่อย แต่มันคือสิ่งที่เรารัก และเต็มใจจะทำ "อะไรก็ตามที่เราชอบ เราจะทำมันได้ดีที่สุด"

0