Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เกิดมาเป็นเด็กสายศิลป์ภาษา ช่างเสียเปรียบ .......

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เห็นได้จาก เด็กวิทย์ มาเข้าคณะสายศิลป์ได้ นิเทศไรงี้

ขณะที่เด็กศิลป์ เรียนมา ไปสมัครคณะวิทย์ไม่ได้เลย เหมือนไม่มีตัวเลือกอ่ะ

นอกจากเด็กสายศิลป์จะเป็นฐานของประเทศ ที่มีคนเรียนเยอะสุดแล้ว ต้องแข่งขันกันมาก

และนี่ยังโดนเด็กวิทย์เข้ามาแย่งเรียนในคณะอีก ..... ไว้มีลูกจะให้มันตั้งใจเรียน เข้าสายวิทย์

มันจะได้ไม่เสียเปรียบ ตราบใดที่ประเทศสารขัณฐ์นี้ยังมีระบบการศึกษาแปลกๆ อยู่อ่านะ หึหึหึ

แสดงความคิดเห็น

>

29 ความคิดเห็น

JB007 9 มิ.ย. 58 เวลา 10:13 น. 1

พอเรียนสายวิทย์ก็จะบ่นว่ายาก และเยอะ เด็กศิลป์ได้เปรียบสอบน้อยกว่า ง่ายกว่านะครับ

4
ชีวะภาพ 9 มิ.ย. 58 เวลา 10:22 น. 1-1

ถ้า "ชอบ" มันก็ไม่มีอะไรยากหรอก... ทุกคณะ มันก็ยากเท่ากันหมด
อย่าไปให้คุณค่ากับสิ่งใดมากเกินไปเลย เราต่างมีความหลากหลาย

0
แค่อ้าง 9 มิ.ย. 58 เวลา 10:32 น. 1-2

้ถ้าไม่ได้ชอบวิทย์ แล้วมาบอกเข้าคณะวิทย์ไม่ได้ เพื่ออะไร?
ถ้าคุณอ้างนี้
คุณไม่ได้ถนัดไม่ได้ชอบเลยไม่เข้าสายวิทย์ แล้วจะมาเข้าคณะวิทย์ วิศวะ เพื่ออะไร?
มันก็แค่ข้ออ้างของคุณเองอ่ะแหละบอกแค่นี้

0
เถียงกันไปกันมา 11 มิ.ย. 58 เวลา 06:47 น. 1-3

แล้วถ้าชอบสายวิทย์ จะเข้าคณะสายศิลป์ทำไมคะ ถ้าอยากเข้าคณะสายศิลป์ทำไมเรียนสายวิทย์ละ ตรรกะคล้ายกันหรือป่าวคะ

0
Michael A. Kantaphat 11 มิ.ย. 58 เวลา 07:31 น. 1-4

เพราะนี่คือชีวิตจริง โลกมันโหดร้ายกว่าที่คุณคิดครับ เขาคะแนนดีกว่าคุณ เขามีสิทธิ์เลือกได้มากกว่าคุณ ก็เท่านั้น

จะบอกว่าตรรกะของคุณ 1-3 นั้นใช้ไม่ค่อยได้ครับ เพราะอย่างที่รู้ว่าคณะสายวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ในระดับที่ดีพอสมควร นั่นคือต้องเรียนเนื้อหาทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างกว้างๆและเข้มข้นตลอด 3 ปีเพื่อเอาไปประยุกต์ต่อในการเรียนระดับสูงขึ้น และอีกอย่างวิชาพวกนี้มีความเป็น profession ที่สูง ไม่ใช่ใครๆก็สามารถทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ มันไม่เหมือนรายวิชาทางศิลป์ที่ใครๆก็เรียนได้ (แต่ก็แค่ระดับหนึ่ง ถ้าเรียนอย่างลึกต้องระดับมหาวิทยาลัย แต่พวกวิทย๋นี่จะเจาะลึกไปเลยตั้งแต่ ม.ปลายแต่กว้างๆ) ความเป็นวิชาชีพมีมากไม่เท่า ความจริงอีกอย่างคือเด็กสายวิทย์ทุกคนไมไ่ด้ชอบวิชาทางวิทยาศาสตร์ครับ แต่เพราะมันเลือกคณะได้กว้างกว่า พ่อแม่ให้เรียนบ้าง คือคุณไม่ต้องถามเหตุผลหรอกครับว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ นี่คือสังคมแห่งการแข่งขันครับ ไม่มีใครมาสนใจหรือปรานีคุณทั้งนั้นว่าคุณเรียนสายอะไร (จะบอกว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ครับ) สิ่งที่คุณทำได้ก็อย่างที่ผมบอก คุณเลือกเรียน คุณก็ต้องเอาชนะคนมาแย่งให้ได้ ก็เท่านั้น

ปล. ไม่ใช่ผมโง่วิทย์ เรียนวิทย์ไม่ไหวนะ ผมเด็ก สอวน. ครับ แต่ผมชอบวิชาสายศิลป์มาตั้งแต่เด็กๆเหมือนกัน เรียนแล้วมีความสุขมากกว่าสายวิทย์ ก็แค่นั้น สิ่งที่สายวิทย์บ่มเพาะมาตลอด 3 ปีทำให้ผมมีเหตุผล รู้จักคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบมีขั้นตอน ซึ่งถ้าหากคุณมองดีๆ คุณจะพบครับว่าทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สามารถประยุกต์เข้าได้กับทุกสายการเรียนอย่างน่าเหลือเชื่อ (ไม่ได้บอกว่าสายศิลป์ไม่ดี มันดีคนละแบบ เด็กศิลป์บางคนก็มีเหตุผลมากกว่าเหมือนกัน) แต่ถ้าคุณยังคิดว่ามันก็ยังไม่ยุติธรรม นั่นเรื่องของคุณครับ ไม่มีใครเห็นใจอะไรนอกจากคุณต้องทำตัวเองให้ดีพอและไม่ต้องถามอะไรจากสังคม เพราะคำตอบมันไม่มี :)

0
สายวิทย์เข้าบชจะ 9 มิ.ย. 58 เวลา 11:00 น. 2

เบื่อจริงๆเลยพวกขี้แพ้ชอบบอกว่าสายศิลป์แย่งที่สายวิทย์ ถามจริงเหอะ ตอนม 3 รู้แล้วหรออยากเข้าอะไร บางคนขึ้นม 6 แล้วยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เข้าคณะแล้วเพิ่งรู้ว่าไม่ชอบก็มี ทั้งที่พวกคุณได้เปรียบกว่าแท้ๆได้เรียนภาษา สิ่งที่ชอบมาตลอด 3 ปี พวกสายวิทย์ บางคนต้องเข้าเพราะพ่อแม้บังคับ ต้องอ่าน ต้องวิทย์ หนักสมอง เพราะต้องทำเกรด แต่กลับมาแย่งที่พวกคุณได้ ก็ลองพิจารณาตัวเองมั่งนะคะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และทะเลาะกันอย่างรุนแรง หรือมีเนื้อหาต่อว่า วิจารณ์ หรือประจานผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะ

treepopsri 9 มิ.ย. 58 เวลา 11:58 น. 4

ที่จริงสายศิลป์นี่จะสอบหมอ สอบวิศวะก็ได้นะครับ ไม่มีใครห้าม เห็นมีกระทู้ที่น้องสายศิลป์สอบหมอได้ อยู่ในเว็บนี้แหละ
ขนาดจบ กศน ยังสอบหมอได้เลย
ถ้า จขกท อยากสอบหมอก็ได้ครับ ดีเสียอีก จะได้เป็น idol ให้เด็กสายศิลป์ในอนาคต

0
มัณทนา[งดรับฝากโฆษณากับร้านค้า] 9 มิ.ย. 58 เวลา 14:14 น. 5
ก่อนที่จะมาโทษเด็กสายวิทย์ที่สอบติดคณะทางสายศิลป์
ควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะว่าตัวเองสอบไม่ติดเพราะอะไร
0
Dark_master 9 มิ.ย. 58 เวลา 14:31 น. 6

เขามีสิทธินะคะ เพราะเขาเรียนมายากกว่าและเยอะกว่า 
นั่นเลยทำให้เขามีโอกาสจะเลือกได้หลายทาง 
ไม่ใช่ว่าเขาเห็นแก่ตัวแล้วเลือกสายไม่ตรงกับที่จะเข้าหรอกค่ะ 
แต่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าคนๆ นึงเลือกเรียนศิลป์เรียบร้อยเพราะอะไรก็ตาม
แล้ววันนึงเกิดอยากเป็นหมอกลางคัน เขาก็เสียความฝันสิคะ 

0
Michael A. Kantaphat 9 มิ.ย. 58 เวลา 17:17 น. 7

เห็นมีกระทู้แบบนี้ทุกปี น่าแปลกนะครับ เราเห็นชอบมีเด็กสายศิลป์ (โดยเฉพาะสายภาษา) มาบ่นทุกปีว่าทำไมเด็กวิทย์ชอบมาแย่งคณะสายศิลป์เรียน ทำแบบนี้มันไม่แฟร์ บลาๆๆ มักเห็นเป็นพวกคณะสายภาษาหรือนิเทศศาสตร์ ขอพูดตรงนี้หน่อยนะครับว่า

1. เวลารับตรง พวกคุณได้เปรียบกว่าเด็กสายวิทย์ใช่หรือไม่? คุณเรียนภาษาที่สามมาแท้ๆ แต่บางคนกลับไม่สามารถที่จะสอบให้ติดรับตรงได้ อันนี้พวกคุณต้องพิจารณาตัวเองด้วยครับ ว่าทำไมคุณทำไม่ได้ แต่เด็กสายภาษาคนอื่น (หรือบางทีก็เป็นเด็กสายวิทย์ที่ภาษาที่สามแน่นกว่าคุณ) เขาทำได้

2. พวกคุณหลายๆคนมักบอกว่า เด็กศิลป์ภาษาเก่งภาษามากกว่าเด็กวิทย์ ถ้าภาษาที่สามเราไม่เถียงนะ แต่ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ คหสต. นะ เราเห็นว่าเด็กวิทย์นี่แหละ ที่ได้คะแนนเป็นลำดับต้นๆตลอด ไม่ใช่เด็กสายศิลป์ไม่เก่ง แต่เพราะบางคนชอบเอา logical fallacy มาอ้างว่าเด็กวิทย์อ่อนภาษากว่าเด็กสายศิลป์ภาษา ซึ่งจะบอกเลยว่าในปัจจุบันหาความจริงดังกล่าวได้น้อยมาก

3. เวลายื่นแอดมิชชันกลาง คุณยก logic ว่าเด็กสายคุณเก่งภาษามากกว่าเด็กวิทย์ คุณก็ยื่นแบบ PAT7 สิครับ หรือคุณสู้เขาไม่ได้อีกล่ะ GAT ล้วนก็มีนะครับ น่าแปลกไหมล่ะ ทั้งที่เด็กวิทย์ก็ได้เกรดยาก แถมพวกคุณยังชอบบอกว่าเขาอ่อนภาษา เขาสามารถแอดมัชชันติดคณะพวกนี้ได้ อย่างเช่น นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แบบ GAT ล้วน ฯลฯ แต่คุณหลายๆคนทำไม่ได้ คุณก็เริ่มโทษโชคชะตาที่เด็กสายวิทย์มากลั่นแกล้งคุณ แต่คุณบางคนมักโทษคนอื่น ไม่โทษตัวเอง

4. สาเหตุที่เด็กสายศิลป์มักเลือกคณะสายวิทย์ไม่ได้ เป็นเพราะสายวิทย์มันเรียนในรายวิชาที่เหมือนกับสายศิลป์อยู่พอสมควร แต่สายศิลป์มันไมไ่ด้เรียนวิทย์ - คณิตแบบที่จำเป็นต่อสำหรับการศึกษาคณะสายวิทยาศาสตร์ บางคนอาจมาเถียงว่า แล้วเด็กวิทย์ได้เรียนวิชาเกี่ยวกับสายภาษางั้นเหรอ คำตอบคือก็ไม่นะ แต่อย่าลืมว่าเวลาที่เขาเอาเกณฑ์ว่ารับคนจบสายไหนศึกษาต่อ เขาดูแค่หน่วยกิตว่าครบตามที่กำหนดไหม เพราะเด็กสายวิทย์มันเรียนตามหน่วยกิตที่เขากำหนดครบทั้งหมด เขาเลยไม่จำเป็นต้องเรียนวิชาสายศิลป์เพิ่มเติมต่อให้เขาจะเป็นเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ (เราก็เป็น 1 คนที่อยู่ในกลุ่มนี้ แอดติดอักษรฯ จุฬาฯ แล้ว) แต่เขาก็เสียเปรียบกว่าพวกคุณในบางจุด เราไม่บอกละกัน แต่พวกเขาก็พร้อมจะสู้ เด็กสายศิลป์ควรเข้าใจตรงนี้ด้วย ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็เปิดโอกาสให้คุณได้ลงสอบ กสพท. นะ จะมาบอกว่าเด็กศิลป์สอบคณะวิทย์ไม่ได้เลยนี่ไม่ถูกละ (เราไม่คิดด้วยว่าเด็กศิลป์จำนวนมากอยากเข้าศึกษาต่อคณะทางวิทย์อะ พูดตรงๆ บางทีแพ้แล้วพาล แต่ก็มีบางคนอยากจริงๆ)

ปล. ไม่ต้องมายก exceptional case นะครับว่าฉันติดนะแต่ไม่เอา ฉันติดนะแค่มาตั้งกระทู้เฉยๆ บอกอยู่ในเนื้อหาว่าแค่บางคน ไม่ได้เหมารวมทั้งสาย และตรรกะเด็กศิลป์ภาษาอ่อนกว่าเด็กวิทย์ มักใช้ไม่ได้กับ รร.ในกรุงเทพฯ ครับ เพราะพวกนี้สายของเขาก็เก่งกันจริงๆเยอะ แต่ถ้าที่อื่น ขอไม่ฟันธง แต่ส่วนมากที่เราเห็น มันก็สะท้อนมาแบบนั้น ภาพของเด็กที่ไม่มีที่ไป เกรดไม่ดี ไม่เรียนหนังสือ ถึงแม้จะมีส่วนนึงที่ตั้งใจเข้ามาและตั้งใจเรียนก็เถอะนะ 

0
fatesk 10 มิ.ย. 58 เวลา 07:14 น. 8

โทษแต่คืนอื่นโคตรเบื่อเลย
ผมเป็นเด็กภาษานะแต่ไม่เคย
กล่าวโทษเด็กสายวิทย์เลยว่ามาแย่งที่สายศิลป์ทำไม
คือ...มันอยู่ที่ตัวเองอ่ะครับ เด็กสายศิลป์ก็สามารถเข้าคณะ
ของสายวิทย์ได้เหมือนกัน ไม่ทราบว่าก่อนโพสหาข้อมูลรึยัง 55
บางทีแพ้มาแล้วมาโทษคนอื่นโคตรแย่อ่ะ
แล้วก็ผมก็ไม่คิดว่าสายภาษาจะเสียเปรียบตรงไหนเลยนะ
มีภาษานี่ดีมากๆเลยด้วยซ้ำจะทำอะไรก็ได้
จขกท.ควรพิจารณาตัวเองก่อนเลยนะ

3
1234 10 มิ.ย. 58 เวลา 10:15 น. 8-1

เรารู้สึกว่าเสียเปรียบในบางคณะน่ะค่ะ อย่างคะแนนโอเน็ต เวลาคิดคะแนน รวมทั้งหมด คณิต วิทย์ ซึ่งข้อสอบที่เอามาออก ก็เป็นคณิตเสริม ที่สายศิลป์ไม่ได้เรียน ข้อสอบฟิสิกส์ อะไรอย่างนี้ คณะภาษาในบางมหาลัย ต้องใช้แพท1(คณิต)ยื่นเลือกเท่านั้น ทั้งๆที่ไม่เห็นเกี่ยวกับภาษาตรงไหนเลย

0
Michael A. Kantaphat 10 มิ.ย. 58 เวลา 10:40 น. 8-2

คือคณะภาษาที่ใช้ PAT1 ยื่นรอบแอดมิชชันเขาให้โอกาสเด็กวิทย์หัวใจศิลป์อะครับ อย่างเช่นอักษรฯ จุฬาฯ เพราะเขารับตรง PAT7 ไปเยอะมากๆแล้วอะครับ 200 กว่าคนเลยนะ ซึ่งเด็กสายวิทย์ส่วนน้อยจะเข้าไปแย่งได้ ส่วนมากเลยมารอรอบแอดกันมากกว่า (แต่เอาจริงๆรอบแอดก็มีเด็กสายศิลป์เข้ามาครับ PAT1 ก็มั่วๆกันมาทั้งนั้น 555+) หรือถ้าเป็นอักษรฯ ศิลปากร รอบรับตรงก็มี รอบแอดก็เปิดกว้างทั้ง PAT1 PAT7 ครับ เลือกเอาได้ตามความต้องการเลย

0
เว้าให้งึดซือๆ 10 มิ.ย. 58 เวลา 23:55 น. 8-3

O-net มันพื้นฐานเต็มๆเลยนะ ไม่มีเสริมเลยก็ได้เรียนกันหมดนั่นแหละ บอกเลย O-net เด็กวิทย์เสียเปรียบมาก เพราะข้อมูลที่เรียนมามันตีกันมั่วไปหมด บางทีก็ลืมดื้อๆยังมี ส่วน PAT1 มั่วกันเกือบ 80% กันทั้งนั้น นี่ไม่ใช่ข้ออ้างเลยนะที่บอกว่าสายวิทย์ดีกว่า '-'

0
I3lAck 10 มิ.ย. 58 เวลา 07:21 น. 9
เอิ่ม...แล้วตอนเลือกสายทำไมไม่คิดถึงเรื่องนี้ก่อนละคะ ตัวเองเลือกเองแท้ๆ เลือกแล้วก็ต้องพยายามสิ เหอๆ 
0
น่าเบื่อจัง 10 มิ.ย. 58 เวลา 07:26 น. 10

เสียเปรียบตรงไหนคณะทางสายศิลป์ก็ใช้ภาษายื่นไง จขกทถามตัวเองดีกว่าตอนเรียนตั้งใจเรียนมั้ย ตอนสอบตั้งใจสอบมั้ย ถ้าพยายามไม่พอก็อย่าไปโทษคนอื่น กลับไปตั้งใจสอบใหม่นะ จะได้สอบติดซะทีไม่มาบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ เพราะมีคนแบบ จขกทไง ที่เป็นประเทศ โทษนู่นโทษนี่แต่ไม่เคยโทษตัวเอง สังคมเลยเป็นแบบนี้


เศร้าจัง

0
Poppab 10 มิ.ย. 58 เวลา 07:30 น. 11

เลือกเข้าเองไม่ใช่หรอ? อย่างเราอ่าตอน ม.3. เราก็ไม่รู้ว่าเราชอบอะไรอยากเรียนอะไร แต่เพราะสายวิทย์สามารถเลือกคณะได้มากกว่า เราเลยเรียนสายวิทย์(แถมแทรกวิศวะ) ทั้งที่เราไม่ชอบวิศวะเลยแต่ก็ทนๆเรียนไป เพราะเลือกแล้ว เราว่าสายศิลป์อ่าาดูสบายๆกว่าสายวิทย์เยอะเลยนะ เลิกเรียนเร็วกว่า มีเวลาเที่ยวเล่นมากกว่า เกรดได้ง่ายกว่า(?) แล้วคุณสบายขนาดนี้ถ้าคุณสามารถเลือกคณะของสายวิทย์ได้ คุณนั้นแหละที่จะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอ? |เอาเวลาน้อยใจไปอ่านหนังสือหรือฝึกฝนภาษาที่คุณเลือกดีกว่านะคะ|

1
เด็กศิลป์ 11 มิ.ย. 58 เวลา 10:10 น. 11-1

เราเห็นด้วยนะ แต่มาติดตรงที่ "สายศิลป์ดูสบายๆกว่าสายวิทย์เยอะเลยนะ เลิกเรียนเร็วกว่า มีเวลาเที่ยวเล่นมากกว่า เกรดได้ง่ายกว่า" อันนี้เราไม่เห็นด้วยต้องลองมาเรียน มาสอบ มาดูเองถึงจะรู้นะคะ :)
เราว่าแต่ละสายมันก็เท่าเทียมกันหมดแหละไม่มีสายไหนยากง่ายกว่าสายไหนแต่ละวิชาอาชีพมันก็มีส่วนแตกต่างกันไปถ้าไม่เข้าใจเรื่องนั้นๆอย่างถ่องแท้แล้วเราเอาอะไรมาตัดสินว่ามันยากง่ายกัน? เราสายศิลป์ญี่ปุ่น ได้ยินมาเยอะว่าสายวิทย์เรียนกันหนัก วิทย์ 10 คาบ คณิต 10 คาบ ว่ากันไปเพราะเนื้อหาทางนี้มันเยอะมีหลากหลายเรื่องหลากหลายสูตรให้ต้องจำ ส่วนสายศิลป์ภาษาก็ขอพูดแต่ญี่ปุ่นละกันนะ ต้องมานั่งจำอักษรกันหัวแทบแตกฮิระงานะคาตาคานะ จำตั้งแต่ว่าเขียนยังไง เส้นแบบไหน ต้องนำไปประสมคำยังไง มีศัพท์อะไรบ้าง พูดยังไง มันดูเหมือนสบายใช่มั้ย? เพราะ "ภาษา" เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่เราที่มาตรงนี้ก็เคยคิดนะว่ามันง่ายจริงหรอ? ถ้ามันง่ายจริทำไมเราถึงเรียนอังกฤษกันตั้งหลายปี อังกฤษยังดีหน่อยที่เราเรียนกันตั้งแต่อนุบาล แต่ญี่ปุ่นนี่สิมันต้อง "เริ่มต้นใหม่" ไม่คิดบ้างหรอว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนเราย้อนกลับไปหัดพูดเหมือนตอนเด็กๆอีกครั้ง ทั้งหมดนี้จะบอกว่ามันเป็นความง่ายในความยากน่ะ ต้องฝึกฝนอยุ่ตลอดเวลาไม่แพ้คณิตกับวิทย์เลย เพราะอย่างนั้นถึงได้บอกว่ามัน "เท่าเทียมกัน" มันก็ดีนะเป็นเครื่องเตือนใจให้เราพอรู้ในศาสตร์วิชานั้นๆแล้วไม่เหลิง ไม่มองว่าตัวเองเก่งจนคิด "เหยียบหัวคนอื่น" ให้เขาต้อยต่ำกว่าตัวเองไม่ว่าจะร่วมสายหรือต่างสายกันก็ตาม แต่คุณเจ้าของกระทู้ก็ทำไม่ถูกนะคะ แต่ละสายมีสิทธ์เลือกแต่บางอย่างบางอาชีพมันก็ต้องใช้วิชาความรู้เฉพาะ อย่างคุนเรียนญี่ปุ่นอย่างเดียวแล้วจะไปสอบหมอ มันก็ไม่มีทางติดใช่มั้ยหล่ะ คุณเลือกสายนี้แล้วถ้าอยากไปสอบอย่างอื่นที่มันไม่เกียวข้องก็ต้องไปหาเรียนรู้เพิ่มเติมเอาและมันไม่ได้ง่ายๆแน่เพราะคุณต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด จะมาบอกว่าสายศิลป์เสียเปรียบสายวิทย์มันก็ไม่ใช่นะคะ "เราเท่าเทียมกัน" ดีๆกันไว้ดีกว่า ^^

0
Tsubaki 10 มิ.ย. 58 เวลา 08:15 น. 12

ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนสายวิทย์ สายศิลป์ มันอยู่ที่เราจะเลือกเรียนอะไรมากกว่า นี่เรียนจบสายศิลป์มาก็เห็นว่า มันมีมหาลัยต่างๆที่เปิดคณะรับสายศิลป์ตั้งเยอะ บางคนไปเรียนแบบเฉพาะทางไปเลยก็มีนะ เชฟบ้าง ช่างทำผมบ้าง ใจเย็นคิดดีๆว่ามองข้ามความสามารถตัวเองเกินไปรึป่าว

ฝากถึงพวกสายวิทย์ชนกลุ่มน้อย(น้อยจริงๆ) ไม่ต้องไปว่าเขาหรอกว่าเขาเป็นเด็กสายภาษามันฉลาดน้อยข้างนั่นบ้างนี่บ้างตัวอย่างเช่นโรงเรียนดังในลำปางได้ยินมากับหู ทั้งครูทั้งนักเรียนเลย ยกหางกันสุดๆ ไอ่พวกนี้นะ นิสัยไม่ดี ทำสายวิทย์คนอื่นๆเสียหน้าหมด

0
Rylai 10 มิ.ย. 58 เวลา 08:25 น. 13

พี่จบสายวิทย์แต่ไปเข้าคณะสายศิลป์ ภาษาที่สามก็อ่านเอง หาข้อสอบเองทั้งหมด วิชาวิทย์ก็ต้องทำเกรดเพื่อให้พอสู้กับศิลป์ได้ แล้วตัวน้องที่มีคนสอนภาษาที่3 อยู่โดยแทบไม่ต้องขวนขวายเองแล้ว ทำไมถึงไม่ติด? ไปคิดดูนะครับ

0
M_Maple 10 มิ.ย. 58 เวลา 08:35 น. 14

เราเข้าใจจขกท.นะที่แค่อยากบ่นเฉยๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเลือกน้อยการแข่งขันสูง

แล้วในความเป็นจริงที่บอกเด็กศิลป์สอบเข้าวิทย์ได้น่ะมันยากมาก
เพราะตามโครงสร้างหลักสูตรแล้วเด็กศิลป์เรียนวิทย์มาน้อยกว่า
แล่วก็ต้องยอมรับว่าเนื้อหาสายวิทย์เข้มข้นกว่าจริงๆ
อย่างรร.เราเอง รร.น้องเราหลักสูตรใหม่ๆก็มีสอนภาษาที่สามเสริม
พอเด็กสายวิทย์เนื้อหาเข้มข้นกว่ามาก ก็จะต้องหาความถนัดอื่นมาทดแทน
เพื่อให้เด็กทุกคนได้เรียนเหมือนๆกัน นั่นก็คือภาษา
ปัญหาก็คือเด็กที่อ่อนวิทย์ทุกคนไม่ได้เก่งหรือถนัดภาษา
หรือบางโรงเรียนก็สอนพอผ่านๆ เคยเจอเด็กจบภาษามาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เลยก็มี
ในขณะเดียวกันเด็กวิทย์หลายคนกลับทำภาษาไทย อังกฤษ สังคมได้ดี
มันเลยทำให้เด็กสายศิลป์ไม่ได้มีประสบการณ์ที่เข้มข้นมากมายเท่ากัน
อันนั้นคือปัญหาของหลักสูตรการศึกษา+ทัศนคติของคน

ฉะนั้น เด็กศิลป์อย่าน้อยใจไป ถ้าเราถนัดอย่างใดอย่างหนึ่่งเราก็สู้กับสิ่งที่เรามีเอาให้เต็มที ตลาดของงานตอนนี้ไม่ใช่แค่วิทย์อย่างเดียวแล้ว ภาษาสำคัญมากๆเป็นอันดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ ทำงานอะไรถ้าชำนาญภาษาอังกฤษ ได้ภาษาที่สามยิ่งจะทำให้เผลอๆไปได้ไกลกว่าสายวิทย์อีก

0
Ellonaire 10 มิ.ย. 58 เวลา 08:41 น. 15
เบื่อมากกับพวกโง่แล้วพาล

เรา dek58 นะ เรียนสายวิทย์ด้วย ตอนเรียนแรกๆเราก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากเข้าอะไร จนตอนแรกจะเข้าหมอด้วยซ้ำ สุดท้าย เราพึ่งมารู้ตัวตอนจะจบ ม.6 เทอม 1 อยู่แล้ว เราต้องไปตะลุยอ่านภาษาที่ 3 ตอนปิดเทอมย่อย มีเวลาแค่ 2 เดือนในการอ่านภาษาที่ 3 แต่ตอนนี้เราเป็นนิสิต อักษร จุฬา แล้วผ่านระบบรับตรง 

ตอนที่เราเลือกเรียนสายวิทย์ นี่เป็นเหตุผลหลักของเราเลย ว่า มันสามารถสมัครได้ทุกสาย เราเผื่อไว้ เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถาม่าถ้าย้อนเวลากลับไป เราจะเรียนสายอะไร เราก็ยังจะเรียนสายวิทย์เหมือนเดิม สิ่งที่ได้มันไม่ได้แค่คะแนนสอบ ไม่ได้ได้แค่คณะที่อยากเข้าหรอกนะ มันได้ความรู้ ได้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่สายอื่นๆไม่ได้เรียน เราไม่เห็นจะอิจฉาคนสายศิลป์ภาษาเลย ทั้งๆที่บางคนเรียนภาษามาตั้ง 3 ปี แต่กลับสอบได้น้อยกว่าเราที่เรียนแค่ 2 เดือน เสียอีก เพราะบางคน มัวแต่คอยอิจฉาคนอื่น แต่ไม่เคยลงมือทำด้วยตัวเอง เอาเวลาที่ควรจะไปอ่านหนังสือ มานั่งด่า นั่งคิดร้ายกับคนอื่น ทั้งๆที่ความผิดจริงๆก็คือ ความโง่ของน้องเองทั้งนั้นแหละ

1
La Bassa 10 มิ.ย. 58 เวลา 11:09 น. 15-1

เราเห็นด้วยนะ จากประสบการณ์ตรง เราเป็นเด็กสายศิลป์
ถ้าคิดจะตั้งใจทำอะไรสักอย่างจริงๆอะไรๆก็ย่อมสำเร็จได้ โอกาสไม่ได้ไว้สำหรับคนที่ไม่พยายาม บ่นโทษโชคชะตา สังคม การศึกษา บ่นไปทั่ว เวลาที่เสียไปกับการบ่นเอามานั่งอ่านหนังสือไปคงจบได้หลายเล่ม

เราเองมารู้ตัวว่าเราชอบแนววิทย์ ก็ปาไปตอนที่อยู่ ม.5 เทอม 2 เสียแล้ว แต่ก็หันหลังกลับไม่ทัน อย่างน้อยที่ตัวเองพอจะทำได้คือ นั่งอ่านหนังสือวิทย์ คณิต พยายามฝึกฝนด้วยตัวเองด้วยความชอบ

คะแนนโอเน็ตคณิตวิทย์ที่ออกมาเยอะกว่าเพื่อนสายวิทย์หลายคน (70,63 ตามลำดับ) ถึงแม้มันจะไม่ได้มากและไม่ได้ทำให้เราสอบติดแพทย์ วิศวะ แต่เราก็ภูมิใจแล้วที่เราได้พิสูจน์ตัวเองว่าถึงเป็นเด็กศิลป์มามันก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้ ไม่ต้องไปตกอยู่ใน stereotype ที่สองวิชานี้เด็กศิลป์ส่วนมากจะอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แค่นี้ก็พอใจแล้วว่ะ

0
anti-choc 10 มิ.ย. 58 เวลา 08:58 น. 16

เห็นด้วยกับ คห 7 นะคะ เราก็เป็นเด็กศิลป์ภาษานะ แต่ทำไมเราไม่เห็นคิดเลยว่าเด็กสายวิทย์มาแย่งที่เด็กสายศิลป์ ถ้าคุณเก่งจริง คุณก็ไม่ต้องกลัวพวกเขาสิคะ เวลายื่นแอดยื่นรับตรงก็ยื่นคนละแบบอยู่แล้ว แถมคุณยังมีสิทธิเลือกสอบ pat7 อีก แถมมีเวลาเตรียมตัวด้านภาษาตั้ง 3 ปี ยิ่งคิดเราก็ยิ่งรู้สึกพวกเขาเสียเปรียบกว่าคุณด้วยซ้ำ แต่คุณได้เปรียบแล้วยังไม่ติด ก็ลองกลับไปคิดดูนะคะ 

0
___________ 10 มิ.ย. 58 เวลา 10:11 น. 17

เอาจริงๆ ในฐานะจบมอปลายมาสองปีละ เราคิดว่า เรียนสายศิลป์แล้วจะเข้าคณะสายศิลป์ มันง่ายกว่าไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเสียเวลาไปสู้กับฟิสิกส์ เคมี ชีวะ โดยที่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ ทุ่มได้เต็มที่กับวิชาอื่นๆ จะไปอ้อมเรียนสายวิทย์แล้วเข้านิเทศเพื่อออออ หรือ จขกท มีปม? อยากเข้าคณะวิทย์ๆ แต่เข้าไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องถามตัวเองดูนะจ๊ะ ว่าตั้งแต่ต้นแล้วใครผิด?

0
หวังดี 10 มิ.ย. 58 เวลา 10:46 น. 18

จขกท ปัญญาอ่านรึป่าว ก็น่าจะรู้ยุแล้วว่าสายวิทย์คณิตมันเรียนเยอะกว่า หนักกว่า สายศิลป์
มันก้ทำให้มีสิทธิ์เลือกได้หลายอย่างกว่า

0
Ashita 10 มิ.ย. 58 เวลา 10:48 น. 19

เพื่อนเราเรียนศิลป์-คำนวณก็เข้าเรียนคณะของสายวิทย์ได้นะ แค่ตอนสอบให้สอบวิชาที่คณะนั้นๆ กำหนด(รับตรง) 

0
เด็กศิลป์ 10 มิ.ย. 58 เวลา 10:55 น. 20

เลือกจะมาเป็นเด็กสายศิลป์แล้วมันต้องยอมรับให้ได้กับทุกอย่างนะ

ยอมรับตั้งแต่การ รู้สึกเพิกเฉยไม่ยินดียินแลของสถาบันบ้าง สังคมบาง คนรอบๆข้าง

ยอมรับว่า มันเป็นแผนการเรียนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เด็กที่ไม่มีความถนัดทางด้านตรรกะและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบขั้นตอนมากมายนัก อย่าเถียงว่าไม่จริงนะ ถึงแม้ทุกอย่างจะมีข้อยกเว้นและสามารถพูดได้ว่าถึงแม้เรียนสายศิลป์ ก็ไม่จำเป็นต้องไร้ศักยภาพทางการเรียนรู้ แต่เมื่อกลับมามองความเป็นจริงที่เป็นรูปธรรม ชัดเจนจนแยงลูกตาก็คือ เด็กที่เรียนสายศิลป์ ส่วนมาก หัวอ่อน เธอคิดว่าจริงหรือเท็จ

เรียนอ่อนแล้วไปไหนได้ โดนคนที่เขาปฎิบัติการมามากกว่าคว้าสิทธิ์ ย่อมสมควรอยู่ หาที่ไปไม่ได้เอามาบ่นในกระทู้เด็กดีดีมั้ย บอกแล้วว่ามีแต่เสียกับเสีย ขนาดเด็กวิทย์เม้นบนยังมาตอบกลับว่า "พวกโง่" เลย



ปล. ทั้งนี้ทั้งนั้น เอาตามตรง สังคมควรจะเปิดโอกาสให้เด็กศิลป์ ที่เผลอรู้ตัวอีกทีอยากมาเรียนคณะสายวิทย์บ้าง ในที่นี้ฉันหมายถึง นักเรียนเมื่อรู้ตัวแล้วไม่อยู่เฉยๆ พยายามเล่าเรียนเขียนอ่านทั้งวิทย์ทั้งคณิตได้ในเวลาอันสั้น สอบแพท 1 2 ออกมาแล้วได้คะแนนอันพึงชื่มชมอะไรเช่นนี้ มันจะได้สร้างบรรยากาศความยุติธรรมให้เกิดขึ้น ในเมื่อขณะเดียวกันเด็กสายวิทย์อยู่ๆอุตรินึกอยากเรียนภาษา แล้วติวแพท 7 จนสอบเข้าได้ อะไรเช่นนี้ สังคมมันจะได้แมนๆ แฟร์ๆ ไม่ต้องมานั่งเถียงกันตบกันเหมือนเด็กน้อยอยู่




0