Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คณะสื่อสารที่เนเธอร์แลนด์เขาทำอะไรกันบ้าง

ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดี วันนี้เรามาเขียนกระทู้เล่าประสบการณ์เรียนต่อนอก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่อยากเรียนด้าน Communication (การสื่อสาร)

ก่อนอื่นเลย จขกท เรียนอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ดินแดนกังหันลม รองเท้าไม้ และทิวลิปงาม….ทำไมถึงมาประเทศนี้ โดนเขาหลอกมา เอ๊าไม่ใช่ล้อเล่น คือ จขกท เลือกมาเพราะความอินดี้โดยส่วนตัวเลย เห็นคนชอบไปเรียนอังกฤษกันเยอะเลยอยากแหกคอก ฮ่าๆๆๆ นอกจากการเรียน จขกท เป็นมนุษย์ที่เที่ยวเป็นกิจกรรมหลักเลยว่าได้ เลยคิดว่ามาประเทศแถวๆนี้ก็ใช้ visa schengen เทียวได้สบายเฮเลย

เอ้ามาเข้าเรื่องเรียนกันดีกว่า ทำตัวให้กระทู้มีประโยชน์หน่อย คณะที่ จขกท เรียนชื่อว่า International Communication and media (ICM) (เค้ายังอยู่ปี1นะฮะ) อารมณ์ประมาณสื่อสาร วารสาร นิเทศ รวมร่างกันแหละนะ แต่รูปแบบการจัดเทอมและภาคเรียนนั้นแตกต่างจากบ้านเรา ซึ่งทางมหาลัยที่ จขกท เรียนอยู่นั้นก็แบ่งออกเป็น 4 เทอมด้วยกัน แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งอึ้ง 4 เทอมนี้ วันหยุดก็ไม่น้อย เพราะงั้นไม่หนักหนาสาหัสโหดสาสๆจนรัสเซียเรียกแม่แน่นอน แต่ละเทอมเรียนว่า Block ก็จะมี Block A, Block B, Block C, Block D (ในหนึ่ง Block จะมีเรียนทั้งหมด 7 weeks หยุดให้อ่านหนังสือเคลียงานส่ง 1 week และสอบ 1 week หลังสอบหยุดพักผ่อนอีก1 week ซึ่งรวมแล้วทั้งหมดก็10 weeks ด้วยกัน) การจัดรูปแบบการเรียนของที่นี่ทุกวิชาในทุกๆ Block จะลิงค์กัน คือสามารถใช้เชื่อมโยงกันได้และทำให้เราเอาไปใช้ได้จริงในการทำงานในอนาคต จขกท จะเล่าเป็นลำดับต่อไปว่า แต่ละ Block เจอกับอะไรมาบ้าง

ต่อในเม้น

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

เทพแว่น_nena 16 มิ.ย. 58 เวลา 03:30 น. 1

Block A: (Mass media/Designing skills/Journalistic writing skills/English writing skills /Online magazine)  

Mass media เรียนทฤษฎีไปง่วงไป แต่คุณหลับไม่ได้นะครับเพราะคุณจะต้องเจอกับแบบฝึกหัดต่างๆนาๆในคลาส tutorial คือที่นี่จะแยก lecture รวมกับ tutor เพราะเขาเห็นว่าการเรียนเป็นกลุ่มเล็กนั้นได้ความทั่วถึงมากกว่า ในคาบนอกจากจะเช็คชื่อแล้ว ครูยังเกือบจะจำชื่อนักเรียนได้ทุกคนด้วย (โหดมากติวเตอร์ห้องฉันนางปริ้นรายชื่อนักเรียนพร้อมรูปมานั่งดูนะจ๊ะ) Designing skills เรียนเอาไว้ทำ โปสเตอร์ ออกแบบนู่นนี่ บลาๆ เว็บเวิบอะไรก็ว่าไป ในคลาสนี้ใช้ Adobe Ps, Fw เป็นหลัก ต่อมาก็ Journalistic writing skills and English writing skills สองวิชานี้พ่วงมาด้วยกันเพราะเรามันภาษาไม่แน่น เขียนงูๆปลาๆบ้าๆบอๆ ทีนี่หลังจากเขียนเป็นออกแบบเป็นเราจะเอาไปทำอะไรได้บ้างล่ะ ??? นี่เลยครับ Online magazine คือ project ใหญ่ของ Block A เป็นงานกลุ่ม ที่นักเรียนจะต้องมาสุมหัวกันแล้วก็ทำตามหัวข้อที่เขาให้มาซึ่งแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน ของ จขกท ได้ iPad app online food magazine ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า magazine แต่ประเด็นคือมันออนไลน์ เราเลยต้องออกแบบหน้า application ด้วยอี designing skills ที่เรียนมาให้ได้-ส่วนหน้าจอ iPad ตามที่โจทย์ให้มา อธิบายพรรณนาเกี่ยวกับโทนสีใน app ทำไมเลือกอันนี้ ทำไมเลือกอันนั้น ยาวไป รวมทั้ง Journalistic writing skills ด้วยเพราะเราก็ต้องเขียนบทความ สูตรอาหาร บลาๆตามประสาที่คนหวังว่าเปิดนิตยสารอาหารแล้วจะเจอ

Block B: (consumer behaviour/Communication/Event planning/Diversity and Presentation skills)

มาเทอมนี้สุนกันเชียวกับ Event planning จะจัดงานอะไร ที่ไหน ทำไมเลือกที่นั่น มันดีกว่าเมืออื่นยังไง คนที่จะมาชมงานเป็นกลุ่มไหนอายุเท่าไหร่ เวทีอยู่ตรงไหน มีกิจกรรมอะไรบ้าง บลาๆ ทุกวิชาลิงค์กันหมด ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะกำลังคิดว่าแล้ว Diversity and Presentation skills เกี่ยวอะไรกัน คือพอเราวางแผนเสร็จอะไรเรียบร้อย จะนำเสนอให้ลูกค้างี้ เราก็ต้องมีเทคนิคไงเอ้อ เทอมนี้สนุกจริงๆแต่วิชาทฤษฎีการสื่อสารมันซับซ้อนงงๆจน จขกท สอบตกไปละ T^T

Block C: (Research concept/Evaluation report/Statistics/Practical research skills)

แหม่ะบทจะได้ทำวิจัยก็ต้องทำกันละฮะท่านผู้ชม ในคลาส research concept เขาก็จะเน้นสอน step  การทำวิจัยเบื้องต้นให้เรารู้ว่าพอเราไปอยู่ปีสี่แล้วเราควรจะทำอย่างไรกับ Graduation assignment แล้วก็มี case study ให้เรามา evaluate แล้วก็ตอบคำถามด้วย น่าเบื่อมากบอกเลยวิชานี้ ต่อมา Practical research skills คือวิชาที่สอนให้เราเนียนๆว่า เราทำวิจัยกันนะ มีหัวข้อมาให้เราตั้งคำถาม ให้เราออกแบบ เก็บข้อมูล บลาๆ แล้วเอาผลมาคิดคำนวนสถิติ สรุปออกมา นำเสนอ บลาๆ เอาจริงๆคนเราไม่สามารถจะมาเสร็จการวิจัยใน สัปดาห์ได้อยู่แล้ว แต่ในที่นี้เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ว่าเขาทำกันมีขั้นตอนอะไรบ้างนั่นเอง กลุ่มเพื่อนของ จขกท จึงได้ทำการมั่วผล survey กันเกือบทั้งห้อง เพื่อให้เสร็จไว้ๆ(ไม่ควรทำตามนะแจ๊ะ) แต่เอาจริงๆอาจารย์ไม่มานั่งดูผล survey เราหรอก เพราะวิชานี้เขาไกด์เราแล้วก็ดูว่าเราทำตามสเต็ปรึเปล่า เราวิเคราะห์แบบไหน ไรงี้ จริงๆมีโปรแกรมคำนวนสถิตินะ แต่สุดท้ายนี้อาจารย์ชอบการคิดด้วยหัวมากกว่าสิ่งที่เรียกว่าโปรแกรม =*= 555555

อันนี้นักเรียนส่วนใหญ่จะบ่นกันมากเลย เพราะว่าพวกที่เลือกมาเรียนสื่อสารมันจะหนีคณิตศาสตร์กัน ฮุๆๆๆ สุดท้ายนี้ก็มาเจอ stat จนได้นะแจ๊ะ

Block D (Script writing and Video editing skills/corporate video/Organisation)

เริ่มแรกมาเรียนเขียนสคริปกันเลยครับ ก็ต้องจับกลุ่ม คิดว่าจะทำวีดีโอเรื่องอะไรดี ได้คอนเช็ปแล้วค่อยไปเสนอให้อาจารย์ฟัง แล้วก็มาเขียน treatment เขียน AV script กันตามลำดับ เสร็จพอ script ผ่านก็มองหานักแสดง ออกไปหาสถานที่ถ่ายทำ เอาfootageกลับมาตัดต่อในคลาส  Video editingคนไหนไม่เคยแตะโปรเกรมตัดต่อไม่ต้องห่วง คุณครูผู้ใจดีที่จะคอยเทคแคร์ แล้วจะบอกว่างานทั้งหมดนี่ตั้งแต่ pre-production ยัน post-production ทั้งหมดนี่เบ็ดเสร็จใน 7 weeks คือขอถอนคำพูดเมื่อตอนแรกโหดสัสรัสเซียไม่น่าจะเรียกแม่ ตอนนี้คิดว่าเรียกยายเลยอ่ะ คือมันหนักมาก เอาจริงๆหนักตอนตัดต่ออ่ะ เลือกshot ที่ดีที่สุด audioกับsound effectที่เข้ากันที่สุด แหม่ะจริงๆคนมืออาชีพอาจจะบอกว่าเบสิกๆแค่นี้เอง แต่เหล่านักเรียนหน้าขาวตาน้ำข้าวและกะเหรี่ยงอย่างเราไม่เคยมาก่อนก็บ่นกันไปสิฮะ แต่หนุกดีเทอมนี้ ยกเว้นวิชาorganisation 55555 มันไปไงมาไง ไม่ลิงค์กับวิชาอื่นเลย แล้ว Tutorial class ของวิชานี้เขาทำอะไรกันบ้าง หลักๆเลยก็ให้เรานั่งจับกลุ่มกับเพื่อนเลือกบริษัทมา 1 แห่งสำหรับใช้วิเคราะห์ organisational structure บลาๆๆ มานั่งถกเถียงกันแล้วก็ลงความเห็นแต่ต้องอ้างอิงทฤษฎีที่เราเรียนมาจากในห้อง สุดท้ายก็กลับไปเขียนรายงานจากอีที่นั่งเถียงกันไปเมื่อเช้าลงเล่ม โอ้วม่ายก๊อด

ถึงปีนี้จะดูเหมือนหนัก เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อิอิ จะได้กลับบ้านละปิดเทอม ในความเห็นของ จขกท แล้วการเรียนแบบแยกไปแต่ละเทอม จบๆกันไปก็ดีนะ ทำให้เราไม่ต้องกลับไปนึกถึงของเก่าที่เราก็คงลืมไปแล้วพอปิดเทอม ส่วนใหญ่นักเรียนจะคืนความรู้สู่อาจารย์กันหมด แต่เชื่อไหมว่าการเรียนที่นี่นั้นพอเราได้ ลงมือปฎิบัติ ทำแบบฝึกเสมือนจริง การทำตัวเนียนๆว่าเราเป็นนักวิจัยนั้น มันทำให้เราจดจำเป็นประสบการณ์มากกว่าแค่การรับรู้จากตำรา ซึ่งเรารู้วิธีการนำเอามันไปใช้ในอนาคตได้นั่นเอง

จนถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆเสียรู้หลงทางเข้ามาอ่านจะได้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์(หรือไม่?)กับประสบการณ์ของ จขกท ในรั้วมหาลัยเล็กๆแถวชานเมือง Utrecht (ปีนี้ 60 Nijntje หรือที่เรารู้จักกันในนาม Miffy กระต่ายน้อยปากกากบาท เกิดที่เมืองนี้เองแหละจ้า) 

พูดคุยกันต่อได้ในคอมเม้น ไว้วันหลังจะเอาเรื่องกาเรียนของเพื่อนๆคณะอื่นๆมาเล่าในฟังเน้ออออออออออออ 
^^

0
22057 19 มิ.ย. 58 เวลา 16:16 น. 2

อยากไปมั่งจัง กำลังจะขึ้นปี 1 คณะสื่อสาร 55555555555 ที่ไทยกับเนเธอแลนไม่รู้จะต่างกันมากรึป่าวน้อ แต่ตอนนี้ภาษาอังกฤษยังไม่แข็งเท่าไหร 5555555
ค่าเทอมแพงไหมค่ะ 

1