ทำไม มหาลัยต้องเน้นกิจกรรมเยอะด้วย อยากเรียน ไม่อยากทำกิจกรรมเลยง่า
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
11 ความคิดเห็น
กิจกรรมอื้อฉาวเลยหรือ อื้อซ่าก็พอไหม ฮ่าๆๆๆ
อ่านแล้วรู้สึกรุ่นพี่พาไปทำเรื่องเลวร้าย ฮ่าๆๆๆ
ไม่ชอบก็สู้ๆ ไปนะ ทำบ้าง โดดบ้าง เดี๋ยวพอหมดปีหนึ่งปีสอง ก็สบายตัวแล้ว
กิจกรรมมันทำให้เราดูมีโปรไฟล์เวลาไปสมัครงานนะ โม้ได้ๆ
ถ้าได้เลือกทำกิจกรรมที่เราสนใจสักอย่างจริงๆ มันจะทำให้ชีวิตใหาวิทยาลัยเราสมบูณณ์นะ
ไม่ชอบกิจกรรมตอนนี้ ก็หากิจกรรมอื่นสิ แต่ถ้าไลฟ์สไตล์นิ่งๆ ก้ตามใจ
ทำบ้าง โดดบ้าง ไม่ต้องซีเรียส ช่วงเดียว ฮ่าๆๆๆ
อย่าลืมไปฝึกงานบ้างล่ะ
ไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำจ้า บอกเพื่อนๆ แล้วไปแจ้งรุ่นพี่เลยจ้า คนไม่ทำเยอะแยะ คนที่ทุ่มให้การเรียนอย่างเดียวก็มีถมไป
แต่กิจกรรมของม. และ คณะ ที่สำคัญๆต้องเข้านะจ้ะ เดี๋ยวจะไม่จบเพราะตกกิจกรรม
ชกเลยเวลามีใครมาบังคับให้ทำกิจกรรม
เคยมีคนกล่าวว่า ครั้งนึงมีเด็กเกียรตินิยมอันดับ 1 ของ ม. ดังกลาง กทม. คณะนึง ไปสมัครทำงานบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งนึง
แต่ในที่สุดบริษัทก็ตัดสินใจไม่รับเด็กเข้าทำงาน ทำให้อาจารย์ทางคณะแปลกใจมากจนถึงขนาดต้องเชิญระดับบริหารของบริษัทมาคุยว่าเพราะเหตุผลอันใด เกิดอะไรขึ้น ทางบริษัทชี้แจงว่า เด็กไม่มีการันตรีด้านกิจกรรมใดๆเลยตลอด 4 ปี ที่เรียนกับมหาวิทยาลัย ได้แต่เรียนดีอย่างเดียว แต่การทำงานจะต้องมีกิจกรรมหลายๆด้าน มีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ทางบริษัทไม่สามารถจะหาอะไรรับรองในตัวเด็กได้เลย ว่าจะทำงานร่วมกับคนอื่นๆได้อย่างไร เป็นเรื่องเล่าที่เล่ากันต่อๆมาประมานนี้ค่ะ
ในความเป็นจริง ไม่ต้องทำทุกกิจกรรมก็ได้ เลือกๆที่เราพอชอบ และเห็นว่าดีเหมาะกับเรามันจะทำให้สังคมเรากว้างขึ้นค่ะ อันนี้ เราก็เหนด้วยกะผู้เล่าให้เราฟังนะคะ เพราะทุกวันนี้โลกเราจะเป็นสังคมก้มหน้ากันหมดละค่ะ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมคนรอบข้างใดๆ ทั้งสิ้น
ปล. ขอไม่ต้องดราม่า ว่าไม่เคยทำกิจกรรมแต่ก็ทำงานได้ดีไม่เห็นจำเป็นต้องทำ เพราะแค่เข้ามาแนะนำน้อง จขกท.
เรื่องบน เป็นนิทานหลอกเด็กอะ เอาไว้หลอกเด็กให้บ้ากิจกรรมเยอะๆ
ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ การเข้าสังคม ไม่ร่วมกิจกรรมก็เข้าสังคมได้ การทำงานกลุ่มก็ฝึกฝนไปในตัวอยู่แล้วนะคะ
เพื่อนพี่สาวดิฉัน ที่บริษัทชื่อดังจากญี่ปุ่น เขาก็ยังได้ทำงานดีๆ นะคะ ทั้งๆที่ไม่เข้ากิจกรรมที่ม.กับคณะไม่ได้บังคับ
อาจจะเป็นเพราะตัวบุคคลก็ได้นะคะ ตอนสัมภาษณ์อาจจะทำอะไรไม่ถูกใจกรรมการไว้
เรื่องเล่าก็คือเรื่องเล่า...แต่จะว่ามันเปนแค่นิทานก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ และนิทานมักแฝงคำสอนที่ดีๆทั้งนั้น....
แต่เพราะคนเล่าให้ฟังไม่ใช่เด็ก และคนฟังก็ไม่ใช่เด็ก นิทานและ เรื่องเล่าทุกเรื่อง ไม่ได้บังคับให้ใครต้องเชื่อ
ซึ่งดิฉันเอง ไม่เคยเป็นอดีตเด็กที่บ้ากิจกรรม เพียง แต่ก็ยังเห็นว่าทำบ้างก็ยังมีประโยชน์ ทุกอย่างไม่ใช่ว่า ไม่เอาเลย ได้บอกแต่แรกแล้วว่าแค่มาแนะนำ น้อง จขกท. ไม่ได้คิดแนะนำล้ำเส้นคนอื่น
มหาลัยผม กิจกรรมเยอะ แต่ไม่บังคับ รับน้องก็ไม่มีว้าก แต่ไม่ว่ายังไง ผมว่าถ้าว่างก็ลองทำกิจกรรมดู มันมีอะไรกว่าที่คิด ได้เปิดโลกกว้าง ทำให้ชีวิตมหาลัย ดูมีอะไรมากกว่าการมาเรียน พอเราจบไปจะมีอะไรให้คิดถึง ยังไงก็ลองดูนะครับ การทำกิจกรรมเป็นเรื่องที่ดีถ้าเราแบ่งเวลาเป็น จะไม่กระทบการเรียนเลย
กิจกรรมจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ดูอย่าง มหาลัยผมสิ พอมันกินเลี้ยงกันไม่เคยชวน พอถึงเวลาจ่ายตังบอกแชร์กันทุกคน
เป็นคนดีกันทุกคนเลย
ไม่ชอบก็เลิกค่ะ ใครจะมาบังคับเราได้ล่ะ
แต่จริงๆลองเข้าไปทำดูก่อนก็ไม่เสียหายนะ เราก็ได้เพื่อนตอนทำกิจกรรมนี่แหละ พอได้แล้วค่อยเลิก 5555
ไม่ต้องทำหมดก็ได้ ทำบ้างก็ดี ได้เพื่อน สังคม รุ่นพี่ ได้คอนเน็คชั่น ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นซึ่งต่อไปต้องเจอแน่ๆ เป็นการเปิดโลกทัศน์ของเราเลยนะ บางคนที่ไม่ร่วมกิจกรรมเพราะไม่เปิดใจ หรือฝังใจมาก่อนพยายามเปิดใจให้กว้าง ถึงแม้จะไม่ชอบก็ควรที่จะเรียนรู้ไว้บ้าง ลองทำในสิ่งที่ไม่ชอบบ้างจะเป็นไร เดี๋ยวต่อไปต้องเจออะไรที่ไม่ชอบก็จะทนไม่ได้นะ
เราก้เหมือนกันนะ เปนคนที่ไม่ชอบกิจกรรมเอาซะเลย แต่ก็พอจะรู้เหตุผลที่เขามีกิจกรรมอยูนะ คือนึกงี้ เวลาที่เราจบไปทำงาน เราไม่ได้แค่ทำงานอย่างเดียว และส่วนมากไม่ได้ทำงานแค่คนเดียว เราต้องเข้าสังคม ต้องดูแลครอบครัว ต้องมีกิจกรรมอื่นๆอีกเยอะไปหมดในขณะที่บางทีงานเราก้ยุ่งๆ การที่เราทำกิจกรรมในช่วงเรียนมหาลัยเป็นการฝึกทักษะในหลายๆอย่าง เช่น การแบ่งเวลา การมีปฏฺิสัมพันธ์กับคนอื่นไรงี้ จะเป็นพื้นฐานให้เราพร้อมรับมือในหลายๆเรื่องได้ตอนทำงานได้ เราคิดงี้ล่ะ
ปล. เราก็บนตลอดล่ะ เวลาที่มีกิจกรรม แต่ก็ทำอยู่นะ 55555 สู้ๆน้าา
ไม่ต้องเข้าหรอก รุ่นพี่ไม่ใช่พ่อแม่ซะหน่อย
เรื่องเรียนสำคัญกว่า
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?