(หาข้อมูล) หากตัวเอกของเราช็อคและซึมเศร้าจนพูดไม่ได้ แต่หูยังดีอยู่
ตั้งกระทู้ใหม่
(ตอบเท่าที่รู้นะคะ ไม่จำเป็นต้องทุกข้อก็ได้)
1.คนที่ช็อคจากสถานการณ์ร้ายแรงจนพูดไม่ได้ ถ้ารักษาอาการทางจิตจนหาย จะพูดได้เหมือนเดิมไหม
2.เวลาตัวเอกที่พูดไม่ได้สนทนากับคนอื่น จะใช้วิธีบรรยายแบบไหนที่เป็นธรรมชาติ
3.เขาทำเสียงในลำคอได้ไหม
4.ภาษามือใช้เวลาเรียนนานแค่ไหนกว่าจะสื่อสารได้ (ตัวเอกเพิ่งมีอาการนี้เพียงหนึ่งสัปดาห์)
5.ภาษามือต้องเรียนอย่างไร ต้องเข้าโรงเรียนสอนพิเศษเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะไหม
6.คนในครอบครัวต้องเรียนด้วยหรือเปล่า
7.ถ้าตัวเอกรู้ว่าคนตรงหน้าไม่รู้ภาษามือ การใช้วิธีเขียนแล้วให้อ่านเป็นเรื่องปกติใช่ไหม (เราไม่อยากเดาเอง)
8.แนะนำแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับคนที่พูดไม่ได้ แต่หูดีหน่อยค่ะ เป็นหนังสือหรือลิงค์ก็ได้
10 ความคิดเห็น
เคยคิดเรื่องราวแบบนี้อยู่เหมือนกัน สำหรับผม ถ้าเวลานั้นมาถึงคงจะเปลี่ยนมุมมองการเขียนเป็นคนที่สนิทกับตัวเอกของเราที่สุด ให้บรรยายอิริยาบทของพระเอกของเราเอง พอพระเอกหายจากอาการแล้วก็อาจจะใส่มุมมองของพระเอกเข้าไปอีกทีนึงแบบสรุป พอใช้เป็นไอเดียได้ไหมครับ
เรากำลังใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งแทนตัวเอกค่ะ
เขียนคำว่า "ฉัน" ไปเยอะแล้วด้วย ยังไม่ถึงตอนสนทนา
แต่แก้ไม่ไหวแล้ว (ร่ำไห้)
อีกอย่าง ตัวเอกของเราห่างเหินจากสังคมมากค่ะ นางถูกเพื่อนเหยียดหยามบ่อย ๆ คนในครอบครัวก็ไม่ใส่ใจนาง เหมือนนางเป็นส่วนเกิน
ถ้าไม่มีตัวละครอื่นสำหรับบอกพฤติกรรมของตัวเอกเรื่องก็คงต้อง บรรยายเป็นสภาพแวดล้อมกับความคิดของตัวเอก บอกเล่าให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยครับ ทั้งสองอย่างเลย ต้องเนื้อเรื่องให้ดี ตัวเอกของเรื่องไม่ควรเงียบนานจนเกินไป เพราะเป็นตัวดำเนินเรื่อง คิดว่าตัวเอกอาจจะหายจากอาการเมื่อจบในตอนหรืออีกตอนหนึ่งก็พอได้อยู่นะครับ หมายถึงสภาพความช็อคนะครับ หลังจากหายช็อตแล้วก็ยังไม่คุยกับใครเหมือนเดิมเพราะมีอคติหรือ"ตระหนักรู้"ทีนี้เราจะสามารถใส่บทบรรยายได้เต็มที่แล้วครับ เป็นความคิดของตัวเอกที่เปลี่ยนไปความระแวงหรืออะไรก็ตาม
คือผมก็มือใหม่นะครับ อย่าเชื่อมากนัก(ฮ่าๆ) สู้ๆ นะครับ
เราก็กำลังเขียนแนวนี้อยู่เหมือนกันจ้าแต่เป็นพล็อตแฟนตาซีนะ นางเอกก็พูดไม่ได้เพราะตกใจกับการเห็นครอบครัวตายต่อหน้า 555
จะตอบตามพล็อตที่ร่างแล้วกันนะ
1.ของเรารักษาได้ค่ะแต่ใช้เวลา ในเนื้อเรื่องของเราจะเขียนถึงพัฒนาการของการเชื่อมความสัมพันธ์ของนางเอกกับทุกๆคนอย่างค่อยเป็นค่อยไป และค่อยๆเปิดใจจากการที่ได้มองเห็นโลกในมุมที่ต่างจากเดิม
2.วิธีบรรยายให้เป็นธรรมชาติก็ให้บรรยายโดยมุมมองคนอื่นไปเลยค่ะอย่าง
ร่างบางยังคงไม่เอ่ยคำใดอีกเช่นเคย เธอค่อยๆเลื่อนสายตาจากชายหนุ่มไปทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอนกว้างด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
อีกอันหนึ่ง
"เธออยากจะได้อะไรมั้ย" __ว่าพลางหยิบถาดอาหารน่ากินมาให้ดู เขาอดรู้สึกหงุดหงิดกับการที่ต้องคอยมาใส่ใจกับตุ๊กตาที่มีชีวิตตัวนี้ไม่น้อยเลย เขาเองก็มีงานที่ต้องทำอีกมากมายมีเรื่องต้องคิดอีกเยอะแต่ต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อมาเสวนากับคนที่ไม่คิดจะคุยกับเขาด้วยสักคำแบบนี้ ร่างสูงถอนถายใจพรืดออกมาด้วยความหน่าย
ถ้าบรรยายผ่านตัวละครที่ไม่พูดมันจะทำให้เสียคาแรคเตอร์ได้ค่ะเลี่ยงได้เลี่ยงเลย
3.ได้ค่ะ ของเราก็มีนะ คือพูดได้แต่ไม่อยากพูดฉะนั้นจะมีการส่งเสียงเราคิดว่าได้นะคะ
4.ของเราไม่ได้เรียนภาษามือค่ะ(ตัวเอกไม่พูดกับใคร 3 ปี) สาเหตุเพราะเขาเป็นอาการทางจิตและไม่ต้องการสื่อสารกับใครไม่ใช่เป็นใบ้ค่ะ และเราก็ไม่คิดว่าคนที่มีปัญหาทางด้านการปิดกั้นตัวเองจากสังคมจะมานั่งเรียนได้ เลยไม่ได้ใส่เรื่องของภาษามือค่ะ
5.จำได้ว่ามีหนังสือสอนแล้วก็มีเปิดให้เรียนค่ะ
6.ไม่รู้จะตอบไงดีค่ะรอท่านอื่นแล้วกันนะคะ
7.ถถ้าตัวเอกอ่านเขียนได้มาก่อนก็เขียนได้ค่ะ(ระวังหลุดคาแรคเตอร์ทางจิตนะคะ)
8.ไม่รู้อ่ะค่ะ 555
ปล.มันเป็นเพียงแค่ความเห็นของเราคนเดียวแค่นั้นฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการทำความเข้าใจ อาจถูกหรือผิดก็ได้ทางที่ดีควรฟังจากหลายๆท่านค่ะ
ปล.หากมีคำผิดขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ
*แก้ไขคำผิดจ้า
3.เขาทำเสียงในลำคอได้ไหม
สองช้อนี้อยู่ที่ว่าอาการทางจิตนั่นเป็นอาการยังไงครับ ลักษณะอาการถ้าจะเอาแม่นยำจริงๆคงต้องปรึกษาจิตแพทย์
ใหญ่ๆน่าจะมี
1. กลุ่มที่ไม่พูดเอง (ช็อกกับเหตุการณ์จนไม่อยากพูดด้วยตัวเอง) อันนี้ขึ้นกับว่าตัวละครเองนับรวมการส่งเสียงจากลำคอว่าเป็นการพูดหรือเปล่าครับ
2. กลุ่มที่ไม่พูดเนื่องจากอาการทางจิต (เช่นไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดได้) อันนี้ต้องถามจิตแพทย์ครับ แต่ผมคิดว่าถ้าเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ ภาษามือก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน (เรียบเรียงความคิดเพื่อสื่อสารไม่ได้) ส่งเสียงจากลำคออาจจะได้ แต่ได้เป็นเสียงที่แสดงความหมายเป็นคำๆ เช่นเจ็บ หิว ฯลฯ เพราะอย่างว่า การที่พูดไม่ได้จากอาการทางจิต น่าจะมาจากการเรียบเรียงความคิดออกมาเพื่อสื่อสารไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าเขียนให้สมจริงยากมาก
3. กลุ่มที่เกิดจากอาการทางสมองหรือระบบประสาท อันนี้ก็มีหลายอาการเหมือนกัน เช่นประสาทส่วนควบคุมการพูดเสียหาย สมองส่วนภาษาเสียหาย ซึ่งแบบนี้ไม่น่าเกี่ยวกับการช็อกจากเหตุการณ์สะเทือนใจแล้ว
2.เวลาตัวเอกที่พูดไม่ได้สนทนากับคนอื่น จะใช้วิธีบรรยายแบบไหนที่เป็นธรรมชาติ
ภาษามือ เครื่องช่วยพูด เขียน/พิมพ์ส่งให้อ่าน
6.คนในครอบครัวต้องเรียนด้วยหรือเปล่า
ถ้าสื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้ และไม่ยอม/ไม่สามารถสื่อสารด้วยเครื่องช่วยหรือการเขียนได้ ก็ต้องเรียนครับ
7.ถ้าตัวเอกรู้ว่าคนตรงหน้าไม่รู้ภาษามือ การใช้วิธีเขียนแล้วให้อ่านเป็นเรื่องปกติใช่ไหม (เราไม่อยากเดาเอง)
ปกติครับ
แล้ว "กลุ่มที่ไม่พูดเอง" นี่ จะเรียนหนังสือที่โรงเรียนคนปกติ กินยาตามหมอสั่ง และใช้การเขียนเมื่อถึงคราวจำเป็นได้ไหมคะ หรือไม่ได้แล้ว
(ถ้าไม่ได้ข้อมูลนี้ นิยายเราคงไม่สมบูรณ์ค่ะ)
"กลุ่มที่ไม่พูดเอง" พูดให้ชัดขึ้นก็เหมือนกับ ฝังใจกับการพูด จนไม่อยากพูดอีกต่อไปแล้ว คือไม่พูดด้วยจิตสำนึกของตัวเอง เหมือนอกหักแล้วไม่อยากรักใครอีกอะไรทำนองนั้นครับ
ดังนั้น ทำอย่างอื่นได้ตามปกติ ตราบใดที่ไม่ขัดกับเจตนารมณ์ของเขา
เอาจริงๆอาการแบบนี้จะบอกว่าเป็นอาการทางจิตก็คงไม่ถูก เรียกว่าเป็นความตั้งใจของเจ้าตัวเองดีกว่าครับ
2.เวลาตัวเอกที่พูดไม่ได้สนทนากับคนอื่น จะใช้วิธีบรรยายแบบไหนที่เป็นธรรมชาติ
3.เขาทำเสียงในลำคอได้ไหม
4.ภาษามือใช้เวลาเรียนนานแค่ไหนกว่าจะสื่อสารได้ (ตัวเอกเพิ่งมีอาการนี้เพียงหนึ่งสัปดาห์)
5.ภาษามือต้องเรียนอย่างไร ต้องเข้าโรงเรียนสอนพิเศษเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะไหม
6.คนในครอบครัวต้องเรียนด้วยหรือเปล่า
7.ถ้าตัวเอกรู้ว่าคนตรงหน้าไม่รู้ภาษามือ การใช้วิธีเขียนแล้วให้อ่านเป็นเรื่องปกติใช่ไหม (เราไม่อยากเดาเอง)
8.แนะนำแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับคนที่พูดไม่ได้ แต่หูดีหน่อยค่ะ เป็นหนังสือหรือลิงค์ก็ได้
-----------------------------------------
ตอบ
ก่อนอื่นเลย ดูจากคำถามแล้วพื้นฐานพื้นเพของตัวละครของท่านยังไม่แน่นพอ
ข้อหนึ่ง ท่านถามว่าตัวละครจะกลับมาพูดได้ไหม ขอตอบว่าได้ แต่เพราะข้อมูลตัวละครของท่านยังไม่แน่น ข้าน้อยเลยไม่แน่ใจว่าท่านจะรักษาที่ต้นเหตุของการที่ตัวละครของท่านไม่ยอมพูดได้มีเหตุผลมากน้อยเพียงใด
ข้อสอง บรรยายแบบไหนให้เป็นธรรมชาติอันนี้ต้องขึ้นกับตัวท่านเองว่าจะบรรยายแบบไหน นักเขียนแต่ละคนก็มีวิธีเขียนไม่เหมือนกันจะให้ชี้ทางให้คงยากนัก
ข้อสาม อันนี้ข้าน้อยไม่ทราบ ลอง google หาข้อมูลดูเอาสิท่าน มันไม่น่าจะหายากนะ
ข้อสี่ ภาษามือ อย่างที่บอกไปว่าท่านยังวางโครงตัวละครของท่านไม่ชัดเจนไม่แน่นพอ ถ้าตัวละครของท่านฉลาดโครตเทพก็คงเรียนได้ในไม่กี่อาทิตย์ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าตัวละครท่านติดอยู่ในเหตุการณ์ในอดีตแล้วปฏิเสธที่จะเรียนชาติหน้าก็คงยังไม่ได้ภาษามือ
ข้อห้า ถ้าครอบครัวของตัวละครท่านรวยแล้วเอาเงินมาจ้างคนมาสอนส่วนตัวมันก็ได้ (ถ้าตัวละครท่านเหลือตัวคนเดียวไม่มีคนในครอบครัวเหลืออยู่ท่านก็ต้องคิดเผื่อนะว่าใครกันล่ะที่จะไปยื่นเรื่องจ้างให้ ถ้าไม่มีใครเหลืออยู่ตัวละครท่านก็จะไปอยู่ที่ไหนใครดูแลใครควบคุม) ส่วนเรื่องเรียนนอกบ้านที่โรงเรียน ตัวละครท่านมีอาการทางจิตที่เสถียรพอไหมที่จะไป? การสูญเสียทำให้ตัวละครท่านเกิดอาการอะไรบ้างไหมที่ทำให้ไม่กล้าออกไปเจอฝูงชนหรืออะไรอื่น
ข้อหก คนในครอบครัวต้องเรียนหรือเปล่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านวางแผนตัวละครในเรื่องยังไง วางพื้นฐานตัวละครแต่ละตัวมาแบบไหนความเร็วในการเรียนรู้ความต้องการที่จะเรียนรู้ ฯลฯ
ข้อเจ็ด ก็แล้วแต่ท่านจะวางเรื่องมาแบบไหน วางโครงตัวละครท่านยังไงเหมือนเดิม แต่ส่วนใหญ่การเขียนก็เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งไม่น่าจะมีปัญหา แค่ว่าตัวละครของท่านใส่ใจพอที่จะทำไหมเท่านั้น
ข้อแปด google เอาเลยท่าน จะหาข้อมูลแค่นี้ท่านจะให้คนอื่นหาอย่างเดียวรึ? นี่เป็นนิยายที่เขียนโดยท่านเองหรือพวกเราคนให้ข้อมูลกันแน่หนอ(หัวเราะ)?
สรุปโดยรวมแล้วท่านต้องไปจัดการวางพื้นฐานตัวละครท่านให้ดีแล้วโจทย์ที่ท่านถามมาทั้งหมดก็จะแตกฉาน
พูดโดยการเขียนจ๊าบสุด เเล้วก็ไม่ต้องพูดมาก มันดูกไม่เข้าบุคลิก พูดน้อยโคตรๆ ถ้าให้คนแบบนี้มาเป็นตัวเอก ก็ต้องเป็นเหมือนพวกเกม PC ครับ คือดูเรื่องที่ถูกแต่งไปเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนเล่นไรงี้
แต่ถ้าจะให้ดูน่ากลัวมากๆ ต้องให้ตัวเอกใส่แว่นด้วย แล้วก็เป็นพวกหื่นเงียบ ช-ช รับรองว่าคนกดนิยานเรื้องนี้เยอะแน่ๆ
ตอนนี้เราเข้าใจแล้วค่ะ
เราตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะให้ตัวละครพูดได้ แต่ขี้ระแวง
"ที่สำคัญ เหตุผลที่เรามาตั้งกระทู้ถาม คือเราเคยหาข้อมูลบ้างแล้ว แต่เราคิดว่า คนเรามีแนวทางในการค้นหาข้อมูลไม่เหมือนกัน อาจจะได้ข้อมูลต่างแหล่ง ต่างแบบ ก็เลยลองถามดูเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเราอยากจะงอมืองอเท้า ไม่เคยหาข้อมูลนะคะ ทำความเข้าใจกับเราใหม่ด้วย"
หง่า.. สงสัย จขกท. จะถูกใครคอมเม้นต์มาใช่ไหมคะ?
หนมปังขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการหาข้อมูลนิดนึงนะคะ ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบไม่ถูกใจ ข้ามคอมเม้นต์หนมปังไปเลยได้ค่ะ
ดูจากหัวทู้หนมปังว่า จขกท. อาจถามคำถามผิดที่นะคะ คุณเอาคำถามมาถามในนี้ได้ไม่ผิด แต่ก็จะได้คำตอบ "ในสิ่งที่เคยอ่านและได้ยินมา" บางคนเป็นนักเรียนมัธยมเท่านั้น อาจจะได้แต่เอา Reference มาจากนิยายที่เคยอ่าน จากสิ่งที่เคยได้ยินเลาๆ อาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ยินจากไหนอย่างไร
คำถามทางข้อเท็จจริง ข้อมูลทางการแพทย์อย่างนี้ หนมปังแนะนำให้ จขกท. ลองถาม "จิตแพทย์" จริงๆดูค่ะ ซึ่งสมัยนี้ หมอหลายท่านเล่นเฟซมีเพจ เขียนบทความลงบล็อกกันเนืองๆ ติดต่อได้ง่ายมากๆ เรียบเรียงคำถามดีๆ ทำการบ้านกับคำถามดีๆ บอกเขาไปตามตรงว่าจะขอข้อมูลไปเขียนนิยาย ขอแชทถามด้วยความเกรงใจ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเขาเกินไป คุณหมอหลายท่านยินดีตอบคำถามอยู่แล้วค่ะ
เช่นเดียวกับข้อมูลข้อเท็จจริงทางวิชาการอื่นๆค่ะ หนมปังเคยเข้าไปเดินเล่นในเว็บที่รวบรวม "ข้อมูลทางนิติเวชวิทยาสำหรับนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน" ด้วย มีบทความน่าสนใจเยอะแยะไปหมด (แต่เป็นภาษาอังกฤษนะคะ ตอนนั้นยังละอ่อน เข้าไปส่องเล่น ไม่กล้าคุยกับคนอื่น กร๊ากกก)
หนมปังว่า ถ้าคุณถามเรื่องเทคนิคการเขียน การใช้คำ สำนวน อะไรประมาณนี้ คนในบอร์ดก็ยินดีตอบยินดีแชร์ประสบการณ์อยู่แล้วค่ะ
ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะถามแค่วิธีบรรยาย แต่พอตั้งกระทู้จริง ๆ ดันอุตริพ่วงเรื่องอื่นมาด้วย
อาการที่คุณเจ้าของฯ ยกขึ้นมามันกว้างมากครับ
ตั้งแต่การปลีกตัวจากสังคม, ภาวะเศร้าจนไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร, ความโกรธแค้นฝังใจจนไม่ต้องการผูกมิตรกับใคร, ไม่ต้องการเข้าหาผู้อื่นด้วยความสมัครใจ (อันนี้ต่างจากตัวอย่างแรกนะครับ)
แต่ผมขอนำเสนอสิ่งนี้ครับ
"ความผิดปกติด้านการพูดและภาษาชนิดโบรคา (Broca's)"
อันนี้ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะได้ยินและเข้าใจความหมายของทุกคำพูดที่ได้ยิน แต่จะไม่สามารถเปล่งเสียงโต้ตอบได้ หรือถ้าได้ก็แค่พยางค์สั้นๆ หรือคำสบถที่ไม่ต้องใช้สมองวิเคราะห์เท่านั้น ส่วนเรื่องที่รักษาให้หายได้หรือเปล่า อันนี้ผมไม่รู้ครับ
ส่วนวิธีการสื่อสารกับคนอื่น ถ้าจะใช้ในนิยายก็ไม่แนะนำให้ใช้ภาษามือนะครับ เพราะคนหูปกติที่รู้ภาษามือมีค่อนข้างน้อย แล้วการสื่อความหมายถึงผู้อ่านก็อาจจะติดขัด ผมว่าน่าจะใช้เป็นการส่งข้อความทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็เขียนข้อความลงบนกระดาษแล้วให้คนอื่นอ่านดีกว่า แล้วก็เพิ่มความดราม่าด้วยตัวละครผู้รับสารที่รู้เห็นประสบการณ์ของตัวละครนั้นทั้งหมด กับทักษะพิมพ์ดีดหรือเขียนหนังสือที่สูงกว่าคนอื่นจากการทำอย่างนั้นเป็นประจำครับ (แต่ถ้าตัวละครนั้นมีครอบครัวก็ให้ใช้ภาษามือ หรือว่าส่งไลน์คุยกันดีกว่าครับ คงไม่มีครอบครัวไหนที่ยอมเสียเงินจำนวนมากไปกับกระดาษและดินสอเพื่อคุยกันไปตลอดหรอก)
ว่าแต่... ตัวละครนั้นไม่อยากคุยกับใคร แล้วจะได้เขียนได้พิมพ์บ่อยจนพัฒนาทักษะขนาดนั้นได้ยังไงหว่า?
สำหรับแหล่งข้อมูลเท่าที่รู้จักนะครับ: นิยาย Accel world เล่ม 7,8 ครับ
ถ้าไม่พูดเพราะอาการซึมเศร้า แปลว่า เขาไม่ต้องการพูดเอง ไม่ได้เกี่ยวกับความผิดปกติทางร่างกาย ดังนั้น สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ และเขายังสามารถทำเสียงในลำคอได้เหมือนคนปกติ เพราะอวัยวะเกี่ยวกับการออกเสียงยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์
ปกติคนซึมเศร้าระดับที่ไม่ยอมพูดจากับใคร จะภาษามือหรือภาษาอะไร เขาก็ไม่สื่อสารค่ะ บางคนจะนอนนิ่ง ๆ เลย พูดก็ไม่พูด กินก็ไม่กินจนขาดสารอาหาร ต้องพาไปพบจิตแพทย์ค่ะ
ถ้าตัวเอกพูดไม่ได้เพราะอาการช็อค หากได้รับการรักษาทางใจก็มีสิทธิ์กลับมาพูดได้เหมือนคนปกติเพราะอวัยวะในการออกเสียงยังไม่ได้ถูกทำลาย แต่ส่วนตัวคิดว่า ช็อคจนพูดไม่ได้ กับ ไม่ยอมพูดเพราะอาการซึมเศร้า แตกต่างกันนะคะ ช็อคจนพูดไม่ได้ เขาอาจยังอยากพูดอยู่ แต่แผลในใจทำให้ไม่ยอมพูดออกมา แต่กรณีซึมเศร้า เขาจะซึมกะทือค่ะ เหมือนรูปปั้น ตาลอย ๆ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น หากอาการหนัก เรากระตุ้นเขาอย่างไรเขาก็ไม่พูดค่ะ ไม่มีปฏิกิริยาและไม่ตอบสนองคนรอบข้างด้วย
ส่วนภาษามือ คิดว่าตัวเอกไม่จำเป็นต้องเรียนค่ะ เพราะหูยังสามารถใช้การได้อยู่ ลองให้เขาติดต่อสื่อสารกับคนอื่นด้วยการเขียนก็ดีนะคะ เพราะภาษามือต้องใช้เวลาเรียนพอสมควร และคนรอบข้างต้องพลอยเรียนไปด้วยไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถเข้าใจเขาได้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?